สวัสดีครับน้องๆ ชาว Dek-D.com เจอกับ พี่โช และคอลัมน์ JaPON JaPAN (เจปงเจแปน) วันนี้กลับมาพบกันกับเรื่องญี่ปุ่นๆ ที่อยากให้น้องๆ รู้ นั่นก็คือเรื่อง "รถเมล์" นั่นเอง มาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่รถเมล์ญี่ปุ่นไม่เหมือนรถเมล์ในบ้านเรา มีอะไรน่าเอามาใช้ในบ้านเราบ้างมาอ่านไปพร้อมๆ กันเลยครับผม
1.ไม่ต้องขับเร็วแต่ก็ยังรักษาเวลาได้ดีมากๆ
รถเมล์ที่ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งวิธีหนึ่งในการเดินทางที่ปลอดภัยไม่ต่างจากรถไฟ เพราะโดยมากคนขับจะขับแบบนิ่มนวลและไม่เหยียบคันเร่งจนเกินพิกัด บางทีเราอาจจะรู้สึกว่าช้าไปด้วยซ้ำ แต่ขอบอก ถึงจะขับไม่เร็วแต่ก็มาตรงเวลานะ จริงอยู่ที่ในบางครั้งรถเมล์ญี่ปุ่นอาจมาไม่ตรงเวลาบ้าง เช่นในเมืองท่องเที่ยวที่การจราจรคับคั่ง (เช่นเกียวโต คะมะคุระ) หรือในงานเทศกาล แต่โดยปกติแล้วรถเมล์ญี่ปุ่นมาถึงค่อนข้างตรงเวลาเป็นหลักนาทีเลยทีเดียว และถ้ามาถึงก่อนเวลา คนขับก็จะรอให้ถึงเวลาก่อนจะออกรถไปยังป้ายต่อไป
2. ตารางเดินรถใช้ได้จริง
ที่ป้ายรถเมล์มักจะมีตารางเดินรถกำกับอยู่เสมอ บ้านเราก็เช่นกัน แต่ที่ญี่ปุ่นตารางเดินรถนี้สามารถเชื่อถือได้เป็นอย่างยิ่ง ประมาณว่าถ้าบอกว่า รถจะมา 13.57 รถก็จะมาจริงๆ ตารางเหล่านี้จะบอกชัดว่า วันธรรมดา วันหยุดนักขัตฤกษ์ วันหยุดเทศกาลต่างๆ มีกำหนดการอย่างไร บางป้ายรถเมล์ถึงขนาดมีป้ายไฟฟ้าบอกเลยด้วยว่าตอนนี้รถเมล์อยู่ที่ไหนแล้ว และจะมาถึงในเวลาเท่าไร แน่นอนว่าจะบอกหมดว่าต้องเตรียมเงินเท่าไร และรถที่กำลังมานั้นเป็นแบบจ่ายก่อนหรือจ่ายตอนลง รวมถึงค่าโดยสารด้วย
3. สามารถใช้บัตรเติมเงินเดียวกับรถไฟได้เป็นส่วนใหญ่
ที่ญี่ปุ่นเวลาจะใช้บริการขนส่งจะมีบัตรเติมเงินเช่น suica, pasmo, icoca เหมือนกับในประเทศอื่นๆ นอกจากจะใช้กับรถไฟ ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารบางส่วนแล้ว ยังสามารถใช้กับรถเมล์ด้วย บางเจ้ามีส่วนลดเวลาใช้บริการ นอกจากค่าบริการจะถูกลงแล้วยังสะดวกเพราะไม่ต้องหาเศษเหรียญมาจ่ายค่ารถเมล์และทำให้คนขับออกรถได้ตามเวลาไม่ต้องมาคอยหาเงินทอนอีกด้วย
4. ระบุให้เห็นภาพชัดเจนว่ารถจะจอดที่ป้ายไหนบ้าง
สิ่งที่คนไทยกลัวอย่างหนึ่งในการขึ้นรถเมล์คือ ไม่รู้ว่ารถเมล์ผ่านป้ายอะไรบ้าง และแต่ละป้ายถ้าเราลงไปแล้วจะใกล้เคียงกับที่ที่เราจะไปไหม ป้ายรถเมล์ที่ญี่ปุ่น รวมถึงบนตัวรถเมล์เองจะมีแผนภาพเข้าใจง่ายๆ ว่าสายรถเมล์นี้วิ่งผ่านอะไรบ้าง และแต่ละป้ายมีสถานที่สำคัญอะไรให้เราใช้เป็นจุดอ้างอิงหากไม่เชี่ยวชาญเส้นทาง บางคนอาจกลัวว่ามีแต่ภาษาญี่ปุ่นหรือเปล่า คำตอบคือ ใช่ แต่ในหลายๆ สายที่มีชาวต่างชาติใช้บริการประจำจะมีตัวอักษรอังกฤษกำกับอยู่เสมอ นอกจากนี้ เรายังสามารถหาข้อมูลก่อนเดินทางได้จากเวปไซต์ของรถได้อีกด้วย เตรียมไว้ก่อนจะไปหลง
5. จอดตรงป้าย
ป้ายรถเมล์ของญี่ปุ่นกับรถเมล์ถ้าให้เปรียบเทียบแล้วคงเหมือนมีแม่เหล็กที่ดูดรถเมล์เข้าหา ประมาณว่าถ้าไม่มีป้าย รถเมล์ก็จะไม่จอดเทียบ ไม่มีการจอดกลางถนนแล้วให้คนวิ่งผ่ามาขึ้นอย่างแน่นอน แถมจะจอดตรงกับป้ายเสมอ ไม่มีจอดก่อนหรือจอดเลยป้ายที่คนขึ้นจะต้องคอยวิ่งตามเป็นขบวน
6. ประกาศชื่อป้ายชัดเจนก่อนจะจอด
ก่อนจะลง ในรถเมล์จะประกาศเสมอว่าจะถึงป้ายอะไร บางสายจะละเอียดถึงขนาดประกาศว่าป้ายนั้นรอบๆ มีห้างร้านอะไร มีสถานที่สำคัญอะไรหรือสามารถไปต่อรถสายอะไร หรือมีสถานีรถไฟอะไรบ้างที่สำคัญ บอกได้เลยว่าเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้บริการมากๆ บางทีสิ่งที่ประกาศก่อนจะลงยังรวมไปถึงคำเตือนจากเขต หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจเช่น "เวลาลงระวังรถแล้วอย่าข้ามถนนเลยในทันที ให้รอสัญญาณไฟก่อน" "ผู้ที่ขี่จักรยานจากบ้านมาป้ายรถเมล์ ทางเขตขอความร่วมมือให้จอดจักรยานเป็นที่เป็นทาง" "ก่อนลงอย่าลืมตรวจสัมภาระ อย่าทิ้งหนังสือพิมพ์หรือกระป๋องกาแฟไว้" เป็นต้น
7. เวลารถจอดให้คนขึ้นลงจะเอียงลงเพื่อจะได้ไม่ต้องก้าวสูง
รถเมล์ที่บ้านเรา ขอบอกเลยว่าไม่เหมาะกับผู้สูงอายุเป็นอย่างยิ่ง เพราะบางคันต้องก้าวขึ้นสองถึงสามขั้น ซึ่งมีโอกาสพลาดพลั้งหกล้มได้อย่างง่ายดาย แต่ที่ญี่ปุ่น จะมีรถบางประเภทเรียกว่า non-step bus หมายถึง สามารถขึ้นรถเมล์โดยไม่ต้องก้าวขึ้นไปแบบสูงๆ เพราะความสูงของรถถูกออกแบบมาให้เท่ากับความสูงฟุตบาทที่เรายืนอยู่ และถ้ารถเมล์สูงกว่าเรา รถเมล์จะมีกลไกเอียงตัวเองลงมาเพื่อให้เราขึ้นรถได้อย่างสะดวก เป็นประโยชน์มากสำหรับผู้ที่นั่งรถเข็น เพราะสามารถเข็นรถขึ้นไปได้อย่างสะดวกสบายไม่ต้องกังวล
8. ขับรถเลนซ้ายหรือช่องทางรถประจำทางเสมอ
โดยปกติ ไม่ว่าประเทศไหนๆ รถเมล์ก็ควรจะขับในช่องทางด้านใกล้กับฟุตบาทที่สุด อย่างในไทยกับญี่ปุ่น รถเมล์ก็ควรจะชิดซ้ายเสมอ และที่ญี่ปุ่น คนขับรถเมล์ก็ปฎิบัติตามกฎนี้อย่างเคร่งครัด หากเลนซ้ายมีสิ่งกีดขวางการจราจรถึงจะเบี่ยงออกขวาเล็กน้อย แต่ไม่เคยไปขับเลนขวาสุดอย่างแน่นอน แม้ในกรณีที่เลนซ้ายรถติด รถเมล์ที่ญี่ปุ่นก็จะไม่พยายามปาดสามเลนรวดไปยังเลนขวา แต่จะรออย่างใจเย็น
9. คนขับจะไม่พูดคุยเม้าท์มอยระหว่างขับรถ
เพราะการขับรถต้องใช้สมาธิอย่างมาก เพื่อความปลอดภัยของทุกคน คนขับที่นี่จะไม่พูดกับผู้โดยสารระหว่างขับรถ เป็นกฎที่ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และที่ญี่ปุ่นไม่มีสิ่งที่เรียกว่า "กระเป๋ารถเมล์" เพราะใช้เครื่องในการชำระค่าโดยสาร ทำให้ไม่เกิดการเม้ามอยของคนขับกับกระเป๋ารถเมล์ระหว่างทาง อย่างไรก็ดี คนขับรถเมล์ญี่ปุ่นระหว่างขับรถจะพูดประโยคที่สำคัญบางอย่างเช่น "กำลังจะเลี้ยวขวานะครับ" "กำลังจะออกรถนะครับ" "มาถึงป้ายเร็วไป อีกสองนาทีถถึงจะออกรถ กรุณารอสักครู่" อย่างนี้นางพูดได้
จริงๆ แล้ว สำหรับรถเมล์ญี่ปุ่น น่าจะมีอีกหลายข้อที่อาจไม่ได้พูดถึงในบทความนี้ แต่เอาแค่ 9 ข้อก่อนพอหอมปากหอมคอ ไม่อยากให้ยาวเกินไป และเผื่อเปิดโอกาสให้น้องๆ หรือผู้อ่านคนอื่นๆ ที่มีประสบการณ์รถเมล์ในญี่ปุ่นได้ลองมาลงความเห็นเพิ่มเติมกันได้ด้วยครับผม อยากฟังเหมือนกันว่ามีอะไรบ้างที่ญี่ปุ่นมี บ้านเราไม่มี หรือญี่ปุ่นไม่มีแต่บ้านเรามี ลงคุยกันดูนะครับ สำหรับวันนี้ ไปแล้ววว ฮ่าๆ ครั้งต่อไปจะเป็นเรื่องอะไรอย่าลืมติดตามกันต่อไปนะครับ
ภาพประกอบ :http://i.ytimg.com/、http://livedoor.blogimg.jp/、upload.wikimedia.org,http://hp1.cyberstation.ne.jp/,http://123kabu.jp/、http://blog-imgs-46-origin.fc2.com/,http://userdisk.webry.biglobe.ne.jp/
22 ความคิดเห็น
เมืองไทยน่าจะเป็นอย่างนี้บ้างนะ คนจะได้มีแรงจูงใจนั่ง public transport เห็นรณรงค์กันเยอะแต่ไม่เห็นปรับปรุงคุณภาพแล้วใครจะไปอยากใช้หล่ะ
ถ้าเมืองไทยทำได้เหมือนอย่างเขา คนก็อาจจะมาขึ้นมากขึ้น รถก็จะติดน้อยลง แต่เข้าใจว่างบประมาณมันสูง รอนะรอ
ภาพแรกโครตจี้เลย fast&furious
ผมว่าประเทศเราทำแบบนี้คงยาก เนื่องจาก 1. รถติด 2. คนใช้รถเมล์ก็เยอะพอสมควร 3. คนขับใจร้อนก็มี
เราจะทำแบบเค้าก็คงต้องปรับอะไรอีกหลายๆอย่างเลยล่ะ ผมคิดว่างั้นนะ
รถเมล์ที่เยอรมันก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน อยากให้ที่บ้านเราเป็นแบบนั้นบ้างการจราจรคงสะดวกขึ้นมากเลย แต่ก็คงได้แต่ฝันละนะ
ยอมรับเลยว่าของเขาเริสจิงไรจิง ห้ามคุยโทรศัพท์ ห้ามนั่งที่นั่งพิเศษ(สำหรับคนพิการ คนชรา ไรงิ) มีเพื่อนเคยนั่ง คนอื่นก็จะมองมาทันที แบบแปลกๆ แต่จะไม่มีใครพูดอะไร แต่ถึงยังไง แม้จะไม่ได้พูดกันก็ตามเวลาลงรถ ผู้โดยสารก็จะขอบคุณคนขับด้วย(เจอที่ฮอกไกโดนะ ไม่รู้ที่อื่นมีหรือป่าว หรือสวัสดีปีใหม่ พอดีช่วงที่ไปปีใหม่พอดี)
นอกจากนี้ สังเกตว่ารถทั่วไป มักจะจอด/รอ/ให้รถประจำทางไปก่อนเสมอๆ อันนี้คือได้ใจผมมาก กรณีเดียวกับการเดินข้ามถนนเลย บางที่ที่นั่งมีไม่พอ เขาก็ไม่โวยวายอะไร ใครจะลุกให้ใครนั่งก็ได้ แต่ปกติ ไม่ค่อยทำ เพราะมีที่เฉพาะอยู่แล้ว เรื่องความเงียบ เป็นที่หนึ่ง บอกเลย หลับตาคือ ตูมาคนเดียวป่าว?
ก็อยากให้บ้านเราเป็นงั้นบ้าง แต่ก็นะ สภาพก้ไม่น่ารอด แต่ถ้าจะทำจริงๆก้ไม่เกินความสามารถหรอก
ใช่ค่ะ สบายมากเลยยย นั่งที่ไรง่วงทุกที 5555 เพราะมันเงียบมากจริงๆ อีกอย่างนึงคือ เค้าจะไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้านค่ะ ประมาณว่า ถ้าอยู่ๆใครทำของตก หรือตอนคนแน่นแล้วต้องยืนบนรถเมล์ อยู่ๆก็ลื่น ตึงงง ~! ไม่มีใครหันมามองให้อาย 55555 ไม่ใช่ว่าเค้าไม่มีน้ำใจนะ เราว่าถ้าเป็นเราก็ไม่อยากให้ใครมาสนหรอกจริงมั้ย ? //คหสต.
ในไทยคงยาก แค่ฝนตกเป็นละออง รถยังติดเลย แถมฝนตกเกิน 10 นาทีก็น้ำท่วมแล้ว
แอพสอบใบขับขี่โหลดฟรีคลิกเลย >>> http://goo.gl/dp51Xm #สอบใบขับขี่
ทำไม ประเทศไทย ไม่มีแบบนี้ บ้าง อะฮรึกกกกกกกกกกก
เราว่านะ..คือที่ไทย คนขับรถแบบเมล์ธรรมดาไม่มีแอร์อ่ะ คนขับร้อนไง
พอร้อนมากๆ = อารมณ์ไม่ดี = เหวี่ยง = ขับรถกระชาก = เบรคไม่ทัน = จอดเลยป้าย
ฟังดูเลวร้าย ฮ่าๆ แต่นั่นแหละสิ่งที่เจอบ่อยๆ T0T
แปลกดีนะ
เมืองไทยชอบรณรงค์ให้ใช้รถประจำทางเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม แต่เล่นทำซะเขรอะขนาดนั้น ใครจะอยากไปนั่ง เขาก็ใช้รถยนต์ส่วนตัวกันเต็มไปหมด
ถ้าอยากให้เป็นแบบนั้นจริง ก็ช่วยพัฒนาให้มัน "น่านั่ง" สะอาดสะอ้าน ลงทุนจ้างคนขับที่มีคุณภาพ ไม่ปาดไปปาดมา บำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้ดี แล้วค่อยมาคิดภาษีเกี่ยวกับรถยนต์ส่วนตัวให้แพงขึ้น รถยนต์ส่วนตัวจะได้ลดลง
วันนี้เรานั่งรถเมล์แล้วก็เดินไปกดกริ่ง ตอนนั้นรถติดแต่ก็เริ่มสัญจรได้ ทีนี้คนขับกับกระเป๋ารถเมล์คุยกันจนพอถึงป้ายรถเมล์เหมือนคนขับกดแตรประมาณว่า "รถมาแล้ว มีใครจะขึ้นบ้าง?"
เราก็มองประตูว่ามันจะเปิดรึเปล่า? (เพราะรถเมล์บางคันประตูด้านใดด้านหนึ่งมันจะเปิดช้ากว่าอีกด้าน ไม่ก็เปิดไม่ได้) แต่เปล่าเลย คนขับเร่งความเร็วขึ้น เราตกใจ...ทำไมอ่ะ? กดกริ่งแล้วนะ แล้วคือ...อะไร? แล้วก็กดกริ่งอีกครั้ง แต่ดีที่กระเป๋ารถเมล์เห็นว่าเรายืนตรงประตู เขาเลยบอกให้คนขับจอด
สุดท้าย....เลยป้ายค่ะ
เอาให้ได้ถึงครึ่งของเขาก็พอ = = มันต่างกันซะละเกิน
รถเมล์ต่างประเทศที่เจริญแล้วจะเค้าบริการดีมากๆค่ะ คนขับก็ขับแบบจริงจังไม่ได้ขับไปวันๆ :)
ถ้าบ้านเรามีการพัฒนาระบบด้านขนส่งบ้างก็ดี สงสารคนแก่ๆและเด็ก แถมขับรถเร็ว จอดไม่ตรงป้ายไม่จอดบ้าง - - ไม่รับบ้าง ขับแข่งกันยังกับจะไปเล่นหนังเรื่อง fast and furious ในอีกหลายๆภาค
สิ่งที่ต้องการในรถเมล์ไทยคือ ขับไม่เร็วมากก จอดตรงป้าย ค่าโดยสารเท่ากันทุกวัน (ชุดนักเรียน17บาท วันเสาร์อาทิตย์ 27บาท อันนี้โอเค แต่!! อะไรคือกูใส่ชุดพละโรงเรียนมา แถมเป็นวันศุกร์เก็บ30 บาทT^T) และที่สำคัญ ต้องการสิ่งที่เรียกว่าสงบบบ ไม่ถึงขั้นแบบ ญี่ปุุ่นก็ได้ ขอแค่ไม่ให้เด็กเทคนิคเทคโนตีกัน และเวลาขึ้นรถเมล์กันมาเป็นแก๊งไม่ร้องเพลงเสียงดัง เอะอะโวยวาย ไม่เขียนหรือทำลายของบนรถ ก็พอใจแล้ววว._.