รวม 8 คดีจากทั่วโลก ที่ครูลงโทษนักเรียนเกินกว่าเหตุ

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com น้องๆ น่าจะเคยได้ยินข่าวที่คุณครูลงโทษเด็กรุนแรงเกินกว่าเหตุมาบ้างแล้ว หลายคนคงเริ่มสงสัยว่ามีกรณีแบบนี้ที่ไทยที่เดียวรึเปล่า ประเทศอื่นๆ ต้องเจออะไรแบบนี้บ้างมั้ยนะ พี่พิซซ่า ก็สงสัยเหมือนกันค่ะ วันนี้พี่เลยรวบรวมข่าวที่น่าสนใจจากทั่วโลกมาฝากค่ะ แต่เตือนก่อนเลยว่าบางข่าวอาจแล้วอาจจะรู้สึกหดหู่ได้


 

ครูลงโทษเพราะเด็กไม่สบายและอาเจียนในห้องเรียน

     ข่าวแรกเริ่มกันที่ประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างประเทศมาเลเซียค่ะ เหตุเกิดที่โรงเรียนอนุบาลเอกชนแห่งหนึ่งในเมืองบูกิตอินดาห์ เย็นวันหนึ่งเมื่อคุณแม่มารับลูกชายวัย 4 ขวบกลับบ้าน เธอก็สังเกตว่าลูกมีรอยช้ำมากมายที่ขาคุณแม่จึงถามหนูน้อยว่าเกิดอะไรขึ้น ลูกชายจึงตอบว่าโดนคุณครูตีหลายครั้งด้วยก้านลูกโป่งที่เป็นพลาสติก

    คุณแม่จึงรีบขับกลับไปที่โรงเรียนและขอเข้าพบครูใหญ่และขอดูกล้องวงจรปิดในโรงเรียน กล้องบันทึกเหตุการณ์ไว้ว่าครูคนนั้นตีลูกชายเธออย่างแรงถึง 4 ครั้ง และสั่งให้เด็กชายยืนเรียน 3 ชั่วโมงเพียงเพราะว่าลูกชายเธอไอและอาเจียนออกมาในห้องเรียน
    
     หลังเห็นหลักฐานแล้วคุณแม่คนนี้ก็แจ้งความและส่งเรื่องให้ทางหน่วยงานคณะกรรมการการศึกษาได้รับทราบ ทำให้หน่วยงานด้านการศึกษาของมาเลเซียตื่นตัวกับการที่ครูลงโทษนักเรียนเกินกว่าเหตุมากขึ้น เพราะกรณีนี้ถือเป็นกรณีที่ 3 ในรอบ 1 เดือนนั้น แถมเป็นเหตุเกิดในโรงเรียนอนุบาลทั้งนั้นเลยด้วย กระทรวงศึกษาธิการมาเลเซียจึงพยายามหาทางป้องกันเหตุการณ์เหล่านี้อยู่

    ส่วนกรณีของคุณครูคนนี้นั้น สุดท้ายแล้วทางครอบครัวกับทางโรงเรียนตกลงกันได้ (ข้อตกลงเป็นความลับ) คณะกรรมการการศึกษาจึงไม่ได้ทำการใดๆ ต่อ แต่ก็ให้สัมภาษณ์ไว้ว่าหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก คณะกรรมการจะรีบแจ้งเรื่องให้ถึงกระทรวงในทันที


ครูรัดข้อมือเด็กป.1 ด้วยเชือก

     ข่าวนี้ก็เกิดที่ประเทศมาเลเซียเช่นกันค่ะ ที่เมืองปีนัง เมื่อคุณแม่ไปรับลูกสาววัย 7 ขวบที่เป็นโรคสมาธิสั้นหลังเลิกเรียนก็สังเกตเห็นรอยแดงเหมือนถูกอะไรรัดที่ข้อมือทั้ง 2 ข้างของน้อง แถมนิ้วมือยังมีรอยถลอกเต็มไปหมด

    น้องจึงบอกคุณแม่ว่าโดนครูเอาเชือกรัดข้อมือไว้เป็นเวลา 2 คาบเพราะน้องหยิบยางลบของเพื่อนร่วมห้องไปใช้ จากนั้นครูคนนี้ก็ลืมแกะเชือกออกเมื่อหมดคาบ แต่ที่น่าเศร้าก็คือครูวิชาถัดไปที่เข้ามาสอนต่อก็ไม่แกะเชือกให้เช่นกัน แถมยังสอนต่อโดยไม่สนใจเด็กคนนี้ เมื่อน้องปวดฉี่แต่ไม่มีใครยอมแกะเชือกให้ น้องก็เลยพยายามแกะเองทำให้นิ้วและข้อมือเป็นรอยถลอกเต็มไปหมด
    
    คุณแม่จึงรีบแจ้งความทันทีพร้อมถ่ายภาพข้อมือน้องลงเฟซบุ๊กเล่าให้ญาติๆ ฟัง หลังจากสืบสวนคดีทั้งหมดครูคนดังกล่าวก็ถูกจับกุม และจะถูกส่งฟ้องต่อไป หากศาลตัดสินให้ครูคนนี้มีความผิดจริงในที่สุด ครูคนดังกล่าวก็มีสิทธิถูกจำคุกสูงสุดถึง 10 ปีหรือปรับสูงสุด 20,000 ริงกิต หรือทั้งจำทั้งปรับ


ครูประถมลงโทษนักเรียนเกินกว่าเหตุเป็นสิบราย

     ขยับมาอีกนิดที่ประเทศสิงคโปร์ค่ะ ประเทศที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คดีนี้พ่อแม่ผู้ปกครองของนักเรียนประถมเป็นสิบรายร่วมกันส่งคำร้องเรื่องครูคนนี้ให้กระทรวงศึกษาธิการของสิงคโปร์เองเลย

    ครูคนที่ว่านี้เป็นครูผู้หญิงที่สอนวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ที่โรงเรียนประถมกงฉาง เธอลงโทษนักเรียนรุนแรงในหลายวิธีและกับหลายคน เช่น คุณแม่ของเด็กป.5 คนหนึ่งบอกว่า ครูคนนี้เรียกเด็กๆ ที่ลืมเอาหนังสือวิทยาศาสตร์มาเรียนว่า "พวกลิงโง่ปัญญาอ่อน" ซึ่งลูกของเธอก็เป็น 1 ในเด็กที่ลืมเอาหนังสือมา ส่วนคุณแม่อีกคนบอกว่าลูกชายของเธอสายตาสั้นมาก แม้จะใส่แว่นสายตาแล้วแต่เด็กยังไม่มั่นใจจึงขอเดินไปดูกระดานใกล้ๆ ครูก็พูดว่า "ไม่มีเงินซื้อแว่นใหม่รึไง" คุณแม่อีกคนเล่าว่าเพื่อนร่วมชั้นของลูกชายเธอโดนบังคับให้นั่งคุกเข่าข้างโต๊ะครูตลอดชั่วโมงเรียน

      นอกจากนี้ถ้ามีใครพูดในห้อง แม้จะเป็นการคุยกับเพื่อนเรื่องบทเรียนก็ตาม ครูคนนี้ก็จะขว้างปากกาไวท์บอร์ดแบบจงใจให้โดนหัวเด็กเสมอจนเด็กๆ ถึงกับเล่าว่าเวลาเรียนต้องตั้งสติ เพราะต้องคอยหลบของที่ไม่รู้ว่าจะโดนปามาเมื่อไหร่อยู่ตลอดเวลา

     บรรดาคุณพ่อคุณแม่ที่ส่งคำร้องยังบอกอีกว่ามีพ่อแม่บางคนแจ้งเรื่องครูคนนี้ให้ครูประจำชั้นของเด็กและแจ้งหัวหน้าหมวดวิชาวิทยาศาสตร์ไปนานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งกลายเป็นเรื่องราวขึ้นมาทำให้ทางโรงเรียนส่งจดหมายเวียนแจ้งผู้ปกครองเด็กๆ ว่าได้ย้ายครูคนนี้ไปสอนวิชาที่ไม่ใช่วิชาหลักแล้ว และถอดครูคนนี้จากการเป็นครูประจำชั้นห้องตัวเอง แต่กลุ่มผู้ปกครองอยากให้ครูคนนี้ถูกไล่ออกจากโรงเรียนและออกจากการทำอาชีพครูไปเลยจะดีกว่า


ครูทำร้ายนักเรียนในชั้นเรียนเด็กพิเศษ

     เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่มลรัฐเซาธ์แคโรไลน่า สหรัฐอเมริกาค่ะ หลายโรงเรียนในอเมริกาจะมีชั้นเรียนพิเศษสำหรับนักเรียนที่เป็นเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษอยู่ ทางทฤษฎีแล้วครูและผู้ช่วยครูในชั้นเรียนนี้จะเป็นผู้ที่เรียนด้านการดูแลเด็กพิเศษมาโดยตรง และรู้อยู่แล้วว่าตัวเองจะต้องทำงานภายใต้ความกดดันมากเพียงใด แต่ข่าวนี้กลับเป็นครูที่สอนชั้นเรียนพิเศษโดยเฉพาะที่ทำร้ายเด็กเองค่ะ
    
     คุณพ่อคุณแม่ของน้องวิลวัย 10 ขวบบอกว่าที่ต้องพาลูกออกจากโรงเรียนประถมลาร์นเมื่อปีที่แล้วก็เพราะน้องแสดงอาการแปลกๆ เวลาจะไปส่งที่โรงเรียน มีครั้งนึงที่คุณแม่ไปส่งแล้วและกำลังจะกลับน้องก็รีบวิ่งตามมา แต่พอครูบอกว่าน้องไปไม่ได้ น้องก็ร้องไห้ใหญ่ทั้งที่ในปีการศึกษาก่อนๆ น้องก็ไปโรงเรียนได้แบบไม่เคยร้องไห้โวยวาย แม้น้องจะพูดไม่ได้เพราะเป็นออทิสติกแต่คุณแม่คิดว่าน้องต้องพยายามบอกอะไรอยู่แน่ๆ
    
      พอดีกับที่ช่วงนั้นมีข่าวว่าอดีตครูผู้ช่วยของโรงเรียนประถมลาร์นออกมาแฉกับสื่อว่า เธอเคยเห็นครูประจำชั้นเรียนพิเศษใช้กำลังกดขี่นักเรียนพิเศษ มีครั้งหนึ่งเธอเห็นครูคนนั้นบังคับให้เด็กกลืนอาหารที่ไม่อยากกิน เมื่อเด็กไม่ยอมกลืนก็จับเด็กไปขังไว้ในห้องมืด อีกครั้งหนึ่งเธอเห็นเด็กที่ทำแบบฝึกหัดไม่ได้จนร้องไห้แล้วปาดน้ำตากับเสื้อ ก็เห็นครูจับเด็กถอดเสื้อออกแล้วสั่งให้นั่งทำแบบฝึกหัดไปจนกว่าจะได้
  
      หลังได้ยินเรื่องที่อดีตครูผู้ช่วยออกมาแฉ คุณพ่อคุณแม่ของน้องวิลก็เริ่มกังวลว่าที่อยู่ๆ ลูกชายกลัวความมืดจะเป็นเพราะเจอแบบในข่าวลือรึเปล่า คุณพ่อจึงแอบเอาเครื่องอัดเสียงใส่กระเป๋านักเรียนน้องไปวันหนึ่ง เมื่อคุณพ่อคุณแม่กลับบ้านมาเปิดฟังก็ต้องตกใจเพราะหลังได้ยินเสียงออดหมดเวลาเรียน ก็มีเสียงครูประจำชั้นคนนั้นพูดกับครูผู้ช่วยในห้องว่า "(แม่ของวิล) ทำให้ฉันประสาทเสีย ถ้าฉันเจอผู้หญิงคนนี้ฉันจะฆ่าหล่อนซะ ฉันจะตามไปที่บ้านและจัดการหล่อนซะ"

    ซึ่งขณะที่พูดนั้นนักเรียนพิเศษยังอยู่กันเต็มห้อง แต่ครูก็พูดเสียงดังเพราะคิดว่าเด็กพวกนี้คงไม่รู้เรื่องอะไรหรือถึงจะรู้ก็พูดให้พ่อแม่ฟังไม่ได้อยู่ดี เมื่อได้ยินดังนั้นพ่อแม่จึงพาวิลไปลาออก พ่อแม่เด็กพิเศษคนอื่นๆ ก็ทยอยพาลูกออกเช่นกัน
    
      นอกจากนี้ก็มีอดีตครูผู้ช่วยอีกหลายคนออกมาให้ข้อมูลกับสื่อว่าเคยเห็นการทำร้ายเด็กแบบใดมาบ้าง คนหนึ่งเล่าว่าเห็นครูคนนี้สั่งให้เด็กคนหนึ่งนั่งอยู่บนชักโครกเป็นเวลา 90 นาที และเคยเห็นผู้ช่วยครูคนนึงจงใจทำให้เด็กตกจากเก้าอี้ นอกจากนี้ยังมีอีกคนเล่าว่าเคยเห็นครูสั่งให้เด็กที่ไม่ยอมกินอาหารบางอย่างเข้าไปนั่งในห้องน้ำมืดๆ หรือนั่งในตู้เสื้อผ้ามืดๆ เป็นการลงโทษด้วย
    
       ทางโรงเรียนและเขตพื้นที่การศึกษาออกมาบอกว่าสิ่งที่อดีตผู้ช่วยครูออกมาให้ข้อมูลกับสื่อเป็นเพียงการใส่ร้ายของอดีตลูกจ้างที่มีความเคียดแค้นกับทางโรงเรียนเท่านั้น ส่วนเรื่องเทปเสียงของครูน้องวิลนั้น ทางโรงเรียนและเขตฯ ได้ตักเตือนครูและผู้ช่วยครูทั้งหมดที่เกี่ยวข้องแล้ว แน่นอนว่าบรรดาผู้ปกครองไม่พอใจกับการลงโทษครูเพียงแค่นี้ ทำให้มีจำนวนผู้ปกครองที่อยากให้ลูกลาออกมากขึ้น ส่วนนักเรียนที่ลาออกไปแล้วนั้น เมื่อสื่อท้องถิ่นตามไปติดตามทำข่าวต่อก็พบว่าเด็กๆ ไม่มีอาการร้องไห้โวยวายเมื่อต้องไปโรงเรียนใหม่แล้ว


ครูบังคับให้นักเรียนผิวสีกินอาหารจากพื้น

     เรื่องนี้เกิดที่โรงเรียนประถมชาร์ลส์ซัมเนอร์ในมลรัฐนิวเจอร์ซี่ย์ สหรัฐอเมริกาค่ะ เรื่องเกิดจากมีนักเรียนป.5 คนหนึ่งทำน้ำหกลงพื้นโรงอาหารขณะพยายามจะเติมน้ำลงในเครื่องทำน้ำเย็น เท่านั้นแหละ รองผู้อำนวยการที่เห็นเหตุการณ์ก็เกิดเม้งแตก สั่งให้นักเรียนป.5 จำนวน 15-16 คนกินอาหารเที่ยงจากพื้นโรงอาหารติดต่อกัน 10 วัน แม้แต่เด็กที่วันนั้นไม่ได้มาเรียน วันรุ่งขึ้นก็โดนสั่งให้กินกับเพื่อนด้วย โดยเด็กที่โดนสั่งให้กินอาหารจากพื้นเป็นเด็กเชื้อสายอเมริกาใต้ทั้งนั้น แถมตัวรองผ.อ.ยังข่มขู่ด้วยถ้าเด็กๆ บอกเรื่องนี้กับใครจะเพิ่มจำนวนวันให้มากขึ้น ทำให้กว่าผู้ปกครองจะรู้เรื่องก็หลังวันที่ 10 แล้ว
    
     หลังการสืบสวนเบื้องต้นพบว่านักเรียนที่โดนบังคับให้กินอาหารจากพื้นทั้งหมดเป็นนักเรียนในชั้นเรียน 2 ภาษาของคุณครูที่มีเชื้อสายอเมริกาใต้ แต่วันแรกที่น้ำหกนั้นคุณครูท่านนี้ลาป่วยพอดี หลังคุณครูรู้เรื่องนี้จากเด็กๆ ครูจึงแนะนำให้เด็กๆ ทั้งหมดบอกพ่อแม่ให้ติดต่อกับคณะกรรมการโรงเรียนเพื่อให้มีการสอบสวนรองผ.อ. แต่ทันทีที่ผู้อำนวยการโรงเรียนรู้เรื่องก็กลับพยายามปิดเรื่องไว้ และปฏิเสธที่จะคุยกับผู้ปกครองเด็กที่มีเชื้อสายอเมริกาใต้ทั้งหมด และสองวันหลังจากนั้นก็ไล่คุณครูเชื้อสายอเมริกาใต้ออกด้วย

     ดีที่ผู้ปกครองของนักเรียน 7 คนตัดสินใจสู้คดีด้วยกัน จนทำให้ทางโรงเรียนต้องยอมจ่ายค่าเสียหายให้นักเรียน 7 คน คนละ 31,500 ดอลลาร์สหรัฐ และต้องจ่ายค่าเสียหายให้คุณครูเชื้อสายอเมริกาใต้ท่านนั้นด้วยอีก 75,000 ดอลลาร์สหรัฐเพราะไล่เขาออกจากงานอย่างไม่เป็นธรรม ส่วนตัวรองผู้อำนวยการที่เริ่มเรื่องทั้งหมดโดนพักงานไม่นาน และได้กลับมาเป็นรองผู้อำนวยการต่อแล้ว


ครูแจ้งตำรวจมาจับนักเรียนที่ใส่รองเท้าผิดสี

     คดีนี้เกิดที่มลรัฐมิสซิสซิปปี สหรัฐอเมริกาค่ะ เหตุความรุนแรงนี้เกิดกับเด็กวัย 5 ขวบเท่านั้น เนื่องจากโรงเรียนกำหนดว่าเครื่องแบบนักเรียนต้องใส่รองเท้าสีดำ แต่ที่บ้านไม่มีเงินซื้อรองเท้าดำคู่ใหม่ให้หนูน้อยคนนี้ คุณแม่จึงเอาปากกาดำมาทาทับรองเท้าผ้าใบสีแดง-ขาวของน้องให้กลายเป็นรองเท้าสีดำ แต่เนื่องจากไม่สามารถปิดสีแดง-ขาวได้มิด ทางโรงเรียนจึงตามตำรวจให้มาพาน้องคนนี้ออกนอกโรงเรียนเพราะน้องไม่แต่งเครื่องแบบให้ถูกต้อง น้องจะกลับมาเรียนได้อีกต่อเมื่อมีรองเท้าดำจริงๆ ใส่ไปโรงเรียน -_-


ครูไล่นักเรียนกว่าครึ่งโรงเรียนกลับบ้านเพราะแต่งกายไม่ถูกระเบียบ

     ถ้าบอกว่าแต่งกายไม่ถูกระเบียบแล้วโดนไล่กลับบ้านก็คงจะนึกภาพว่าเด็กๆ ใส่สายเดี่ยวหรือใส่กางเกงขาสั้นเห็นแก้มก้นมาโรงเรียนแน่ๆ แต่ไม่ใช่เลยค่ะ เด็กเกือบครึ่งของโรงเรียนฮาร์ตส์ดาวน์อะเคเดมี่ สหราชอาณาจักร โดนปิดประตูใส่หน้าเพราะแต่งกายแบบที่ใครก็ดูไม่ออกว่าผิดระเบียบตรงไหน
     ปีนี้เป็นปีแรกที่ได้หัวหน้าครูคนใหม่ หัวหน้าครูได้ส่งจดหมายแจ้งผู้ปกครองตั้งแต่ก่อนเปิดเทอมแล้วว่ารายละเอียดเครื่องแบบนักเรียนมีอะไรบ้าง และทางโรงเรียนจะเข้มงวดกับการแต่งกายของนักเรียนมากขึ้น ซึ่งผู้ปกครองและนักเรียนทั้งหมดก็รับทราบและปฏิบัติตามแต่โดยดีค่ะ ทว่าในเช้าวันเปิดเทอมนักเรียนเกือบครึ่งโรงเรียนถูกสั่งห้ามเข้าโรงเรียนเพราะความผิดเล็กน้อยมากๆ แถมไม่ได้ขัดกับเอกสารที่โรงเรียนส่งให้ผู้ปกครองเลยด้วย
    
    ในเอกสารที่ผู้ปกครองได้รับระบุระเบียบเครื่องแบบไว้ว่าต้องใส่กระโปรงยาวถึงเข่าหรือครึ่งแข้ง หรือกางเกงสีดำทรงตรง เสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบๆ เสื้อกันหนาวคอวีแบบที่ซื้อจากร้านของโรงเรียน รองเท้าสีดำเรียบๆ ถุงเท้าดำเรียบๆ และห้ามใส่เครื่องประดับ

    ทว่าหลายคนโดนสั่งห้ามเข้าโรงเรียนเพราะรองเท้าสีดำที่ใส่ดูไม่ทางการมากพอ (ทั้งที่ซื้อจากร้านเครื่องแบบของโรงเรียน) เสื้อกันหนาวไม่เหมาะสม (ทั้งที่ซื้อจากร้านเครื่องแบบของโรงเรียน) หรือถุงเท้าไม่เหมาะสม (ทั้งที่ซื้อจากร้านเครื่องแบบของโรงเรียน) นั่นทำให้ผู้ปกครองโมโหมาก เพราะต้องลางานมารับลูกที่ยืนหนาวอยู่หน้าประตูโรงเรียน

    ผู้ปกครองท่านอื่นที่ลูกสามารถเข้าโรงเรียนได้ก็ยังโมโหแทนเพราะกฎบ้าๆ นี้ทำให้เด็กอีกหลายคนต้องยืนเคว้งอยู่หน้าโรงเรียนแทบทั้งวันเพราะพ่อแม่ลางานมารับไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีเคสของนักเรียนชายคนหนึ่งที่เพิ่งผ่าตัดสะโพกมาและมีจดหมายจากแพทย์เขียนยืนยันว่าต้องใส่รองเท้าผ้าใบที่รองรับน้ำหนักได้ดีแทนรองเท้านักเรียน แต่ก็โดนหัวหน้าครูสั่งห้ามเข้าโรงเรียนอยู่ดี


ครูล้อพ่อนักเรียนให้เกิดความอับอายและนำไปสู่เรื่องเศร้า

     เรื่องนี้เกิดที่เมืองกาซิอาบัด ประเทศอินเดีย เมื่อแจสมิน นักเรียนหญิงชั้นม.3 วัย 14 ปีไม่มีเงินมาจ่ายค่าเทอมเพราะคุณพ่อของเธอยังหาเงินมาให้ไม่ทัน แทนที่ครูที่โรงเรียนจะช่วยเหลือ แต่ครูกลับเอาแต่กดดันเธอที่โรงเรียนทุกวันแถมยังทำต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้นของแจสมินด้วย เมื่อคุณพ่อรู้คุณพ่อก็กำลังทำเรื่องย้ายโรงเรียนให้แจสมินอยู่เพื่อให้เธอไปอยู่โรงเรียนรัฐบาลแทน แต่ครูจากโรงเรียนเอกชนนั้นก็ยังไม่ลดละค่ะ

     ครูรวมกลุ่มกันทำตัวเป็นนักทวงหนี้แถมยังมีหัวหน้าทีมเป็นครูใหญ่รักษาการณ์อีกต่างหาก กลุ่มครูบุกไปทวงค่าเทอมกับคุณพ่อที่บ้านของแจสมิน แถมยังด่าทอคุณพ่อต่างๆ นานาให้แจสมินได้ยินอีก เช่น "กล้าเนอะที่ส่งลูกมาเรียนโรงเรียนเอกชนทั้งที่ไม่มีปัญญาจ่ายค่าเทอมให้ทัน" เมื่อคุณพ่อไม่มีเงินให้ ครูก็โทรแจ้งตำรวจว่าโดนพ่อของแจสมินทำร้ายร่างกาย เมื่อตำรวจไปถึงก็พาตัวคุณพ่อไปสอบปากคำที่โรงพัก ทำให้แจสมินต้องอยู่คนเดียวที่บ้านในคืนนั้น

     วันรุ่งขึ้นเพื่อนบ้านก็พบศพแจสมิน การฆ่าตัวตายของเธอทำให้ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของที่นั่นเกิดความสงสัยในคดีนี้ ตำรวจจึงสืบสวนต่อและพบความจริงว่ากลุ่มครูน่าจะเป็นตัวจุดชนวนให้แจสมินต้องฆ่าตัวตาย ทำให้ตอนนี้มีครูโดนจับกุมตัวแล้ว 4 คน


     เห็นแต่ละข่าวแล้วก็รู้สึกอยากถอนหายใจซักพันครั้งค่ะ น่าสงสารเด็กๆ และผู้ปกครองทุกเคสเลย บางเคสก็เรื่องไม่เป็นเรื่องเลยจริงๆ อย่างครูประจำชั้นเรียนพิเศษที่ควรเข้าใจเด็กพิเศษมากกว่าใครกลับเป็นคนที่ไม่เข้าใจพวกเขามากที่สุดซะงั้น ไหนจะครูที่เหยียดผิวอีก หรือครูที่เห็นแก่เงินคนไม่แคร์อะไรอีก เฮ้อออออ

ข้อมูล
www.firstpost.com/india,www.freemalaysiatoday.com
www.malaysianchinesenews.com/2015/09/
www.fox46charlotte.com/news/local-news/93605284-story
www.todayonline.com/singapore,www.foxnews.com/us/2012/08/14/
www.takepart.com/article/2013/01/18,www.thesun.co.uk/news/1735169
พี่พิซซ่า
พี่พิซซ่า - Columnist คอลัมนิสต์ฝ่ายเรียนต่อนอก

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

fananime 4 ต.ค. 59 01:08 น. 5
คนพวกนี้ไม่ควรได้รับการยกโทษ ไม่ควรให้เป็นครูต่อไป จะไปติดคุกหรือไปตายก็แล้วแต่ โดยฉะเพาะเคสสุดท้ายตายตามเด็กไปก็ดีนะ
0
กำลังโหลด

6 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
Rainbow Dash Mlp Member 22 ก.ย. 59 17:30 น. 2
โรงเรียนเรายิ่งแล้วใหญ่ นักเรียนกำลังทำข้อสอบอยู่ดีๆ มีประกาศจากครูใหญ่เราเลยต้องฟัง(ทำเอาเวลากินไป10นาที)พอถึงเวลาจำกัดยังไม่มีนักเรียนคนไหนออกไปส่งเพราะยังไม่เสร็จ ครูก็มาบ่นใส่ว่า"ชักช้าเป็นเต่ากันจริง พวกเธอเป็นนักเรียนประเภทไหนเนี่ย ไม่ได้เรื่อง"นักเรียนทั้งห้องแทบจะโวยวายใส่ครูเลย
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
fananime 4 ต.ค. 59 01:08 น. 5
คนพวกนี้ไม่ควรได้รับการยกโทษ ไม่ควรให้เป็นครูต่อไป จะไปติดคุกหรือไปตายก็แล้วแต่ โดยฉะเพาะเคสสุดท้ายตายตามเด็กไปก็ดีนะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด