พี่น้องเชื่อว่าน้องๆ ชาวเด็กดีหลายคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับคำถามเชิงปรัชญาที่ชื่อ "Trolley Problem" กันมาบ้าง หรือเคยเห็นภาพบางภาพที่เกี่ยวกับคำถามนี้มาก่อน หลายคนพูดกันว่าเจ้าคำถามนี้แหละ วัดใจคนตอบได้ดีนัก แต่มันได้ผลแบบนั้นจริงๆ หรือ
วันนี้พี่น้องเลยไปหาข้อมูลมาว่านักปรัชญา นักจิตวิทยา หรือแม้แต่นักวิศวกรรมศาสตร์ เขามองคำถามนี้ยังไง และในปัจจุบัน คำถามนี้มันยังสร้างประโยชน์ให้เราเหมือนเมื่อห้าสิบปีก่อนตอนที่มันถือกำเนิดได้หรือไม่
แต่ก่อนที่เราจะไปอ่านบทความ พี่น้องมีคำถาม 3 ข้อมาถาม ขอให้น้องๆ ตอบคำถามนี้ในใจทุกข้อ ก่อนเริ่มอ่านบทความค่ะ
วันนี้พี่น้องเลยไปหาข้อมูลมาว่านักปรัชญา นักจิตวิทยา หรือแม้แต่นักวิศวกรรมศาสตร์ เขามองคำถามนี้ยังไง และในปัจจุบัน คำถามนี้มันยังสร้างประโยชน์ให้เราเหมือนเมื่อห้าสิบปีก่อนตอนที่มันถือกำเนิดได้หรือไม่
แต่ก่อนที่เราจะไปอ่านบทความ พี่น้องมีคำถาม 3 ข้อมาถาม ขอให้น้องๆ ตอบคำถามนี้ในใจทุกข้อ ก่อนเริ่มอ่านบทความค่ะ
คำถาม
*คำถามพวกนี้ พี่น้องดัดแปลงจากคำถามจริงเพื่อให้สถานการณ์ดูเข้าถึงง่ายที่สุดค่ะ*
1. เรายืนอยู่ข้างสวิตซ์สับรางรถราง ในขณะนั้นเราเป็นคนเดียวที่สังเกตเห็นรถรางเบรกขัดข้องกำลังพุ่งมา แต่รางแยกออกเป็น 2 ราง รางหลักที่รถกำลังมุ่งไปมีนักท่องเที่ยว 5 คนยืนถ่ายรูปอยู่ อีกรางมีนักท่องเที่ยว 1 คน คำถามคือเราจะสับรางเพื่อให้รถไฟเปลี่ยนไปชนนักท่องเที่ยว 1 คนนั้นหรือไม่?
2. เราอยู่บนสะพาน บนนั้นมีแค่เรากับชายอ้วนที่เราไม่รู้จัก ด้านล่างเป็นรางรถ และมีรถรางเบรกขัดข้องกำลังพุ่งตรงมายังนักท่องเที่ยว 5 คน ถ้าเราผลักชายอ้วนคนนั้นลงไปที่รางด้านล่าง ตัวเขาจะขวางรถรางไม่ให้ไปชนนักท่องเที่ยว 5 คนนั้นได้ คำถามคือเราจะผลักชายคนนั้นลงไปขวางรถรางไว้หรือไม่?
3. เราขับรถอยู่แล้วรถเบรกแตก ทิศทางที่รถพุ่งไปเป็นแผงขายของ มีคนยืนซื้อของอยู่ 5 คน วินาทีนั้นเรารู้ว่าถ้าหักพวงมาลัยไปอีกทาง รถจะพุ่งไปยังธนาคารซึ่งมีรปภ.อยู่หน้าตึก 1 คน คำถามคือเราจะปล่อยให้รถพุ่งไปหาแผงขายของ หรือหักรถไปทางธนาคาร?
2. เราอยู่บนสะพาน บนนั้นมีแค่เรากับชายอ้วนที่เราไม่รู้จัก ด้านล่างเป็นรางรถ และมีรถรางเบรกขัดข้องกำลังพุ่งตรงมายังนักท่องเที่ยว 5 คน ถ้าเราผลักชายอ้วนคนนั้นลงไปที่รางด้านล่าง ตัวเขาจะขวางรถรางไม่ให้ไปชนนักท่องเที่ยว 5 คนนั้นได้ คำถามคือเราจะผลักชายคนนั้นลงไปขวางรถรางไว้หรือไม่?
3. เราขับรถอยู่แล้วรถเบรกแตก ทิศทางที่รถพุ่งไปเป็นแผงขายของ มีคนยืนซื้อของอยู่ 5 คน วินาทีนั้นเรารู้ว่าถ้าหักพวงมาลัยไปอีกทาง รถจะพุ่งไปยังธนาคารซึ่งมีรปภ.อยู่หน้าตึก 1 คน คำถามคือเราจะปล่อยให้รถพุ่งไปหาแผงขายของ หรือหักรถไปทางธนาคาร?
เมื่ออ่านจบแล้ว ทีนี้มารู้จักกับคำถามเชิงปรัชญานี้ให้ละเอียดยิ่งขึ้นดีกว่า
Trolley Problem คืออะไร?
Trolley Problem (ทรอลลี พร็อบเบลม) เป็นชื่อเรียกคำถามเชิงปรัชญาที่ใครบางคนคิดขึ้นและใช้ในแวดวงนักปรัชญาอย่างกว้างขวาง คำถามนั้นมี 2 เวอร์ชั่นค่ะ แล้วแต่ใครจะหยิบยกเวอร์ชั่นไหนขึ้นมา
เวอร์ชั่นที่ 1 คือ "เวอร์ชั่นสับราง" ในขณะที่รถรางกำลังแล่นไปตามรางและจะทับคน 5 คน เราเป็นคนเลือกว่าจะสับสวิตซ์เพื่อเปลี่ยนให้รถรางแล่นไปอีกรางซึ่งมีคนแค่ 1 คนหรือไม่
เวอร์ชั่นที่ 1 คือ "เวอร์ชั่นสับราง" ในขณะที่รถรางกำลังแล่นไปตามรางและจะทับคน 5 คน เราเป็นคนเลือกว่าจะสับสวิตซ์เพื่อเปลี่ยนให้รถรางแล่นไปอีกรางซึ่งมีคนแค่ 1 คนหรือไม่
relativelyinteresting.com
เวอร์ชั่นที่ 2 คือ "เวอร์ชั่นสะพาน" กรณีนี้เราไม่มีสวิตซ์ให้สับ แต่เราจะยืนอยู่บนสะพานกับคนร่างใหญ่หนึ่งคน เราต้องเลือกว่าจะผลักเขาไปขวางรถรางไม่ให้แล่นมาทับคน 5 คนหรือไม่
yalenusblog.wordpress.com
ทั้ง 2 เวอร์ชั่นนี้ตั้งคำถามเดียวกัน คือ "คุณจะเลือกอะไร ระหว่างปล่อยให้คน 5 คนตาย หรือยอมสละชีวิตคน 1 คนเพื่อช่วย 5 คนนั้น" คำตอบก็มีแค่ 2 ตัวเลือก ห้ามตอบนอกเหนือจากนี้
Black Bear Pictures
ตัวอย่างง่ายๆ ของคำถามนี้ก็เช่นในเรื่อง The Imitation Game หรือในหน้าประวัติศาสตร์ ที่อลัน ทัวริ่งไขโค้ดลับของทหารเยอรมันได้ แต่กลับแจ้งเตือนกองทัพที่กำลังจะโดนโจมตีไม่ได้ เพราะถ้าบอกไป เยอรมันจะรู้ทันทีว่าอังกฤษไขรหัสได้แล้วและเปลี่ยนรหัส ต้องมานั่งไขกันใหม่อีก
พวกเขาจึงต้องยอมเสียกองทัพนั้น แลกกับโอกาสที่จะปกป้องกองทัพอื่นๆ ในอนาคตนั่นเองค่ะ
พวกเขาจึงต้องยอมเสียกองทัพนั้น แลกกับโอกาสที่จะปกป้องกองทัพอื่นๆ ในอนาคตนั่นเองค่ะ
นักปรัชญามอง Trolley Problem ยังไง?
เบื้องต้นคำถามนี้ทำให้นักปรัชญาแบ่งคนตอบออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
กลุ่มที่เลือกช่วยคน 5 คนเป็นพวก "เน้นประโยชน์เป็นหลัก" น้องๆ ลองชั่งน้ำหนักดูว่าระหว่างชีวิตคน 5 คนกับชีวิตคน 1 คน ฝั่งไหนดูมีค่ามากกว่ากัน?
ก็ต้องเป็นชีวิตคน 5 คนใช่มั้ยคะ?
ก็ต้องเป็นชีวิตคน 5 คนใช่มั้ยคะ?
กลับกันคนที่เลือกช่วยคน 1 คนแล้วปล่อยให้ 5 คนตายเป็นพวก "เน้นหน้าที่ส่วนตนเป็นหลัก" คนพวกนี้เชื่อว่าเราไม่ควรฆ่าใคร แม้จะฆ่าเพื่อประโยชน์ของคนอื่นก็ตาม คนกลุ่มนี้จึงเลือกที่จะปล่อยให้คน 5 คนตายตามผลที่มันควรจะเป็น พูดง่ายๆ ว่า เราจะไม่ขอกำหนดชะตากรรมของใคร
ทั้งหมดนี้เป็นหลักการที่นักปรัชญาใช้วิเคราะห์ "ทัศนคติ" ในตัวคนแต่ละคน ทำให้เกิดกลุ่ม "เน้นประโยชน์ส่วนรวม" กับกลุ่ม "เน้นหน้าที่ส่วนตน"
ทั้งหมดนี้เป็นหลักการที่นักปรัชญาใช้วิเคราะห์ "ทัศนคติ" ในตัวคนแต่ละคน ทำให้เกิดกลุ่ม "เน้นประโยชน์ส่วนรวม" กับกลุ่ม "เน้นหน้าที่ส่วนตน"
แล้วนักจิตวิทยามอง Trolley Problem ยังไง?
นักจิตวิทยาที่วิเคราะห์ความคิดของมนุษย์โดยอาศัยหลักเหตุและผลก็สนใจคำถาม Trolley Problem เช่นกันค่ะ
พวกเขาตีความว่า คำตอบของ Trolley Problem คือการ "ลงมือฆ่า" หรือ "ปล่อยให้ตาย"
ไม่ว่ายังไง ผลลัพธ์ของสถานการณ์นี้ก็ต้องมีคนตาย คนตอบจึงต้องเลือกระหว่างจะเป็นคนฆ่าเอง หรือปล่อยให้รถรางฆ่า
พวกเขาตีความว่า คำตอบของ Trolley Problem คือการ "ลงมือฆ่า" หรือ "ปล่อยให้ตาย"
ไม่ว่ายังไง ผลลัพธ์ของสถานการณ์นี้ก็ต้องมีคนตาย คนตอบจึงต้องเลือกระหว่างจะเป็นคนฆ่าเอง หรือปล่อยให้รถรางฆ่า
คำตอบที่ได้สะท้อนการตัดสินใจของแต่ละคนค่ะ คนที่เลือกลงมือฆ่า เป็นคนที่เน้น "ความเป็นเหตุและผล" ประเมินสถานการณ์ว่าหากเลือกฆ่า 1 คน จะมีคนรอดมากกว่า ย่อมดีกว่า
ตรงข้ามกับคนที่เลือกไม่ฆ่าและปล่อยให้รับผิดชอบชีวิตกันเอง คนกลุ่มนี้เป็นคนที่เน้น "สัญชาตญาณและความรู้สึก" เพราะโดยธรรมชาติของมนุษย์การฆ่าคนตายนั้นยากกว่าปล่อยให้คนถูกฆ่า และยังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเข้ามาเกี่ยวด้วย
ถ้าเราลงมือฆ่า เราจะกลายเป็นคนผิดทันที (แม้เราจะช่วยชีวิตอีก 5 คนไว้ก็ตาม) แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย ถึงแม้คน 5 คนนั้นจะตาย แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่ความผิดเราโดยตรง จะโยนความผิดให้รถรางหรือคน 5 คนนั้นก็แล้วแต่
คำถามนี้สะท้อนให้เห็นกลไกการทำงานของจิตใจคน เมื่อต้องอยู่สถานการณ์แบบนี้ ทำให้แบ่งคนออกเป็น "ผู้ใช้เหตุผล" กับ "ผู้ใช้สัญชาตญาณและความรู้สึก"
ถ้าเราลงมือฆ่า เราจะกลายเป็นคนผิดทันที (แม้เราจะช่วยชีวิตอีก 5 คนไว้ก็ตาม) แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย ถึงแม้คน 5 คนนั้นจะตาย แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่ความผิดเราโดยตรง จะโยนความผิดให้รถรางหรือคน 5 คนนั้นก็แล้วแต่
คำถามนี้สะท้อนให้เห็นกลไกการทำงานของจิตใจคน เมื่อต้องอยู่สถานการณ์แบบนี้ ทำให้แบ่งคนออกเป็น "ผู้ใช้เหตุผล" กับ "ผู้ใช้สัญชาตญาณและความรู้สึก"
แต่สองเวอร์ชั่นให้ผลลัพธ์ต่างกัน
นักจิตวิทยายังวิเคราะห์ออกมาอีกว่า คำตอบที่ได้จาก Trolley Problem 2 เวอร์ชั่นให้ผลลัพธ์ต่างกันด้วย
เพราะเวอร์ชั่น "สะพาน" เราต้องเป็นฝ่ายผลักคนลงมาจากสะพาน การสัมผัสคนโดยตรงทำให้เรายิ่งรู้สึกผิดมากกว่าการสับสวิตซ์เพื่อให้รถรางไปทับคน 1 คน
เพราะเวอร์ชั่น "สะพาน" เราต้องเป็นฝ่ายผลักคนลงมาจากสะพาน การสัมผัสคนโดยตรงทำให้เรายิ่งรู้สึกผิดมากกว่าการสับสวิตซ์เพื่อให้รถรางไปทับคน 1 คน
หากเป็นการตอบคำถามเวอร์ชั่น "สะพาน" คนจึงเลือกที่จะปล่อยให้คน 5 คนตายมากกว่า เพราะไม่รู้สึกอยากผลักคนลงไป ในขณะที่เวอร์ชั่น "สับราง" คนจะกล้าเลือกสับสวิตซ์มากกว่า เพราะความรับผิดชอบดูเบาลง
เกือบ 50 ปีที่ผ่านมา คนยังมอง Trolley Problem เหมือนเดิมหรือไม่?
Trolley Problem มีมาตั้งแต่ก่อนปี 1967 อีกค่ะ ดังนั้นอายุของมันก็น่าจะเกือบ 50 ปีเข้าไปแล้ว ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้มันยังคงเป็นคำถามที่นักเรียนสายปรัชญาต้องเจอ และมีคนจากศาสตร์ต่างๆ พยายามตีความหรือหาจุดอ่อนของคำถามนี้
มีหลายคนเลยทีเดียวที่มองว่าคำถามนี้ยังมีจุดอ่อนอยู่
ข้อแรก คือ เราอาจเจอเหตุการณ์ที่เราต้องเลือกระหว่างช่วยคนที่เรารักเพียง 1 คน กับคนที่เราไม่รู้จักอีก 50 คน แค่มีปัจจัย "คนใกล้ตัว" เพิ่มเข้ามาก็อาจทำให้คำตอบของคนหลายคนเปลี่ยนได้เหมือนกัน
ข้อต่อมา คือ สถานการณ์ที่ให้มาค่อนข้าง "เกินจริง" เพราะคงไม่มีใครบังเอิญไปอยู่ใกล้ที่สับสวิตซ์และต้องช่วยคน 5 คนที่อยู่กลางรางกับคน 1 คนจริงๆ หรอก
เมื่อคำถามดูเกินจริง ก็ทำให้คนตอบไม่รู้สึก "อิน" กับมัน และเลือกตอบโดยมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องมากกว่า เช่น บางคนอาจไม่จริงจังมาก ก็เลือกตอบช่วยคน 5 คน เพราะคิดว่าฟังดูดีกว่า บางคนจริงจังสุดๆ คิดสะระตะไปถึงว่าถ้าผลักคนลงมาจากสะพาน เราอาจจะติดคุก ก็เลือกปล่อยให้ 5 คนตายดีกว่า
เมื่อคำถามไม่สมจริง คำตอบที่ได้ก็น่าเชื่อถือน้อยลงไปด้วย ทำให้เอามาใช้ตัดสินคนไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
แต่มีคนกลุ่มหนึ่งที่ใช้ประโยชน์จากคำถามนี้ได้ดีทีเดียวค่ะ
มีหลายคนเลยทีเดียวที่มองว่าคำถามนี้ยังมีจุดอ่อนอยู่
ข้อแรก คือ เราอาจเจอเหตุการณ์ที่เราต้องเลือกระหว่างช่วยคนที่เรารักเพียง 1 คน กับคนที่เราไม่รู้จักอีก 50 คน แค่มีปัจจัย "คนใกล้ตัว" เพิ่มเข้ามาก็อาจทำให้คำตอบของคนหลายคนเปลี่ยนได้เหมือนกัน
ข้อต่อมา คือ สถานการณ์ที่ให้มาค่อนข้าง "เกินจริง" เพราะคงไม่มีใครบังเอิญไปอยู่ใกล้ที่สับสวิตซ์และต้องช่วยคน 5 คนที่อยู่กลางรางกับคน 1 คนจริงๆ หรอก
เมื่อคำถามดูเกินจริง ก็ทำให้คนตอบไม่รู้สึก "อิน" กับมัน และเลือกตอบโดยมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องมากกว่า เช่น บางคนอาจไม่จริงจังมาก ก็เลือกตอบช่วยคน 5 คน เพราะคิดว่าฟังดูดีกว่า บางคนจริงจังสุดๆ คิดสะระตะไปถึงว่าถ้าผลักคนลงมาจากสะพาน เราอาจจะติดคุก ก็เลือกปล่อยให้ 5 คนตายดีกว่า
เมื่อคำถามไม่สมจริง คำตอบที่ได้ก็น่าเชื่อถือน้อยลงไปด้วย ทำให้เอามาใช้ตัดสินคนไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
แต่มีคนกลุ่มหนึ่งที่ใช้ประโยชน์จากคำถามนี้ได้ดีทีเดียวค่ะ
การดัดแปลง Trolley Problem มาใช้กับสมองกล
นักวิศวกรรมศาสตร์กลับมองว่า Trolley Problem เป็นคำถามที่เหมาะเอามาใช้ในการสร้างหุ่นยนต์ หรือที่เป็นที่รู้จักในตอนนี้ว่า A.I. (Artificial Intelligence)
น้องๆ ชาวเด็กดีคงเคยดูหนังประเภทหุ่นยนต์ยึดโลกอะไรแบบนี้อยู่บ้างใช่มั้ยคะ นักวิทยาศาสตร์พยายามสร้างหุ่นยนต์เพื่อเอามาทดแทนแรงงานมนุษย์ในหลายๆ ด้านมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว และทุกวันนี้โรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ก็ใช้เครื่องจักรที่ได้รับการโปรแกรมคำสั่งผลิตสินค้าให้ทั้งหมด ซึ่งรวดเร็วและแม่นยำกว่าแรงงานคนมาก
น้องๆ ชาวเด็กดีคงเคยดูหนังประเภทหุ่นยนต์ยึดโลกอะไรแบบนี้อยู่บ้างใช่มั้ยคะ นักวิทยาศาสตร์พยายามสร้างหุ่นยนต์เพื่อเอามาทดแทนแรงงานมนุษย์ในหลายๆ ด้านมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว และทุกวันนี้โรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ก็ใช้เครื่องจักรที่ได้รับการโปรแกรมคำสั่งผลิตสินค้าให้ทั้งหมด ซึ่งรวดเร็วและแม่นยำกว่าแรงงานคนมาก
แม้ความฉลาดของหุ่นยนต์จะเริ่มกินขาด แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาทั้งในละครและชีวิตจริง คือ เราทำให้หุ่นยนต์มีความรู้สึก และรู้จักผิดชอบชั่วดีแบบมนุษย์ไม่ได้ค่ะ
คริส เกิร์ดส์ ศาสตราจารย์ประจำสาขาวิศวกรรมเครื่องกลของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ได้ทำการทดลองมาหลายปีเพื่อสร้างรถยนต์ไร้คนขับ (แบบที่ Google เองก็ทำอยู่) แต่มีปัญหาหนึ่งที่เขาแก้ไม่ตกสักที คือการทำโปรแกรมให้หุ่นยนต์ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร เมื่อรถกำลังจะประสบอุบัติเหตุ
คริส เกิร์ดส์ ศาสตราจารย์ประจำสาขาวิศวกรรมเครื่องกลของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ได้ทำการทดลองมาหลายปีเพื่อสร้างรถยนต์ไร้คนขับ (แบบที่ Google เองก็ทำอยู่) แต่มีปัญหาหนึ่งที่เขาแก้ไม่ตกสักที คือการทำโปรแกรมให้หุ่นยนต์ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร เมื่อรถกำลังจะประสบอุบัติเหตุ
Google via telegraph.co.uk
ซึ่งนี่เป็นคำถามเดียวกับที่พี่น้องถามไว้ในข้อ 3 หากขับรถอยู่แล้วรถเกิดเสียหลักหรือเบรกแตก ต้องเลือกระหว่างชนคน 3 คนกับคน 1 คน หุ่นยนต์ควรจะเลือกทางไหน
ถ้าเป็นหุ่นยนต์ทั่วไป มันควรจะคำนวณว่า 1 คนย่อมสูญเสียน้อยกว่าและเลือก 1 คนแน่ เพราะมันเป็นสาย "เหตุและผล" ใช่มั้ยคะ
แต่ศาสตราจารย์เกิร์ตส์มองว่าเขาอยากได้ผลลัพธ์ที่มีความเป็น "มนุษย์" มากกว่านี้ เขาต้องการผลลัพธ์ที่คนที่ซื้อรถไปใช้ยอมรับได้ มากกว่าผลลัพธ์ที่หุ่นยนต์เห็นว่าดี เขาจึงใช้ Trolley Problem เป็นต้นแบบ แล้วพยายามคำตอบให้ได้ว่า "มนุษย์" เลือกเส้นทางไหนมากกว่ากัน
เพราะถ้ารถที่ออกวางขายไปเกิดตัดสินใจผิดไปจากที่มนุษย์น่าจะตัดสินใจ ก็อาจทำให้เกิดข้อกังขา และพาลทำให้คนไม่วางใจรถอัจฉริยะแบบนี้ก็ได้
ถ้าเป็นหุ่นยนต์ทั่วไป มันควรจะคำนวณว่า 1 คนย่อมสูญเสียน้อยกว่าและเลือก 1 คนแน่ เพราะมันเป็นสาย "เหตุและผล" ใช่มั้ยคะ
แต่ศาสตราจารย์เกิร์ตส์มองว่าเขาอยากได้ผลลัพธ์ที่มีความเป็น "มนุษย์" มากกว่านี้ เขาต้องการผลลัพธ์ที่คนที่ซื้อรถไปใช้ยอมรับได้ มากกว่าผลลัพธ์ที่หุ่นยนต์เห็นว่าดี เขาจึงใช้ Trolley Problem เป็นต้นแบบ แล้วพยายามคำตอบให้ได้ว่า "มนุษย์" เลือกเส้นทางไหนมากกว่ากัน
เพราะถ้ารถที่ออกวางขายไปเกิดตัดสินใจผิดไปจากที่มนุษย์น่าจะตัดสินใจ ก็อาจทำให้เกิดข้อกังขา และพาลทำให้คนไม่วางใจรถอัจฉริยะแบบนี้ก็ได้
คำถามที่ไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง
เอาล่ะค่ะ ทีนี้เรากลับมาดูคำตอบที่น้องๆ เลือกเอาไว้ตั้งแต่ต้นบทความ หลังจากอ่านมาแล้วรู้สึกยังไงบ้างค่ะ มีใครบ้างที่ตอบ 3 ข้อตรงกันหมด? แล้วมีใครบ้างที่บางข้อก็ตอบต่างออกไป อะไรทำให้เราเลือกอีกทาง?
จริงหรือเปล่าที่เรารู้สึกลังเลมากขึ้น เมื่อต้องผลักผู้ชายตกจากสะพาน?
มีใครคิดบ้างว่าต่อให้เราเลือกไม่ทำอะไรเลยแล้วมองคน 5 คนตาย สุดท้ายเราก็คงรู้สึกผิดเหมือนกันนั่นแหละ?
มีใครบ้างที่คิดว่าถ้าเป็นเราจะเลือกตะโกนบอกให้คนหลบจากรางแทนที่จะสับสวิตซ์?
มีใครบ้างที่คิดว่าไม่อยากชนธนาคาร เพราะค่าซ่อมตึกน่าจะแพงกว่าค่ารถเข็นขายของ?
มีใครบ้างที่คิดไปไกลถึงขั้นว่าชนคนหนึ่งคนตาย เราเสียค่าทำขวัญน้อยกว่าชนคนหลายคนตาย?
สุดท้ายแล้ว คำถามนี้ไม่มีคำตอบไหนผิดหรือถูก มันขึ้นอยู่กับว่าเรามีแนวคิดแบบไหนมากกว่าเท่านั้นเองค่ะ มาลองแชร์ความคิดเห็นกันดูนะคะ
จริงหรือเปล่าที่เรารู้สึกลังเลมากขึ้น เมื่อต้องผลักผู้ชายตกจากสะพาน?
มีใครคิดบ้างว่าต่อให้เราเลือกไม่ทำอะไรเลยแล้วมองคน 5 คนตาย สุดท้ายเราก็คงรู้สึกผิดเหมือนกันนั่นแหละ?
มีใครบ้างที่คิดว่าถ้าเป็นเราจะเลือกตะโกนบอกให้คนหลบจากรางแทนที่จะสับสวิตซ์?
มีใครบ้างที่คิดว่าไม่อยากชนธนาคาร เพราะค่าซ่อมตึกน่าจะแพงกว่าค่ารถเข็นขายของ?
มีใครบ้างที่คิดไปไกลถึงขั้นว่าชนคนหนึ่งคนตาย เราเสียค่าทำขวัญน้อยกว่าชนคนหลายคนตาย?
สุดท้ายแล้ว คำถามนี้ไม่มีคำตอบไหนผิดหรือถูก มันขึ้นอยู่กับว่าเรามีแนวคิดแบบไหนมากกว่าเท่านั้นเองค่ะ มาลองแชร์ความคิดเห็นกันดูนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก
theatlantic.com
theatlantic.com
28 ความคิดเห็น
คิดไปถึงขั้นนี้แล้วจริงๆ
จริงๆมันวัดนิสัยแท้ของเราไม่ได้หรอกมนุษย์เรามันซับซ้อนเกินไป
คือเรากำลังคิดว่าปล่อยให้5คนนั้นตายดีกว่า//โหดร้าย
แต่ถ้าเกิดขึ้นจริงเราก็ไม่รู้ว่าในขณะนั้นควรทำอะไรหรอก//สติแตกก่อนน่ะ
เลือกยากแบบนี้เสียสละมันให้หมดเยละกัน RIP ;-; 55555
ตอนแรกคิดจะตะโกนค่ะ พออ่านๆไป มีตัวเลือกแค่ 2 ข้อก็โหดป้ายยยยยยย แง้ๆๆๆๆ คือเราคิดทั้งสับคันโยก ทั้งผลักชายอ้วนตะลงไปเลยค่ะ(มโนว่าตอนผลักเราตะโกนว่า... ขอโทษน้าาาาาาา แล้วผลัก!!) แต่แค่คิดก็รู้สึกผิดแล้วอ่ะ ไม่อาวววว
เราควรปล่อยไปตามกรรม
รู้สึกไม่ค่อยอยากตอบคำถามแบบนี้เท่าไหร่ เพราะอย่างแรกคำถามค่อนข้างเกินจริงอย่างที่บอกไปในบรรทัดล่างๆ จึงดูเหมือนว่ามันวัดอะไรไม่ได้เต็มร้อยว่าคนๆนั้นลึกๆแล้วเป็นอย่างไร (จิตใต้สำนึกแลัการใช้สัญชาติญาณ) เพราะในความเป็นจริงแล้ว มันมีปัจจัยมากมายเหลือเกินในการตัดสินใจทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นผลกระทบมาจากหลายๆอย่างทำให้ผลเปลี่ยนไป
ตอนแรกที่ผมตอบ (โดยที่ไม่ได้เห็นข้อจำกัดที่บอกว่าเลือกตอบได้แค่ 2 ข้อนี้เท่านั้น) ผมตอบว่า เป็นผม ผมจะตะโกนไปบอก 5 คนนั้นให้รีบๆหลบรถ ด้วยซ้ำ ฮ่าๆ คือในความจริงมันมีทางเลือกเยอะเยอะมากกว่า และบางครั้งในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ไม่มีเวลาตัดสินใจ เราก็ทำอะไรไม่ได้มากหรอก สติจะเป็นตัวบอกเอง เช่น เราขับรถเสียหลักจะพุ่งขนร้านค้าข้างทาง แค่บังเอิีญบังเอิญมือเรากลับพยายามหมุนหักออกมาในเสี้ยววินาทีหลังจากที่ "ตา" เหลือบไปเห็นคนมากมายที่อยู่ในร้าน บางครั้งสติก็ช่วยได้มากนะ สมองแทบจะยังไม่ทันสั่งการด้วยซ้ำ มือก็ไปก่อนแระ ฮ่าๆ
ทุกคำถามเราแค่คิดว่าไม่ควรมีใครสักคนต้องตายเพื่อช่วยชีวิตอีกคน เราแอบคิดว่าตอนรถไฟเราก็แค่ตะโกนบอกให้คนเดียวหลบแล้วหักรถไฟไปทาสงนั้น ตอนสะพานเราก็ตะโกนบอกนักท่องเที่ยวข้างล่าง ส่วนตอนขับรถเราก้ขับไปทาวธนาคารนั่นแหละ ถ้าลุงยามยืนอยู่คนเดียวก้น่าจะเห็นนะ
รูปแรก ถ้ามัดเชือกแล้วไม่ติดกับพื้น คือแค่มัดไว้ไม่ให้คนขยับได้เฉยๆ เราะจะสับราง ละวิ่ง4x100 อุ้ม,ลากไอที่โดนมัดอยู่คนเดียวมาวางตรงที่ๆปลอดภัย รถไฟก็จะไม่ทับใครตาย
ไอรูปสองนี่ยอมว่ะ TT
ข้อแรกที่สลับรางไปอีกทางที่มีคนเดียว
เราคิดว่ามันไม่ใช่ทางที่คนอื่นเขาใช้กันหรือเปล่า ถ้าใช้กันปกติทั่วไปทำไมต้องสลับราง?
เราจะวิ่งไปตามทางที่เขากำหนดไปดีกว่า ขืนสลับไปอีกทางแล้วเส้นทางไม่ดี ชำรุด
มีโอกาสทำให้เรา(และอาจจะมีผู้โดยสารอื่น)เสียชีวิตกันทั้งคันรถก็เป็นได้
[bb-03]
เวอร์ชั่นรถรางตาย1 เวอร์ชั่นสะพานผลักชายอ้วนลงไป เวอร์ชั่นรถไปทางรปภ.
ถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ มันต้องมีวิธีการช่วยมากกว่านั้น ไม่ใช่มีแค่2ตัวเลือก
คำถามนี่ก็โหดไปนะ