5 ข้อดีของการไปเรียนต่อต่างประเทศ การันตีว่าคุ้ม!!

        หากตอนนี้ใครยังลังเลอยู่ว่าจะไปเรียนต่อนอกดีหรือเปล่านะ จะไปแลกเปลี่ยนดีไหม ใช้เวลาเป็นปีๆ แถมใช้เงินเยอะ จะคุ้มมั้ยกับการหางานทำที่จะช่วยถอนทุนคืนค่าใช้จ่ายที่เราจ่ายไป "พี่น้อง" ขอยกข้อดีของการไปเรียนต่อต่างประเทศ ที่จะช่วยให้เราสะดุดตานายจ้างมากขึ้นเวลาสมัครงาน และช่วยให้เราก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้ดีด้วย
 

1. ทักษะด้านภาษา

        แน่นอนว่าไปเรียนต่อต่างประเทศ เราก็ต้องใช้ภาษาของประเทศนั้นๆ หรือถ้าเป็นภาษาที่ไม่สากลนัก เราก็อาจได้ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารแทน ทักษะด้านภาษาเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เราไปสมัครงานบริษัทต่างชาติ และบางบริษัทก็มี "ค่าภาษา" เพิ่มให้อีก ยิ่งเป็นภาษาที่สามอย่างภาษาญี่ปุ่น หรือภาษาจีนมาคู่กับภาษาอังกฤษนี่ยิ่งเป็นที่ต้องการตัวมากๆ
        นอกจากนี้ เด็กที่ไปเรียนต่อนอกจะผ่านสภาพแวดล้อมที่บังคับให้ต้องใช้ภาษาในชีวิตประจำวัน ทำให้ชินกับการใช้ภาษา "เพื่อการสื่อสาร" จริงๆ ไม่ใช่ภาษา "เพื่อการสอบ" อย่างที่เราเรียนกันในโรงเรียนมัธยม ซึ่งเป็นทักษะที่นายจ้างส่วนใหญ่ต้องการมากกว่าแค่รู้ศัพท์หรือไวยากรณ์
 

2. แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี

        การไปเรียนต่างประเทศหรือไปแลกเปลี่ยนคนเดียวทำให้น้องๆ ต้องรู้จักแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยตัวเอง จะไม่มีคุณพ่อคุณแม่มาคอยช่วยเราไปทุกเรื่องอีกต่อไปแล้ว
        ทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าหลายคนอาจจะสงสัยว่ามันคืออะไร เห็นมีแต่คนพูดถึง ตอนเรียนหนังสือเราไม่ค่อยได้เจอปัญหานี้เท่าไรนัก หรือถ้าเจอก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง เช่น วันนี้มีพรีเซนต์งาน แต่ดันลืมเอาสไลด์มา โชคดีหน่อยก็ขออาจารย์เลื่อนวันพรีเซนต์ โชคร้ายหน่อยอาจจะต้องนั่งทำกันเดี๋ยวนั้น
        แต่ในการทำงานหากเกิดความผิดพลาดแบบนี้มักเป็นเรื่องร้ายแรงและต้องแก้ปัญหาให้รวดเร็วที่สุดและเกิดผลเสียต่อบริษัทน้อยที่สุด เช่น วันนี้มีประชุมกับลูกค้า แต่ดันทำเอกสารสำคัญหาย จะเดินไปบอกลูกค้าว่าขอเลื่อนเวลาเป็นพรุ่งนี้แบบตอนเรียนก็ไม่ได้แล้ว และลูกค้าก็ไม่มีการมาหักคะแนนเราแบบอาจารย์ด้วย หากเราแก้ปัญหาไม่ทัน ผลลัพธ์ก็คือลูกค้าจะมองว่าเราไม่เป็นมืออาชีพและไม่อยากร่วมงานกับเราอีกต่อไป เห็นไหมคะว่าทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าสำคัญแค่ไหน
 

3. พึ่งตนเองได้

        นี่ก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่ต้องไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองคนเดียว ทำให้เราไม่ใช่เด็กติดแม่อีกต่อไป อาหารก็ต้องหากินเอง บางทีโฮสต์แฟมิลี่ก็ไม่ได้มาดูแลเราตลอด ค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็ต้องจัดการให้พอใช้ เพราะการโอนเงินระหว่างประเทศมีค่าใช้จ่ายสูง
        ทักษะการพึ่งตนเองเอามาใช้ในการทำงานได้ยังไง? ทักษะนี้เป็นทักษะสำคัญที่จะเอาไปต่อยอดสำหรับคนที่มีแววเป็น "นายคน" ค่ะ คนที่พึ่งตนเองได้ คือคนที่ได้รับมอบหมายงานมาแล้วสามารถจัดการงานนั้นได้ด้วยตัวคนเดียว คิดเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งคนอื่น คนแบบนี้มีแนวโน้มจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าต่อไปในอนาคต และคอยคิดแผนใหม่ๆ มาป้อนให้ลูกน้องไปทำต่อ โดยที่เจ้านายไม่ต้องมานั่งจี้ คอยสั่งงาน คอยตามงานตลอดเวลา
 

4. ปรับตัวเก่ง

        เรียกได้ว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ทั้งวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ อาหารการกิน และสภาพอากาศของแต่ละประเทศต่างกับบ้านเราอยู่แล้ว ดังนั้นคนที่ไปอยู่ต่างประเทศแล้วใช้เวลาในการปรับตัวไม่นาน เรียกได้ว่าเป็นกิ้งก่าเปลี่ยนสี เข้ากับเขาได้หมด คนแบบนี้ดีกับองค์กรค่ะ
        คนที่ปรับตัวเก่งมักเป็นคนไม่เรื่องมาก ใครไปไหนไปกัน ดังนั้นจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน เข้ากับใครก็ง่าย ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นในการทำงานเป็นกลุ่ม หรือแม้แต่ประสานงานกับฝ่ายต่างๆ นอกจากนี้การปรับตัวเก่งยังหมายถึงเป็นคนกล้าได้กล้าเสี่ยง คนแบบนี้จะอ้าแขนรับทุกโอกาสที่บริษัทมอบให้ ไม่ว่าจะย้ายแผนกไปเรียนรู้งานส่วนอื่นบ้าง ย้ายไปคุมงานที่ต่างจังหวัด หรือไปเรียนรู้งานไกลถึงต่างประเทศ ต่างกับคนที่ไม่กล้าเสี่ยง กลัวความเปลี่ยนแปลง คนประเภทนี้จะเติบโตในองค์กรยากค่ะ
 

5. พบคนใหม่ๆ

        การไปอยู่ต่างประเทศทำให้เราได้เจอคนกลุ่มใหม่ ซึ่งคนกลุ่มใหม่ที่ว่านี้เป็นคนที่มี "แนวคิด" หรือ "ความเชื่อ" คนละแบบกับคนไทยที่เราเจออยู่ทุกวัน เราอาจมีเพื่อนเป็นคนอเมริกันที่มีความเชื่อเรื่อง "เสรีภาพในการพูด (Free Speech)" เราอาจพบคนญี่ปุ่นที่มีนิสัย "ตรงต่อเวลา" มากๆ
        การเจอคนใหม่ๆ ทำให้เราฝึกมองต่างมุม เข้าใจคนแต่ละชาติในแบบของเขา เปิดรับไอเดียใหม่ๆ ที่น่าสนใจจากคนเหล่านี้ อะไรดีเราก็ยึดมาใช้ในองค์กร
        นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างคอนเนคชันที่อาจมีประโยชน์ต่องานของเราในภายหลัง ใครจะไปรู้ว่าเพื่อนชาวจีนที่ยืมสมุดเลคเชอร์ของเราไปในวันนี้ อาจกลายเป็นผู้จัดการบริษัทใหญ่ในจีน ใครจะไปรู้ว่าสาวแอฟริกัน-อเมริกันที่เคยเรียนคลาสพูดอังกฤษด้วยกันอาจกลายเป็นพนักงานในเฟซบุ๊ก
        คอนเนคชันเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้เร็วขึ้น หรือประหยัดค่าใช้จ่ายของบริษัทได้มากขึ้น เช่น หัวหน้ากำลังหาหนังเทียมในการผลิตกระเป๋า บังเอิญเพื่อนชาวอินโดนีเซียของเราเป็นลูกชายผู้ผลิตหนังเทียมรายใหญ่ เพื่อนบอกคนกันเอง เดี๋ยวลดให้ เท่ากับเราประหยัดค่าใช้จ่ายให้องค์กรได้ด้วยคอนเนคชันของเรา
        และบางครั้ง คอนเนคชันก็อาจทำให้เราได้ "ข้อมูล" ที่น่าสนใจจากเพื่อนๆ ของเรานี่แหละ เช่น บริษัทของเรากำลังจะขยายตลาดไปญี่ปุ่น เราเลยปรึกษาเพื่อนชาวญี่ปุ่นของเราว่าพอมีโอกาสได้ขนาดไหน เพื่อนชาวญี่ปุ่นก็จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจให้เราได้

        ข้อดีของการไปเรียนต่อนอกนั้นยังมีอีกร้อยแปดพันประการ อย่างไรก็ตาม ที่พี่น้องพูดมาทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าถ้าน้องไม่ได้ไปแลกเปลี่ยนหรือจบนอกแล้วน้องๆ จะหางานไม่ได้นะคะ บางทีสิ่งที่ได้จากการไปเรียนต่อก็ขึ้นอยู่กับคนด้วย บางคนไม่เคยไปต่อนอกเลยแต่แก้ปัญหาเก่งมาก ภาษาอังกฤษคล่องปร๋อก็มี บางคนไปเรียนต่อแล้วก็ยังพูดอังกฤษผิดๆ ถูกๆ ก็มี

        แต่พี่น้องรับรองว่าการไปเรียนต่อนอกถือเป็นโอกาสที่ดีอย่างหนึ่งในการเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ขอแค่เราตั้งใจ ต้องได้อะไรกลับมาคุ้มกับเงินที่เสียไปทุกบาททุกสตางค์แน่ค่ะ
พี่น้อง
พี่น้อง - Columnist คอลัมนิสต์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด

5 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
เหนื่อย 30 ต.ค. 58 08:14 น. 3
แต่ว่ากว่าจะผ่านไปได้ก็ต้องเหนื่อยมากๆเลยนะ ใครที่อยากมาก็คิดดีๆ มันเหนื่อยจริงๆ จากคนที่กำลังเรียนตปท อยู่
0
กำลังโหลด
เรียนเรียน 30 ต.ค. 58 23:41 น. 4
ผมก็อยู่ต่างประเทศแต่ไม้่ได้เรียน ตอนนี้ดรอปไปสองปี เพราะประเทศที่ผมอยู่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง เพราะฉะนั้นใครที่ต้องการจะไปต่างประเทศโดยที่ประเทศนั้นไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษแนะนำว่าให้ลองเรียนภาษานั้นให้สื่อสารได้ก่อนดีกว่าครับ ด้วยความหวังดีเย้
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด