สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เจอกับ พี่เป้ และประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ เช่นเคย เรื่องที่นำมาฝากวันนี้ บอกเลยว่าสนุกมากและไม่เคยอ่านประสบการณ์แบบนี้เหมือนกัน จะเป็นยังไง ต้องอ่านเองเลย!
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาวเด็กดี เราชื่อ ดรณ์ (นายดิศรณ์ ดำขำ) เรียนอยู่โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย เข้าร่วมโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน AFS รุ่น 53 ประเทศเยอรมนี วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์แลกเปลี่ยนที่ค่อนข้างเป็นเคสที่แปลกหน่อย เนื่องจากเราเป็นสาวประเพศสอง (ตุ๊ด,กะเทย บลาๆๆ) คือแต่งหญิงระหว่างเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยน มั่นใจว่ามีน้อยมากที่ทำแบบเรา 5555555 ซึ่งสิ่งที่จะมาเล่าในวันนี้คือ ความยากลำบากที่เราได้เจอมาในการใช้ชีวิตแบบผู้หญิง(ในร่างผู้ชาย)
เราอยู่เมือง Hamburg ซึ่งเป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ ซึ่งแน่นอนว่ามีคนเยอะมากกกกในเมืองเรา หลายคนอาจจะบอกว่า 'เห้ยยย แกงั้นก็ดีสิ ผู้คนก็ต้องเปิดรับสิ' มันก็ใช่เพราะคนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเราไม่ใช่หญิงแท้(ฝรั่งนี่ตรรกะในการแยกเพศต่ำมากขอพูดเลย) ถึงเมืองเราจะเป็นเมืองใหญ่ แต่จะบอกว่าแทบไม่มีคนที่เป็นสาวประเพศสองเลย คือเค้าไม่กล้าเปิดเผยกัน จะมีก็แต่แต่งไปเที่ยวกลางคืนกัน ตอนกลางวันก็แปลงร่างเป็นผู้ชายธรรมดาปกติ
ซึ่งคนที่เหยียดเพศเราก็ไม่ใช่ใครที่ใน เค้าคือโฮสท์แฟมิลี่เรานั่นเอง เค้ากีดกันเราสารพัดเพื่อไม่ให้เราแต่งหญิง เค้าบอกว่าคนพวกนี้ไม่มีทางได้รับความยอมรับจากสังคมหรอก เค้าห้ามเราแต่งหญิงไป รร. ห้ามแต่งหญิงแถวบ้านเค้า เค้าอายและไม่อยากให้คนอื่นมาถามเค้าเรื่องว่าเราเป็นเพศอะไรกันแน่ ยิ่งเพราะเรามีน้องชายด้วย แล้วโฮสท์น้องชายของเราไม่ชอบเรามาก แบบไม่พูดด้วยไม่มองหน้าเลย ความสัมพันธ์ตอนนั้นแย่มากก แต่เราเค้าใจเค้านะ เพราะตอนเราทำเอกสารหาโฮสท์ เราไม่ได้บอกเค้าก่อนว่าเราเป็นแบบนี้ เรามาบอกเค้าตอนเจอกันครั้งแรกว่าเราไม่ใช่ผู้ชายแท้นะ เค้าก็ผิดหวังค่อนข้างมากเพราะเค้าอยากให้เราเป็นเพื่อนกับลูกชายเค้า ไปเตะบอล หรือทำ activity ที่ผู้ชายปกติเค้าทำกัน คือเกือบจะย้ายโฮสท์ละ แต่เราก็พิสูจน์ตัวต่างๆ นานาจนเค้ายอมรับในตัวเราและเราก็อยู่กับเค้าจนจบโครงการ
โอเคจบเรื่องดราม่าไป มาถึงเรื่องชีวิตเราในหลายๆ สังคมดีกว่า เริ่มกันที่สังคมโรงเรียนและเพื่อนเลยละกัน เราเรียนอยู่เกรด10(ม.4) ที่ Klosterschule Ganzentag Gymnasium ซึ่งเป็นโรงเรียนที่เรียนตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น ซึ่งเรียนหนักมากกกกและเด็กทุกคนที่นี่เคร่งกับการเรียนมาก ซึ่งเราก็ไม่ได้อะไรเพราะเราอยู่นั้นเราก็ไม่ค่อยได้เรียนจริงจัง 555 เพื่อนๆ คลาสเราดีมากกกก ทุกคนรู้หมดว่าเราเป็น transsexual แต่ทุกคนก็ดีกับเรามากๆ โดยทุกเราจะเรียกแทนเราว่า sie(she ในภาษาอังกฤษ)กันหมดเพราะเค้าให้ความเคารพในเพศที่เราเป็น อันนี้ประทับใจมากก
ทุกคนตื่นเต้นกับเพศของเรามาก เพราะเด็กวัยเราน้อยคนมากที่จะออกมายอมรับว่าตัวเองนั้นเป็นบุคคลข้ามเพศสาวประเภทสอง (ค่อนข้างป๊อปและเป็นที่สนใจของเด็กทั้ง รร.) หลายคนก็ไม่เชื่อบ้างว่าเราเป็นผู้ชาย เพราะฝรั่งจะดูสาวประเภทสองเอเชียไม่ค่อยออก อาจเป็นเพราะตัวเล็กเหมือนผญ.ต่างกับฝรั่งซึ่งจะตัวใหญ่และดูออกได้ง่ายว่าเป็น กับบางคนเค้าไม่เชื่อจนเราต้องโชว์พาสปอร์ตเลยว่าคำนำหน้าเราเป็น Mr.นะเค้าถึงเชื่อ แต่ก็มีหลายคนใน รร.เราที่เหยียดเพศเหมือนกันนะ เช่น เดินผ่านๆ เค้าก็ตะโกนใส่หน้าเราซึ่ง.....เราฟังไม่ออกแต่ก็รู้ว่าเค้าน่าจะด่าอะไรเราสักอย่าง แต่เราก็ไม่ได้เก็บมาคิดไรชีวิต ยังมีอะไรที่มีสาระกว่านี้ที่ต้องคิดอีกเยอะ เพราะฉะนั้นสวยและเชิดใส่ค่ะ
มาถึงเรื่องความรักดีกว่า(พูดแล้วน้ำตาจะไหล) คือเรามาอยู่ที่นี่ก็ได้เจอฝรั่งมากหน้าหลายตาผ่านมา แล้วก็ผ่านไปจนมาถึงคนนึง เค้าเรียนมหาลัยข้างๆ รร.เรา เราเจอกันที่โรงอาหารคุยกันไป คุยกันมาก็ตกลงคบกันได้ 3 อาทิตย์ เราก็ถามเค้าว่า 'รู้มั้ยว่าเราไม่ใช่ผู้หญิงนะ เราเป็น ladyboy' (ตอนนั้นใช้ศัพท์ตลกมาก5555) เค้าทำหน้าอึ้งๆ เราก็แบบนั่นนนนนน เอาละ ด้วยความที่เราลืมบอกเค้าด้วย นึกว่าเค้ารู้แล้ว เพราะตอนคบกันเราก็ไม่ได้แอ๊บเสียงหรือไรปล่อยธรรมชาติ สุดท้ายเค้าก็หายไปหลังจากนั้น เราก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่คบกับใครหรือมีความรู้สึกดีๆ ด้วยจนถึงสิ้นสุดโครงการแลกเปลี่ยน ตั้งใจเรียนและใช้ชีวิตเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้คุ้มค่าดีกว่า อย่ามาเสียเวลาเสียความรู้สึกกับเรื่องแบบนี้ดีกว่า ซึ่งเราก็ผ่านมันไปได้ในที่สุด
ส่วนเรื่อง culture shock นั้นเชื่อว่าเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนทุกคนต้องเจอคล้ายๆ กัน ก็อย่างเช่นเรื่องจูบกันแบบเปิดเผยและดูดดื่มอย่างในห้องเรียน ที่โรงเรียนก็จะมีคู่รักอยู่คู่นึงที่นั่งจูบกันทั้งวัน ย้ำว่าทั้งวัน หันไปทางพวกมันที่ไรก็เห็นมันจูบกันตลอดด คนในคลาสก็ไม่ได้สนใจอะไ รมีแต่เราที่นั่งดิ้นพร่านนนนด้วยความอิจฉา เอ้ยย ความตกใจ 5555555 แต่หลังๆ ก็ชิน เห็นวันไหนมันไม่จูบกันก็รู้สึกแปลกๆ 5555 ทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องราวเป็นประสบการณ์ที่เราประสบพบเจอมาทั้งดีและไม่ดี ซึ่งมันก็เป็นรสชาติสีสันของชีวิต ซึ่งพอเราผ่านมันไปแล้วมองย้อนกลับมาก็คิดถึงช่วงเวลานั้นๆ นะ ยังไงก็ขอให้ทุกคนชอบเรื่องที่เราเล่านะ มีอะไรก็ถามมาในเฟซบุ๊คได้ facebook.com/swanteen
เป็นอีกเรื่องที่อ่านแล้วสนุกๆ มากเลยค่ะ มีครบรสทีเดียว ขอบคุณน้องดรณ์มากๆ ที่มาเขียนเล่าเรื่องสนุกๆ ให้พวกเราฟัง ได้เห็นอีกแง่ของการใช้ชีวิตที่แอบไม่ง่ายเลยนะ หากใครมีประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ อยากแบ่งปันบ้าง เขียนส่งมาได้ที่ pay@dek-d.com แล้วเจอกันจ้า
21 ความคิดเห็น
ขอชื่นชม จขกทค่ะ สวยมากเลยยยยยย เราเลื่อนไปก็นึกว่าผู้หญิงจริงๆนั่นแหละ 555555
ผู้ชายแน่เหรอคะ ถ้าเกิดเป็นผู้หญิงน่าจะสวยกว่านี้เป็นเท่าตัวแน่เลยอะ
ดรณ์ เธอทำเราสลดในความเป็นผู้หญิงอะ พูดจริง ๆ //เขวี้ยงกระจกทิ้ง
ชอบที่เธอสู้และผ่านปัญหาเหล่านี้จัง สวย ๆ เก๋ ๆ เป็นตัวของตัวเอง
น่าจะมาอเมริกา 55 (ต้องเมืองใหญ่นะ)
ที่นี่เวลาแนะนำตัววันแรกที่เจอในชมรม / กิจกรรม / เอกสาร เขาถามเลยว่า
1. ชื่อ
2. สาขาที่เรียน / ชั้นปี
3. prefer pronoun (อยากให้ใช้เรียกว่าอะไร she หรือ he)
สวยอะรู้เลยว่าทำไมเค้าแยกไม่ออก
ชะนีอย่างฉัน ขอหลบแปปป 555+
นางสวยนะเนียยย
สวยกว่าผูหญิงจริงซะอีกนะเนี่ย
เห็นมาตั้งนานเพิ่งเห็นว่าพี่ดรณ์อยู่โรงเรียนเดียวกัน 5555555555555555 ก็ว่าพี่หน้าคุ้นๆ
พี่เหมือนผู้หญิงมากค่าา สวยกว่าหนูอีก อิจ 5555
เล่าอีก อยากอ่าน ตอนที่โฮสแฟมิลี่ ค่อยๆ ยอมรับได้