เมื่อไปเป็นอาสาสมัครที่ "ไอซ์แลนด์" ดินแดนแห่งน้ำแข็งและแสงเหนือ

          สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เจอกับ พี่เป้ และเล่าประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ เช่นเคย^^ สำหรับประสบการณ์เด็กนอกวันนี้ อ่านแล้วก็อิจฉามากกก เพราะได้ไปประเทศที่คนไทยกำลังเริ่มฮิตไปเที่ยวและไปตามล่าแสงเหนือที่นั่น แน่นอนว่านั่นก็คือ ไอซ์แลนด์ นั่นเอง

     
       สวัสดีครับ ชื่อ ปิติภัทร บุญช่วยเหลือ หรือ ต้อง ปัจจุบันอายุ 19 ปี ศึกษาอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มีโอกาสได้ไปเป็นอาสาสมัครกับโครงการ VSA Thailand เป็นระยะเวลา 12 วัน ที่ประเทศไอซ์แลนด์ ค่ายนี้เป็นค่ายอาสาสมัครครั้งแรกในชีวิต เป็นการเดินทางคนเดียวครั้งแรกซึ่งสนุกมากครับ  สามารถสมัครได้ทาง volunteerspirit.or.th โดยเค้าจะคอยอัพเดตค่ายต่างๆ อยู่เรื่อยๆครับ

        ค่ายที่ผมไปอยู่นั้นมีชื่อว่า Christmas environmentally aware in Reykjavik 2015 ตั้งอยู่ในย่านใจกลางของเมืองเรคยาวิค ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์เลยครับ วันแรกที่ผมเดินทางไปถึง ผมต้องเดินทางจากสนามบินเข้าไปยังค่าย โดยทางองค์กร SEEDS ของไอซ์แลนด์ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบค่ายนี้จะให้คูปองส่วนลดค่ารถบัสในการเดินทางแก่อาสาสมัครทุกคนครับ โดยเมื่อรถบัสพาผมมาส่งถึงหน้าโรงแรมจุดที่ใกล้ค่ายที่สุด ผมต้องเดินเข้าไปอีกประมาณ 300 เมตร แต่ปรากฏว่าผมหลงทางและงงกับแผนที่ที่เค้าให้มา จึงเดินวนกลับไปกลับมาอยู่แถวนั้นหลายรอบมาก ที่สำคัญคือหนาวมากครับ อุณหภูมิตอนนั้น -6 องศาเซลเซียสได้ 555 โชคดีที่แถวนั้นมีคนเดินผ่านมาแล้วเค้าก็รู้จักบ้านพักค่ายพอดี เค้าจึงพาผมมาส่ง ลืมบอกไปครับ ช่วงที่ผมไปนั้นคือเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาว โดยพระอาทิตย์จะขึ้นตอน 11 โมงเช้าแล้วตกตอน 3 โมงเย็น ไม่แปลกใจเลยที่เวลา 4 โมงมืดอย่างราวกับ 2 ทุ่ม

        มาถึงชีวิตในค่ายกันบ้าง ค่ายนี้ประกอบด้วยอาสาสมัคร 7 คนซึ่งมาจาก เบลเยียม ฝรั่งเศส สโลวาเกีย สวิตเซอร์แลนด์ ไต้หวัน เกาหลีใต้ และไทย โดยมีหัวหน้าค่าย 2 คนซึ่งมาจากสเปนและโปแลนด์ ขอเรียกสั้นๆ ว่า leaders แล้วกันครับ เมื่อ leaders อธิบายภาพรวมของ workcamp นี้ ซึ่งหลักๆ แล้วกิจกรรมจะเน้นทางเรียนรู้เกี่ยวกับประเด็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในไอซ์แลนด์ซะมากกว่าลงมือทำ workshop แต่พอ leaders ถามถึงความสนใจและเหตุผลของแต่ละคนที่มาร่วมค่ายที่นี่ ทุกคนตอบเหมือนกันว่าสาเหตุที่เลือกมาไอซ์แลนด์ก็เพราะว่าต้องการมาดู Northern light หรือที่ภาษาบ้านเราเรียกว่า “แสงเหนือ” ซึ่งผมก็คือหนึ่งในนั้น 555 ทำเอา leaders ถึงกับงงเงิบเลยทีเดียว 

        แต่ถึงอย่างนั้นเค้าบอกว่าโชคดีมาก เพราะคืนนี้พยากรณ์แสงเหนือค่อนข้างแรงอีกทั้งฟ้าก็โปร่ง บางทีอาจจะเห็นจากหน้าบ้านพักเลยก็เป็นไปได้ ในระหว่างที่พวกเราตั้งหน้าตั้งตาคอยเจ้าแสงเหนือ พวกเราก็พูดคุย เล่นเกม ทำความรู้จักกันมากขึ้นจนเวลาผ่านไป 5 ทุ่มก็แล้ว ปาเข้าไปจะเที่ยงคืน แสงเหนือก็ไม่ยอมปรากฏให้เห็นสักทีจนทุกคนเริ่มจะหลับไป จู่ๆ leaders ก็เปิดประตูหน้าบ้านไปแล้วก็ตะโกนออกมาเสียงดังลั่น Guys! Northern light! Northern light! พวกผมรีบวิ่งออกไปดู โอ้วพระเจ้า มันมาจริงๆ ครับ มันมาเป็นสายพาดเหนือหัวพวกเราเลยครับ แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยทีเดียว

        คืนนั้นพวกเราทุกคนก็เลยได้ชมแสงเหนือตลอด 2 ชั่วโมงกันแบบจุใจเลยทีเดียว นับว่าเป็นของขวัญจากฟากฟ้าที่มอบให้แก่เหล่านักเดินทางจากแดนไกลทุกคน กว่าจะได้นอนกันก็เกือบตี 2 พรุ่งนี้ก็ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเริ่มกิจกรรมในฐานะการเป็นอาสาสมัครครับ 

        อย่างที่บอกค่ายนี้เน้นการเรียนรู้ทางทฤษฏีเป็นหลัก อาจจะมี workshop ให้ลงมือปฏิบัติบ้างในบางกิจกรรม แต่กิจกรรมที่น่าสนใจและสนุกที่สุดก็คือ Whale watching กับองค์กร IFAW ซึ่งเป็นองค์กรอนุรักษ์สัตว์ในไอซ์แลนด์ ซึ่งก่อนที่เราจะได้ไปชมของจริงแบบฟรีๆ นั้นเราต้องมาเรียนรู้และทำ workshop กันก่อน พวกเราอาสาสมัครได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องการอนุรักษ์วาฬ ประเด็นปัญหาที่ทำให้วาฬสูญพันธุ์ และก็เริ่มทำแคมเปญรณรงค์การไม่ทานเนื้อวาฬตามร้านอาหารต่างๆ ในเมืองเรคยาวิค โดยมีเป้าหมายไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวไอซ์แลนด์ ด้วยวิธีการไปประจำตามจุดต่างๆ ในเมืองแล้วพูดสื่อสารกับนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปมาให้ทราบถึงการสูญพันธุ์ของวาฬ แล้วให้พวกเค้าลงชื่อในโปสการ์ดเป็นการสัญญาว่าจะไม่ทานเนื้อวาฬเพื่อที่จะรวบรวมรายชื่อส่งไปยังกรมประมงให้มีการล่าวาฬให้น้อยที่สุด โดยเป้าหมายวันนี้คือ 300 ใบ

         หลังจากเสร็จกิจกรรมพวกเราทุกคนก็ได้ขึ้นเรือไปชมวาฬกัน แต่ปรากฏว่าวันนี้พี่วาฬแกไม่โผล่ออกมาให้พวกเราเห็นกันเลยครับ ......น่าเสียดายมากๆ เห็นเพียงแต่โลมาออกมาว่ายโผล่ผิวน้ำบ้าง สภาพอากาศตอนบ่ายของวันนี้ค่อนข้างเลวร้ายเลยทีเดียว บวกกับมีคลื่นแรง เพียงแค่ชั่วโมงกว่าๆ ผมและเพื่อนอาสาสมัครคนอื่นๆ ก็เริ่มมีอาการเมาเรือเป็นอย่างมาก เลยต้องขอลงไปพักห้องด้านใน พอกัปตันประกาศว่าอีก 3 ชั่วโมงเราจะเข้าถึงฝั่ง ผมและเพื่อนๆ แทบจะอาเจียนออกมา เราเลยต้องนอนฟุบไปกับโต๊ะยาวทีเดียว อยากจะให้ถึงฝั่งเดี๋ยวนี้เลย (มีรูปนึงที่ผมใส่แจ็คเกตสีขาวและเพื่อนๆ หลับกันเป็นตายครับ 555)

        นอกจากนี้ในวันหยุดงานพวกเราอาสาสมัครก็ออกไปเที่ยวกัน ประเทศไอซ์แลนด์เต็มไปด้วยภูมิประเทศที่แปลกตาและมีธรรมชาติที่สวยงามมาก พวกเราไปเที่ยวภูเขาไฟ น้ำตก ธารน้ำแข็ง แล้วก็ออกไปล่าแสงเหนือในตอนกลางคืน เมื่อมีเวลาว่างตอนเย็นพวกเราก็จะทำอาหาร ดูหนัง จัดปาร์ตี้เล็กๆทุกๆ วันครับ อาสาสมัครทุกคนน่ารัก อัธยาศัยดีและตั้งใจทำงานกันมาก

      

      สำหรับค่าใช้จ่ายหลักๆ ที่อาสาสมัครต้องเป็นผู้รับผิดชอบเองคือ ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าวีซ่า ค่าประกันเดินทาง เเล้วก็ค่าธรรมเนียมค่ายนั้นๆ ซึ่งบางค่ายก็ฟรี บางค่ายก็เสียเงินโดยส่วนใหญ่อยู่ที่ 200 ยูโร ส่วนตัวผมเเล้วเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 60,000 บาทครับสำหรับการไปครั้งนี้

        ถึงแม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่ผมก็ได้รับประสบการณ์และความทรงจำที่ดี ถ้าใครมีโอกาสไปแลกเปลี่ยนหรือเป็นอาสาสมัครก็อย่าลืมเลือกประเทศนี้ให้ได้นะครับ รับรองว่าคุ้มค่าไม่ผิดหวังแน่นอน ผมเองก็ติดใจอยากจะอยู่ที่นี่ให้นานกว่านี้ครับ

       
    

        อ่านแล้วชอบมากเลยค่ะ ได้ไปประเทศที่น่าไปมากๆ แถมได้มีโอกาสทำกิจกรรมที่มีประโยชน์แบบนี้อีก คุ้มค่ามากกกก ^^ ส่วนใครมีประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ อยากแบ่งปันให้เพื่อนๆ อ่านบ้าง ก็ส่งมาได้ที่ pay@dek-d.com แล้วเจอกันจ้า