สวัสดีครับน้องๆ ชาว Dek-D.com เจอกับ พี่โช และคอลัมน์ JaPON JaPAN (เจปงเจแปน) วันนี้พี่โชมาพร้อมเรื่องความแตกต่างระหว่างอาหาร/ขนมของญี่ปุ่นและไทย ลองเทียบเป็นข้อๆ ว่ามีอะไรต่างกันบ้าง รับรองครับว่า บางอย่างที่คนไทยอย่างเราคุ้นเคย คนญี่ปุ่นเค้าไม่ค่อยทำกัน เพราะเมื่อนำมาขายในไทย อาจต้องมีการปรับให้เข้ากับวิถีหรือรสปากคนไทย แต่ที่ออริจินัลที่ญี่ปุ่นจริงๆ เป็นยังไง ลองมาชมกันครับ
1. กินปลาดิบที่ไทยจะให้วาซาบิมาฉ่ำมาก
ถ้ากินปลาดิบที่ไทย วาซาบิจะเยอะบึ้มมาก
ถ้าไปร้านซูชิ หรือร้านอาหารในญี่ปุ่น คนไทยส่วนมากจะรู้สึกว่าวาซาบิที่ให้มาไม่พอ ยิ่งถ้าเป็นร้านซูชิด้วยแล้ว ส่วนมากจะไม่มีวาซาบิเพิ่มเติมมาให้นอกจากที่ใส่มาให้ในตัวซูชิแล้ว ที่ญี่ปุ่น เวลาสั่งซูชิ บางครั้ง เชฟหรือพนักงานจะถามเราก่อนว่า จะให้ใส่วาซาบิไหม มากหรือน้อย ซึ่งถึงจะบอกว่ามาก คนไทยหลายๆ คนก็ยังรู้สึกว่าไม่พออยู่ดี ดังนั้น เรื่องปริมาณของวาซาบิจึงเป็นเรื่องที่นักท่องเที่ยวชาวไทยไม่ค่อยคุ้นเคย เพราะดูเหมือนว่าร้านอาหารญี่ปุ่นที่ประเทศไทย ชอบโปะวาซาบิมาให้เป็นก้อนข้างๆ และในปริมาณที่ค่อนข้างมาก หมดก็ขอเพิ่มกันได้ตลอดกันโดยไม่ต้องอายทีเดียว คนไทยมักจะติดรสแซบ บางคนมาญี่ปุ่นต้องร้องหาน้ำจิ้มซีฟู้ดกันตลอด ดังนั้น ถ้ามาญี่ปุ่น อาจจะต้องปรับตัวนิดๆ โดยการกินตามที่ทางร้านปรุงมาให้ได้ครับ
userdisk.webry.biglobe.ne.jp
ชาที่วางขายที่ญี่ปุ่น ไม่ใส่น้ำตาล บางครั้งการที่ชายิ่งขม ยิ่งแก่ จะยิ่งดูคุ้มค้าและมีรสนิยม
สิ่งที่ชาที่ขายในญี่ปุ่นแบบบรรจุขวดแตกต่างไปจากที่ขายที่ไทยเป็นอย่างมากคือ ความหวาน ครับ โดยเฉพาะชาเขียว เพราะที่ญี่ปุ่น ถ้าขึ้นชื่อว่าชาเขียวแล้ว โดยปกติจะไม่ใส่น้ำตาลเลย พูดง่ายคือไม่มีรสหวานเลย นอกจากจะมีสินค้าประจำฤดูที่ทำรสแปลกๆ ออกมาวางขายก็อาจจะเจอชารสหวานนิดๆ ได้ โดยเฉพาะชานม ชาฝรั่ง ชาผลไม้ แต่โดยทั่วไปแล้ว ชาที่ขายที่ญี่ปุ่นจะฝาดและเข้มข้นมากๆ ยิ่งชาเขียวนี่ แต่ละญี่ปุ่นแข่งกันเพิ่มความเข้มข้น ยิ่งขมขิ่งไฮโซและรสชาติดีประมาณนั้นกันเลยทีเดียวก็พูดได้
พี่โชจำได้ว่า ตอนเพิ่งเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นใหม่ๆ มีบทสนทนาหนึ่งในแบบเรียนบอกเอาไว้ว่า "การใส่น้ำตาลลงไปในชาเขียวนั้น คงมีแค่ชาวต่างชาติเท่านั้นที่ทำกัน" ซึ่งตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งมีเพื่อนญี่ปุ่นหลายๆ คนที่ไปเที่ยวเมืองไทยแล้วลองซื้อชาเขียวบรรจุขวดที่ไทยลองชิมดู ทุกคนถึงขั้นส่ายหัวแล้วบ่นกันถึงเรื่องความหวานเกินจะรับได้ รวมไปถึงความเข้มข้นของรสชาก็ไม่มีเลยเมื่อเทียบกับที่ญี่ปุ่น ตั้งแต่บัดนั้นพี่โชเลยลองสังเกตและก็รู้สึกว่า จริงๆ ด้วย น้ำที่ขายที่บ้านเรา หวานจริง ปล. ระวังอ้วนนะเด็กๆ
รูปนี้ถ่ายที่ไทยครับ ที่ญี่ปุ่นจะหาข้าวปั้นหน้าปูอัดแบบในรูปนี้ยากหน่อย
หรืออาจพูดได้ว่าไม่มีด้วยซ้ำ ปูอัดไม่ใช่สิ่งที่นำมาขายในร้านซูชิแบบบ้านเรา
ขอย้อนกลับมาเรื่องในร้านซูชิอีกครั้งหนึ่งครับ เพราะเป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดเจนมากๆ จริงสำหรับเรื่องปูอัด คือที่บ้านเรา ตามตลาดนัด ตามห้างสรรพสินค้า ตามร้านอาหารญี่ปุ่น อาจเป็นเรื่องปกติที่ซูชิที่วางขายเป็นคำๆ จะมีหน้าปูอัด และหลายๆ คนก็ชินตาดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา เพราะนอกจากเมืองไทย ประเทศอื่นๆ ก็มีซูชิหน้าปูอัดเหมือนกัน
แต่ที่ญี่ปุ่น การเอาเจ้าปูอัดมาวางแปะบนข้าวแล้วเอามาขายในร้านอาหารนั้น เป็นเรื่องที่ไม่เห็นแน่ๆ ที่ประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่อยู่ญี่ปุ่นมา ถ้าไม่ซื้อมากินเอง มีเมนูน้อยมากที่ร้านอาหารญี่ปุ่นจะเอาปูอัดมาให้ลูกค้ากิน เท่าที่เห็นอาจมีใส่ในยำแบบญี่ปุ่นออร์เดิร์ฟ หรืออาจอยู่ในบะหมี่เย็นแบบจีน หรืออาจอยู่ในอาหารกับแกล้มเหล้า ฯลฯ บ้าง แต่จะไม่มีในอาหารจานหลัก โดยเฉพาะบนหน้าซูชิอย่างแน่นอน อย่างไรก็ดี เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนญี่ปุ่นรู้กันดีว่าในประเทศอื่นๆ เป็นเรื่องปกติที่จะเอาปูอัดมาเป็นหน้าซูชิครับ
c.gurutabi.gnst.jp
ข้ามมาที่เรื่องที่ญี่ปุ่นโด่งดังและขึ้นชื่ออีกเรื่องหนึ่งอย่างพวกขนมหวานกันบ้าง ถ้าไม่นับพวกถั่วแดงกวนหรือขนมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมแล้ว ขนมหวานที่ขายที่ประเทศญี่ปุ่นจะมีความหวานน้อยกว่าบ้านเรามาก โดยเฉพาะพวกเค้ก เบเกอรี่ ครีมชีส มูส เครป อะไรต่างๆ นานา ซึ่งตอนนี้ก็ดูเหมือนกับว่าที่บ้านเราจะเริ่มมีหลายๆ ร้านพยายามลดหวานมากขึ้น แต่ที่ไทยก็หวานกว่าญี่ปุ่นอยู่ดีครับ จริงๆ แล้วการกินหวานของบ้านเราก็ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะอาหารคาวบ้านเราเผ็ดแซ่บมากๆ ถ้ามีอะไรหวานๆ มาดับเผ็ดก็จะช่วยได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
nikkeibp.co.jp
ในทางตรงกันข้าม ที่ญี่ปุ่น รสที่นิยมกลับกลายเป็นรสเค็ม โดยเฉพาะการใช้เกลือมาเป็นตัวชูโรงให้กับขนมหวานหรือไอศกรีมรสต่างๆ เช่น ไอศกรีมรสเกลือ ซอฟต์ครีมรสเกลือ น้ำลิ้นจี่สูตรไทยใส่เกลือ (พูดจริงๆ ไม่ล้อเล่น คนไทยถึงกับงง) คุกกี้รสเกลือ บิสกิตเกลือ ซูเฟลเกลือ มากมายเกินจะนับได้
shin-shouhin.com
ซุป โดยเฉพาะซุปเต้าเจี้ยว ราเม็ง น้ำแกงต่างๆ ที่ญี่ปุ่นจะค่อนข้างเค็มกว่าบ้านเรามาก มากถึงมากที่สุด โดยเฉพาะทางโตเกียว การใช้เกลือในการปรุงอาหารและอาหารรสเค็มค่อนข้างเด่นชัดเอามากๆ
data1.whicdn.com
คนญี่ปุ่นจำนวนมากจะตื่นเต้นทุกครั้งที่เห็นชานม กาแฟนม หรือของหวานที่ไทยและเวียดนามใช้นมข้นหวานเป็นเครื่องปรุงครับ โดยเฉพาะกาแฟไทยที่ใส่นมข้นหวาน ตบด้วยนมไม่หวานจากกระป๋องตอนสุดท้ายเพื่อเพิ่มความหอมมัน เพราะสำหรับคนญี่ปุ่น นมข้นหวานหลักๆ เกิดมาเพื่อกินกับสตรอว์เบอร์รี่ครับ คือเอาไว้จิ้มสตรอว์เบอร็รี่กินนั่นแหละ ถ้าจะเพิ่มความหอมมันให้กับขนมหรือเครื่องดื่ม คนญี่ปุ่นจะไปสนใจที่คุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้อย่างนม และครีมมากกว่า เช่น นมที่หอมมันที่ต้องมีความเข้มวัดเป็นตัวเลข เช่นเกิน 3.6 เป็นต้น ครีมสดต่างๆ ดูว่าเลี้ยงที่ไหน วัวอะไร เป็นต้น
หรือพวกขนมปังโทสต์ที่คนไทยเรียกกันว่าชิบุยะโทสต์ (ที่ญี่ปุ่นไม่ได้ดังขนาดนั้น ไม่ได้หากินง่ายแบบบ้านเรา) ก็จะเน้นความเข้มของเนย ความสดและมันของคาราเมล และตัวครีมกันครับ บางที่ใส่เกลือด้วย คนญี่ปุ่นไม่นิยมการกินอะไรหวานๆ เกินไปครับ ยิ่งถ้าอยากให้หรูขึ้น ดีขึ้น มักจะลดปริมาณน้ำตาลลง ให้รสเฉียบขึ้น บางคนเรียกกันว่าเป็นรสสัมผัสของผู้ใหญ่ครับ (大人の味)
7. สาหร่ายวะกะเมะที่เป็นเครื่องแกล้มสีเขียวๆ เส้น
maipaimairoo.com
ยำสาหร่ายญี่ปุ่นในรูปคือที่ขายที่ไทยครับ
ที่ญี่ปุ่นจะหารสและหน้าตาแบบนี้ทานยากมากจริงๆ
ที่ไทยมีเจ้าอาหารชนิดนี้อยู่หลายที่ไม่ต่างจากปูอัด เสมือนหนึ่งว่าเป็นตัวแทนของอาหารญี่ปุ่น ซึ่งขอบอกว่ารสสัมผัส การปรุง ในแบบนั้น ไม่เหมือนและหากินที่ญี่ปุ่นไม่ได้ บางที่ของไทยเอามาวางเป็นหน้าหนึ่งของข้าวปั้น อันนี้นับว่าครีเอทมาก เพราะที่ญี่ปุ่นไม่มี (ถ้ามีคือเป็นอะไรที่หายากมากจริงๆ) ถ้าถามว่าสาหร่ายวากาเมะที่ญี่ปุ่นเอาทำอะไรบ้างนั้น และหน้าตาต่างจากบ้านเราอย่างไร คงอธิบายได้ชัดเจนจากรูปภาพข้างล่างครับ
content.mery.jp
8. ชาบูชาบูที่ไทยมีน้ำจิ้มจัดเต็ม กระเทียมมา พริกมะนาวพร้อม
ช่วงนี้เห็นที่ไทยกระแสการกินบุฟเฟ่ต์ชาบูชาบูแบบญี่ปุ่นค่อนข้างมาก หลายร้านพยายามเลือกสรรวัตถุดิบกันอย่างตั้งใจ และพยายามทำให้เหมือนญี่ปุ่นโดยคงไว้ซึ่งรสชาติที่ถูกปากลูกค้าชาวไทยที่สุด จึงสามารถเห็นส่วนผสมแปลกตาในการกินชาบูชาบูที่ไม่มีในญี่ปุ่นอย่างแน่นอนเช่น มีพริกกระเทียมมะนาวให้ปรุง ทั้งๆ ที่ร้านบอกว่าสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ
image1-3.tabelog.k-img.com
ยะคุมิ (薬味) หรือเครื่องที่ใส่ในน้ำจิ้มของญี่ปุ่น ส่วนมากแล้วมีแค่นี้ครับ
ที่ญี่ปุ่น การกินชาบูชาบู ไม่ว่าจะไปเมืองไหนๆ หลักๆ จะมีหมู เนื้อ เห็ดเข็มทอง เห็ดหอม ต้นหอมลีคซอย (Leek: 長ネギ) เต้าหู้ ใบคิคุนะหรือมิซึนะ และอาจตบท้ายด้วยเส้นอุด้งตอนสุดท้ายหลังกินทุกอย่างหมด บางร้านอาจเอาข้าวกับไข่มาทำเป็นข้าวต้มปิดท้ายให้อยู่ท้องที่เรียกว่า 〆(ชิเมะ : しめ) น้ำจิ้มหลักๆ มีแค่สองชนิดเท่านั้นคือ ปนสึ (สีดำ ใส มีกลิ่นส้มญี่ปุ่น เปรี้ยวๆ) และซอสงา ถ้าให้ตื่นเต้นขึ้นมาหน่อยจะมีสิ่งที่เค็มๆ เผ็ดๆ ชื่อว่า ยุสึโคะโช (柚子胡椒) ให้เป็นส้มยุสึของญี่ปุ่นบดใส่พริกไทยและเกลือเป็นต้น
แต่ที่ไทย หลายร้านจัดเต็มมาก (แอบชอบและอยากให้มีที่ญี่ปุ่นบ้าง ฮ่าๆ) มีหอยนางรม มีหอยโฮตะเตะ มีปูยักษ์ มีกุ้ง มีน้ำจิ้มแซ่บ พริกมา มะนาวมา น้ำจิ้มคือกะทำต้มแซ่บได้ บางร้านมีน้ำซุปแบบ Sukiyaki ให้บริการด้วย แต่น้ำจิ้มก็ยังไม่วายเป็นสไตล์เปรี้ยวเผ็ด และบางร้านให้จิ้มพร้อมปนสึด้วย คือคนญี่ปุ่นที่เห็นจะค่อนข้างตื่นเต้นมากอย่างแน่นอนถ้าได้เห็น
เป็นอย่างไรกันบ้างกับอาหารญี่ปุ่นที่ขายที่ญี่ปุ่นกับที่ขายบ้านเรา น่าจะพอเห็นภาพกันบ้างแล้ว แน่นอนว่ามีอีกหลายชนิดที่ไม่ได้เขียนลงไปในบทความนี้อีกหลายล้านแปด ก็ลองแสดงความเห็นกันเข้ามานะครับ วันนี้เอาไว้แค่นี้ก่อน แล้วไว้พบกันใหม่ในบทความต่อๆ ไปเกี่ยวกับญี่ปุ่นกันครับผม
22 ความคิดเห็น
รู้แล้วต้องเอาน้ำตาลกับน้ำพริกไปเยอะๆ จะได้แก้ขัดกับเขาหน่อย
น่าจะมีทาโกะยากิด้วยนะคะ555555
เราเป็นคนไม่ชอบหวาน เน้นปรุงเค็ม และไม่ค่อยชอบใส่วาซาบิ (เป็นคนกินเผ็ดแต่ดันแพ้วาซาบิ)
แปลว่าเราไปญี่ปุ่นได้สินะคะ 555555
รอไปญี่ปุ่นดื่มชาของแท้ เห็นชาที่ขายไทยแล้วไม่อยากดื่มเลย เพราะไม่ชอบดื่มผสมน้ำตาล
ดีจัง ไม่ชอบกินหวานพอดี[bb-01]
อึ้งเลยค่ะเราเป็นคนที่ชอบกินหวานกับเปรี้ยวมากเจอแบบนี้ถ้าไปญี่ปุ่นคงห่อน้ำตาลน้ำผึ้งไปโรยดีมั้ย5555
ชอบชาญี่ปุ่นมาก จืดหรือไม่ก็ออกขมแต่กลิ่นหอม ดื่มแล้วรู้สึกสบาย เค้กที่ญี่ปุ่นไม่หวานมาก บางอันออกเปรี้ยวด้วยซ้ำแต่ถ้าเป็นซ็อกโกแลตกับขนมที่มีถั่วนี่ยอมแพ้จริงๆ หวานมาก
ชาบูร้านดังไม่มีปอนซึ หึ กล้าเรียกตัวเองว่าชาบูเน้อออ
โอโคโนมิยากิหรือพิซซ่าญี่ปุ่นที่คนไทยชอบเรียกก็ด้วยค่ะ ที่ไทยจะใส่มาในกระทะร้อนเล็กๆคล้ายๆหอยทอดแต่กินแล้วไม่จุใจเท่าไหร่ เคยไปกินของแท้ที่โอซาก้า โอโคโนมิยากิของร้านคิจิมีคนไทยหลายคนเคยมากินเพราะมีแนะนำในนส.ท่องเที่ยว ของญี่ปุ่นเค้าเครื่องเคราจัดเต็มมาก มีทั้งหน้าไข่กับแบบที่โปะลงบนยากิโซบะร้อนๆ เค้าทำที่กระทะแบนๆตรงเคาน์เตอร์แล้วเอามาวางที่กระทะแบนตรงโต๊ะอีกที แบบได้กินตอนทำสดๆใหม่ๆเป็นอะไรที่ปลื้มมาก แป้งนี่ละลายในปากเลย สรุปคือของญี่ปุ่นแท้ๆอร่อยกว่านั่นเอง