ฟินเวอร์! อ่าน 3 เรื่องราวของคู่รักสุดสวีทที่พบรักกันในต่างแดน

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com วันวาเลนไทน์ใกล้เข้ามาแล้ว วันนี้ พี่พิซซ่า เลยมีเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับความรักมาฝากค่ะ บางคนไม่กล้าออกไปท่องโลก ไม่กล้าผจญภัย แต่บางครั้งการกล้าออกไปข้างนอกก็เปิดประตูใหม่ๆ ให้กับเรานะคะ รวมไปถึงประตูแห่งความรักด้วย มาดูเรื่องจริงของคนที่พบรักกันระหว่างไปเรียนต่างประเทศกันค่ะ


เจอกันตอนไปแลกเปลี่ยนที่เมืองซาลามังกา ประเทศสเปน


     แม้จะอยู่สหรัฐอเมริกาเหมือนกัน แต่เชย์นาและเนทก็ไม่เคยเจอกันมาก่อน จนกระทั่งได้ไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศสเปนเป็นเวลาหนึ่งเทอมในปี 2003 ค่ะ เชย์นาเรียนมหาวิทยาลัยในชิคาโก้ ในขณะที่เนทเรียนที่แคลิฟอร์เนีย แต่ช่วงปี 3 ทั้งคู่มีโอกาสได้ไปแลกเปลี่ยนที่เมืองซาลามังกาเหมือนกัน และที่นั่นคือที่ที่ทั้งคู่ได้พบกัน


Photo Credit: www.cosmopolitan.com

     พวกเขาได้เรียนวิชาภาษาสเปนกันขณะไปแลกเปลี่ยนในสเปน ตอนแรกเชย์นาสังเกตว่าเนทเป็นหนุ่มเฉิ่มๆ ทั่วไปเลยไม่ได้สนใจอะไร แต่เนทบอกว่าปิ๊งเชย์นาตั้งแต่แรกเห็นเลย หลังรวบรวมความกล้าเป็นเวลาหลายคาบเรียน เนทก็วิ่งตามเชย์นาไปตอนหลังเลิกเรียนและพยายามชวนคุยด้วย ในที่สุดเชย์นาก็มองเห็นว่าเนทดูท่าทางจะชอบเธอมากจริงๆ แต่ก็ตื่นเต้นเกินจนเงอะงะไปหมด เธอเลยบอกว่าให้เอาเบอร์มา เดี๋ยวเธอจะโทรกลับไปบอกเองว่าว่างนัดตอนไหนได้บ้าง และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นในการคบหาดูใจของทั้งคู่ค่ะ


Photo Credit: www.cosmopolitan.com

     แต่หลังเดทกันได้ประมาณ 2 สัปดาห์ เชย์น่าก็บอกว่าที่เธอตั้งใจมาแลกเปลี่ยนตั้งแต่แรกก็เพราะอยากเจอหนุ่มๆ สเปน และเธอก็ไม่อยากมีความสัมพันธ์จริงจัง แค่อยากคุยเล่นกันไปเฉยๆ เนทเองก็บอกว่าทีแรกตัวเองก็อยากมาเจอสาวๆ สเปนเช่นกัน จึงตกลงกันว่าจะกุ๊กกิ๊กกันเล่นๆ แต่จะไม่คบกันแบบแฟน แต่ผ่านไปประมาณครึ่งเทอมทั้งคู่ก็เริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าน่าจะตกหลุมรักอีกฝ่ายอยู่ ช่วงแรกของการเปิดใจคุยกันก็เป็นปัญหาเรื่องระยะทางที่พอกลับอเมริกาแล้วจะต้องอยู่กันคนละฟากประเทศ เพราะทั้งคู่ไม่มั่นใจกับความสัมพันธ์แบบทางไกล แต่ในที่สุดก็ตกลงกันได้ว่ารักกันจริงๆ นะ และจะต้องฝ่าฟันอุปสรรคเรื่องระยะทางกันไปให้ได้แน่ๆ จึงตกลงคบกันแบบจริงจังค่ะ


Photo Credit: www.cosmopolitan.com

     หลังกลับไปเรียนต่อที่อเมริกา ทั้งคู่ก็ผลัดกันเดินทางไปหาอีกฝ่ายทุกเดือนเพื่อกระชับความสัมพันธ์ไม่ให้ห่างเหิน และก็ทำได้ตลอดรอดฝั่งจนจบปริญญาตรีกันทั้งคู่ หลังจากนั้นก็ย้ายไปใช้ชีวิตร่วมกันที่วอชิงตันดีซีเพราะเชย์นาอยากเรียนนิติฯ ต่อที่นั่น ส่วนเนทก็อยากทำงานอสังหาริมทรัพย์ที่นั่นเช่นกัน จากนั้นทั้งคู่ก็หมั้นกันในปี 2007 และแต่งงานกันไม่นานหลังจากนั้น ส่วนตอนนี้ทั้งคู่ก็กำลังจะมีพยานแห่งความรักในเดือนนี้แล้วค่ะ ยินดีด้วยจริงๆ



เจอกันตอนไปแลกเปลี่ยนที่เมืองเซบียา ประเทศสเปน



ภาพจากวันแรกที่ได้เจอกันเมื่อต้องทำกิจกรรมกลุ่มร่วมกัน
Photo Credit:
www.yahoo.com/travel

     คู่นี้ก็เป็นคู่รักชาวอเมริกันที่ไปพบรักกันตอนไปแลกเปลี่ยนที่สเปนเช่นกัน บางทีสเปนอาจมีมนต์ขลังบางอย่างก็เป็นได้ นี่เป็นเรื่องราวของแจ็คกี้และแดนที่ไปแลกเปลี่ยนที่เมืองเซบียาตอนอยู่ปี 3 ค่ะ ในปี 2006 แจ็คกี้เรียนที่ UCLA รัฐแคลิฟอร์เนีย ส่วนแดนเรียนที่ University of Nebraska รัฐเนบราสก้า ทั้งคู่เจอกันครั้งแรกบนรถบัสที่มารับจากสนามบินไปยังโรงแรมที่พัก ไม่รู้เพราะบังเอิญหรือว่าใครจงใจทำให้ทั้งคู่ได้นั่งข้างกันและเริ่มพูดคุยกันเป็นครั้งแรก


ภาพตอนไปเที่ยวฝรั่งเศสด้วยกัน หลังแลกเปลี่ยนในสเปนเสร็จแล้ว
Photo Credit:
www.yahoo.com/travel

     ช่วงบ่ายวันนั้นที่นักศึกษาแลกเปลี่ยนต้องไปทำกิจกรรมชมเมืองด้วยกัน อยู่ๆ แดนก็ปลีกตัวจากกลุ่มเพื่อนของเขามาขอเข้ากลุ่มกับแจ็คกี้ หลังทำกิจกรรมกลุ่มเสร็จ แม้แจ็คกี้จะมีอาการเจ็ทแล็กมากจนอยากรีบกลับไปนอนพัก แต่พอแดนชวนเดินชมเมืองกันสองต่อสองต่ออีกซักพัก เธอก็ตอบตกลงโดยไม่ลังเล และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นการคบหาดูใจของทั้งคู่ หลังแลกเปลี่ยนเสร็จยังพอมีเวลาให้เที่ยวยุโรปต่อบ้าง ทั้งคู่ก็วางแผนเที่ยวในหลายๆ ประเทศด้วยกันจนกระทั่งถึงเวลาที่แดนต้องกลับไปเรียนที่อเมริกาก่อน ส่วนมหาวิทยาลัยของแจ็คกี้เปิดเทอมช้ากว่า เธอจึงอยู่เที่ยวต่อกับกลุ่มเพื่อนที่มาจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน


ภาพวันหมั้น
Photo Credit:
www.yahoo.com/travel

     แม้จะรู้สึกว่าหลังจากนั้นคงเป็นเรื่องยากที่จะคบหากันเพราะอยู่กันคนละรัฐ ทำให้ช่วงปี 4 ที่ต่างคนต่างวุ่นกับการเตรียมตัวเรียนให้จบมีเวลาให้กันน้อยลง อาจจะไม่ได้หวานกันเหมือนตอนอยู่สเปน แต่ก็พยายามติดต่อกันผ่านวิธีต่างๆ มากมายที่จะทำให้ไม่รู้สึกห่างหายกันเกินไป หลังเรียนจบแจ็คกี้ย้ายไปอยู่นิวยอร์กเพื่อทำงานเป็นครูให้โครงการ Teach For America ส่วนแดนพยายามเก็บเงินมาเรียนต่อโรงเรียนกฎหมาย และก็แวะมาเยี่ยมแจ็คกี้ในช่วงที่เขามาดูโรงเรียนในนิวยอร์กด้วย ซึ่งแดนเพิ่งมายอมรับหลังจากเป็นแฟนกันแล้วว่าตอนนั้นเขาคิดแค่ว่าต้องหาที่เรียนแถวๆ นั้นให้ได้ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องอยู่ห่างแจ็คกี้อีก สุดท้ายแดนก็ได้เรียนที่ Georgetown ในกรุงวอชิงตันซึ่งไม่ไกลจากนิวยอร์กมากนัก และทั้งคู่ก็ได้เป็นแฟนกันจริงจังตั้งแต่ปี 2008 ก่อนที่จะแต่งงานกันในปี 2014 ค่ะ



เจอกันตอนไปฝึกงานในประเทศโบลิเวีย

     เจอคู่รักชาติเดียวกันมาแล้วสองคู่ มาดูคู่นี้ที่คนละสัญชาติกันบ้างค่ะ เป็นเรื่องราวของฮันเนสาวน้อยชาวนอร์เวย์ที่รักการกุศลและการช่วยเหลือผู้คนเป็นชีวิตจิตใจ กับอาเลฮันโดรหนุ่มคมเข้มชาวโบลิเวียที่ชอบทำงานให้มูลนิธิ แม้จะดูเคมีและไลฟ์สไตล์เข้ากันได้ดี แต่การพบกันของทั้งคู่ก็เป็นโชคชะตาล้วนๆ ทั้งคู่พบกันในงานเลี้ยงขององค์กรการกุศลที่ฮันเนไปฝึกงานสมัยเรียนปริญญาโท ซึ่งเป็นองค์กรเดียวกับที่อาเลฮันโดรสนับสนุนอยู่ อันที่จริงตอนแรกฮันเนกะว่าจะไม่ไปงานนี้แล้วเพราะเธอเพิ่งทำงานเสร็จและเหนื่อยมาก แต่ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจไปเพราะนี่จะเป็นงานเลี้ยงสุดท้ายก่อนที่เธอและเพื่อนๆ จะเดินทางไปที่เมืองอื่นต่อ ส่วนอาเลฮันโดรนั้นเพิ่งกลับจากไปเที่ยวยุโรปเป็นเวลา 3 เดือนมาเมื่อ 2 วันก่อน จริงๆ เขาเพิ่งได้งานในฮังการีแต่จำเป็นต้องกลับมาขอวีซ่าที่โบลิเวียประเทศบ้านเกิด ทำให้เขาต้องกลับมาช่วงนี้พอดี อาเลฮันโดรตัดสินใจไปร่วมงานนาทีสุดท้ายเพื่อไปเซอร์ไพรซ์เพื่อนๆ ในองค์กรว่าเขากลับมาแล้ว

     และเมื่อได้เจอกันในงานเลี้ยง สำหรับอาเลฮันโดรแล้วฮันเนคือรักแรกพบเลย แต่สำหรับฮันเน เธอรู้สึกชอบเขาหลังได้คุยกันเล็กน้อยก่อน เพราะถึงแม้ว่าเขาจะหน้าตาดีและบุคลิกดี เธอก็ยังมีลิสต์ผู้ชายในฝันอยู่ และเมื่อคุยกันก็พบว่าเขาตรงกับลิสต์เธอทุกอย่างไม่ว่าจะนิสัย ไลฟ์สไตล์ การศึกษาที่จบปริญญาโท งานอดิเรก และความชอบช่วยเหลือผู้อื่นเหมือนกัน ทั้งคู่จึงตกลงคบหาดูใจกันแม้ว่าตอนนั้นจะเป็นสัปดาห์สุดท้ายของฮันเนในโบลิเวียแล้วก็ตาม

     หลังจากนั้นฮันเนต้องย้ายไปประเทศอื่นเรื่อยๆ เพื่อทำงานการกุศลของเธอ รวมทั้งทำตามแผนการเที่ยวต่างประเทศที่เธอวางไว้นานแล้ว แต่อาเลฮันโดรก็ติดต่อมาสม่ำเสมอทุกวัน ขนาดตอนไปอยู่อินเดีย 2 เดือนโดยไม่มีอินเทอร์เน็ต อาเลฮันโดรก็โทรมาให้กำลังใจฮันเนได้ทุกวันโดยไม่หายไปไหนเลย หลังจบการเดินทางทั้งหมดฮันเนบินกลับมาหาอาเลฮันโดรที่โบลิเวียในทันที จากนั้นทั้งคู่ก็คบกันจริงจังเป็นเวลา 3 ปีก่อนจะแต่งงานกันในที่สุดค่ะ

     ซึ่งเรื่องราวหลังแต่งงานไม่ได้ลงเอยกันง่ายๆ แบบในละครนะคะ เพราะจริงๆ ฮันเนอยากใช้ชีวิตคู่ในนอร์เวย์ซึ่งเป็นบ้านของเธอ เธออยากให้ลูกๆ ได้โตมาในสภาพแวดล้อมดีๆ มีระบบการศึกษาดีๆ แต่รัฐบาลนอร์เวย์กลับบอกว่าอาเลฮันโดรจะมาเป็นพลเมืองนอร์เวย์ไม่ได้อย่างน้อยก็ใน 2 ปีนี้ ทำให้ตอนนี้ทั้งคู่ต้องอยู่โบลิเวียและเที่ยวทั่วโลกไปพลางๆ แทน แต่ทั้งคู่ก็พยายามต่อสู้เพื่อให้ได้ไปใช้ชีวิตคู่ด้วยกันในนอร์เวย์อยู่ตลอด ซึ่งถ้าใครถามฮันเนว่าถ้ารู้ว่ารักแล้วต้องลำบากขนาดนี้จะยังเลือกเขาอยู่ไหม เธอก็ตอบโดยไม่ต้องคิดว่าให้เจอปัญหาอีกกี่อย่างอีกกี่ครั้ง เธอก็ยังเลือกอาเลฮันโดรทุกครั้งเสมอค่ะ


     แต่ละเรื่องราวก็มีความน่ารักของตัวเองนะคะ แต่ถึงยังไงก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้ลงเอยหวานชื่นกันแบบนี้ มาดูข้อควรระวังของการมีความรักระหว่างไปเรียนต่างประเทศค่ะ

     1. เวลาไปอยู่ต่างประเทศหลายคนจะรู้สึกเหงา และรู้สึกว่าตัวเองเปราะบางกว่าปกติ ดังนั้นสิ่งที่รู้สึกอาจไม่ใช่รักแท้ อาจเป็นแค่ความเหงาและอยากมีใครซักคนเฉยๆ
     2. บางทีอีกฝ่ายอาจไม่จริงจังเท่าเรา เขาอาจจะมองหาแค่ความสนุกสนานหรือความแปลกใหม่เฉยๆ ก็ได้ แต่อาจไม่ได้หวังคบกันระยะยาว
     3. อย่าให้เสียการเรียนหรือเสียหน้าที่การงาน จากเรื่องราวที่ยกมาจะเห็นว่าทุกคนไม่ทิ้งความรับผิดชอบของตัวเองเลย และประสบความสำเร็จทั้งชีวิตส่วนตัวและชีวิตคู่
     4. จะทำอะไรให้ชั่งน้ำหนักให้ดี ว่าเราจะได้คุ้มเสียไหม ไม่งั้นอาจเสียใจไปอีกนาน และคนที่บ้านเราก็จะเสียใจไปด้วย


     แต่ถึงยังไง ก็ไม่ได้หมายความว่าให้ตั้งการ์ดปิดตัวเองไม่เปิดใจกับใครนะคะ ลองเปิดโอกาสและเปิดใจตัวเองดูบ้าง คบเป็นเพื่อนกันไปนานๆ ถ้าเป็นเนื้อคู่กันยังไงสุดท้ายก็ต้องได้ลงเอยกันอยู่ดีค่ะ ใครมีเรื่องราวความรักดีๆ ที่ได้เจอระหว่างไปเรียนต่างประเทศ สามารถเล่าให้เพื่อนๆ ฟังได้โดยการตั้งกระทู้ที่ www.dek-d.com/board/abroad/ ได้เลยนะคะ


 

ข้อมูล
www.cosmopolitan.com/sex-love/news/a47647
www.yahoo.com/travel, www.placespeoplestories.com
พี่พิซซ่า
พี่พิซซ่า - Columnist คอลัมนิสต์ฝ่ายเรียนต่อนอก

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด