สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com วันนี้ พี่นิทาน จะมาเล่าเรื่องทริปยุโรปของพี่เองซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว (หวังว่าคงไม่นานเกินไปนะ 555) ในช่วงเดือนสิงหาคม กำลังร้อนได้ที่เลย ซึ่งที่ยุโรปเนี่ยพอเข้าหน้าร้อนทุกคนก็จะชอบออกไปไหนมาไหนมาก ตอนนั้นพี่มีโอกาสได้ไปเที่ยวอิตาลีกับเพื่อนชาวอิตาเลียน 2 คน และตอนนั้นที่มิลานกำลังเห่องาน EXPO อยู่ เพื่อนเลยชวนไป น้องๆ หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักงาน EXPO ที่ว่านี้ แต่เดี๋ยวพี่จะเล่าให้ฟังค่ะ
.jpg)
งาน EXPO 2015 นี้จัดขึ้นที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เป็นเวลาทั้งหมดประมาณ 7 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2015 โดยงานเอ็กซ์โปจะเป็นงานแสดงสินค้าโลกที่หลายๆ ประเทศจะออกมาโชว์ของดีจากประเทศตัวเองกัน ไม่ว่าจะเป็นศิลปะ วัฒนธรรมต่างๆ ที่น่าสนใจ โดยปี 2015 นี้จะจัดภายใต้หัวข้อของ 'อาหาร' และคำขวัญประจำงานก็คือ 'Feeding the Planet, Energy for Life' นั่นเองค่ะ งานเอ็กซ์โปนี้จะจัดขึ้นทุกๆ 5 ปี และสำหรับปี 2015 นี้ก็เป็นปีที่สองที่มิลานได้เป็นเจ้าภาพจัดงานเอ็กซ์โป เรียกได้ว่าชาวอิตาเลียนตื่นเต้นและเห่อกันไม่น้อยเลยค่ะ
ช่วงนั้นพี่ไปเที่ยวและทำงานที่ยุโรปประมาณเกือบ 2 เดือน หลังจากไปใช้ชีวิตในฟาร์มที่สวีเดนมาแล้วก็ไปเที่ยวฮังการี และต่อด้วยอิตาลี เที่ยวกับเพื่อนชาวอิตาเลียนที่ชื่อ อลิซ ก่อนจะไปเที่ยวบ้านอลิซในเมืองทางเหนือเราก็ขอแวะมิลานเพื่อมาเที่ยวงานเอ็กซ์โปกันก่อนเลย
เรามาถึงงานเอ็กซ์โปกันด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินบ้านเค้าค่ะ การซื้อตั๋วนั้นคงไม่มีอะไรแนะนำ เพราะเพื่อนช่วยซื้อให้ ถ้าทำเองก็คงทำไม่เป็น เพราะคนที่นี่บางคนก็ไม่พูดภาษาอังกฤษกัน พอได้ทีมาเที่ยวกับคนอิตาเลียนก็สบายเลย 555 ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 10 โมงกว่าๆ ไม่เช้าไปแล้วก็ไม่สายเกินไป โชคดีที่ตอนมาถึงคนต่อแถวซื้อบัตรไม่เยอะมากเลยซื้อบัตรเข้างานได้อย่างรวดเร็วพร้อมได้แผนผังในงานมา จากนั้นเราก็เดินไปยาวๆๆๆ กว่าจะถึงงานนี่เรียกได้ว่าทั้งร้อนและเหนื่อยกันเลยทีเดียวค่ะ (ทั้งที่เพิ่งมาแท้ๆ) อากาศช่วงนั้นเป็นหน้าร้อน แล้วก็ร้อนจริงๆ ร้อนเหมือนเวลาเราไปเที่ยวดรีมเวิร์ลในเมืองไทยอะไรประมาณนั้น ชาวไทยอย่างเราเลยเบื่อค่ะ เบื่ออากาศร้อน ก็บ่นกับเพื่อนไปตลอดทาง พอเราเข้ามาที่ตัวงาน อลิซก็นัดเจอกับเพื่อนชาวอิตาเลียนอีกคนที่ชื่อ มาร์ติน่า เราทำความรู้จักกันแล้วเดินเข้างาน
งานเอ็กซ์โปปี 2015 นี้มีประเทศจากทั่วโลกเข้าร่วมทั้งหมด 145 ประเทศ และแต่ละประเทศจะสร้างพาวิลเลียนของตัวเองขึ้นมาเพื่อให้คนเข้าไปดูของที่เค้ามี บางพาวิลเลียนก็ใหญ่จัดเต็ม บางพาวิลเลียนก็เล็กๆ แต่รายละเอียดเยอะ ลองนึกภาพเวลาเราไปงานอะไรใหญ่ๆ ที่อิมแพ็คฯ เมืองทองธานี หรือไม่ก็ไบเทค บางนา แต่ที่นี่ใหญ่กว่ามากและต้องเตรียมใจมาว่าต้องเหนื่อยมากแน่ๆ เราเดินเข้ามาโดยไม่ได้มีประเทศอะไรที่ตั้งใจหมายปองไว้ตั้งแต่แรก สำหรับตัวพี่เองอยากไปแวะพาวิลเลียนไทยมาก เพราะมีเพื่อนคนไทยที่ได้ทำงานที่เอ็กซ์โปนี้ (เคยอยากสมัคร แต่ตอนนั้นไม่ว่าง 555) อยากแวะไปเยี่ยม แต่เราก็ตัดสินใจว่าแวะพาวิลเลียนที่คนไม่เยอะมากก่อนแล้วกัน
จากภาพด้านบนคือพาวิลเลียนของประเทศบราซิล ตอนแรกพวกเราคิดว่าเป็นสวนสนุก เพราะเห็นพื้นที่เป็นตาข่ายแล้วอยากวิ่งเข้าไปกระโดดมากกกกกก แต่พอรอต่อแถวและถึงคิวพวกเรา เจ้าหน้าที่พูดห้ามไว้ก่อนเลยว่า 'ห้ามกระโดดนะคะ เดินดีๆ' กลายเป็นว่าพวกเราต้องเดินแบบเรียบร้อยๆ อาศัยการเด้งดึ๋งของจังหวะเดินเอา อยากกระโดดก็ทำไม่ได้ แต่ก็สนุกกันมาก พอเราเดินพ้นตาข่ายไปแล้วก็จะเป็นอาคารที่ข้างในแสดงผลงานและของดีจากประเทศบราซิล แต่อันนี้ไม่ได้ถ่ายรูปไว้มากเพราะยังไม่ค่อยโดนใจเท่าไหร่ เราเลยไปต่อที่อื่นกัน
เราไปเยี่ยมเยียนประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นลาว เขมร และอีกอย่างนึ่งที่ชอบมากสำหรับงานเอ็กซ์โปคือ ทุกๆ พาวิลเลียนจะมีตราประทับหรือตัวปั๊มไว้ให้เราปั๊มลงบนสมุดหรือโปสการ์ด หรืออะไรก็ได้ เพื่อเป็นที่ระลึก และแต่ละประเทศก็จะออกแบบตราประทับมาไม่เหมือนกัน ของพี่เองก็พกสมุดบันทึกไปด้วย เวลาเข้าพาวิลเลียนไหนก็จะไปประทับตราเก็บไว้ ถูกใจมากค่ะ จากนั้นเราเกิดคิดถึงประเทศไทยอย่างหนักเลยขอเพื่อนๆ ว่าไปเยี่ยมพาวิลเลียนไทยกันเถอะ ทั้งอยากเจอเพื่อน อยากเจอคนไทย (ไม่ได้พูดภาษาไทยมาเดือนกว่าๆ ละ อดใจไม่ไหว 555) เราก็เลยมาที่นี่ค่ะ
พาวิลเลียนของประเทศไทยสวยงามมากๆ และวันนั้นที่เราไปก็ตรงกับวันแม่ของไทย หรือวันที่ 12 สิงหาคมพอดีเลยค่ะ ที่งานเลยจัดซุ้มวันแม่เอาไว้ คืนนี้เค้าจะจัดงานกันค่ะ พอเราสามคนเดินมาถึงพาวิลเลียนไทยแล้วก็ต้องพบกับคิวที่ยาวมาก คนต่อแถวรออยากเข้าไปดูของไทย ซึ่งพาวิลเลียนไทยเรานี้จะมีฉายคลิปสั้นๆ ให้ดู เลยต้องเปิดให้เข้าเป็นรอบๆ ไปด้วยความดีใจที่ได้เจอคนไทย พอเราเห็นเจ้าหน้าที่ของพาวิลเลียนที่มั่นใจว่าต้องเป็นคนไทยแน่ๆ เราเลยทักเค้าไปด้วยภาษาไทย และพอเจ้าหน้าที่เห็นว่าเราเป็นคนไทยเท่านั้นแหละ เลยให้เรากับเพื่อนๆ เดินไปรอข้างหน้าโดยที่ไม่ต้องต่อแถวเลยค่ะ!!! ตอนนั้นรู้สึกภูมิใจมาก ทั้งภูมิใจในความเป็นไทยมาเยี่ยมพาวิลเลียนไทย แล้วก็ภูมิใจที่ได้สิทธิพิเศษแบบไม่รู้ตัว แถมเพื่อนอิตาเลียนสองคนที่มาด้วยกันก็ตื่นเต้นไปด้วย 555
พอเราเข้าไปก็มีการแสดงเล็กๆ น้อยๆ ที่นำเสนออาหารไทยและวัฒนธรรมไทยที่น่าประทับใจ แอบมองดูหน้าฝรั่งที่ดูทึ่งๆ กับความสวยงามของไทยแล้วก็ดีใจเหมือนกัน แต่พอเห็นรูปอาหารไทยแล้วก็หิวมาก แต่มาคิดได้ทีหลังว่ามันต้องเป็นการวางแผนทางการตลาดมาแน่ๆ เพราะทางออกพาวิลเลียนบังคับให้ออกมาเจอร้านขายของและอาหารของเค้าค่ะ 5555 แต่ก่อนที่เราจะเข้าร้านค้าก็มีเรื่องให้ตื่นเต้นอีกรอบคือ มีเจ้าหน้าที่ของพาวิลเลียนที่เป็นคนไทยอีกคนเดินเข้ามาถามเราว่า 'เป็นคนไทยใช่มั้ยคะ' เราตอบว่า 'ใช่ค่ะ' แล้วก็ยิ้มให้กัน แล้วเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า 'รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวเรามีของที่ระลึกให้' เท่านั้นแหละ ดีใจมากกกกกกก เพื่อนอิตาเลียนสองคนก็ดีใจเหมือนกัน รู้สึกว่าตัวเองเป็น VIP ขึ้นมาทันทีเลยล่ะ (ดูหน้าเพื่อนๆ 2 คนจากในรูด้านล่างได้เลยค่ะ ว่ารู้สึกดีใจแค่ไหน... ทำหน้าเจ๋งอยู่นะนั่น 555)
สักพักเจ้าหน้าที่ก็เอาของมาให้ เป็นของที่ระลึกจากงานเอ็กซ์โป พาวิลเลียนไทย เปิดดูถุงแล้วก็อดยิ้มดีใจไม่ได้ เพราะมีของน่ารักๆ ทั้งสมุด ปากกา เข็มกลัดที่เป็นลวดลายไทยๆ ที่ใจกว่านั้นคือเพื่อนๆ ดีใจแบบยิ้มไม่หุบ... บอกแล้วไงว่าคนไทยใจดี ^^ จากนั้นพอเราหิวก็เลยอดใจไม่ไหว ซื้ออาหารไทย (แช่แข็ง) ที่ราคามหาโหดแต่ก็ต้องยอมเพราะอยากกินอาหารไทยมาก เราเลือกข้าวแกงเขียวหวานมากินในราคาประมาณ 250 บาทไทย แม่เจ้า! แพงมาก แถมกินแล้วไม่อิ่มอีกต่างหาก 555 แอบเศร้า
หลังจากนั้นเราก็เดินกันต่อค่ะ พาวิลเลียนของแต่ละประเทศจะมีลูกเล่นและเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน ทั้งภายนอกและภายใน ใครสนใจสามารถเข้าไปดูพาวิลเลียนที่เด่นๆ ได้ในเว็บไซต์ของเอ็กซ์โปค่ะ http://www.expo2015.org/en/rivivi-expo/le-attrazioni/
ในส่วนของพาวิลเลียนบางประเทศก็จะมีของที่ระลึกขายน่ารักๆ ที่น่าสะสมเยอะมาก บางอันคิดว่าคงหาที่ไหนไม่ได้แล้ว แต่ก็ไม่ได้ซื้อมาเยอะเท่าไหร่เพราะราคาก็ไม่ได้ถูกมาก แต่ทุกคนในแต่ละพาวิลเลียนก็ต้อนรับกันดีมาก เหมือนทุกคนอยากนำเสนอและเล่าเรื่องเกี่ยวกับประเทศตัวเองให้คนฟังอยู่แล้ว ถ้าเราถามอะไรเกี่ยวกับประเทศเค้า เค้าก็จะยินดีตอบทุกอย่างเลยค่ะ
ถ่ายรูปกับชาวแอฟริกา จริงๆ ประเทศในแถบแอฟริกาก็มีพาวิลเลียนเยอะมาก และมีศิลปะ ของที่ระลึกที่สวยงามมากๆ แต่บางพาวิลเลียนเข้าไปแล้วจำชื่อประเทศไม่ได้ ต้องขอภัยด้วยค่ะ
พาเหรดของงานก็มีนะ น่ารักมากๆ
อีกหนึ่งพาวิลเลียนที่ชอบมากก็คือประเทศโปแลนด์ ที่ซุ้มด้านหน้าจะมีแจกเครื่องดื่ม เป็นน้ำแอปเปิ้ลของโปแลนด์ ซึ่งอร่อยมากกก พอเราต่อแถวชิมเสร็จก็เข้าไปในพาวิลเลียน ข้างในอลังและมีอะไรให้ดูเยอะมาก ทั้งดนตรี ธรรมชาติ
ต้นไม้ต่างๆ ของโปแลนด์ เห็นแล้วแอบกลัวว่ามันจะตาย สวยดีแต่บางต้นก็เหี่ยวๆ แล้วเพราะอากาศร้อน
มีแสดงดนตรีสดจากนักดนตรีของโปแลนด์ด้วยค่ะ
รถไฟที่ทำจากช็อคโกแลต เห็นแล้วอยากจับมากกกกกกก แต่จับไม่ได้
และที่ชอบที่สุดก็คงจะเป็นพาวิลเลียนของประเทศอียิปต์ ข้างในมีลูกเล่นที่น่าสนใจมาก คือก่อนเข้าเค้าจะมีแท็บเล็ตแจกคนละเครื่อง (ใช้ชั่วคราวนะ ไม่ได้ให้เลย) แล้วเปิดโหมดกล้องถ่ายรูปไว้ แล้วเราจะต้องใส่หูฟังเพื่อฟังเรื่องราวด้วย แต่จะต้องยกแท็บเลตขึ้นมาและส่องไปในบริเวณห้อง ตรงไหนก็ได้ จะมีตัวละครจากอียิปต์ขึ้นมาเล่าเรื่องให้เราฟังและนำให้เราเดินตามไปค่ะ ไม่ได้ถ่ายรูปตอนเล่นมาให้ดู ถ่ายมาแต่พวกรูปปั้นและของที่ระลึกที่สวยงามมากจากอียิปต์ค่ะ มาพาวิลเลียนนี้เสียเงินไปเยอะเหมือนกัน เพราะส่วนตัวชอบอียิปต์มากๆ
ที่พาวิลเลียนของอียิปต์มีชาวอียิปต์ที่น่ารักหลายคน และก็มีเพนท์เฮนน่าให้ในราคาถูกๆ ด้วย เพื่อนเลยจัดไปหนึ่งลาย
Tree of life ต้นไม้แห่งชีวิต สัญลักษณ์ประจำงานเอ็กซ์โป 2015
หลังจากสนุกสนานไปกับหลายๆ พาวิลเลียนแล้วพวกเราก็เหนื่อยกันพอสมควร แต่พอตกเย็นเราก็ไม่ลืมที่จะกลับไปที่พาวิลเลียนของไทย เพราะเค้ากำลังจะจัดงานวันแม่ค่ะ พอไปถึงทุกคนก็เปิดถ่ายทอดสดงานวันแม่จากประเทศไทย มีการจุดเทียนและร้องเพลงกัน เพื่อนๆ ต่างก็ชอบใจและประทับใจกันทุกคนเลยค่ะ ความจริงวันนั้นถ่ายรูปมาน้อยมาก มานึกตอนนี้ก็เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเยอะกว่านี้
งานเอ็กซ์โปครั้งต่อไปจะจัดในปี 2020 ที่ดูไบ ใครที่สนใจอยากไปก็เก็บตังค์กันได้ตั้งแต่ตอนนี้เลยนะคะ ถ้าได้ไปงานเอ็กซ์โปถือว่าเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าในชีวิตมาก ความจริงงานเอ็กซ์โปเดินไม่หมดภายในวันเดียวหรอกค่ะเพราะมันใหญ่มาก และมีพาวิลเลียนที่น่าเข้าเยอะมาก เสียดายที่พี่มีเวลาในมิลานแค่ไม่กี่วันเท่านั้น แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าและสนุกที่สุดแล้วค่ะ
4 ความคิดเห็น
อยากไปปปปปปป แต่คงต้องรออีกประมาณสิบปี ขอเวลาเก็บเงินทำงานก่อนน้า