“เพราะคุกคือสวรรค์” ตีแผ่ชีวิตนักโทษหญิงชราญี่ปุ่น ทำไมถึงเลือกทำผิดเพื่อจะได้จะติดคุก?

     เชื่อว่าน้องๆ ชาว Dek.D-com คงต้องมีความคิดคล้ายๆ กันว่า ‘การติดคุกราวนั้นกับตกนรกทั้งเป็น’ แต่ความคิดนี้ไม่เกิดขึ้นกับหญิงชราชาวญี่ปุ่นหลายชีวิต พวกเธอกลับคิดว่า “เพราะคุกนั้นคือสวรรค์...เลยยอมทำผิดเพื่อที่จะได้ติดคุก” สงสัยกันใช่มั้ยครับว่าทำไมพวกเธอถึงคิดแบบนี้ล่ะ? พี่วุฒิ เองก็สงสัยเหมือนกันครับ ไม่รอช้า เราไปรู้จักเรื่องราวชีวิตของพวกเธอกันดีกว่า…



 

Cr. Bloomberg.com

 
     ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังต่อสู้กับปัญหาสังคมผู้สูงอายุ เช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่นที่มีจำนวนประชากรผู้สูงอายุสูงถึง 27.3% จากทั้งหมด แต่กับน่าแปลกใจที่ผู้สูงอายุจำนวนมากนั้นติดคุก แต่ที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือ เป็นหญิงชราซะส่วนใหญ่ 
     จากสถิติพบว่า 1 ใน 5 ของผู้หญิงที่ติดคุกนั้นเป็นเหล่าคุณยายที่มีอายุมากกว่า 65 ปี และ 9 ใน 10 นั้นโดนจับเพราะคดีลักทรัพย์ และหลายคนก็ติดคุกมาหลายครั้งอีกด้วย จากการสำรวจโดยรัฐบาลโตเกียวพบว่า ผู้ต้องหาวัยชรามากกว่าครึ่งที่ถูกจับเพราะขโมยของ ส่วนใหญ่แล้วใช้ชีวิตอยู่คนเดียว บางคนก็ไม่มีครอบครัว บ้างก็แทบจะไม่ค่อยได้คุยกับคนในครอบครัวเลยด้วยซ้ำ พวกเธอมักพูดอยู่เสมอว่า “ฉันไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปหาใครในยามที่ฉันต้องการความช่วยเหลือ”  

 

Cr. Bloomberg.com
 
     ยูมิ มุรานะกะ หัวหน้าพัศดีหญิงแห่งเรือนจำเมืองอิวะคุนิ ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่า “พวกเธอนั้นรู้สึกไร้ตัวตน จริงๆ แล้ว พวกเธออาจจะมีบ้านให้อยู่อาศัย พวกเธออาจจะมีครอบครัวเหมือนกับคนอื่นๆ แต่สิ่งที่พวกเธอกลับรู้สึกขาดนั่นก็คือ ความรู้สึกที่เหมือนว่าอยู่บ้าน พวกเธอรู้สึกเหมือนไม่มีใครเข้าใจ พวกเธอรู้สึกว่าตัวเองมีตัวตนแค่ในฐานะแม่บ้านเพียงเท่านั้น”
     นอกจากนี้แล้ว  เหล่าคุณยายที่อายุมากกว่า 65 ปี มากกว่าครึ่งอาศัยอยู่คนเดียว หลายคนเผชิญกับวิกฤติการเงินที่ไม่เพียงพอใช้ บ้างก็บอกว่า “สามีฉันเสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว” บ้างก็บอกว่า “พวกเราไม่มีลูก ก็เลยอยู่คนเดียว บางครั้งเวลาไปซื้อผักที่ซูเปอร์มาเก็ต แล้วเห็นเนื้อวัวที่ขายเป็นแพ็ค ฉันอยากซื้อมัน แต่ก็ฉุกคิดได้ว่า มันแพงมากๆ ถ้าซื้อไปก็คงจะไม่มีเงินไปซื้ออย่างอื่น ก็เลยเลือกที่จะไม่ซื้อ”

 
“เรือนจำที่ญี่ปุ่นได้รับการสนันสนุนที่ดีจากรัฐบาลและเอกชน 
พร้อมทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน” 
 
     จากจำนวนผู้สูงอายุที่ถูกจับติดคุกมีอัตราเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี ทางรัฐบาลก็ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ และได้มีการสร้างเรือนจำเฉพาะให้ผู้สูงอายุได้อยู่อาศัย อีกทั้งยังจ้างเจ้าหน้าที่เพื่อมาดูแลเหล่านักโทษวัยชราเหล่านี้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอยู่อาศัย การอาบน้ำ การเข้าห้องน้ำ หรือแม้แต่การซักชุดชั้นใน

 

Cr. Bloomberg
 
นาง F อายุ 89 ปี
     - ถูกจับเพราะขโมยข้าว, สตรอว์เบอร์รี่, ยาแก้หวัด
     - ติดคุกครั้งที่ 2, จำคุก1 ปีครึ่ง
     - มีลูกสาวและหลาน
     “ฉันติดคุกครั้งแรกตอนฉันอายุ 84 ปี ฉันอาศัยอยู่คนเดียวด้วยเงินสวัสดิการสังคม ฉันเคยอยู่กับครอบครัวของลูกสาวและเสียเงินเก็บทั้งหมดไปกับการดูแลลูกเขยเลวๆ

 

Cr. Bloomberg
 
นาง A อายุ 67 ปี
     - ถูกจับเพราะขโมยเสื้อผ้า
     - ติดคุกเป็นครั้งที่ 2, จำคุก 2 ปี 3 เดือน
     - มีสามี, ลูกชาย 2 คน, หลาน 3 คน
     “ฉันเคยขโมยของมากกว่า 20 ครั้งค่ะ พวกเสื้อผ้าราคาถูกๆ ตั้งแผงขายลดราคาในตลาด ที่ทำไปไม่ใช่เพราะว่าฉันต้องการเงินหรอกค่ะ ตอนที่ขโมยครั้งแรก แต่ฉันกลับไม่โดนจับ หลังจากนั้นฉันเลยรู้ว่ายิ่งขโมยเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกสนุก ตื่นเต้น เร้าใจดีค่ะ" 
     "สามีของฉันก็คอยมาเยี่ยมฉันตลอดนะคะ เขียนจดหมายมาให้เสมอๆ ด้วย ส่วนลูกชายทั้งสองคน พวกเขาโกรธฉันมากค่ะ แต่หลานของฉันยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าฉันอยู่ในคุก พวกเขาคิดว่าฉันรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล”

 

Cr.Bloomberg

 
นาง T อายุ 80 ปี
     - ถูกจับเพราะว่าขโมยไข่ปลาคอด เมล็ดพืชและกระทะ
     - ติดคุกเป็นครั้งที่ 4, จำคุก 2 ปีครึ่ง
     - มีสามี ลูกชาย 1 คน ลูกสาว 1 คน
     “แต่ก่อน ฉันไม่เคยจะคิดถึงเรื่องการขโมยเลยค่ะ สิ่งที่ฉันคิดตลอดก็คือ ต้องทำงานหนัก ฉันเคยทำงานที่โรงงานยางเป็นเวลา 20 ปี หลังจากนั้นก็ทำงานเป็นผู้คอยดูแลผู้ป่วยที่โรงพยาบาล แต่เงินที่ได้มามันไม่เพียงพอต่อค่าเล่าเรียนของลูกชายฉัน
     
“สามีของฉันถูกตีจนเสียสติไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว หลังจากนั้นเขาก็มีอาการทางจิต อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เห็นภาพลวงตา ฉันเองก็เป็นคนรองรับอารมณ์ของเขา ไม่มีใครรู้หรอกค่ะว่าฉันเครียดแค่ไหน เพราะฉันเองก็อายที่จะเล่าให้คนอื่นฟังด้วย”
     “ฉันเองถูกจับเข้าคุกครั้งแรกตอนอายุ 70 ปี แต่ตอนที่ฉันขโมยของครั้งนั้น จริงๆ แล้วฉันมีเงินติดตัวในกระเป๋านะคะ แต่จู่ๆ ก็ฉุกคิดเกี่ยวกับชีวิตของตัวเอง เกิดความรู้สึกว่าไม่อยากกลับบ้านเลย และฉันก็ไม่มีที่ไปด้วย ดังนั้นคุกคือที่ที่เดียวที่ฉันเห็นทางออกของปัญหา”
     "ชีวิตจากที่เคยยุ่งยากก็กลับดูง่ายขึ้นเมื่อได้มาอยู่ในเรือนจำ ฉันสามารถเป็นตัวของตัวเองและรู้สึกหายใจได้เหมือนคนปกติ แต่ลูกชายของฉันกลับมาบอกว่าฉันป่วยทางจิต และควรได้รับการรักษา แต่ฉันไม่คิดว่าฉันป่วยหรอกค่ะ ฉันคิดว่าความเครียดนี่แหละทำให้ฉันเลือกที่จะขโมยของคนอื่น”

 

Cr.Bloomberg
 
นาง N อายุ 80 ปี
     - ถูกจับเพราะขโมยหนังสือนวนิยาย โครเกต์ และพัดลมทำมือ
     - ติดคุกเป็นครั้งที่ 3, จำคุก 3 ปี 2 เดือน
     - มีสามี ลูกชาย 2 คนและหลาน 6 คน
     “ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียวและรู้สึกเหงามากๆ ถึงแม้ว่าสามีของฉันจะให้เงินฉันเป็นจำนวนมาก ผู้คนต่างบอกว่าทำไมฉันถึงโชคดีขนาดนี้ล่ะ แต่ฉันกลับคิดว่า เงินไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ และมันไม่ได้ทำให้ฉันมีความสุขไปทั้งหมดหรอกค่ะ”
     “ครั้งแรกที่ฉันขโมยของเกิดขึ้นเมื่อ 13 ปีที่แล้วค่ะ ตอนนั้นฉันขโมยหนังสือนวนิยายในร้านหนังสือ พอฉันถูกจับไปที่สถานีตำรวจ แต่ตำรวจใจดีกับฉันมากค่ะ เขารับฟังทุกอย่างที่ฉันพูดระบายออกไป ฉันรู้สึกดีใจมากที่มีคนรับฟังคำพูดของฉัน นั่นคงเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยค่ะ และในตอนสุดท้าย คุณตำรวจเขาก็แตะที่ไหลของฉันเบาๆ และบอกว่า ผมเข้าใจนะที่คุณรู้สึกเหงา แต่ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีกนะ”
     “ฉันไม่รู้จะบอกคุณยังไงให้เห็นภาพว่าฉันรู้สึกสนุกมากแค่ไหนที่ได้ทำงานในโรงงานของเรือนจำ บางวันที่ฉันได้รับคำชมในเรื่องฝีมือและความปราณีตในงานที่ฉันทำ ฉันเพิ่งจะได้รับรู้ถึงความสนุกในการทำงาน และฉันรู้สึกเสียใจมากที่แต่ก่อนไม่ได้ทำงานเลย แต่ตอนนี้ชีวิตของฉันได้เปลี่ยนไปแล้วค่ะ”
     “ฉันรู้สึกชีวิตของฉันนั้นสนุกขึ้นมากเมื่อได้มาอยู่ในเรือนจำ เพราะว่าที่นี่มีผู้คนมากมายและฉันก็ไม่รู้สึกเหงาด้วย ตอนนั้นที่ฉันได้ออกจากคุกไปครั้งที่ 2 ฉันเคยบอกกลับตัวเองว่าจะไม่กลับเข้าไปอีกเด็ดขาด แต่พอได้ออกมาจริงๆ ฉันก็เอาแต่คิดถึงบรรยากาศในเรือนจำอยู่เสมอเลยค่ะ”

 

Cr.Bloomberg

 
นาง O อายุ 78 ปี
- ถูกจับข้อหาขโมยเครื่องดื่มชูกำลัง กาแฟ ชา ข้าวปั้นและมะม่วง
- ติดคุกเป็นครั้งที่ 3, จำคุก 1 ปี 5 เดือน
- มีลูกสาว 1  คนและหลานชาย 1 คน
     “คุกคือโอเอซิสสำหรับฉัน มันคือสถานที่ที่ฉันรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจค่ถึงแม้ว่าอยู่นี่ ฉันจะไม่มีอิสระเลยก็ตาม แต่ฉันก็ไม่มีอะไรที่จะต้องกังวลใจแล้วค่ะ ที่นี่มีผู้คนมากมายให้ฉันได้พูดคุยด้วย และที่นี่ก็มีอาหารให้ฉัันได้รับประทานครบวันละ 3 มื้อ”

 

Cr.Quartz


 
     พอได้รู้อ่านเรื่องราวแต่ละคนก็พอจะรู้สึกเข้าใจเหล่านักโทษหญิงชราชาวญี่ปุ่นที่เลือกที่ทำแบบนี้ เข้าใจความรู้สึกของคนที่โดนโลกหันหลังให้ จนรู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยว ไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร… แต่อย่างไรก็ตามการลักทรัพย์ก็ไม่ใช่สิ่งที่พึงกระทำหรือลอกเลียนแบบนะครับ เจอกันใหม่บทความหน้าครับ :)


 
พี่วุฒิ
พี่วุฒิ - Columnist มนุษย์ 4 มิติผู้หลงใหลในเพลงเกาหลี ชาเนสที และหมูกระทะ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

gingermagiciandoll Member 22 มี.ค. 61 21:12 น. 1

อ่านแล้วรู้เลยค่ะว่าพวกท่านต้องการความรักและคนรับฟัง เป็นข้อคิดให้คนรุ่นใหม่รู้จักใส่ใจพ่อแม่ที่เข้าสู่วัยชราแล้ว พวกท่านเคยดูแลเรามา ต่อให้เราจะแยกออกไปก็ควรจะต้องกลับมาเยี่ยมท่าน ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆค่า ^^

0
กำลังโหลด

1 ความคิดเห็น

gingermagiciandoll Member 22 มี.ค. 61 21:12 น. 1

อ่านแล้วรู้เลยค่ะว่าพวกท่านต้องการความรักและคนรับฟัง เป็นข้อคิดให้คนรุ่นใหม่รู้จักใส่ใจพ่อแม่ที่เข้าสู่วัยชราแล้ว พวกท่านเคยดูแลเรามา ต่อให้เราจะแยกออกไปก็ควรจะต้องกลับมาเยี่ยมท่าน ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆค่า ^^

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด