เตรียมเอกสารสำหรับสมัครเรียนต่อมหา'ลัยญี่ปุ่น มีอะไรบ้าง?



       สวัสดีน้องๆ ชาว Dek-D ทุกคนค่ะ มีใครที่เรียนจบม.6 แล้วอยากจะไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นบ้างมั้ยเอ่ย? วันนี้ พี่เฟิร์น จะพาน้องๆ มาเตรียมตัวเรื่องเอกสารสำคัญที่ต้องใช้สำหรับการสมัครมหาวิทยาลัยที่ประเทศญี่ปุ่นกันค่ะ
 
       หลังจากน้องๆ ศึกษาหาข้อมูลต่างๆ ของมหาวิทยาลัย คณะที่สนใจจะเรียนต่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกำหนดการรับสมัคร วิชาที่เปิดสอน ค่าเล่าเรียน และอื่นๆ ต่อไปก็ถึงเวลาเตรียมเอกสารกันแล้วล่ะค่ะ

1.ใบสมัคร
       แน่นอนว่าใบสมัครสำคัญที่สุดค่ะ ถ้าไม่มีใบสมัครแล้วจะสมัครได้ยังไงเนอะ ใบสมัครนี้ก็สามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บของมหาวิทยาลัยที่น้องๆ สนใจจะเรียนต่อเลยนะคะ
 

ตัวอย่างใบสมัครของมหาวิทยาลัยอาโอยามะ 

2.ประวัติส่วนตัว
       ในส่วนนี้ใช้แบบฟอร์มของโรงเรียน ซึ่งขอได้ที่ฝ่ายทะเบียนวัดผลนะคะ ในใบจะระบุสถานที่ศึกษาตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงการศึกษาระดับสูงสุดค่ะ

3.ใบแสดงผลการเรียน
       ในใบแสดงผลการเรียนนี้จะมีรายละเอียดผลการเรียนแต่ละวิชาของน้องๆ ในแต่ละระดับชั้นจนถึงการศึกษาระดับสูงสุดก็คือม.6 นั่นเองค่ะ ที่สำคัญคือ ต้องเป็นฉบับภาษาอังกฤษนะ

4.ใบรับรองการศึกษาขั้นสูงสุด
       อันนี้เป็นใบรับรองที่ทางโรงเรียนออกให้ โดยใช้เอกสารตัวจริงค่ะ ซึ่งขอได้ที่ทางทะเบียนวัดผลของโรงเรียนน้องๆ ค่ะ หากน้องๆ คนไหนที่อยากจะสมัครแต่ยังเรียนไม่จบ ก็ขอให้ทางโรงเรียนออกใบรับรองว่าจะจบการศึกษาภายในวันไหนได้เหมือนกัน ใบนี้ก็ต้องเป็นภาษาอังกฤษนะ

5.ใบรับรองการศึกษาภาษาญี่ปุ่น
       หากน้องคนไหนที่จะศึกษาต่อในหลักสูตรภาษาญี่ปุ่น ก็ต้องสอบผ่านการสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น N2 นะคะ และก็ยังมีผลสอบ EJU, TOEFL (80 คะแนนขึ้นไป) ,TELTS (6.0 ขึ้นไป)
อ่านรายละเอียดเรื่องการสอบวัดระดับได้ที่ จิ้ม
อ่านรายละเอียดเรื่องการสอบ EJU ได้ที่ จิ้ม

6.เอกสารชี้แจงเหตุผลในการศึกษา
อันนี้เป็นเหมือนเรียงความที่เราเขียนถึงจุดมุ่งหมาย เหตุผล ในการที่เราเลือกเรียนคณะนี้ เพื่อประกอบการพิจารณาค่ะ สามารถเข้าไปดูเทคนิคการเขียนเอกสารดังกล่าวได้ที่ จิ้ม

7.เอกสารของผู้ค้ำประกัน (ผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายระหว่างเรียน)
เป็นเอกสารที่แสดงภูมิลำเนา และความสัมพันธ์ของคนที่รับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายระหว่างที่เราเรียนอยู่ที่โน่นค่ะ ซึ่งผู้ค้ำประกันส่วนใหญ่ก็จะเป็นคุณพ่อคุณแม่ของเรานั่นเอง ยังไงก็ตาม อย่าทำให้ผู้ค้ำประกันเดือดร้อนนะคะ

8.สำเนาพาสปอร์ต
นอกจากพาสปอร์ตตัวจริงแล้ว ก็ต้องมีสำเนาพาสปอร์ตด้วยค่ะ สำหรับน้องๆ ที่ยังไม่ได้ทำพาสปอร์ตก็แนะนำให้ไปทำไว้จะดีกว่านะคะ เพราะพาสปอร์ตไม่ได้ใช้แค่สำหรับการเดินทางไปต่างประเทศอย่างเดียว และยังใช้แทนเอกสารทางราชการได้อีกด้วย

9.รูปถ่าย
แน่นอนว่ารูปถ่ายเป็นสิ่งสำคัญในการสมัคร ใช้รูปขนาด 1 นิ้วครึ่ง หน้าตรง ไม่สวมแว่นตา หรือหมวก จำนวน 8 ซึ่งเป็นรูปที่ถ่ายไว้ไม่เกิน 3 เดือนนะคะ


**ใช้ปากกาสีดำเขียนใบสมัคร หรือจะพิมพ์เอาดีกว่านะคะ**


 
รับสมัครช่วงไหน?
       มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะเปิดรับสมัครในช่วงสิงหาคม – ตุลาคมค่ะ ช่วงดำเนินเรื่องเอกสารจะอยู่ในช่วงมกราคม – มีนาคม และเปิดเทอมในเดือนเมษายนค่ะ

เรื่องค่าใช้จ่ายล่ะ?
       ถ้าพูดถึงเรื่องค่าครองชีพล่ะก็ ประเทศญี่ปุ่นเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีค่าครองชีพที่สูงพอสมควรเลยค่ะ โดยเฉพาะในเมืองหลวงอย่างกรุงโตเกียวนั้น จะมีค่าครองชีพสูงกว่าภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งจะตกอยู่ที่ประมาณเดือนละ 35,000 บาทต่อเดือนหากน้องๆ เลือกที่จะเรียนต่อมหาวิทยาลัยในโตเกียวนะคะ (ยังไม่รวมค่าหอพักนะ)
       ส่วนเรื่องหอพักนั้น แน่นอนว่าหอพักของมหาวิทยาลัยก็ต้องถูกกว่าและปลอดภัยกว่าแน่นอน
       และในส่วนของเรื่องค่าเล่าเรียนนั้นก็ย่อมแตกต่างกันไปในแต่ละมหาวิทยาลัย และแต่ละคณะ พี่จะขอยกตัวอย่างสัก 2 มหาวิทยาลัยละกันเนอะ มหาวิทยาลัยโตเกียว ค่าเล่าเรียนจะตกอยู่ที่ประมาณ 535,800 เยนต่อปี (ประมาณ 170,469 บาท) และมหาวิทยาลัยโอซาก้า ค่าเล่าเรียนจะอยู่ที่ประมาณ 535,800 เยนต่อปี (ประมาณ 170,469 บาท) ค่ะ
       ทีนี้น้องๆ ก็คงจะรู้แนวการเตรียมเอกสารกันแล้วนะคะ สำหรับคนที่ตั้งใจจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ประเทศญี่ปุ่น ก็แนะนำว่าให้ศึกษา หาข้อมูลของมหาวิทยาลัยและคณะที่โดนใจไว้ เวลาทางมหาวิทยาลัยเปิดรับสมัครจะได้รีบสมัครและส่งเอกสาร จะได้มีเวลาเตรียมตัวในเรื่องอื่นต่อไปเนอะ

ขอบคุณรูปจาก
https://pixabay.com/
 



พี่เฟิร์น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น