น่าจะมีหลายคนสงสัยว่า เอ๊ะ แล้วที่เมืองนอกเค้ามีแบบนี้มั้ย? จากที่ พี่เป้ ได้ลองสอบถามไปยังคนรู้จักหลายคนที่ทำงานในต่างประเทศ ส่วนมากก็จะบอกเหมือนกันว่า อาจจะมีบ้างที่คัดจากสถาบันและเกรดเป็นอันดับแรก(แต่มักไม่ค่อยระบุลงในประกาศรับสมัครงาน) แต่หากไม่ได้จบสถาบันดังก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะถ้าในเรซูเม่ดูมีของหรือมีความสามารถ ก็จะเรียกตัวมาสัมภาษณ์แน่นอน พี่เลยลองไปค้นหาประกาศรับสมัครงานของบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกมาฝาก ลองมาดูกันว่า ในประกาศรับสมัครงาน เค้าเขียนหรือระบุคุณสมบัติผู้สมัครไว้แบบไหนบ้าง
เริ่มที่บริษัท A ที่ทำธุรกิจด้านคอมพิวเตอร์และฮาร์ดแวร์ โด่งดังไปทั่วโลก ไม่มีใครไม่รู้จัก สำหรับตำแหน่งที่นำมาฝากคือ Solution Engineer เป็นเหมือนวิศวกรที่ต้องติดต่อประสานงานกับลูกค้า เพื่อแนะนำ อธิบาย ทำคู่มือของผลิตภัณฑ์ให้แก่ลูกค้า เพื่อที่ลูกค้าจะซื้อผลิตภัณฑ์นั้นไปใช้ในบริษัทของตนเองอีกทอดนั่นเอง ซึ่งคุณสมบัติที่กำหนดไว้ หลักๆ มีแค่ 3 ข้อด้านล่างนี้เองค่ะ
คุณสมบัติทั้ง 3 ข้อนั้นพูดถึงความสามารถที่ต้องใช้ในการทำงาน มีประสบการณ์ในงานโครงสร้างพื้นฐานระดับวิสาหกิจ มีประสบการณ์ในการติดต่อโต้ตอบกับลูกค้าในทุกระดับความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับทักษะด้านเทคนิค และมีความสามารถในการแนะนำทีมฝ่ายขายในเรื่องของเทคนิค เพื่อปรับปรุงระบบการโต้ตอบกับลูกค้าได้ เน้นแต่เรื่องทักษะความสามารถ ไม่มีพูดถึงสถาบันหรือเกรดเฉลี่ยแต่อย่างใด
ข้ามฟากมาที่เกาะอังกฤษกันบ้าง กับสำนักข่าวและบริษัทแพร่ภาพกระจายเสียงชื่อดัง B ซึ่งในชีวิตประจำวันหลายๆ คนน่าจะรับข่าวจากสำนักข่าวนี้อยู่ไม่น้อย ตำแหน่งด้านล่างคือ "โปรดิวเซอร์ผลิตรายการ" ค่ะ
หลักๆ ก็จะพูดเหมือนทักษะและความรู้ที่ต้องมี เช่น ต้องถ่ายและตัดต่อวีดีโอได้ ต้องใช้โปรแกรมที่เกี่ยวกับกราฟิกต่างๆ ได้ หรือหากมีความรู้เรื่องของโปรแกรมภาพสามมิติก็จะเริดมาก ส่วนตรงประวัติการศึกษา กำหนดว่าต้องจบจากสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี หรือสุขภาพ หรือมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่งานนี้มาก่อน
และถ้าสังเกตดีๆ จะมีคำว่า recognised degree อยู่ด้วย ซึ่งจากที่ลองหาข้อมูลมา คำนี้ไม่ได้หมายถึงปริญญาจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง แต่เนื่องจากในอังกฤษ(และสหราชอาณาจักร)มีมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยเยอะมากกกกกก มีทั้งสถาบันขนาดใหญ่มาก ใหญ่ ปานกลาง เล็ก และเล็กมาก ซึ่งบางสถาบันก็อาจจะใช้เวลาเรียนนานๆ พอกับปริญญาตรีและโฆษณาว่าสถาบันตนเองใช้หลักสูตรเดียวกับมหาวิทยาลัยดังๆ แต่พอจบมากลับไม่ได้วุฒิปริญญาตรีซะอย่างนั้น แบบนี้ก็ถือว่าฟาวล์ไป อาจจะไม่ได้รับการพิจารณานั่นเองค่ะ
มาที่บริษัทยักษ์ใหญ่ A ที่เป็นธุรกิจเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ มีของสารพัดสิ่งให้เลือกซื้อและส่งไปทั่วโลก กับตำแหน่ง "ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายบุคคล" (ที่ต้องไปประจำในสำนักงานที่ประเทศเช็ก) ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้างเหรอ?
จากประกาศข้างบน สองคุณสมบัติหลักๆ คือต้องจบปริญญาตรีด้านการจัดการทรัพยากรบุคคล และต้องใช้ภาษาอังกฤษและภาษาเช็กได้ดีเยี่ยม นอกนั้นก็จะเป็นคุณสมบัติทั่วไปของตำแหน่ง เช่น สามารถทำงานล่วงเวลาได้ สามารถปรับตัวได้ดี มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับกฎหมายแรงงานในประเทศเช็ก
ปิดท้ายที่โซเชียลเน็ตเวิร์กที่ทุกคนใช้อย่าง F (ไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าคืออะไร) กับตำแหน่ง Search Ranking Specialist หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีหน้าที่ทดสอบและวิจัยระบบเซิร์ชว่า เมื่อผู้ใช้กดค้นหาแล้วมันขึ้นผลลัพธ์อะไรมาบ้าง ถูกต้องหรือไม่ มีฟีดแบ็คเป็นยังไงบ้าง
BA/BS ย่อมาจาก Bachelor of Arts/Bachelor of Science หรือปริญญาตรีศิลปศาสตรบัณฑิตหรือวิทยาศาสตรบัณฑิต เน้นทางด้านเชิงปริมาณ(เน้นตัวเลข) เช่น เศรษฐศาสตร์ บัญชี ฟิสิกส์ นอกจากนั้นก็ระบุถึงคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับงาน เช่น เชี่ยวชาญการใช้ระบบค้นหาบนอินเตอร์เน็ต เข้าใจการวิเคราะห์สถิติ
จากประกาศรับสมัครงานข้างบน ทั้งสี่บริษัทยักษ์ใหญ่ต่างไม่ได้พูดถึงเกรดหรือสถาบัน แต่ระบบการคัดเลือกภายในจะเป็นยังไง ก็เป็นเรื่องยากที่จะรู้ได้ค่ะ สำหรับเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน ถ้ามีโต้วาทีก็คงจะโต้กันยาวยืดเป็นเดือนแน่ๆ แต่ไม่ว่าจะเรียนที่ไหน สิ่งที่ควรทำคือพัฒนาตัวเองสม่ำเสมอ ไม่หยุดเรียนรู้ และอย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้วเด็ดขาดค่ะ
24 ความคิดเห็น
คนที่เดือดร้อนเรื่องนี้ส่วนมากจะเป้นพวกจบจากสถาบันเกรดb กับc. ลองคิดดูถ้าคุณเป็นเจ้าของบริษัทแล้วจะรับสมัครคนเข้าทำงานคุณจะมานั่งดูว่าคนนั้นคนนี้เป็นยังไงถ้าทำแบบนั้นมันเสียเวลา คนที่จบสถาบันเกรดaผลงานจากอดีตส่วนมากเลยจะดีกว่าพวกเกรดb,c เพราะฉะนั้นไม่มีใครหรอกจะมานั่งดูอีกทีว่าคนนั้นคนนี้เป็นยังไง คุณต้องยอมรับความจริง ถ้าคุณอยากให้สถาบันของพวกคุณได้มีสิทธิ์ได้ทำงานเหมือนเกรดa คุณต้องใช้เวลา ไม่ใชว่ามาเรียกร้องสิทธ์ ถ้าคุณแน่จริงก็ต้องเข้าสถาบันเกรดaให้ได้
รีเพลย์
ถ้าจะพูดถึงแง่เด็กที่อื่นคุณภาพไม่เท่าที่ๆ ประกาศทั้ง 14 แห่งนะคะ
ส่วนตัวคนอื่นไม่รู้ยังไงนะคะ เราสอบติด 2 ในมหาวิทยาลัยที่เขากล่าวค่ะ แต่ค่าเทอมแพงไป ต่อให้มีทุนก็สู้ไม่ไหว เลยขอออกมาอยู่ราชมงคลค่าเทอมถูกๆ (แต่ขอบอกว่าอาจารย์ที่สอนเราเป็นกลุ่มคณะเดียวกับอาจารย์ที่สอนมหาวิทยาลัยอันดับ 1 และอื่นๆ นะคะ / อาจารย์เขารับสอนมหาวิทยาลัยเหล่านั้นด้วย) ที่เงียบๆ คนน้อยๆ แล้วก็หาเรียนเสริม (ด้วยตนเอง) + ทํางานพิเศษเกี่ยวกับสาขาที่เรียนตลอด 3 ปีครึ่ง ที่เรียนนั่นแหล่ะค่ะ คืออยากจะบอกว่ามันมีหลายแง่ ไม่ได้โลกสวยด้วย รู้อยู่แก่ใจด้วยว่ามหาวิทยาลัยเราน่ะมีโอากาสน้อยกว่าชาวบ้านในเมืองเขา
แง่ที่ไม่เห็นด้วยที่เขาทําให้มันโจ่งแจ้งเกินไป
สิ่งที่เขาทําให้มันน่าเกลียดเกินไปคือออกมาประกาศเสียโจ่งแจ้ง โจ่งแจ้งเท่าไหร่ไม่พอ บางมหาวิทยาลัยที่ประกาศรับไม่มีการเรียนการสอนในสาขาวิชาที่ต้องใช้ในการทํางานโดยตรงเสียด้วยซ้ำน่ะค่ะ มันเลยดูเหมือนว่า อ๋อออออออ ที่เรียนมาทั้งหมดเนี่ยยยยยยย ฉันจะไม่ได้มาใช้เพราะใบรีซูเม่แสดงอย่างเป้งๆ ว่าฉันจบจากที่อื่นมานะ >> บางคนโอกาสดีก็ดีไป เรียนจบจากที่อื่นๆ มาแต่ประสบการณ์ค่อนข้างดีเขาก็น่าจะรับ แต่สมัครไปร้อยคนเอาสัก 3 แต่มหาวิทยาลัยดังๆ สมัครไปร้อยเอาร้อยงี้หรือ? อืม....นี่เรียกว่าโลกสวยหรอคะ? ^^ ปล. ไม่ได้ว่าว่ามหาวิทยาลัยดังๆ สอนไม่ดีหรือนักศึกษาเรียนไม่เก่งทํางานไม่เป็นนะคะ แค่ดูเหมือนว่าตัดโอกาสที่อื่นจนเกินไปน่ะนะ
เราก็ไม่สามารถรู้ได้อีกนั่นแหละว่าระบบคัดเลือกภายในของเขาเป็นยังไง ภายในเขาอาจจะดูเรื่องนี้เข้ามาประกอบด้วยก็ได้ค่ะ เพียงแค่เขาไม่ประกาศออกมาเท่านั้น
เข้าใจว่าในเมืองไทยคงตั้งเกณฑ์ขึ้นมาเพื่อให้ง่ายต่อการรับคนเข้าทำงาน เพราะถ้าไม่มีเกณฑ์ของเกรด HR ก็คงหัวหมุนตายแน่ๆ และในส่วนของบริษัทเอกชน แน่นอนว่าเป้าหมายของเขาคือความสำเร็จสูงสุดขององค์กร นศ. จบใหม่ไม่มีอะไรการันตีนอกากผลงานที่ผ่านมากับเกรดที่แสดงถึงความรับผิดชอบและเอาใจใส่ในการเรียนเท่านั้นแหละค่ะ
อันนี้พูดแบบไม่เกี่ยวกับสถาบันเลยนะ เพราะนี่ก็อีกประเด็นนึง แต่ยอมรับว่าเกรดมันสำคัญไม่น้อยเหมือนกัน ไม่งั้นคงไม่ดิ้นรนให้ได้เกรดดีๆกันหรอก
ถ้าเป็นบริษัทต่างประเทศ เค้าจะกำหนดรับแค่สถาบันดัง หรือไม่สนสถาบันดัง ยังไงก็ได้อยู่ดี เพราะเราเชื่อว่า คุณภาพประชากรของเค้ามี-ส่วนที่ใกล้เคียงกัน จะหยิบจับนักศึกษาจากสถาบันดังก็เจอแต่คนเก่งเต็มไปหมด หรือจะรับแต่คนที่มีความคิดสร้างสรรค์และไอเดียดี ก็หาได้เพียบ เพราะคุณภาพและศักยภาพของพวกเขาถึงขั้นนั้นจริงๆ
ถ้าคนที่ออกมาโวย อกมายกตัวอย่างว่าทีกูเกิ้ลยังไม่สนปริญญาเลย ก็สมัครเข้าไปสิ สมัครเข้าไปให้ได้ก่อนนะแล้วค่อยมาพูด (ซึ่งถ้าคุณทำได้จริงๆ ผมก็ยินดีด้วยจากใจนะครับ)
เรื่องการคัดคนทำงานเห็นด้วยนะคะ ใครๆ ก็อยากได้คนเก่งมาทำงานกับตัวเองทั้งนั้นแหละ แต่ว่าถ้าอยากให้ชัดจริงๆ ก็ให้สอบมันทุกมหาลัย ไม่ต้องเลือก คื่อวัดกันที่ความสามารถจริงๆ ถ้ามันมีฟลุ๊คมันคงไม่ฟลุ๊คไปซะทุกคนหรอก ... อยากให้เปิดโอกาสกว้างๆ เหมือนกันสอบบรรจุข้าราชการครูงี้ ... จบมหาลัยมาไหนมาไม่สน สอบได้ก็เอาตำแหน่งไป (เส้นก็อีกเรื่อง)
ปล.เราฐานะทางบ้านส่งไปเรียนมอระดับท็อปได้นะ แต่เราเลือกสอบเข้ามรภ. โดยที่เราไม่คิดจะเข้าไปมอท็อปอะไรพวกนั้นเลย ไม่ใช่ไม่มีปัญญานะ แต่คณะครุศาสตร์เรามั่นใจว่ามรภ.หลายๆ แห่งไม่แพ้มอดังๆ เลย :)