อ่านก่อนไปดูภาค 7! รวมเกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับ "Star Wars" ที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน

        สิบปีแล้วที่แฟนๆ ยังคงคิดถึงภาพยนตร์ไซไฟที่ต่อให้ไม่เคยดูก็ต้องรู้จักอย่าง Star Wars ถ้าเป็นเด็กรุ่นใหม่คงเกิดไม่ทัน ให้ย้อนกลับไปดูก็คงงงว่าเอ็กเฟ็กต์หนังแบบนี้เรียกว่า "ที่สุด" แล้วหรือ แต่ในยุคนั้นมันคือที่สุดจริงๆ ค่ะ
        วันที่ 17 ธันวาคมนี้ Star Wars ภาค 7 จะเข้าโรง เป็นโอกาสดีที่เราจะได้เห็นภาคต่อของหนังในตำนานอีกครั้ง ดังนั้นถ้าใครที่คิดว่าอยากจะลองไปดูภาคใหม่ล่าสุดนี้ (ซึ่งเอ็ฟเฟ็กต์คงตระการตากว่าภาคก่อนๆ แน่) ต้องลองอ่านเกร็ดเล็กน้อยเกี่ยวกับ Star Wars 6 ภาคก่อนหน้าดูค่ะ
 

1. Star Wars มีมาแล้ว 6 ภาค (เฉพาะหนัง) แต่ที่มาก่อนคือภาค 4


20th Century Fox via comingsoon.net
 
        Star Wars มีทั้งหมด 6 ภาค โดยแบ่งเป็น 3 ภาคแรก (1-3) และ 3 ภาคหลัง (4-6) แต่ที่สร้างก่อนคือภาค 4-6 ลำดับการฉายจึงเป็นดังนี้
  • ภาค 4 A New Hope (ฉายปี 1977) ชื่อไทย: สตาร์ วอร์ส
  • ภาค 5 The Empire Strikes Back (1980) ชื่อไทย: สตาร์ วอร์ส 2
  • ภาค 6 Return of the Jedi (ฉายปี 1983) ชื่อไทย: สตาร์ วอร์ส 3 ชัยชนะของเจได
  • ภาค 1 The Phantom Menace (ฉายปี 1999) ชื่อไทย: เอพพิโซด 1 ภัยซ่อนเร้น
  • ภาค 2 Attack of the Clones (ฉายปี 2002) ชื่อไทย: เอพพิโซด 2 กองทัพโคลนส์จู่โจม
  • ภาค 3 Revenge of the Sith (ฉายปี 2005) ชื่อไทย: เอพพิโซด 3 ซิธชำระแค้น
        และที่จะฉายให้เราดูในวันที่ 17 ธันวาคมนี้คือ ภาค 7 The Force Awakens ชื่อไทยว่า อุบัติการณ์แห่งพลัง สำหรับในบทความนี้ พี่น้องจะเรียกไปตามชื่อภาคเลยแล้วกันนะคะ
 

2. ทำไมทำภาค 4 ก่อน?


nicholas genin via wikipedia.org
 
        ว่ากันว่าจอร์จ ลูคัส (ผู้ให้กำเนิด Star Wars เป็นทั้งโปรดิวเซอร์ ช่วยเขียนบท และกำกับในภาค 4) ไม่สร้างภาค 1-3 ก่อนเนื่องจากเอฟเฟ็กต์ในตอนนั้นยังไม่ดีพอให้สร้างได้ จึงข้ามมาสร้างภาค 4-6
        แต่ความจริงก็คือ จอร์จ ลูคัสไม่คิดเลยว่าหนังเรื่องนี้จะประสบความสำเร็จ ตอนที่เขาร่างบทส่งบริษัทหนังเขาใช้ชื่อว่า The Star Wars เฉยๆ พอหนังตัดต่อเสร็จเอาไปให้เพื่อนๆ ผู้กำกับของเขาดู มีแต่คนบอกว่าหนังเรื่องนี้ห่วยสุดๆ ยกเว้นสตีเวน สปีลเบิร์ก (ที่อาจชมเพื่อเอาใจเพื่อน)
        แต่พอหนังฉายแล้วทำรายได้ทำลายสถิติในยุคนั้น จอร์จ ลูคัสได้รับอนุญาตให้ทำภาคต่ออีก 2 ภาคจาก 20th Century Fox เขากับเลจ แบร็กเคต คนเขียนบท เลยช่วยกันเขียนภาคต่อ ลูคัสได้ไอเดียใหม่ๆ เพิ่มเติมอีกมาก ทำให้เขาตั้งใจจะทำหนังเรื่องนี้ยาวเหมือนซีรี่ส์แบบ 12 ตอนจบ และคิดเนื้อเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้าภาค 4 เอาไว้ด้วย ทำให้เขาตัดสินใจขึ้นชื่อหนังที่ควรจะเป็นภาค 2 ว่า Star Wars V: The Empire Strikes Back แล้วกลับไปแก้ภาค 4 ให้มีเลขภาคติดไปด้วย
        คนดูเลยมึนตึ๊บว่าทำไมเป็นแบบนี้ แล้วภาค 1-3 ที่ฉันยังไม่ได้ดูคืออะไร ฉันโดยสปอยล์เรื่องไปแล้วหรือเปล่า???
 

3. ไอเดียที่ทำให้เกิด 3 ภาคก่อนหน้า


20th Century Fox via joblo.com
 
        ในช่วงเขียนบทภาค 5 (The Empire Strikes Back) เลจ แบร็กเคต คนเขียนบทเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ทำให้จอร์จ ลูคัสต้องเขียนบทต่อคนเดียว เขาตัดสินใจเปลี่ยนบทเดิมที่แบร็กเคตเขียนไว้ว่า "ดาร์ธเวเดอร์ฆ่าพ่อของลุค" มาเป็น "ดาร์ธเวเดอร์คือพ่อของลูก" (สปอยล์ แต่คิดว่าหลายคนคงรู้แล้ว)
        พอเปลี่ยนปุ๊บ ทำให้จอร์จ ลูคัสสนุกกับการเขียนบทจนไอเดียพุ่งกระฉูด แต่งเรื่องย้อนกลับไปถึงอนาคิน สกายวอล์กเกอร์ พ่อแท้ๆ ของลุค ที่เป็นศิษย์รักของโอบี-วัน เคโนบี แล้วโดนด้านมืดกลืนกินกลายเป็นดาร์ธเวเดอร์ทุกวันนี้
        ไอเดียดาร์ธเวเดอร์คือพ่อของลุคนั้นทำให้ทีมงานกังวลใจพอสมควรเพราะหนังภาค 4 ที่ออกไปก่อนนั้นปูไว้แล้วว่าดาร์ธเวเดอร์ฆ่าพ่อของลุค (โอบี-วันเป็นคนเล่าให้ลุคฟังเองด้วย) แต่กลับกลายเป็นว่าพล็อตหักมุมนี้หลอกคนดูเสียอยู่หมัด จนกลายเป็นฉากในตำนานที่สะเทือนใจคนดู และกลายเป็นต้นแบบให้หนังเรื่องอื่นๆ แอบล้อเลียน (เช่น ใน Toy Story)
 

4. ชื่อที่เปลี่ยนไปมาในภาค 6


20th Century Fox via innserendipity.com
 
        ช่วงแรกที่ปล่อยโปสเตอร์หนังและเทรลเลอร์ Star Wars ภาค 6 ทางบริษัทหนังอยากให้ชื่อหนังเป็น Revenge of the Jedi (การแก้แค้นของเหล่าเจได) จะได้ดูตื่นเต้นและสมกับเป็นภาคจบ โปสเตอร์หน้างานเลยออกมาเป็นชื่อนี้จนกระทั่งจอร์จ ลูคัสตัดสินใจเปลี่ยนชื่อกลับเป็น Return of the Jedi ในวินาทีสุดท้ายก่อนหนังจริงเข้าโรงฉาย เพราะเชื่อว่า เจไดในความคิดของเขาไม่ใช่คนที่จะมาล้างแค้น (revenge) แบบพวกซิธ
        ในปี 2005 เมื่อ Star Wars ภาค 3 เข้าฉาย ทุกคนก็ได้เห็นชื่อนี้อีกครั้ง แต่เป็น Revenge of the Sith ค่อยสมกับเป็นซิธหน่อย
        ไล่ๆ กัน Star Trek ก็กำลังจะออกภาค 2 ในชื่อ The Revenge of Khan เลยต้องเปลี่ยนชื่อเป็น The Wrath of Khan เพื่อไม่ให้คนดูสับสน

*เผื่อบางคนจำไม่ได้ เจไดคือคนที่มีพลังและฝึกวิชาในสายสว่าง แต่ซิธคือชื่อเรียกพวกที่มีพลังแต่ดันไปอยู่ด้านมืด อนาคินตอนแรกก็เป็นเจได แต่พอจิตใจเข้าสู่ด้านมืดก็ย้ายไปอยู่ข้างซิธ
 

5. ฉากเครดิตอันติดตาตรึงใจนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้ใช้เอฟเฟ็กต์ใดๆ

Clip

Star Wars Credit


 
        ฉากเครดิตที่ตัวหนังสือสีเหลืองค่อยๆ เลื่อนหายเข้าไปในจักรวาลอันดำมืดนั้น จริงๆ แล้วเป็นการเอาสติ๊กเกอร์ตัวอักษรสีเหลืองแปะบนแผ่นกระดาษสีดำสนิทวางไว้ แล้วเอากล้องถ่ายไล่มาเรื่อยๆ ทั้งหมดนั้นใช้เวลาถ่าย 3 ชั่วโมง (ภาคหลังๆ คงได้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยแล้วล)
 

6. กลัวคนไม่เชื่อเรื่องพ่อของลุคจนต้องให้โยดาช่วย


20th Century Fox via storiesbywilliams.com
 
        เนื่องจากฉากในตำนาน "ลุค ข้าคือพ่อของเจ้า" อยู่ในภาค 5 เกือบๆ จบเรื่องพอดี คนดูหนังหลายคนอาจยังไม่เชื่อ คิดว่าดาร์ธเวเดอร์หรือดาร์ธซีเดียส (บอสใหญ่ของเรื่อง) วางแผนอะไรไว้หรือเปล่า อาจจะมีหักมุมอีกทีในภาค 6
        พอมาถึงภาค 6 จึงต้องให้มีฉากที่อาจารย์โยดาพูดกับลุคก่อนสิ้นใจว่าพ่อของลุคคือเวเดอร์จริงๆ นะ แล้วก็มีน้องสาวอีกคนด้วย อย่าลืมไปรวมญาติล่ะ ให้อาจารย์โยดาซึ่งเป็นตัวละครที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเรื่องพูดน่าจะดีที่สุด
 

7. ลูคัสได้แรงบันดาลใจจากหลายเรื่อง


20th Century Fox / New Line Cinema
 
        Star Wars ของลูคัสได้แรงบันดาลใจมาจากหนังหลายเรื่อง ทั้ง The Hidden Fortress (ให้ตัวละครที่ไม่สำคัญเป็นคนเล่าเรื่องอย่าง R2-D2 หรือ CP3O) และ Lord of the Rings เขายอมรับว่าแกนดัล์ฟเป็นต้นแบบของโอบี-วัน เคโนบี ส่วนดาร์ธเวเดอร์ก็ได้ต้นแบบมาจากราชาเผ่ามนุษย์ที่ถูกอำนาจแหวนกลืนกินจนกลายเป็นลูกน้องของเซารอน
 

8. หนังเรื่องนี้เกือบไม่ได้เข้าฉาย


typepad.com
 
        ก่อนที่ Star Wars ภาคแรก (หมายถึงภาค 4 นะ) จะได้ถ่ายทำและเข้าฉาย จอร์จ ลูคัสต้องวิ่งเต้นสารพัดเพื่อให้มันออกมาเป็นรูปเป็นร่าง ทั้งส่งบทไปให้บริษัทใหญ่ต่างๆ (จนในที่สุด Fox ก็ยอมอำนวยการผลิตให้) และพอหนังเสร็จ โรงหนังก็ไม่อยากฉาย สนใจแต่หนังอีกเรื่องที่ดังกว่าอย่าง The Other Side of Midnight จน 20th Century Fox ต้องตั้งเงื่อนไขว่าถ้าโรงไหนจะฉาย The Other Side ต้องฉาย Star Wars ด้วย
        แต่พอหนังเข้าฉายจริงกลายเป็น Star Wars ทำเงินได้มากกว่า The Other Side มากเสียจน ตอนที่ Fox โดนฟ้อง (ตั้งเงื่อนไขแบบผิดกฎหมาย) บริษัทต้องยอมจ่ายค่าปรับในฐานะที่บังคับให้โรงหนังฉายเรื่อง The Other Side ไม่ใช่ Star Wars (แป่ว...)
 

9. ฉากจบแบบดาร์กๆ


20th Century Fox via starwars.com
 
        Star Wars เกือบจะได้จบไตรภาคแบบไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไร เพราะจอร์จ ลูคัสเสนอไอเดียฉากจบของภาค 6 อีกแบบ คือตอนที่ดาร์ธเวเดอร์ขอให้ลุคถอดหน้ากากเพื่อบอกลา พอดาร์ธเวเดอร์ตายแล้ว ให้ลุคเอาหน้ากากพ่อตัวเองมาสวมแล้วพูดว่า "งั้นตอนนี้ฉันก็คือเวเดอร์" ดีกว่า
        โชคดีที่แม้แต่ลูคัสเองก็ไม่เอาไอเดียนี้ เพราะอยากให้เรื่องมันจบแบบแฮปปี้ ลุคไม่ควรเข้าสู่ด้านมืด
 

10. แฮร์ริสัน ฟอร์ดมาเล่นเป็นฮาน โซโลโดยบังเอิญจริงๆ


20th Century Fox via starwars.com
 
        หรือบางทีน่าจะเรียกว่าพรหมลิขิตมากกว่า เพราะตอนที่คัดเลือกนักแสดงมารับบทฮาน โซโล จอร์จ ลูคัสขอให้แฮร์ริสัน ฟอร์ด ซึ่งรับบทเป็นตัวประกอบในภาพยนตร์เรื่องก่อนของลูคัส ช่วยมารับส่งบทกับผู้สมัครหน่อย
        แต่พอนั่งดูแฮร์ริสัน ฟอร์ดส่งบทไปมา จอร์จ ลูคัสก็ตัดสินใจว่า เอาคนนี้เป็นฮานน่าจะดี
 

11. ฮาน โซโลเกือบไม่ได้อยู่จนจบภาค 6


20th Century Fox via disney.co.uk
 
        เพราะแฮร์ริสัน ฟอร์ดเซ็นสัญญาเล่นหนังแค่ 2 ภาคและเขารู้สึกว่าบทบาทของฮานมันจบสมบูรณ์แล้วในภาค 5 (ที่ฮาน โซโลโดนดาร์ธเวเดอร์จับแช่แข็งแล้วส่งตัวให้แจ๊บบา เดอะ ฮัท)
        ทีมงานเข้าใจว่าภาค 6 คงเปิดเรื่องมาว่า ฮาน โซโลตายแล้ว แต่โชคดีที่จอร์จ ลูคัสไปอ้อนวอนขอให้ฮาน โซโลมาช่วยเล่นอีกสักภาคเถอะ เราเลยได้เห็นฮานลงเอยกับเจ้าหญิงเลอาสักที
 

12. ทุกคนตื่นเต้นกับ Star Wars ภาค 1 มากเสียจน
ยอมเสียเงินเข้าโรงเพื่อดูเทรลเลอร์หนังอย่างเดียว

Clip

Trailer


 
        อันนี้หมายถึง Star Wars I: The Phantom Menace หรือภาคที่ฉายเป็นลำดับ 4 ในปี 1999 นั่นเอง สมัยนู้นอินเทอร์เน็ตยัง 56k อยู่ เรื่องดู Youtube สดๆ ทำไม่ได้แน่ เวลาจะดูเทรลเลอร์หนัง ถ้าไม่ดูผ่านโทรทัศน์ก็เข้าไปดูในโรงนี่แหละค่ะ
        ตอน Star Wars ภาค 1 เริ่มโปรโมท เทรลเลอร์ติดอยู่หน้าหนังเรื่อง Meet Joe Black นำแสดงโดยแบรด พิท กับแอนโธนี่ ฮอปกินส์ แต่คนยอมซื้อตั๋วเข้าโรงเพื่อไปดูเทรลเลอร์ Star Wars โดยเฉพาะเลย
 

13. Star Wars ภาค 3 เป็นภาคเดียวที่ได้เรต PG-13


20th Century Fox via youtube.com
 
        ในขณะ ที่ Star Wars ภาค 4-6 และ 1-2 ที่สร้างตามมาทีหลังได้เรต PG คือเด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี แต่ภาค 3 Revenge of the Sith เป็นภาคเดียวที่ไม่เหมาะสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 13 เพราะมีฉากอนาคิน สกายวอล์กเกอร์โดนตัดแขนขาและถูกไฟคลอกทั้งตัว
 

14. ที่มาของชื่อ


20th Century Fox via littleboyreports.com
 
        เวเดอร์ (Vader) ในภาษาดัตช์แปลว่า "พ่อ" อาจจะฟังดูเหมือนกำหนดมาแล้วว่าเวเดอร์ต้องเป็นพ่อลุคแน่ๆ แต่จริงๆ แล้วน่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ เพราะจอร์จ ลูคัสได้ไอเดียเรื่องพ่อหลังภาค 4 (ภาคแรก) ออกฉายไปแล้ว
        ส่วนโยดา เป็นชื่อมาจากภาษาสันสกฤต แปลว่า "นักรบ" คงไม่ต้องบอกเนอะว่าเพราะอะไร
 

15. ความลับของดาร์ธเวเดอร์นั้นเหมือนความลับของสเนป


20th Century Fox via youtube.com
 
        แฟนๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์คงรู้มาบ้างว่าตอนถ่ายทำแฮร์รี่ พอตเตอร์ตั้งแต่ภาคแรก อลัน ริกแมน (ที่แสดงเป็นสเนป) เป็นคนเดียวในกองถ่ายที่รู้จากเจ เค โรว์ลิ่งว่าแผนการของดัมเบิลดอร์คืออะไร แล้วสเนปคิดยังไงกับแฮร์รี่
        Star Wars ก็มีอะไรแบบนี้เหมือนกัน นักแสดงคนเดียวที่รู้ความลับของดาร์ธเวเดอร์ก่อนเข้าฉากคือมาร์ก แฮมิล (ที่แสดงเป็นลุค) แถมยังรู้ก่อนเข้าฉากแค่แป๊บเดียวด้วย โดยจอร์จ ลูคัสแอบเปลี่ยนบทที่นักแสดงแต่ละคนถือ ให้เห็นว่าฉาก "ลุค ข้าคือพ่อของเจ้า" ดาร์ธเวเดอร์จะพูดว่า "ลุค โอบี-วันฆ่าพ่อของเจ้า" แทน
        แล้วพอไปตัดต่อ ถึงจะให้คนพากย์ดาร์ธ เวเดอร์ใส่ประโยคจริงเข้าไป
        เดวิด เพราส์ คนที่เล่นเป็นดาร์ธเวเดอร์เองในหนังยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นพ่อของลุค จนหนังฉายไป (ทีมงานเก็บความลับได้ดีจริงๆ)
 
        ยังมีเรื่องราวอีกเยอะเลยเกี่ยวกับหนังในตำนานเรื่องนี้ เชื่อว่าหลายคนในตอนนี้คงไปรื้อซีดีเก่ามาไล่เปิดดูย้อนหลังก่อนจะซื้อตั๋วไปดูภาค 7 แล้วใช่ไหมคะ ^^ พี่น้องเองก็เกิดไม่ทัน 3 ภาคแรก (ภาค 4-6) ตอนไปย้อนดูนี่งงๆ เหมือนกัน เนื้อเรื่องสนุกดีแต่เอ็กเฟ็กต์หนังเป็นอะไรที่ทำเราอึ้งจริงๆ ถ้าได้รีเมคใหม่ภาค 1-6 ด้วยคงจะดีไม่น้อยเลย
        ใครเป็นแฟน Star Wars มาแลกเปลี่ยนความรู้สึกตอนดูหนังเรื่องกันค่ะ!
 
พี่น้อง
พี่น้อง - Columnist คอลัมนิสต์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
PatChaa Member 6 ม.ค. 59 22:27 น. 11

ดูมาหมดทั้ง 7 ภาค เราว่าภาค 1-6 อลังมาก โคตรดี แต่ภาค 7 แอบทำเฟล สงสัยจะคาดหวังกับมันสูงไปมั้ง ขนาดพ่อเรายังบอกเลย ภาค 7 เฉยๆ รู้สึกมันไม่ดีเหมือนเดิม

1
Darth Darth Binks Member 17 ส.ค. 60 00:24 น. 11-1

ก็ ดิสนีย์ซื้อลูคัสฟีล์มไงครับ


เจเจ อัมบรามส์ ถึงกับโดนขู่ว่า ถ้าทำภาค 7 ออกมาไม่ดี คุณจะกลายเป็น จาร์จาร์ อัมบรามส์

0
กำลังโหลด

11 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
panachat 14 ธ.ค. 58 21:09 น. 3
ตอนเเรกเมื่อ สมัยผม ป.5-ป.6 (ตอนนี้อยู่ ม.2) ครูฝรั่งเคยบอกผมว่าเขากำลังสร้างภาค 7,8,9 ต่อตอเเรกผมไม่เชื่อเเต่ตอนเดือน มกราคม'58 ผมเห็นเทรลเลอร์ที่เพื่อนซี้เเชรมาผมถึงกับอึ้งเลยครับ -เเฟนสตารวอรส์เยี่ยมตกใจ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
editor_nong Member 22 ธ.ค. 58 22:01 น. 8-1
ถ้าอยากดูตามไทม์ไลน์เรื่องจริงๆ ต้องเริ่มจาก 1 ไป 6 เลยค่ะ แต่มันมีปมในเรื่องบางอย่างที่ถ้าดูภาค 1-3 ก่อนจะรู้ทันก่อนไปดูภาค 4-6 (จริงๆ พล็อตหักมุมในตอนจบ ถ้าใครดูสามภาคแรกก่อนก็คงไม่ประหลาดใจนัก) เลือกเอาแล้วกันค่ะว่าอยากดูยังไง เยี่ยม
0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด
PatChaa Member 6 ม.ค. 59 22:27 น. 11

ดูมาหมดทั้ง 7 ภาค เราว่าภาค 1-6 อลังมาก โคตรดี แต่ภาค 7 แอบทำเฟล สงสัยจะคาดหวังกับมันสูงไปมั้ง ขนาดพ่อเรายังบอกเลย ภาค 7 เฉยๆ รู้สึกมันไม่ดีเหมือนเดิม

1
Darth Darth Binks Member 17 ส.ค. 60 00:24 น. 11-1

ก็ ดิสนีย์ซื้อลูคัสฟีล์มไงครับ


เจเจ อัมบรามส์ ถึงกับโดนขู่ว่า ถ้าทำภาค 7 ออกมาไม่ดี คุณจะกลายเป็น จาร์จาร์ อัมบรามส์

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด