แยกความต่าง will/be going to พร้อมเล่นเกมชิงหนังสือที่ทุกคนต้องอยากได้!

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com กลับมาพบกับ English Issues อีกครั้งค่ะ วันนี้มาคุยเรื่องอนาคตกัน การแต่งประโยคภาษาอังกฤษสำหรับพูดถึงอนาคตมีหลายเทนส์หลายวิธีมาก ที่ใช้บ่อยสุดก็คง will/shall กับ be going to พี่พิซซ่า จะพาน้องๆ ไปทำความรู้จักกับความแตกต่างของสองตัวนี้ค่ะ


 

เริ่มกันที่ตัวง่ายสุด will และ shall

     ถ้าพูดถึง tense อนาคตที่ง่ายที่สุดเลยก็ต้องเป็น Future Simple Tense ที่เราแค่เติม "จะ" อย่าง will หรือ shall เข้าไปข้างหน้ากริยาหลัก แถมไม่ต้องผันกริยาให้ยุ่งยากเลยด้วย
     ความต่างของ will กับ shall ก็คือ will ใช้ได้กับประธานทุกตัว ส่วน shall ใช้กับประธาน I หรือ we แต่ถ้าวัดกันตามจริงทุกวันนี้ เวลาพูดกันก็ใช้ I will หรือ we will ทั้งนั้นแล้วค่ะ แต่ก็ใช่ว่า shall จะสูญพันธุ์ไปแล้วนะคะ เรายังสามารถใช้ shall ได้อยู่ แต่จะในสถานการณ์ในบ้างนั้น ขอยกไปพูดทีหลังแล้วกันค่ะ
     กลับมาดูที่ will ตัวเดียวของเรา เมื่อมันเป็นกริยาช่วยแบบนี้มันมีความหมายว่า "จะ" วิธีการใช้ก็สุดแสนจะง่ายเมือนภาษาไทยเลยค่ะ
 
ฉันจะไป = I will go.
เขาจะกิน = He will eat.
พวกเราจะอยู่ = We will stay.

     แค่เติมมันไว้หน้ากริยาแท้ของประโยค เท่านี้ก็ได้ประโยคบอกอนาคตแล้ว ส่วนถ้าอยากทำเป็นประโยคปฏิเสธก็เติม not เข้าไปให้เป็น will not หรือย่อว่า won't ก็ได้ค่ะ

ทีนี้มาดูสถานการณ์ที่จะใช้ will กันว่ามีอะไรบ้าง

     1. ใช้พูดถึงอนาคตทั่วๆ ไป ไม่ต้องแสดงความคาดหวังหรือตั้งใจให้มาก เช่น
          I'll be 20 next year. ฉันจะอายุ 20 ในปีหน้า
          We're late. We'll have to hurry.
เราสาย เราต้องรีบแล้วล่ะ
     2. อยู่ๆ ก็ตัดสินใจเลยว่าจะทำอะไรบางอย่าง ไม่ได้ตัดสินใจล่วงหน้ามาก่อนว่าจะทำ เช่น
          Oh! It's raining. I'll take an umbrella. อุ๊ยฝนตก ฉันจะเอาร่มไปละกัน (เพิ่งเห็นว่าฝนตก เลยเพิ่งตัดสินใจตอนนั้นเลยว่าจะเอาร่มไปด้วย)
     3. ใช้แสดงความเต็มใจหรือยินยอมที่จะทำอะไรให้ เช่นเดินเข้ามาในห้องชมรมพร้อมสาวที่แอบชอบแล้วเก้าอี้เหลือว่างตัวเดียว น้องผู้ชายเลยเสนอตัวว่า I'll sit on the floor. เดี๋ยวผมนั่งพื้นให้เองครับ
     *ในทำนองเดียวกัน ใช้ will not หรือ won't แสดงความไม่ยินยอมที่จะทำอะไรให้ได้เหมือนกัน เช่นน้องเพิ่งจับได้ว่าแฟนมีกิ๊ก แล้วแฟนก็เอาแต่แถใส่จนน่ารำคาญ น้องเลยพูดว่า I won't listen to this nonsense! ฉันจะไม่ฟังเรื่องไร้สาระพวกนี้อีก
     4. ใช้เมื่อเสนอตัวจะทำอะไรให้หรือให้คำสัญญา เช่น
          I'll hold the door for you. ผมจะจับประตูให้คุณเอง
         I promise I'll do my best. ฉันสัญญาว่าฉันจะทำให้ดีที่สุด

     ส่วน shall นั้น จริงๆ ก็เหมือนกับ will เลย แต่ใช้ได้กับ I และ We เท่านั้น นอกจากนี้ shall ยังเป็นภาษาทางการมากกว่า ถ้าจะเขียนรายงานทางการก็ควรใช้ shall มากกว่าค่ะ แต่ถ้าจะทำเป็นประโยคคำถามในแง่ขอคำแนะนำหรือขอเสนอตัวเอง ควรใช้ shall ค่ะ เช่น
 
Shall we dance? เต้นรำกันมั้ยครับ
Shall I carry that for you? ให้ผมช่วยถือนะครับ
Shall we go out somewhere? ออกไปข้างนอกกันมั้ยครับ


be going to ตัวนี้สารพัดประโยชน์

     be going to ก็เป็นอีกตัวที่ใช้บ่อยและเจอบ่อยค่ะ วิธีใช้ก็คือเอา be going to วางไว้หน้ากริยาหลัก และไม่ต้องผันตัวกริยาหลักเลย เช่น It's going to rain. ฝนกำลังจะตก ลองมาดูสถานการณ์ที่ใช้ be going to กัน

     1. ใช้บอกอนาคตแบบทั่วๆ ไป แบบเดียวกับสถานการณ์ข้อแรกของ will ได้เลย เช่น
          It's going to be fine tomorrow. วันพรุ่งนี้จะต้องไม่เป็นไร เราสามารถใช้ will ในประโยคนี้ได้เช่นกัน It will be fine tomorrow.
     2. ใช้บอกอนาคตที่น่าจะเป็นไปได้โดยดูจากสิ่งที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน งงใช่มั้ย ลองไปดูตัวอย่างกัน
          It's 9 already. We're going to be late. เก้าโมงแล้ว เราต้องไปสายแน่ๆ เลย คาดการณ์ว่าจะไปสายเพราะเวลาในปัจจุบันมันสื่อว่าต้องไปไม่ทันแน่เลย
     3. ใช้บอกอนาคตที่วางแผนหรือมุ่งมั่นตั้งใจว่าจะทำ เช่น
          I am going to build a house here. ฉันตั้งใจจะสร้างบ้านตรงนี้ แปลว่าวางแผนเรียบร้อย มุ่งมั่นจะซื้อที่ดินและออกแบบบ้านสำหรับตรงนี้ให้ได้เลย

ทีนี้มาดูตัวอย่าง will กับ be going to ในประโยคหน้าตาเหมือนกัน
 
 - What do I need? Oh, I will buy a newspaper.
 - I'm going to buy a newspaper. I'll be back soon.

     จะไปซื้อหนังสือพิมพ์เหมือนกัน แต่ 2 ประโยคนี้ให้ความรู้สึกต่างกันค่ะ
          I will buy a newspaper. สื่อว่าเราจะไปซื้อของหรือกำลังซื้อของอยู่ก็ได้ แล้วก็คิดว่า เอ๊ะ ต้องซื้ออะไรอีกนะ โอ้! ซื้อหนังสือพิมพ์ไง แบบอยู่ๆ ก็เพิ่งคิดขึ้นมาเลยว่าจะซื้อ
          I'm going to buy a newspaper. สื่อว่าคิดมาล่วงหน้าแล้ว ตั้งใจอยู่แล้วที่จะออกไปซื้อหนังสือพิมพ์ ก็เลยบอกว่าจะออกไปซื้อหนังสือพิมพ์นะ อีกเดี๋ยวเดียวก็กลับมา


แถมท้าย

     นอกจาก 2 ตัวนี้แล้ว ยังมีวิธีพูดถึงอนาคตอีกมากกกกกกกกกเลยค่ะ พี่จะยกตัวอย่างมาให้ดูกัน 4 วิธีนะคะ

     1. ใช้ Present Continuous แทน be going to ได้ในความหมายของอนาคตที่วางแผนหรือเตรียมการไว้แล้ว เช่น
          I'm visiting friends at the weekend. ฉันจะเยี่ยมเพื่อนช่วงสุดสัปดาห์นี้
     2. ใช้ Present Simple พูดถึงสิ่งที่เป็นตารางเวลาแน่นอน เช่นตารางเดินรถ หรือวันนัดประชุม
          The train leaves at 9.30. รถไฟออกเวลา 9.30 น.
     3. ใช้ be to เพื่อบอกถึงกำหนดการนัดหมายอย่างเป็นทางการ หรือคำสั่งจากผู้มีอำนาจเช่น
          The Prime Minister is to visit London. นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปกรุงลอนดอน
          The teacher says we are to wait here. ครูบอกว่าพวกเราจะต้องรอที่นี่
     4. ใช้ be about to เพื่อบอกถึงอนาคตอันใกล้ เช่น
          The show is about to start. โชว์กำลังจะเริ่มแล้ว
 

     และเพื่อให้น้องๆ ได้ฝึกแต่งประโยคใช้จริงกัน วันนี้พี่พิซซ่าเลยมีเกมชิงรางวัลมาให้น้องๆ ได้ร่วมสนุกพร้อมฝึกภาษากันค่ะ นั่นคือให้ตอบคำถามเป็นภาษาอังกฤษว่า "สิ่งที่ฉันจะทำวันพรุ่งนี้คือ..." เช่น I am going to do some shopping tomorrow. สามคำตอบที่โดนใจที่สุด รับหนังสือ "หนังสืออะไร...ไร้สาระ" ไปเลยคนละ 1 เล่ม ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 8 สิงหาคม 2559 ค่ะ


 
**มีข้อแม้ว่า จะต้องล็อกอิน My.id เข้ามาตอบคำถามเท่านั้นนะคะ


 
พี่พิซซ่า
พี่พิซซ่า - Columnist คอลัมนิสต์ฝ่ายเรียนต่อนอก

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

56 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
NisPo Member 30 ก.ค. 59 12:21 น. 8

Because tomorrow is Sunday, so I will be relaxing most of the time. Maybe activities I'm going to do are reading some good books such as Ronald Dahl's The BFG I bought last week, cooking new recipes with my mum, or hanging out with some friends. But anyway, I won't forget to improve myself all the time, because this is my final year of high school before entering the university, so getting to know some interesting knowledge every day is the best way to develop myself.

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด