แง้มประกาศรับสมัครงาน 4 บริษัทใหญ่ของโลก มีระบุสถาบัน-กำหนดเกรดหรือไม่?

        สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เรื่องที่ดุเดือดที่สุดในช่วงนี้บนโลกออนไลน์คงไม่พ้นเรื่องประกาศการรับสมัครงานของธนาคารแห่งหนึ่ง ที่กำหนดรับนิสิตนักศึกษาที่จบจาก 14 สถาบันที่กำหนดไว้เท่านั้น กลายเป็นประเด็นร้อนว่านี่คือการเลือกปฏิบัติหรือเปล่า ทำไมถึงมีการแบ่งแยกแบบนี้ สำหรับความเห็นของแต่ละคนนั้นก็นานาจิตตัง มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

        น่าจะมีหลายคนสงสัยว่า เอ๊ะ แล้วที่เมืองนอกเค้ามีแบบนี้มั้ย? จากที่ พี่เป้ ได้ลองสอบถามไปยังคนรู้จักหลายคนที่ทำงานในต่างประเทศ ส่วนมากก็จะบอกเหมือนกันว่า อาจจะมีบ้างที่คัดจากสถาบันและเกรดเป็นอันดับแรก(แต่มักไม่ค่อยระบุลงในประกาศรับสมัครงาน) แต่หากไม่ได้จบสถาบันดังก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะถ้าในเรซูเม่ดูมีของหรือมีความสามารถ ก็จะเรียกตัวมาสัมภาษณ์แน่นอน พี่เลยลองไปค้นหาประกาศรับสมัครงานของบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกมาฝาก ลองมาดูกันว่า ในประกาศรับสมัครงาน เค้าเขียนหรือระบุคุณสมบัติผู้สมัครไว้แบบไหนบ้าง
   

       เริ่มที่บริษัท A ที่ทำธุรกิจด้านคอมพิวเตอร์และฮาร์ดแวร์ โด่งดังไปทั่วโลก ไม่มีใครไม่รู้จัก สำหรับตำแหน่งที่นำมาฝากคือ Solution Engineer เป็นเหมือนวิศวกรที่ต้องติดต่อประสานงานกับลูกค้า เพื่อแนะนำ อธิบาย ทำคู่มือของผลิตภัณฑ์ให้แก่ลูกค้า เพื่อที่ลูกค้าจะซื้อผลิตภัณฑ์นั้นไปใช้ในบริษัทของตนเองอีกทอดนั่นเอง ซึ่งคุณสมบัติที่กำหนดไว้ หลักๆ มีแค่ 3 ข้อด้านล่างนี้เองค่ะ

     
      คุณสมบัติทั้ง 3 ข้อนั้นพูดถึงความสามารถที่ต้องใช้ในการทำงาน มีประสบการณ์ในงานโครงสร้างพื้นฐานระดับวิสาหกิจ มีประสบการณ์ในการติดต่อโต้ตอบกับลูกค้าในทุกระดับความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับทักษะด้านเทคนิค และมีความสามารถในการแนะนำทีมฝ่ายขายในเรื่องของเทคนิค เพื่อปรับปรุงระบบการโต้ตอบกับลูกค้าได้ เน้นแต่เรื่องทักษะความสามารถ ไม่มีพูดถึงสถาบันหรือเกรดเฉลี่ยแต่อย่างใด
     

       ข้ามฟากมาที่เกาะอังกฤษกันบ้าง กับสำนักข่าวและบริษัทแพร่ภาพกระจายเสียงชื่อดัง B  ซึ่งในชีวิตประจำวันหลายๆ คนน่าจะรับข่าวจากสำนักข่าวนี้อยู่ไม่น้อย ตำแหน่งด้านล่างคือ "โปรดิวเซอร์ผลิตรายการ" ค่ะ

   
      หลักๆ ก็จะพูดเหมือนทักษะและความรู้ที่ต้องมี เช่น ต้องถ่ายและตัดต่อวีดีโอได้ ต้องใช้โปรแกรมที่เกี่ยวกับกราฟิกต่างๆ ได้ หรือหากมีความรู้เรื่องของโปรแกรมภาพสามมิติก็จะเริดมาก ส่วนตรงประวัติการศึกษา กำหนดว่าต้องจบจากสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี หรือสุขภาพ หรือมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่งานนี้มาก่อน 

       และถ้าสังเกตดีๆ จะมีคำว่า recognised degree อยู่ด้วย ซึ่งจากที่ลองหาข้อมูลมา คำนี้ไม่ได้หมายถึงปริญญาจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง แต่เนื่องจากในอังกฤษ(และสหราชอาณาจักร)มีมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยเยอะมากกกกกก มีทั้งสถาบันขนาดใหญ่มาก ใหญ่ ปานกลาง เล็ก และเล็กมาก ซึ่งบางสถาบันก็อาจจะใช้เวลาเรียนนานๆ พอกับปริญญาตรีและโฆษณาว่าสถาบันตนเองใช้หลักสูตรเดียวกับมหาวิทยาลัยดังๆ แต่พอจบมากลับไม่ได้วุฒิปริญญาตรีซะอย่างนั้น แบบนี้ก็ถือว่าฟาวล์ไป อาจจะไม่ได้รับการพิจารณานั่นเองค่ะ
     

       มาที่บริษัทยักษ์ใหญ่ A ที่เป็นธุรกิจเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ  มีของสารพัดสิ่งให้เลือกซื้อและส่งไปทั่วโลก กับตำแหน่ง "ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายบุคคล" (ที่ต้องไปประจำในสำนักงานที่ประเทศเช็ก) ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้างเหรอ?

     
      จากประกาศข้างบน สองคุณสมบัติหลักๆ คือต้องจบปริญญาตรีด้านการจัดการทรัพยากรบุคคล และต้องใช้ภาษาอังกฤษและภาษาเช็กได้ดีเยี่ยม นอกนั้นก็จะเป็นคุณสมบัติทั่วไปของตำแหน่ง เช่น สามารถทำงานล่วงเวลาได้ สามารถปรับตัวได้ดี มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับกฎหมายแรงงานในประเทศเช็ก
       
     
       ปิดท้ายที่โซเชียลเน็ตเวิร์กที่ทุกคนใช้อย่าง F (ไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าคืออะไร) กับตำแหน่ง Search Ranking Specialist หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีหน้าที่ทดสอบและวิจัยระบบเซิร์ชว่า เมื่อผู้ใช้กดค้นหาแล้วมันขึ้นผลลัพธ์อะไรมาบ้าง ถูกต้องหรือไม่ มีฟีดแบ็คเป็นยังไงบ้าง 

     
       BA/BS ย่อมาจาก Bachelor of Arts/Bachelor of Science หรือปริญญาตรีศิลปศาสตรบัณฑิตหรือวิทยาศาสตรบัณฑิต เน้นทางด้านเชิงปริมาณ(เน้นตัวเลข) เช่น เศรษฐศาสตร์ บัญชี ฟิสิกส์ นอกจากนั้นก็ระบุถึงคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับงาน เช่น เชี่ยวชาญการใช้ระบบค้นหาบนอินเตอร์เน็ต เข้าใจการวิเคราะห์สถิติ
   

        จากประกาศรับสมัครงานข้างบน ทั้งสี่บริษัทยักษ์ใหญ่ต่างไม่ได้พูดถึงเกรดหรือสถาบัน แต่ระบบการคัดเลือกภายในจะเป็นยังไง ก็เป็นเรื่องยากที่จะรู้ได้ค่ะ สำหรับเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน ถ้ามีโต้วาทีก็คงจะโต้กันยาวยืดเป็นเดือนแน่ๆ แต่ไม่ว่าจะเรียนที่ไหน สิ่งที่ควรทำคือพัฒนาตัวเองสม่ำเสมอ ไม่หยุดเรียนรู้ และอย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้วเด็ดขาดค่ะ
 
พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

ไม่บอก 2 ก.ค. 58 15:42 น. 9
ที่บริษัทนอกส่วนใหญ่ไม่ดูเกรดและสถาบัน คหสต.เราว่าเพราะมหาลัยในประเทศเค้ามีมาตรฐานอยู่แล้ว และแต่ละบริษัทไม่ได้ต้องการแค่คนเก่งค่ะ เค้าต้องการคนที่มีความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ + หลายๆอย่าง แต่ที่ไทยเราต้องยอมรับแบบโลกไม่สวยนักนะคะ ว่ามหาลัยแต่ละที่หลักสูตรไม่เหมือนกัน มาตรฐานก็ไม่เหมือนกัน มีหลายมหาลัยที่ยังด้อยอยู่มากค่ะ ซึ่งแน่นอนบริษัทยักใหญ่หลายๆแห่งไม่พร้อมจะเสี่ยงรับเด็กจากมหาลัยบางแห่ง บ.ต่างๆเลยมักจะกำหนดหรือคัดเด็กจากมหาลัยดังๆเข้ามาทำงานมากกว่ามหาลัยไม่ดังค่ะ เพราะทางบ.จะมีความมั่นใจในตังเด็กมอดังมากกว่าในด้านความสามารถ (อย่างน้อยตัวเกรดก็วัดด้านนี้ได้พอตัว เพราะถ้าเรียนไม่เอาไหน เกรดมันจะดีได้ไงใช่มั้ยยิ่งเรียนมอดังๆอีก) ใครๆก็ต้องอยากได้สิ่งที่ดีที่สุดใช่มั้ยคะ? เราไม่ได้จะบอกว่ามหาลัยไม่ดังจะไม่ดีนะคะ แต่ด้วยตัวหลักสูตรหรือมาตรฐานต่างกัน มันจึงเป็นแบบนี้ ซึ่งเราคิดว่ามหาลัยเหล่านี้หากมีการพัฒนาขึ้น ตัวเด็กหมั่นพัฒนาตัวเอง ในตอนแรกอาจจะสู้ๆมออื่นไม่ได้ แต่เราเชื่อว่าซักวันมันจะต้องเทียบกันได้ค่ะ แต่ถ้าอยู่เฉยๆ มหาลัยหรือเด็กไม่คิดจะปรับปรับปรุง ได้แค่บ่น โวย เรื่องดูถูกสถาบันก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นค่ะ การแข่งขันมันมีมานานแล้ว ตั้งแต่เราเกิดจนโต แข่งเรื่องเล็กจนเรื่องใหญ่ เรื่องเรียน เรื่องสถาบัน จบไปก็เรื่องงาน เห็นมั้ยคะ มันไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ เรียกร้องสิทธิ์ไปมันก็ไม่ได้อะไรค่ะ ถ้าเราไม่รู้จักปรับปรุงตนเองให้ดีอยู่เสมอ ถ้าจะบอกว่าเด็กมอไม่ดังเก่งๆเยอะ แต่อาจจะไม่มีเงินเรียนมอดัง มันก็อาจใช่ค่ะ แต่ทำไมไม่ขอทุนล่ะคะ? เราต้องรู้จักฉลาดในหลายๆเรื่องค่ะ ในเมื่อเรียนเก่ง(มาก)แต่พ่อแม่ไม่มีเงิน ก็ขวนขวายค่ะไม่ใช่ยอมแพ้ ที่ไหนมีทุน กระ-กระสนเข้าไปค่ะ ถ้าเราพยามอะไรก็เป็นไปได้ (แต่ไม่ได้หมายความว่าจะได้ทุกคนนะคะ อย่าลืมว่าเราไม่ได้เก่งอยู่คนเดียว) เรื่องความอดทน หรืออีคิว ต่างๆ วัดกันยากนะคะไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าเข้าไปทำงานแล้วเด็กคนไหนจะตั้งใจทำงาน ขยันอดทนมากกว่ากัน เค้าก็คงต้องเลือกความสามารถ ความฉลาดไว้ก่อน ถ้าเข้าไปแล้วไม่ไหวเด็กก็ออกเองค่ะ จะไปอ้างเรื่องนี้กับเค้าก็ยากนะคะ (บางคนเรียนเก่งแต่กิจกรรมอ่อนก็ไม่รอดหรอกค่ะ เวลาสมัครงานถ้ากิจกรรมเยอะโอกาสเราก็สูงเหมือนกันนะคะที่ตะได้งานเพราะฉนั้นเวลาเรียก็หมั่นทำกิจกรรมทำพอร์ตเก็บไว้นะคะ) มีอีกหลายอย่างที่อยากบอกนะคะแต่มันจะยาวไป แค่นี้พอเนอะ อยากฝากไว้นะคะ เรามีสิทธิ์ของเรา คนอื่นก็มีสิทธิ์ค่ะ ใครๆก็อยากได้สิ่งที่ดีที่สุด ยิ่งเป็นธุรกิจของเค้าแล้ว เลือกไม่ดีไปเจ๊งทำไงเนอะ เพราะฉนั้นก็ต้องพัฒนาตนเองให้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดให้ได้ ถึงตอนนั้นเราอาจจะได้เป็นฝ่ายเลือกด้วยซ้ำ :) เราอยู่มหาลัยท็อป 10 ของไทยนะคะ ไม่ได้จะอวดอะไร แต่ที่จะบอกคือ ถึงติดท็อปก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะชนะค่ะ เรายังต้องแข่งกับคนอีกมากมาย คู่แข่งเรายังอีกเยอะ คนเก่งกว่าเราอีกมาก เพราะฉนั้นเราอาจจะไม่ได้ชนะเสมอไป ทุกๆคนต้องพัฒนาตัวเองค่ะ เพื่อความอยู่รอด ไม่งั้นจะตายไปแบบไดโนเสาร์ค่ะ 5555555555555 สู้ๆนะคะ ทุกๆคน ตั้งใจ Ps.หากพูดอะไรไปไม่ถูกหูใครต้องขอโทษด้วยนะคะ ไม่ได้ต้องการดูถูกน้า
0
กำลังโหลด
l2even2 Member 1 ก.ค. 58 23:13 น. 3

คนที่เดือดร้อนเรื่องนี้ส่วนมากจะเป้นพวกจบจากสถาบันเกรดb กับc. ลองคิดดูถ้าคุณเป็นเจ้าของบริษัทแล้วจะรับสมัครคนเข้าทำงานคุณจะมานั่งดูว่าคนนั้นคนนี้เป็นยังไงถ้าทำแบบนั้นมันเสียเวลา คนที่จบสถาบันเกรดaผลงานจากอดีตส่วนมากเลยจะดีกว่าพวกเกรดb,c เพราะฉะนั้นไม่มีใครหรอกจะมานั่งดูอีกทีว่าคนนั้นคนนี้เป็นยังไง คุณต้องยอมรับความจริง ถ้าคุณอยากให้สถาบันของพวกคุณได้มีสิทธิ์ได้ทำงานเหมือนเกรดa คุณต้องใช้เวลา ไม่ใชว่ามาเรียกร้องสิทธ์ ถ้าคุณแน่จริงก็ต้องเข้าสถาบันเกรดaให้ได้

8
กำลังโหลด
Sleepy Ghost Member 10 ก.ค. 58 19:12 น. 23

แม่เราเป็นคอนซัลต์ รับออร์เดอร์จากลูกค้ามา หาคนตามตำแหน่งที่เค้าอยากได้ เช่นเมเนเจอร์

บอกเลยว่าบริษัทนอกไม่ดูเกรดเท่าไหร่ 

เวลาแม่เราดูก็ตามออร์เดอร์ ถ้าสถาบันไม่ใช่ที่อยู่ในข่ายก็ผ่านนอกจากว่าจะสะดุดตาจริงๆ

ไปเรียนนอกก็ใช่ว่าเค้าจะรับแน่นอน

เราต้องไปสอบไปเทส หลายอย่างไม่ใช่แค่ข้อสอบแต่ต้องคุยนู่นนี่นั่น

แล้วก็ดูนิสัยส่วนตัวด้วย ถ้าคุณอีโก้จัดๆ เค้าไม่มีทางรับคุณให้อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าแน่นอน ประสานงานก็ไม่ค่อยดี แนะนำอะไรก็อาจไม่ค่อยฟัง

แล้วในอีกมุมมองของลูกค้า เค้าบอกว่าก็ระบบแอดมินชั่นคัดมาให้แล้วไงรอบนึง แล้วทำไมเราต้องไปคัดอีกรอบด้วย ความพยายามของคนมันต่างกัน คุณคิดว่าคนที่อดทนพยายามอ่านหนังสือจนเข้ามหาลัยดังๆหรือพอมีชื่อได้ กับคนที่ไม่สนใจลอยชายเข้ามหาลัยอะไรก็ได้ เค้าจะเลือกใคร

ถ้าคุณไม่พยายามในเวลาที่สมควรก็ไม่น่ามาเรียกร้องความเป็นธรรมนะ

ปล.ความคิดเห็นส่วนตัว

0
กำลังโหลด

24 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
ก็อต บางโงก 1 ก.ค. 58 22:35 น. 2
เค้าก็ไม่พูดถึงกันหรอกกกก เค้าก็ให้กรอกประวัติแล้วก็คัดไปสัมภาษณ์อีกที มันก็อาจขึ้นอยู่กับตอนสัมภาษณ์ด้วยนะว่าคุณทำได้ดีแค่ไหน ดูเกรด ดูมหาวิทยาลัย มันก็อยู่ที่คนที่เรียกเราไปสัมภาษณ์นั้นแหละเยี่ยม
0
กำลังโหลด
l2even2 Member 1 ก.ค. 58 23:13 น. 3

คนที่เดือดร้อนเรื่องนี้ส่วนมากจะเป้นพวกจบจากสถาบันเกรดb กับc. ลองคิดดูถ้าคุณเป็นเจ้าของบริษัทแล้วจะรับสมัครคนเข้าทำงานคุณจะมานั่งดูว่าคนนั้นคนนี้เป็นยังไงถ้าทำแบบนั้นมันเสียเวลา คนที่จบสถาบันเกรดaผลงานจากอดีตส่วนมากเลยจะดีกว่าพวกเกรดb,c เพราะฉะนั้นไม่มีใครหรอกจะมานั่งดูอีกทีว่าคนนั้นคนนี้เป็นยังไง คุณต้องยอมรับความจริง ถ้าคุณอยากให้สถาบันของพวกคุณได้มีสิทธิ์ได้ทำงานเหมือนเกรดa คุณต้องใช้เวลา ไม่ใชว่ามาเรียกร้องสิทธ์ ถ้าคุณแน่จริงก็ต้องเข้าสถาบันเกรดaให้ได้

8
กำลังโหลด
CHROMIC 1 ก.ค. 58 23:54 น. 4
ผมมองว่าเกรดสูงของนักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัย ไม่สามารถเป็นดัชนีชี้ความสามารถในชีวิตการทำงานจริงได้นะ เพื่อนของผมจบจากคณะวิทย์สุขภาพซึ่งเป็นคณะที่ค่อนข้างยากของ ม.ดังในประเทศไทย ได้เกียรตินิยมและเกรดไม่เคยต่ำกว่า3.5 แต่เมื่อเขามาทำงาน เขาล้มแล้วไม่สามารถลุกได้ เพราะเขาไม่เคยล้มมาก่อน ไม่เคยแม้แต่ติดเอฟแบบผม555(เพื่อนในมหาลัยคณะผมหลายคนติดเอฟแล้วเลือกที่จะดรอปหรือลาออก ทั้งๆที่เป็นคณะที่เข้ายากมากๆ) คนเก่งหรือเกรดดีมาตลอดมักจะล้มไม่เป็น ทำให้พอมาทำงานไม่สามารถประสบความสำเร็จเหมือนเมื่อตอนที่พวกเขายังเป็นนักศึกษา รุ่นพี่ผมบางคนเลือกที่จะฆ่าตัวตายเพราะหุ้นตก และบางคนก็มีทิฐิว่าตัวเองเก่ง ตัวเองฉลาด จบdegreeสูงๆ มหาลัยดัง เกรดสวย จะได้เงินเดือนเท่านี้ได้ไง(รุ่นพี่อีกคนนึงของผมเลือกที่จะไม่ทำงาน เพราะไม่มีงานที่เหมาะค่าตอบแทนดีสมกับคนที่จบสูงแบบเขา) บางคนก็มักเลือกที่จะเชื่อในตัวเองมากกว่าคนอื่นเพราะถือว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่น ทำงานโดยยึดความคิดตัวเองเป็นหลัก ทำให้ไม่เหมาะกับการทำงานเป็นทีม แต่การดูเกรดกับมหาลัยเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดแล้วในการรับสมัครเข้าทำงานถ้าไม่อะไรมากเพราะการจะมานั่งดูความสามารถจริงๆของบุคคล(ที่ไม่ใช่ด้านการเรียน)มันก็ค่อนข้างต้องใช้ความสามารถของกรรมการเหมือนกัน ของเกาหลีเองถ้าความเก่งในมหาลัยพอๆกัน เขาเลือกไม่ถูกเขาดูหน้าตาเลยใครหน้าตาดีรับเข้าทำงาน5555 มันเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดจริงๆ
1
คห. 2 ก.ค. 58 00:54 น. 4-1
คือที่ไม่ทำงานอาจไม่ใช่เพราะหยิ่งหรอกมันไม่คุ้ม ไม่พอใจในค่าตอบแทนก็เพราะอุส่าเรียนมาสูงๆ เสียเวลาหลายปีและเสียเงินเป็นแสนแล้ว จะให้มาทำงานเงินเดือนพอๆกับคนที่จบ ป.ตรีธรรมดา คนทั่วๆไปมันจะไปคุ้มอะไร
0
กำลังโหลด
SassY LadY Member 2 ก.ค. 58 00:55 น. 5

รีเพลย์

ถ้าจะพูดถึงแง่เด็กที่อื่นคุณภาพไม่เท่าที่ๆ ประกาศทั้ง 14 แห่งนะคะ

ส่วนตัวคนอื่นไม่รู้ยังไงนะคะ เราสอบติด 2 ในมหาวิทยาลัยที่เขากล่าวค่ะ แต่ค่าเทอมแพงไป ต่อให้มีทุนก็สู้ไม่ไหว เลยขอออกมาอยู่ราชมงคลค่าเทอมถูกๆ (แต่ขอบอกว่าอาจารย์ที่สอนเราเป็นกลุ่มคณะเดียวกับอาจารย์ที่สอนมหาวิทยาลัยอันดับ 1 และอื่นๆ นะคะ / อาจารย์เขารับสอนมหาวิทยาลัยเหล่านั้นด้วย) ที่เงียบๆ คนน้อยๆ แล้วก็หาเรียนเสริม (ด้วยตนเอง) + ทํางานพิเศษเกี่ยวกับสาขาที่เรียนตลอด 3 ปีครึ่ง ที่เรียนนั่นแหล่ะค่ะ คืออยากจะบอกว่ามันมีหลายแง่ ไม่ได้โลกสวยด้วย รู้อยู่แก่ใจด้วยว่ามหาวิทยาลัยเราน่ะมีโอากาสน้อยกว่าชาวบ้านในเมืองเขา

แง่ที่ไม่เห็นด้วยที่เขาทําให้มันโจ่งแจ้งเกินไป

สิ่งที่เขาทําให้มันน่าเกลียดเกินไปคือออกมาประกาศเสียโจ่งแจ้ง โจ่งแจ้งเท่าไหร่ไม่พอ บางมหาวิทยาลัยที่ประกาศรับไม่มีการเรียนการสอนในสาขาวิชาที่ต้องใช้ในการทํางานโดยตรงเสียด้วยซ้ำน่ะค่ะ มันเลยดูเหมือนว่า อ๋อออออออ ที่เรียนมาทั้งหมดเนี่ยยยยยยย ฉันจะไม่ได้มาใช้เพราะใบรีซูเม่แสดงอย่างเป้งๆ ว่าฉันจบจากที่อื่นมานะ >> บางคนโอกาสดีก็ดีไป เรียนจบจากที่อื่นๆ มาแต่ประสบการณ์ค่อนข้างดีเขาก็น่าจะรับ แต่สมัครไปร้อยคนเอาสัก 3 แต่มหาวิทยาลัยดังๆ สมัครไปร้อยเอาร้อยงี้หรือ? อืม....นี่เรียกว่าโลกสวยหรอคะ? ^^ ปล. ไม่ได้ว่าว่ามหาวิทยาลัยดังๆ สอนไม่ดีหรือนักศึกษาเรียนไม่เก่งทํางานไม่เป็นนะคะ แค่ดูเหมือนว่าตัดโอกาสที่อื่นจนเกินไปน่ะนะ

1
Hiller... Member 2 ก.ค. 58 13:02 น. 5-1
โทษนะครับ คุณสอบติดสถาบันไหนเหรอครับ หากคุณสอบติดเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเข้าไปแล้ว ทุนนี่หาง่ายมากเลยนะครับ ทั้งทุนคณะ ทุนมหาวิทยาลัย ทุนเรียนดี ผมเข้ามหาวิทยาลัยไปนี่วิ่งหาทุนให้ควั่กเลย จนได้ทุนจากคณะ ได้ค่าเทอมปีการศึกษาละ 1 เทอม+ค่าใช้จ่าย ได้ทุนของอค์กรญี่ปุ่นตลอด 4 ปี ได้ทุนภูมิพล และยังทำงานพิเศษของมหาวิทยาลัยด้วย นอกจากนี้ก็เขียนนิยายไปด้วย ที่กล่าวมาได้ไม่ได้จะตำหนิที่คุณออกไปเรียนที่อื่น ผมแค่จะแชร์ประสบการณ์ให้ฟังว่า การหาทุนหรือหาเงินมาจ่ายค่าเทอมมันไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น หรือต่อให้หมดหนทางจริงๆ ก็เข้าไปคุยกับฝ่ายกิจการนิสิต/นักศึกษา ได้เลย ไม่มีใครปล่อยให้เด็กของตัวเองนั่งเครียดไม่มีค่าเทอมจ่ายอยู่หรอกครับ
0
กำลังโหลด
ขอโทษครับ 2 ก.ค. 58 05:04 น. 6
มันก็เหมือนเลือกสุ่ม นะ ใครๆก็อยากได้ของดีๆ แล้วมหาลัยที่ได้รับความนิยม เขาก็คัดมาแล้วในระดับนึง ถ้าดีเขาก็รับทำงานต่อ ไม่ดีก็ทิ้งไป ส่วนมหาลัย/วิทยาลัยที่ไม่ได้รับความนิยม การแข่งขันอาจจะน้อยกว่า บุคคลที่เก่งทำงานดี อาจจะน้อยกว่าที่สังคมเขานิยมกัน โดยส่วนมาก บริษัทเขาจะเลือกอยู่แล้ว ว่า จะเอาที่ไหน แล้วที่เขานำรายชื่อมา อาจจะ มีบางอย่างที่ขาดคุณสมบัติอยู่ เลยเลือกไว้สุดท้ายหรือไม่รับ บางบริษัทก็ดูที่ผลงานก็มี ส่วนเกรด ผมมองว่า มันไม่เท่ากันหรอกแต่ละที่ ที่บอกว่าเรียนจบไหนก็เหมือนกัน แต่คุณภาพมันอาจจะต่างกัน ถึงคนที่เก่งที่อยู่ มหาลัย/วิทยาลัย ที่ไม่ได้รับความนิยมจากสังคมส่วนมากนะครับ สู้ๆครับ
0
กำลังโหลด
chiikksama Member 2 ก.ค. 58 10:30 น. 7

เราก็ไม่สามารถรู้ได้อีกนั่นแหละว่าระบบคัดเลือกภายในของเขาเป็นยังไง ภายในเขาอาจจะดูเรื่องนี้เข้ามาประกอบด้วยก็ได้ค่ะ เพียงแค่เขาไม่ประกาศออกมาเท่านั้น

เข้าใจว่าในเมืองไทยคงตั้งเกณฑ์ขึ้นมาเพื่อให้ง่ายต่อการรับคนเข้าทำงาน เพราะถ้าไม่มีเกณฑ์ของเกรด HR ก็คงหัวหมุนตายแน่ๆ และในส่วนของบริษัทเอกชน แน่นอนว่าเป้าหมายของเขาคือความสำเร็จสูงสุดขององค์กร นศ. จบใหม่ไม่มีอะไรการันตีนอกากผลงานที่ผ่านมากับเกรดที่แสดงถึงความรับผิดชอบและเอาใจใส่ในการเรียนเท่านั้นแหละค่ะ

อันนี้พูดแบบไม่เกี่ยวกับสถาบันเลยนะ เพราะนี่ก็อีกประเด็นนึง แต่ยอมรับว่าเกรดมันสำคัญไม่น้อยเหมือนกัน ไม่งั้นคงไม่ดิ้นรนให้ได้เกรดดีๆกันหรอก

0
กำลังโหลด
Hiller... Member 2 ก.ค. 58 12:55 น. 8

ถ้าเป็นบริษัทต่างประเทศ เค้าจะกำหนดรับแค่สถาบันดัง หรือไม่สนสถาบันดัง ยังไงก็ได้อยู่ดี เพราะเราเชื่อว่า คุณภาพประชากรของเค้ามี-ส่วนที่ใกล้เคียงกัน จะหยิบจับนักศึกษาจากสถาบันดังก็เจอแต่คนเก่งเต็มไปหมด หรือจะรับแต่คนที่มีความคิดสร้างสรรค์และไอเดียดี ก็หาได้เพียบ เพราะคุณภาพและศักยภาพของพวกเขาถึงขั้นนั้นจริงๆ

ถ้าคนที่ออกมาโวย อกมายกตัวอย่างว่าทีกูเกิ้ลยังไม่สนปริญญาเลย ก็สมัครเข้าไปสิ สมัครเข้าไปให้ได้ก่อนนะแล้วค่อยมาพูด (ซึ่งถ้าคุณทำได้จริงๆ ผมก็ยินดีด้วยจากใจนะครับ) 

1
กูเกิ้ล 8 ก.ค. 58 22:10 น. 8-1
เสริม เผื่อมีคนอ้างกูเกิ้ล กูเกิ้ลบอกไม่สนปริญญาก็จริง แต่ว่ากว่าจะเข้าไปทำงานได้ กูเกิ้ลจะทดสอบก่อน เห็นว่าสอบ4ด่านและโหดมาก คือถ้าสอบผ่านก็คงเก่งจริงล่ะ ไม่ต้องดูปริญญาแล้ว แต่ในไทย คงไม่ค่อยจัดสอบกัน มันใช้งบพอสมควร ก็เลยอาศัยดูสถาบันแทน ความน่าจะเป็นที่จะได้เด็กเก่งมันมีมากกว่า
0
กำลังโหลด
ไม่บอก 2 ก.ค. 58 15:42 น. 9
ที่บริษัทนอกส่วนใหญ่ไม่ดูเกรดและสถาบัน คหสต.เราว่าเพราะมหาลัยในประเทศเค้ามีมาตรฐานอยู่แล้ว และแต่ละบริษัทไม่ได้ต้องการแค่คนเก่งค่ะ เค้าต้องการคนที่มีความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ + หลายๆอย่าง แต่ที่ไทยเราต้องยอมรับแบบโลกไม่สวยนักนะคะ ว่ามหาลัยแต่ละที่หลักสูตรไม่เหมือนกัน มาตรฐานก็ไม่เหมือนกัน มีหลายมหาลัยที่ยังด้อยอยู่มากค่ะ ซึ่งแน่นอนบริษัทยักใหญ่หลายๆแห่งไม่พร้อมจะเสี่ยงรับเด็กจากมหาลัยบางแห่ง บ.ต่างๆเลยมักจะกำหนดหรือคัดเด็กจากมหาลัยดังๆเข้ามาทำงานมากกว่ามหาลัยไม่ดังค่ะ เพราะทางบ.จะมีความมั่นใจในตังเด็กมอดังมากกว่าในด้านความสามารถ (อย่างน้อยตัวเกรดก็วัดด้านนี้ได้พอตัว เพราะถ้าเรียนไม่เอาไหน เกรดมันจะดีได้ไงใช่มั้ยยิ่งเรียนมอดังๆอีก) ใครๆก็ต้องอยากได้สิ่งที่ดีที่สุดใช่มั้ยคะ? เราไม่ได้จะบอกว่ามหาลัยไม่ดังจะไม่ดีนะคะ แต่ด้วยตัวหลักสูตรหรือมาตรฐานต่างกัน มันจึงเป็นแบบนี้ ซึ่งเราคิดว่ามหาลัยเหล่านี้หากมีการพัฒนาขึ้น ตัวเด็กหมั่นพัฒนาตัวเอง ในตอนแรกอาจจะสู้ๆมออื่นไม่ได้ แต่เราเชื่อว่าซักวันมันจะต้องเทียบกันได้ค่ะ แต่ถ้าอยู่เฉยๆ มหาลัยหรือเด็กไม่คิดจะปรับปรับปรุง ได้แค่บ่น โวย เรื่องดูถูกสถาบันก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นค่ะ การแข่งขันมันมีมานานแล้ว ตั้งแต่เราเกิดจนโต แข่งเรื่องเล็กจนเรื่องใหญ่ เรื่องเรียน เรื่องสถาบัน จบไปก็เรื่องงาน เห็นมั้ยคะ มันไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ เรียกร้องสิทธิ์ไปมันก็ไม่ได้อะไรค่ะ ถ้าเราไม่รู้จักปรับปรุงตนเองให้ดีอยู่เสมอ ถ้าจะบอกว่าเด็กมอไม่ดังเก่งๆเยอะ แต่อาจจะไม่มีเงินเรียนมอดัง มันก็อาจใช่ค่ะ แต่ทำไมไม่ขอทุนล่ะคะ? เราต้องรู้จักฉลาดในหลายๆเรื่องค่ะ ในเมื่อเรียนเก่ง(มาก)แต่พ่อแม่ไม่มีเงิน ก็ขวนขวายค่ะไม่ใช่ยอมแพ้ ที่ไหนมีทุน กระ-กระสนเข้าไปค่ะ ถ้าเราพยามอะไรก็เป็นไปได้ (แต่ไม่ได้หมายความว่าจะได้ทุกคนนะคะ อย่าลืมว่าเราไม่ได้เก่งอยู่คนเดียว) เรื่องความอดทน หรืออีคิว ต่างๆ วัดกันยากนะคะไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าเข้าไปทำงานแล้วเด็กคนไหนจะตั้งใจทำงาน ขยันอดทนมากกว่ากัน เค้าก็คงต้องเลือกความสามารถ ความฉลาดไว้ก่อน ถ้าเข้าไปแล้วไม่ไหวเด็กก็ออกเองค่ะ จะไปอ้างเรื่องนี้กับเค้าก็ยากนะคะ (บางคนเรียนเก่งแต่กิจกรรมอ่อนก็ไม่รอดหรอกค่ะ เวลาสมัครงานถ้ากิจกรรมเยอะโอกาสเราก็สูงเหมือนกันนะคะที่ตะได้งานเพราะฉนั้นเวลาเรียก็หมั่นทำกิจกรรมทำพอร์ตเก็บไว้นะคะ) มีอีกหลายอย่างที่อยากบอกนะคะแต่มันจะยาวไป แค่นี้พอเนอะ อยากฝากไว้นะคะ เรามีสิทธิ์ของเรา คนอื่นก็มีสิทธิ์ค่ะ ใครๆก็อยากได้สิ่งที่ดีที่สุด ยิ่งเป็นธุรกิจของเค้าแล้ว เลือกไม่ดีไปเจ๊งทำไงเนอะ เพราะฉนั้นก็ต้องพัฒนาตนเองให้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดให้ได้ ถึงตอนนั้นเราอาจจะได้เป็นฝ่ายเลือกด้วยซ้ำ :) เราอยู่มหาลัยท็อป 10 ของไทยนะคะ ไม่ได้จะอวดอะไร แต่ที่จะบอกคือ ถึงติดท็อปก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะชนะค่ะ เรายังต้องแข่งกับคนอีกมากมาย คู่แข่งเรายังอีกเยอะ คนเก่งกว่าเราอีกมาก เพราะฉนั้นเราอาจจะไม่ได้ชนะเสมอไป ทุกๆคนต้องพัฒนาตัวเองค่ะ เพื่อความอยู่รอด ไม่งั้นจะตายไปแบบไดโนเสาร์ค่ะ 5555555555555 สู้ๆนะคะ ทุกๆคน ตั้งใจ Ps.หากพูดอะไรไปไม่ถูกหูใครต้องขอโทษด้วยนะคะ ไม่ได้ต้องการดูถูกน้า
0
กำลังโหลด
ไรก้ได้ 2 ก.ค. 58 17:49 น. 10
จริงๆนะ คนเราไม่ได้วัดความรุ้ที่สถาบัน คนที่ใฝ่หาความรุ้บ่อย แต่ไม่มีเงินที่จะเรียนโรงเรียนดีก็มีเยอะ ผมคนหนึ่งแล้วละ ที่หาความรุ้ตลอด แต่ไม่มีเงินจะเรียนโรงเรียนดีๆกับเขาบ้าง คนที่ผลิตไอโฟนก็เหมือนกัน ไม่ได้เกิดมาในครอบครัวคนรวย ไม่ได้เรียนโรงเรียนดีๆ แต่เขามีความพยายามและหาความรู้ตลอด
1
ขอโทษครับ 2 ก.ค. 58 20:34 น. 10-1
ที่คุณยกตัวอย่างมา มัน เป็นส่วนน้อยมากๆนะ ไม่งั้นคนอื่นที่ขยันเขารวยกันหมดแล้ว มันมีหลายองค์ประกอบนะ
0
กำลังโหลด
อะอะอั๊ยยะ. Member 3 ก.ค. 58 22:49 น. 11

เรื่องการคัดคนทำงานเห็นด้วยนะคะ ใครๆ ก็อยากได้คนเก่งมาทำงานกับตัวเองทั้งนั้นแหละ แต่ว่าถ้าอยากให้ชัดจริงๆ ก็ให้สอบมันทุกมหาลัย ไม่ต้องเลือก คื่อวัดกันที่ความสามารถจริงๆ ถ้ามันมีฟลุ๊คมันคงไม่ฟลุ๊คไปซะทุกคนหรอก ... อยากให้เปิดโอกาสกว้างๆ เหมือนกันสอบบรรจุข้าราชการครูงี้ ... จบมหาลัยมาไหนมาไม่สน สอบได้ก็เอาตำแหน่งไป (เส้นก็อีกเรื่อง)

ปล.เราฐานะทางบ้านส่งไปเรียนมอระดับท็อปได้นะ แต่เราเลือกสอบเข้ามรภ. โดยที่เราไม่คิดจะเข้าไปมอท็อปอะไรพวกนั้นเลย ไม่ใช่ไม่มีปัญญานะ แต่คณะครุศาสตร์เรามั่นใจว่ามรภ.หลายๆ แห่งไม่แพ้มอดังๆ เลย :) 

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด