The Complete University Guide เพิ่งปล่อยผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรสำหรับปี 2017 มาช่วงต้นเดือนนี้เอง มีผลการจัดอันดับทั้งตามระดับคุณภาพงานวิจัย ความพึงพอใจของผู้เรียน หรือแม้แต่สัดส่วนบัณฑิตที่ได้งานหลังเรียนจบอย่างรวดเร็ว และหนึ่งในประเภทการจัดอันดับก็คือคะแนนเฉลี่ยของนักเรียนที่สอบติดค่ะ และนี่ก็คือผลการจัดอันดับที่เราจะพูดกันในวันนี้
     การเรียนต่อระดับปริญญาตรีในอังกฤษไม่ได้มีสอบ GAT-PAT แบบบ้านเรา แต่เขาจะใช้คะแนนสอบ A-level กันค่ะ A-level ก็มีหลายวิชาให้เลือกสอบเช่นกัน เช่นถ้าจะเรียนต่อวิศวะ ก็ควรมีผลสอบ A-level ในวิชาเลขและฟิสิกส์ที่ดูดี แม้มหาวิทยาลัยส่วนมากจะไม่ได้กำหนดตายตัวว่าเกรดขั้นต่ำของแต่ละวิชา A-level คือเท่าไหร่ แต่ปกติยิ่งเกรดสูงก็ยิ่งมีโอกาสติดสูงค่ะ ดังนั้นการจัดอันดับที่เราพูดถึงกันอยู่นี้ก็เอาคะแนน A-level โดยเฉลี่ยของนักศึกษาใหม่รุ่นล่าสุดมาเป็นเครื่องมือในการจัดอันดับความยากง่ายของการเข้าเรียน ไปนับถอยหลังกันดีกว่าว่าที่ไหนจะเข้ายากที่สุดในสหราชอาณาจักร

คะแนนเฉลี่ยของผู้ที่ได้เข้าเรียน: 520 คะแนน (ควรได้ A-level อย่างน้อยเกรด A 2 วิชา เกรด B 2 วิชา เกรด C 1 วิชา)

Photo Credit: https://www.facebook.com/uniofsta

     มหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูส์เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของสก็อตแลนด์ และเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่เป็นอันดับที่ 3 ในกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ มีคณะทั้งหมด 4 คณะได้แก่คณะอักษรศาสตร์ คณะเทวศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์ มีนักศึกษาระดับปริญญาตรีประมาณ 8,000 คน

คะแนนเฉลี่ยของผู้ที่ได้เข้าเรียน: 524 คะแนน (ควรได้ A-level อย่างน้อยเกรด A 2 วิชา เกรด B 2 วิชา เกรด C 1 วิชา)

Photo Credit: https://www.facebook.com/durhamuniversity

     มหาวิทยาลัยเดอรัมเป็นมหาวิทยาลัยที่อาคารและพื้นที่บางส่วนของมหาวิทยาลัยได้ขึ้นเป็นมรดกโลกจึงมีชื่อเสียงในเรื่องความงดงามมาก มีคณะทั้งหมด 3 คณะได้แก่คณะสังคมศาสตร์และสุขภาพ (บริหาร, นิติและแพทย์อยู่ในคณะเดียวกันนี้) คณะอักษรศาสตร์และมนุษยศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์ มีนักศึกษาระดับปริญญาตรีประมาณ 13,000 คน

คะแนนเฉลี่ยของผู้ที่ได้เข้าเรียน: 567 คะแนน (ควรได้ A-level อย่างน้อยเกรด A 3 วิชา เกรด B 2 วิชา)

Photo Credit: https://www.facebook.com/imperialcollegelondon

     วิทยาเขตหลักของมหาวิทยาลัยอิมพีเรียลคอลเลจลอนดอนตั้งอยู่ข้างพระราชวังเคนซิงตัน เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านวิทยาศาสตร์มาช้านาน และผลิตนักวิทยาศาสตร์มาหลายยุคหลายสมัย มีคณะทั้งหมด 4 คณะได้แก่คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ และคณะบริหารธุรกิจ มีนักศึกษาระดับปริญญาตรีประมาณ 9,000 คน

คะแนนเฉลี่ยของผู้ที่ได้เข้าเรียน: 574 คะแนน (ควรได้ A-level อย่างน้อยเกรด A 4 วิชา เกรด B 1 วิชา)

     คงไม่มีใครไม่รู้จักมหาวิทยาลัยแห่งนี้ มหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ดเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ ผลิตศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงมากมายไม่ว่าจะอดีตนายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักรถึง 26 คน และผู้ได้รับรางวัลโนเบลอีก 27 คน อ๊อกซ์ฟอร์ดไม่ได้มีวิทยาเขตหลักแต่มีวิทยาลัย 38 แห่งกระจายอยู่ทั่วเมือง แต่ละวิทยาลัยจัดการเรียนการสอนและปกครองด้วยตัวเอง
มีนักศึกษาระดับปริญญาตรีรวมทุกวิทยาลัยประมาณ 12,000 คน

คะแนนเฉลี่ยของผู้ที่ได้เข้าเรียน: 600 คะแนน (แปลว่าอย่างน้อยทุกคนได้ A-level เกรด A กัน 5 วิชา)

     มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์เก่าแก่เป็นอันดับ 2 รองจากอ๊อกซ์ฟอร์ด ผู้ร่วมก่อตั้งเคมบริดจ์ส่วนมากเป็นศิษย์เก่าอ๊อกซ์ฟอร์ด มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ประกอบด้วยวิทยาลัย 31 แห่งกระจายอยู่ทั่วเมือง ดำเนินการเรียนการสอนแบ่งเป็น 6 คณะหรือ school ได้แก่คณะอักษรศาสตร์และมนุษยศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ชีวภาพ คณะแพทยศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์กายภาพ และคณะเทคโนโลยี มีนักศึกษาระดับปริญญาตรีรวมทุกวิทยาลัยประมาณ 13,000 คน

     ไม่พลิกโผเลยสำหรับมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์และมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด ที่ไม่ว่าจะจัดอันดับอะไรก็มักเป็น 2 มหาวิทยาลัยต้นๆ ของประเทศเสมอ สำหรับนักเรียนไทยที่ไม่ได้จบนานาชาติก็สามารถสมัครเข้าเรียนระดับปริญญาตรีในอังกฤษได้นะคะโดยการเรียนหลักสูตรปรับพื้นฐานนานาชาติประมาณ 1 ปีที่ประเทศอังกฤษค่ะ ซึ่งเกณฑ์การรับคะแนนหลักสูตรปรับพื้นฐานของแต่ละมหาวิทยาลัยจะแตกต่างกันออกไป ให้ดูข้อมูลจากเว็บไซต์มหาวิทยาลัยนั้นๆ นะคะ