5 ประสบการณ์ที่น่าจดจำของชีวิตเด็ก ป.โท ในอเมริกา (สนุกมาก)

     
       สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เจอกับ พี่เป้ และเล่าประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ เช่นเคย^^ วันนี้เรื่องที่นำมาฝากเป็นเรื่องจากอเมริกาที่อ่านแล้วสนุกมากๆ เลยล่ะ


       สวัสดีค่ะ เราชื่อลูกหมีค่ะ ตอนนี้กำลังศึกษาระดับปริญญาโท อยู่ที่เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในรัฐวิสคอนซิน ประเทศสหรัฐอเมริกาค่ะ เราได้ทุนรัฐบาล ก.พ. มาศึกษาในสาขา Applied Psychology  หรือจิตวิทยาประยุกต์ เราอยู่ที่นี่มาได้เกือบปีแล้ว วันนี้เลยอยากมาเล่า 5 ประสบการณ์สนุกๆ ที่เราได้เจอตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาให้ฟังค่ะ


 

ประสบการณ์ที่ทำให้รู้สึกว่า “โชคดีที่เกิดเป็นคนไทย”

      ด้วยความที่เราเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวที่เดินทางมาเรียน ในเมืองที่เราไม่รู้จักใครเลย ตั้งแต่มาถึง สิ่งแรกๆ ที่อยู่ในแพลนว่าจะต้องทำ คือ “การตามหาคนไทย”

      หลังจากมาถึงอเมริกาและอยู่ตัวคนเดียวได้ประมาณ 2 อาทิตย์ เราก็ได้รู้จักครอบครัวคนไทยทั้งหมด 3 ครอบครัวที่อยู่ที่นี่ (คนไทยทั้งหมดในเมืองมีแค่นี้จริงๆ) ประทับใจทุกคนตั้งแต่วันแรกๆ ที่เจอเลยค่ะ และตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ เราก็ได้รับความช่วยเหลือ ความเมตตาจากพี่ๆ เค้ามาโดยตลอด เหตุการณ์ที่ประทับใจในน้ำใจของพี่ๆ คนไทยที่นี่แบบไม่มีวันลืมเลยคือ วันที่เราต้องขนของย้ายหอพักจากหอพักชั่วคราวไปหอพักถาวรค่ะ วันนั้นเป็นวันที่เราลำบากที่สุด เหนื่อยที่สุด รู้สึกโดดเดี่ยวที่สุด รถก็ไม่มี เพื่อนก็ไม่มี ของก็เยอะมาก แถมหอพักที่นี่ก็มักจะไม่มีเฟอร์นิเจอร์ให้เลยสักชิ้น ไม่มีแม้แต่ฟูกหรือเตียงนอนเลยค่ะ (หอที่มีเฟอร์นิเจอร์มักจะเป็นหอที่หรูและแพงมากๆ) การเข้าหอใหม่ของเราเลยเหมือนเป็นการเริ่มสร้างเนื้อสร้างตัวใหม่หมด  แต่เพราะวันนั้นแหละที่ทำให้เรารู้สึกว่า “โชคดีที่เกิดเป็นคนไทย” 


      คนไทยที่นี่ไม่ทิ้งกันจริงๆ ค่ะ พอรู้ว่าเราจะย้ายหอ พี่คนแรกโทรมาบอกว่าที่บ้านมีฟูกเหลือ แล้วช่วยเป็นธุระหาซื้อเตียงนอนให้ ไปเลือกให้ ถ่ายรูปส่งมาให้ดู คำนวณราคาความสูงให้เรียบร้อย ไปยืมรถกระบะอีกบ้านมาขนให้ ขับรถมาชั่วโมงครึ่ง เอามาส่งและช่วยต่อเตียงแต่เช้า ทั้งๆ ที่พี่เค้าก็ยังวุ่นวายกับการซ่อมบ้านตัวเองอยู่ 

      พอบ่ายๆ พี่คนที่สองก็เอาลูกชายมาช่วยขนของยกของให้อีก วันนั้นน้องก็ป่วยอยู่ด้วย แต่ก็ยังมาช่วย ส่วนพี่คนที่สาม เห็นเราบ่นว่าเบื่ออาหารฝรั่ง อยากกินอาหารไทย พี่เค้าก็อุตส่าห์ทำแกงเขียวหวานกับผัดหน่อไม้มาส่งให้ถึงหอ คิดดูสิคะ คนเพิ่งรู้จักกัน ญาติพี่น้องก็ไม่ใช่ ความสัมพันธ์คือแค่เป็น คนไทยเหมือนกันเท่านั้น เค้ายังช่วยเหลือเราขนาดนี้ จะไม่ให้ภูมิใจกับวัฒนธรรมความมีน้ำใจอย่างนี้ได้ยังไง รูมเมทใหม่ที่เพิ่งเจอกันยังงงเลย ว่าทำไมเรามาใหม่แต่มีคนแวะเวียนมาช่วยเยอะขนาดนี้ ของเค้าต้องให้คุณแม่บินลัดฟ้ามาส่ง แล้วต้องมาอยู่ช่วยลงหลักปักฐานเป็นเดือนๆ ของเรานี่สบาย วันเดียวเสร็จ พร้อมอยู่เลยค่ะ

รูมเมทเป็นคนประหยัด

      เราได้รูมเมทเป็นชาวมาเลย์เชื้อสายจีน อยู่คณะเดียวกัน รู้จักกันผ่านอีเมล ตอนนั้นตกลงจะจับคู่เป็นรูมเมทกันเพราะเราคิดว่าเค้าน่าจะมีสปีชี่ส์ใกล้เคียงกับเราสุดแล้ว นิสัยคงคล้ายๆ กัน ไปด้วยกันได้ แรกๆ ยังไม่กล้าพอที่จะจับคู่กับฝรั่ง กลัวเจอปาร์ตี้กัญชาสายร็อค 5555 ก็อย่างที่บอก หอที่นี่ได้มาเป็นห้องเปล่าๆ เลย พอย้ายเข้ามาเราก็คิดว่าเดี๋ยวแบ่งกันซื้อเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ใหญ่ๆ ดีกว่า เวลาแยกย้ายกันไป ขายทิ้งจะได้ง่ายๆ ไม่ต้องมานั่งแบ่งเงินกันอีก ของใครของมันไปเลย เราเลยเริ่มถามเค้าก่อน 

เรา : ยูจะซื้ออะไร สนใจซื้อไมโครเวฟมั้ย?
รูมเมท : ไอไม่ใช้ไมโครเวฟ เพราะมันไม่ดีต่อสุขภาพ อยู่บ้านก็ไม่ใช้
เรา : ห๊ะ !!! #$%@*&^%&>^* แล้วโต๊ะกินข้าวล่ะ?
รูมเมท : ไอเอามากินบนโต๊ะอ่านหนังสือในห้องได้ สองสามวันมานี้ก็ทำแบบนั้นตลอด  
เรา : งั้นเครื่องดูดฝุ่นล่ะ ห้องเราพรมทั้งหลังนะ?
รูมเมท : ไอไม่เคยใช้เครื่องดูดฝุ่นมาก่อน แต่ถ้ามันจำเป็นไอซื้อเครื่องดูดฝุ่นก็ได้
เรา : โอเคๆ (รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็ไม่ต้องซื้อทุกอย่างคนเดียว) ส่วนในห้องนั่งเล่นไว้ค่อยคุยกันอีกทีเนอะ
รูมเมท : แต่ไอไม่ใช้ห้องนั่งเล่นนะ
เรา : หืมมมมมมมมมมมมม ว๊อททททททททท


ยังมีอีกค่ะ สองวันถัดมา...
รูมเมท : ไอไปคุยกับคนห้องข้างล่างมา เค้าบอกช่วงหน้าหนาวนี่ค่าไฟ $300 เลยนะ เพราะงั้นเราต้องช่วยกันประหยัด เวลาหน้าหนาวก็ให้ออกไปอยู่มหาลัยตั้งแต่เช้า ตอนเย็นค่อยกลับมา จะได้ไม่ต้องเปิดฮีทเตอร์ มันกินไฟ 

ทันใดนั้นเอง คุณแม่ของรูมเมทที่บินมาจากมาเลเซียและขออยู่ต่ออีกเดือนก็พูดขึ้นว่า
แม่รูมเมท: อย่าเข้าใจลูกเราผิดนะ เค้ามาทุนตัวเอง เค้าอยากช่วยพ่อแม่ประหยัด 
เรา : อ่อ ไม่เป็นไรค่ะ ประหยัดก็ดีแล้ว
แม่รูมเมท: แต่นอกจากเราจะประหยัดแล้ว การทำแบบนี้ยังช่วยโลกได้อีกด้วยนะ
เรา : หืมมมมมมมมมมมมมมม

     ประสบการณ์นี้เป็นประสบการณ์แรกๆ ที่ทำให้เราตระหนักถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรมเลย การอยู่ร่วมกันโดยมีอุปสรรคด้านภาษาและวัฒนธรรมนี่ลำบากมาก ดังนั้นการปรับตัว เปิดใจ และยอมรับในความแตกต่างทั้งความคิดความอ่าน ลักษณะนิสัยจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และแน่นอนว่าต่อจากนี้ไปอเมริกาจะพัดคนจากหลากหลายเชื้อชาติ หลากหลายวัฒนธรรมมาให้เราได้เรียนรู้อีกแน่นอน

ความตรงเวลาของฝรั่ง

       อย่างที่รู้ๆ กัน ฝรั่งจะค่อนข้างตรงต่อเวลามาก แล้วไม่ใช่แค่ตรงเวลาธรรมดานะ ขอเรียกว่า ตรงเวลาเป๊ะ! 5555 อย่างคลาสเริ่มเรียน 9.20 น. ถ้ามาถึงห้อง 9.10 น. นะ อย่างเก่งก็เจอแค่สองสามคนเท่านั้นแหละ ปกติเพื่อนเค้าจะเริ่มมาเต็มห้องก่อนเวลาเรียนไม่เกิน 5 นาทีเท่านั้น!


      เคยไปทำงานกลุ่มสัมภาษณ์ผู้บริหารกับเพื่อน วันนั้นเราเดินเท้าไปกันจากมหาวิทยาลัย เดินไปเรื่อยๆ จนเห็นสถานที่เป้าหมายปรากฎอยู่อีกไม่กี่เมตรข้างหน้า แต่พอดูเวลาดันเหลืออีก 5 นาทีกว่าจะถึงเวลานัด เพื่อนเลยหันมาบอกว่าให้เดินช้าๆ ตอนแรกเราก็คิดว่าเป็นมุขตลก แต่ปรากฎว่าเค้าทำจริงกันนะ เรานี่งงไปเลย

       เวลานัดทำงานกลุ่มกับเพื่อนก็เหมือนกัน นัดเวลาไหนก็มาตรงเวลานั้นเป๊ะ จนน่าตกใจ เหมือนแอบอยู่หลังเสาแล้วโผล่มาตอนเข็มวินาทีบอกเวลา 5555 คืองงว่าทำเวลาขนาดนั้นกันได้ยังไง แต่หลักการมาถึงตรงเวลาเป๊ะนี่มีในสไลด์เรื่อง Professionalism เรียนกันเป็นกิจลักษณะด้วยนะ เค้าเขียนไว้เลยว่าไม่ควรมาถึงก่อนเวลานัดเร็วไป แต่เราก็ไม่รู้หรอกว่าเร็วของเค้าหมายถึงเท่าไหร่ ><


อาหารที่ไม่มีในเมนู

      มีอยู่วันนึงไปสั่งช็อคโกแลตเย็นที่ร้านกาแฟ เราก็เห็นว่าในเมนูมีช็อคโกแลตร้อน เลยคิดว่าก็น่าจะสั่งช็อคโกแลตเย็นได้ แต่พอสั่งไป พนักงานก็ทำหน้างงๆ แล้วตอบว่า ที่นี่ไม่มีช็อคโกแลตเย็น มีแต่ช็อคโกแลตร้อน เราก็ถามว่าทำไม่ได้เลยหรอ เค้าก็บอกว่า ทำไม่ได้ เพราะช็อคโกแลตมันเป็นผง ต้องละลายในน้ำร้อน เลยมีแต่ช็อคโกแลตร้อน! แล้วมีหันไปถามเพื่อนพนักงานอีกคนด้วยนะ เพื่อความมั่นใจ อีกคนก็ยืนยันว่าทำไม่ได้ ทำได้แต่ช็อคโกแลตร้อนจริงๆ 555


      นี่ตรรกะเดียวกับที่พี่คนไทยเล่าให้ฟังเลย คือเค้าไปกินข้าวร้านเอเชีย แล้วสั่งผัดกะเพราหมูกรอบ พ่อครัวบอกว่าทำไม่ได้ เพราะว่าหมูกรอบมันผ่านการทอดมาแล้ว จะเอามาผัดอีกไม่ได้ (มีแต่เมนูหมูกรอบราดข้าวเท่านั้น) 5555 งงมั้ย คืออะไร ไม่มีในเมนูก็ทำไม่ได้เลย 

     อ่อ แล้วสุดท้ายพอไม่มีช็อคฯ เย็น เราเลยสั่งเป็นเครื่องดื่มเย็นอย่างอื่นแทน แต่เค้าดันทำผิด ทำเป็นแบบร้อนมาให้ เค้าเลยต้องไปเปลี่ยนมาให้เราใหม่ จนป่านนี้เราก็ยังสงสัย ว่าที่เค้าเอามาให้ใหม่อะ "เอาของเก่าไปใส่น้ำแข็ง" หรือ "ชงใหม่ด้วยน้ำเย็น" 55555


ประสบการณ์เคาท์ดาวน์ที่ไทม์สแควร์ 

       เมื่อวันปีใหม่ที่ผ่านมา เรามีโอกาสได้ไปเคาท์ดาวน์ที่ไทม์สแควร์ ที่ที่มีคนมาเคาท์ดาวน์เยอะที่สุดในโลก (เค้าเคลมตัวเองว่าอย่างนั้น บอกว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมารวมกันที่นี่กว่า 1 ล้านคน) ท่ามกลางอุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส ตำรวจกับทหารรวมกันเยอะจนเราเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย สถานีรถไฟใกล้ๆ ทุกสถานีถูกปิดด้วยริบบิ้นสีเหลืองตัดกับสีดำ รถตำรวจเปิดไซเรนเป็นระยะ ตกใจจนต้องเปิดเช็คอีเมล์ว่าสถานทูตส่งข้อความอะไรมาเตือนรึป่าว (กลุ่มก่อการร้ายเคยขู่ที่นี่เอาไว้ตอนถล่มปารีส)

       วันนั้นเราไปถึงก่อนเคาท์ดาวน์ 2 ชั่วโมง หลังจากหาประตูทางออกรถไฟใต้ดินที่คิดว่าใกล้จุดเคาท์ดาวน์มากที่สุดได้ เราก็เดินขึ้นไปโผล่ตรงหางแถวสักฝากนึงของตึก สิ่งที่เห็นคือ คนเยอะมาก แต่ไม่มีเสียงเวทีอะไรเลย มีพลุโผล่มาจากข้างตึกเป็นระยะ ตอนแรกก็คิดว่าไม่ได้ยินเสียงเวทีไม่เป็นไร เดี๋ยวพอเค้านับเลขเคาท์ดาวน์กันก็คงได้ยินบ้าง
 

      สรุปคือ เงียบกริบทั้งสองชั่วโมงเลยค่ะ เที่ยงคืนตอนไหนก็ไม่รู้ แต่เดาเอาว่าคงเป็นตอนที่มีพลุออกมาจากข้างตึกติดต่อกัน 5 ดอก แล้วก็มีโปรยกระดาษฟรุ้งฟริ้งๆ แวบๆอยู่ไกลๆ งานจบไม่บอกไม่กล่าว อุตส่าห์ตากลมหนาวอยู่ 2 ชั่วโมง เหตุการณ์ครั้งนั้นสอนให้รู้ว่า ไทม์สแควร์ใหญ่มาก ควรยืนให้ถูกจุด 55555 สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดในตอนนั้นคือ การเดินกลับบ้านแบบเงียบๆ และนี่คือประสบการณ์ไทม์สแควร์ในตำนานของเรา 55555


      ยังมีประสบการณ์สนุกๆ อีกมากมายที่เล่าเท่าไหร่ก็เล่าไม่หมด ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้เราได้เรียนรู้และเติบโตขึ้นตลอดช่วงระยะเวลาเกือบปีที่ผ่านมา ใครอยากมาสัมผัสประสบการณ์ดีๆ แบบนี้ก็หาโอกาสมาเรียนกันนะคะ เดี๋ยวนี้มีทุนการศึกษารออยู่มากมาย โอกาสมักจะวิ่งหาคนที่พร้อมที่สุดเสมอ เตรียมตัวกันไว้ได้เลยค่ะ :)  สำหรับใครที่อยากติดตามเรื่องสนุกๆ แบบนี้อีก เราเปิดเพจเอาไว้  “ชีวิตเด็กป.โท ในอเมริกา” https://www.facebook.com/gradstudentlifeinusa มากดไลค์กันได้นะคะ^^ 


 
      ขอบคุณน้องลูกหมีที่มาเล่าเรื่องสนุกๆ ให้พวกเราได้อ่านกัน อ่านจบแล้วบอกเลยว่าสนุกมาก ชอบสุดคือเรื่องน้ำใจของพี่ๆ คนไทย น่ารักมากๆ เลยค่ะ ^^ ส่วนใครมีประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ อยากแบ่งปันให้เพื่อนๆ อ่านบ้าง เขียนส่งมาได้ที่ pay@dek-d.com เดี๋ยวนำมาลงแน่นอน!
 
พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

4 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด