9 เรื่องน่ารู้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองผู้ดี "คนอังกฤษ"


      สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com วันนี้จะมาเล่าความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมคนไทยกับคนอังกฤษให้ฟัง นอกจากนิสัย การแสดงออก ความเกรงใจ ความตรงต่อเวลา ที่น้องๆ รู้ๆกันอยู่แล้ว พี่ก็จะมาเปิดโปงอินไซด์ความเป็นอยู่ของคนฝั่งยุโรปอันไกลโพ้นให้รู้ว่า เค้าทำอะไร อยู่ยังไง ทำไมถึงไม่เหมือนเราได้ขนาดนี้



ปิดฝาส้วม
    
      ข้อแรกว่าด้วยเรื่องของส้วมก่อนเลย เวลาคนไทยเข้าห้องน้ำเจอฝาส้วมปิดอยู่ แปลว่าอะไรคะ? คนก่อนหน้าเค้าต้องทำธุระเสร็จแล้วกดน้ำไม่ลงแน่ๆเลย แต่!!! ถ้าคนไทยไปเมืองผู้ดีอังกฤษหรือยุโรปประเทศอื่นๆ น้องๆ จะเข้าห้องน้ำไม่ได้ซักห้องแน่นอน เพราะอะไรรู้มั้ย คนอังกฤษมีธรรมเนียมว่าทำธุระเสร็จจนสะอาดแล้วจะต้องปิดฝาส้วมลงจ้า ดังนั้นน้องก็จะเห็นทุกห้องปิดฝาไว้หมดเลย 


PUB & CLUB
     
      ผับที่วัยรุ่นไทยชอบไปดื่ม และก็เต้นๆ ตึ๊ดๆ กันตอนดึกๆ เนี่ย ต่างจากเมืองหนาวแดนอังกฤษอย่างมากทีเดียว เพราะคำว่า “Pub” ที่อังกฤษจะเปิดแต่หัววันเลยทีเดียว มีขายทั้งเหล้าเบียร์และอาหารทั่วไป ถ้าจะเรียกเป็นภาษาไทยก็คือร้านนั่งชิลล์ แบบเที่ยงๆ ก็มีคนมานั่งกินดื่มกันละ บางที่ก็จะมีดนตรีสดด้วย แต่คนจะไม่ลุกมาเต้นนะคะ ส่วนสถานที่ที่เปิดกลางคืน มีผู้คนไปเต้นกัน เมืองผู้ดีเค้าเรียกกันว่า “Club” วัยรุ่นจนถึงวัยกลางคนจะมารวมตัวกันที่นี่ มีฟลอร์เต้นโดยเฉพาะ ไม่มีอาหารขาย คนส่วนใหญ่ดื่มเหล้าแบบไม่ผสม บางที่มีจุดฝากเสื้อหนาวด้วย เพราะคนที่นั่นต้องเดินทางผ่านอากาศเย็นๆ ก่อนมาถึงร้าน แต่พอถึงร้านอากาศด้านในอุ่นแล้ว ก็เลยอยากจะถอดตัวนอก โชว์เสื้อด้านในสวยๆ เต้นสนุกๆ มากกว่า


ไม่ค่อยพกเงินสด
     
      เมืองที่เจริญแล้ว ทำอะไรก็สะดวกสบายไปหมด คนที่นั่นออกจากบ้านโดยไม่พกเงินสดซักเซนต์เดียวก็ยังอยู่ได้ เดินทางได้สบายทั้งวัน เพราะที่นั่น ไม่ว่าจะไปไหน ซื้ออะไร ใช้การ์ดรูดได้หมด แม้แต่จะซื้อของแค่ปอนด์เดียวก็รูดได้นะ ห้างหรู สถานีรถไฟ ร้านอาหาร หรือแม้แต่ ร้านข้างทาง ก็มีที่รูดหมดเลย สบายมั้ยล่ะ กระเป๋าตังค์บางๆ ใส่การ์ดสองสามใบก็อยู่ได้แล้ว ไม่ต้องมาพกแบงค์หลายใบกับเหรียญหนักๆ มากมายให้ตุงกระเป๋าเลย


น้ำประปาดื่มได้

     เมืองผู้ดีอะไรๆ ก็ดูแพงไปหมดเลย การไปเรียนหรือไปอยู่นานๆ มีเรื่องนึงที่หลายๆ คนสามารถประหยัดได้ ใครจะรู้ว่าน้ำประปาในอังกฤษกินได้นะคะ แบบเปิดก๊อกแล้วรองดื่มได้เลย น้ำที่นั่นสะอาดมากๆ คนอังกฤษเองก็ดื่ม และน้ำฟรีในร้านอาหารที่เรียกกันว่า “Tap Water” ก็มาจากก๊อกเนี่ยแหละ น้องๆ ต้องกินน้ำทุกวันอยู่แล้ว น้ำขวดนึงก็เกือบหนึ่งปอนด์แหนะ คิดดูว่าถ้าน้องไม่ต้องเสียค่าน้ำดื่มทั้งปี จะเก็บเงินไปชอปปิ้งได้เยอะแค่ไหน ตาวาวล่ะสิ แต่บางคนก็ไม่ชอบกลิ่นน้ำนี้ เค้าก็เลยไปซื้อที่กรองน้ำมากรองเพื่อให้กลิ่นหายไป ที่กรองก็ไม่ได้แพงอะไรมากมาย เห็นมั้ยเราเก็บเงินไว้ทำอย่างอื่นได้เยอะเลย


 
คริสต์มาส
     
      วันคริสต์มาส เป็นวันที่คนไทยนิยมออกไปทานข้าวเดินเล่นเฉลิมฉลองนอกบ้าน หารู้ไม่ คนอังกฤษเจ้าของเทศกาลนี้เค้าต่างจากเราโดยสิ้นเชิงเลย เพราะเค้าถือว่าวันนี้ทุกคนต้องอยู่บ้านกับครอบครัว จัดแต่งต้นคริสต์มาส กินไก่งวงกัน ดังนั้นทุกโรงเรียน บริษัท ร้านค้า ปิดหมด แม้แต่รถเมล์ รถไฟ ก็ไม่วิ่งในวันนี้ บ้านเมืองก็เลยเงียบมากๆ เลยแหละ  


เดินกันเถอะ
   
      ฝรั่งชอบเดินมาก ไปไหนไม่ไกลมากก็เดินกันหมด แบบห่างไปซักห้าป้ายรถเมล์ก็เดิน เค้าเลยขายาวตัวสูง เกี่ยวมั้ย ไม่เกี่ยวเนาะ 555 ทำไมน่ะหรอ ที่ชัดๆ เลยก็เพราะอากาศดีไง ประหยัดด้วย ค่ารถบางเมืองแพงมาก ไม่ก็เพราะว่ามีรถโดยสารวิ่งน้อย ต้องรอนาน เดินซะเลย ได้ชมวิวไปด้วย ถึงเร็วกว่าอีก ฝรั่งบางคนมาเที่ยวประเทศไทยแล้วยังติดพฤติกรรมนี้อยู่ ตายแน่ๆ จ้า เดินไปสิบก้าวเหงื่อมาเลย แบกเป้อีก เหนื่อยแฮ่กๆ 


ไม่เล่นมือถือตอนโดยสารรถไฟ

     เวลาขึ้นรถไฟใต้ดินน้องๆ ทำอะไรกัน? คนไทยส่วนใหญ่หยิบมือถือแน่นอน เล่นเฟสบุ๊ก อินสตาแกรม ไม่ก็คุยกับเพื่อนในไลน์ เมาท์ไปเพลินๆ ระหว่างทาง แต่!!! รถไฟใต้ดินแห่งแรกของโลกที่ลอนดอนไม่มีสัญญาณมือถือจ้า แล้วคนเค้าทำอะไรกันล่ะ ส่วนใหญ่ก็จะอ่านหนังสือพิมพ์ หรือ อ่าน Kindle (อุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ช่วยในการอ่าน หรือเรียกว่า e-book)  และด้วยสาเหตุที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์เนี่ย ก็ทำให้คนอังกฤษไปตามนัดอย่างตรงต่อเวลา เพราะถ้าจะสาย ก็จะติดต่อกันไม่ได้เลย T.T


ระบบขนส่งที่ตรงต่อเวลา

      ความเป็นระเบียบคู่ควรกับเมืองผู้ดีเสมอ รถไฟ รถเมล์ ที่อังกฤษ มาตรงเวลาเป๊ะ มีแอพพลิเคชั่นให้เช็กด้วย รู้หมดว่ารถจะมาในอีกกี่นาที ฤดูหนาวนี่ไม่ต้องออกไปยืนรอให้ขาสั่นเลย ดูเวลา กะให้พอดีค่อยออกจากบ้าน หรือถ้าสายก็หาขบวนใหม่ไปเลย คนขับเค้าไม่รออยู่แล้ว ต่อให้วิ่งให้เห็นลิบๆ รถก็ออกรถตรงเวลาอยู่ดี มากกว่านั้นคือ ทุกป้ายของรถเมล์มีชื่อเรียกหมด รถก็จอดทุกสถานี แถมในรถยังมีแถบอิเล็คทรอนิคส์บอกว่าถึงป้ายไหนแล้ว แล้วป้ายต่อไปคือที่ไหนด้วย ดังนั้นนักท่องเที่ยวจะไปไหนก็นับป้ายเอาง่ายๆ เลย ไฮเทคจริงๆ


pixabay.com

 
       และที่ล้ำกว่าไทยมากๆอีกอันคือ บัตร “Oyster” เป็นบัตรเติมเงินที่สามารถใช้ขึ้นได้ทั้งรถไฟ รถใต้ดิน และรถเมล์ ครบในบัตรเดียวเลย พอขึ้นรถก็เอาบัตรแตะกับเครื่องเพื่อหักเงินในบัตร รถเมล์ที่นั่นเลยไม่มีกระเป๋ารถเมล์คอยยืนเก็บเงินเหมือนบ้านเรา 


ไปปิคนิค
   
      วันหยุด วันครอบครัว คนไทยชอบไปเดินห้าง กินข้าว ช้อปปิ้ง ถ้าไปบ่อยๆ เริ่มเบื่อก็เปลี่ยนห้าง เปลี่ยนร้านอาหารไปเรื่อยๆ กลับกัน วันว่างของฝรั่ง ส่วนใหญ่เค้าชอบไปสวนสาธารณะกัน ไปปิกนิก เดินเล่น และนอนอาบแดด ฝรั่งชอบแดดมาก ไม่กลัวดำเหมือนคนไทยด้วย ใครผิวแทนๆ นี่ยอดฮิตเลยนะ แลดูเป็นคนมีสุขภาพดี เพราะฝรั่งถือว่าการมีผิวขาว (ที่คนไทยชอบนักหนา) มันดูซีด เหมือนคนเป็นโรค นี่เป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ฝรั่งบางคนมาเที่ยวโซนเอเชียบ่อยๆ เพราะเค้าอยากเจอแดดนี่เอง เรียนว่าเห็นแสงปั๊บดีใจวิ่งเข้าหาเลย คนไทยอย่างเราๆ ก็ไม่ต้องสงสัยนะคะ เมืองเค้าอากาศหนาวเกือบทั้งปี อากาศก็อึมครื้มตลอด ฝนตกก็บ่อย นานๆ ทีจะได้เจอแสงพระอาทิตย์แบบจ้าๆ  ฝรั่งบางคนเลยตกใจมากเวลาเห็นคนไทยกางร่มเพื่อกันแดด เพราะเค้าจะใช้ร่มเมื่อฝนตกเท่านั้นค่ะ



     นอกจากที่เล่ามาทั้งหมดแล้ว ก็ยังมีความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ อีกหลายอย่างที่คนยุโรปต่างจากเรา ดังนั้นไม่ว่าเราจะเป็นใคร ถ้าจะไปที่ไหนก็อย่าลืมศึกษาวัฒนธรรมของสถานที่นั้นๆ ไปก่อน เพื่อที่จะได้ไม่ไปทำอะไรผิดๆ เข้า เหมือนเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามนั่นแหละจ้า
ทีมเรียนต่อนอก

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

จิจิ 25 ส.ค. 59 21:16 น. 5
จริงๆเรื่องปิดฝาส้วมมันคือการกระทำที่ถูกสุขลักษณะนะคะ ก่อนกดเขาจะปิดฝาเพื่อกันน้ำกระเด็นเวลากด เชื้อโรคจะได้ไม่กระจายค่ะ บ้านเราควรทำ
1
กำลังโหลด

8 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
จิจิ 25 ส.ค. 59 21:16 น. 5
จริงๆเรื่องปิดฝาส้วมมันคือการกระทำที่ถูกสุขลักษณะนะคะ ก่อนกดเขาจะปิดฝาเพื่อกันน้ำกระเด็นเวลากด เชื้อโรคจะได้ไม่กระจายค่ะ บ้านเราควรทำ
1
กำลังโหลด
Meandmine27 Member 10 ก.ย. 59 05:01 น. 6

น่าจะมีวัฒนธรรมเปิดประตูให้กัน + พูดขอบคุณและขอโทษตลอดทั้งวันด้วยนะคะ

เป็นอีกอันที่เราชอบมากและรู้สึกว่าที่ไทยไม่ค่อยมีเท่าไหร่ 

0
กำลังโหลด
Muumuu 23 มี.ค. 60 02:28 น. 7

เรื่องรถบัสคงต้องขึ้นอยู่กับพื้นที่รึเปล่าคะ?

แฟนเป็นคนอังกฤษ อยู่ London, Kent เค้าเรียนอยู่มหาลัย Mid Kent เค้าบอกว่าปกติใช้เวลาจากบ้านไปถึงมอ ประมาณ 2 ชั่วโมงถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วตอนเค้าขึ้นรถบัสไปเรียน เลทไปเป็นชั่วโมงจนเค้าโดนอาจารย์ด่า ไอ่เราก็นั่งนับชั่วโมงตั้งแต่เค้าบอกว่าขึ้นรถแล้ว ยันตอนถึงมหาลัย คือสี่ชั่วโมงกว่าๆเลย ตั้งแต่เค้าขึ้นรถยันตอนเค้าถึงมอ คือมันนานมากจนแฟนต้องไปเร่งคนขับอยู่ 2 รอบ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด