ก่อนที่เราจะเขียนนิยายสักเรื่อง เราต้องรู้ก่อนใช่ไหมว่า 'กลุ่มเป้าหมาย' ของเราคือใคร คนแบบไหนที่จะอ่านนิยายของเรา คนวัยไหนที่จะชอบนิยายของเรา
สำหรับกลุ่มผู้อ่านที่ยังอยู่ในวัยเด็ก (ไม่เกิน 15 ปี) สิ่งที่ต้องระวังคือการใช้ภาษา การวางพล็อตเรื่อง จะต้องไม่ซับซ้อน นึกภาพว่าเราจูงมือคนอ่านเดินไปในเขาวงกตเพื่อพาไปทางออก ตรงข้ามกับวัยรุ่นหรือวัยผู้ใหญ่ ที่เราเลือกใช้ภาษาทั่วไปหรือภาษาสวยๆ ได้แล้ว และสามารถวางพล็อตได้ซับซ้อน หลอกล่อ ปล่อยให้หลงเองอยู่ในเขาวงกตได้สบาย
อีกอย่างที่ต้องระวังถ้าจะเขียนนิยายให้เด็กอ่านก็คือ เด็กเป็นวัยที่เสียสมาธิง่าย มีความสนใจแค่ช่วงสั้นๆ ดังนั้นนิยายของเราจะต้องมีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นเกือบตลอดเวลา หรือมีตัวละคร สถานที่ เวทมนตร์ อะไรที่พิเศษไปกว่าที่เด็กๆ เคยรู้ จึงไม่แปลกถ้าเราจะเห็นนิทานแต่ละเรื่องมีอะไรแบบนี้ปรากฏอยู่
เมื่อเรารู้ธรรมชาติของวัยเด็กแล้ว ทีนี้ก็ได้เวลามาดูเทคนิคที่เราต้องใช้เพื่อคนอ่านกลุ่มนี้กัน
1. ใช้ศัพท์ง่ายๆ
- ปรารถนา >>> อยาก
- โดยสารรถสาธารณะ >>> ขึ้นรถเมล์
- ทำความเคารพ >>> ยกมือไหว้
- เพ่งพิจพินิจดู >>> เพ่งตามอง
- ตกระกำลำบาก >>> ลำบาก
เราอาจใช้คำยากๆ พวกนี้ได้แต่ต้องนานๆ ที เพราะบางครั้งเด็กอาจถามพ่อแม่ถึงความหมายของคำเหล่านั้นระหว่างการอ่าน ถ้าหากเด็กต้องคอยตั้งคำถามทุกๆ สิบนาที นิยายเรื่องนั้นจะเริ่มไม่สนุก ไม่ต่อเนื่องแล้ว
หรือหยิบคำหรูๆ พวกนี้ขึ้นมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องไปเลย อย่างที่เลโมนี สนิกเก็ตทำในนิยายชุด "อยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย" ของเขา เขาจะชอบหยิบสำนวนขึ้นมาแล้วอธิบายว่าสำนวนนั้นมีความหมายอย่างไร เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ต่อไปที่เขาจะเล่าอย่างไร
2. ประโยคความเดียว ไม่ซับซ้อน
อย่างที่อัศวินในนิทานที่เขาเคยอ่านทำ
v
v
v
อลันเป็นเด็กขี้อาย เขามีความฝันว่าวันหนึ่งเขาจะออกไปผจญภัยอย่างในนิทาน
และอาจได้ฆ่ามังกรแบบอัศวินในเรื่องนั้นด้วย
3. มีลูกเล่นกับคำ
- จุดที่กลายเป็นแต้ม แล้วกลายเป็นก้อน แล้วกลายเป็นร่าง แล้วกลายเป็นเด็กชาย
- จอร์จเดินไปตัวเปล่า เล่าเรื่องราวให้แมรี่ฟัง
การซ้ำคำหรือการเล่นสัมผัสแบบนี้สำหรับผู้ใหญ่อย่างเราอาจจะรู้สึกเบื่อ แต่สำหรับเด็กแล้วจะรู้สึกสนุก ยิ่งถ้าไม่ได้อ่านเองแต่มีผู้ใหญ่อ่านให้ฟัง จะดึงความสนใจเด็กได้ดีมาก
4. พล็อตเรื่องไม่ซับซ้อน
เวลาจะเขียนนิยายให้เด็ก เราจึงไม่ควรเขียนเรื่องซับซ้อนมากนัก ขอให้มีปมของเรื่องไม่เกิน 2-3 ปม ลำดับเรื่องไปอย่างปกติ ไม่เน้นเทคนิคแพรวพราว ไม่มีการใส่ตัวหลอกให้เด็กเชื่อเป็นอย่างอื่น ไม่มีการหักมุม แต่เล่าอย่างตรงไปตรงมา
5. ให้ข้อคิดอย่างตรงไปตรงมา
สุดท้ายแล้วบอร์นก็ได้รู้ว่าการมีเพื่อนนั้นสำคัญกว่าการมีของวิเศษ เพราะยามสุขเขาก็เล่นกับเพื่อนได้ ยามทุกข์เขาก็คุยกับเพื่อนได้ ไม่เหมือนของวิเศษที่ได้แต่ตั้งอยู่กับที่
แต่ก็มีหนังสือสำหรับเด็กบางเรื่องที่ต้องอาศัยพ่อแม่ช่วยในการชี้แจงแถลงไข อธิบายเพิ่มเติมให้เด็กรู้ว่านิยายเรื่องนี้สอนอะไรกับเด็กบ้าง
จะเขียนนิยายให้เด็กอ่านนั้น พี่น้องว่ายากยิ่งกว่าเขียนให้ผู้ใหญ่อ่านเสียอีก
ในขณะที่นิยายสำหรับผู้ใหญ่นั้นจะเขียนวกวนซับซ้อนยังไงก็ได้
แต่นิยายสำหรับเด็กนั้น ซับซ้อนไปก็ไม่ดี แต่ธรรมดาไปเด็กก็ไม่สนใจอีก
ถึงอย่างนั้นงานเขียนประเภทนี้ก็ถือว่ามีคุณค่าต่อวงการวรรณกรรม
ในฐานะสื่อที่จะช่วยสร้างเสริมความรู้และคุณธรรมให้กับเด็กตั้งแต่ต้นนั่นเอง
อ่านบทความวิจารณ์หนังสือเรื่อง "เด็กชายในชุดนอนลายทาง"
ได้ที่นี่
11 ความคิดเห็น
น่าสนใจมากเลยค่ะ การจะเขียนให้เด็กอ่านได้คือยากกว่าเขียนให้ผู้ใหญ่อ่านได้ซะอีก เราต้องสมมติตัวเองว่าเป็นเด็ก เด็กคิดยังไงถ้าเจอแบบนี้ เด็กจะพูดอะไรถ้าโดนแบบนี้ คือต้องสมมติตัวเองและสวมบทบาทตลอดเวลา
แถมภาษาก็แบบตรงๆ กันไปเลย อะไรเป็นอะไรไม่ต้องแปลให้ลำบาก เช่น ถ้านิยายผู้ใหญ่จะเป็น แก้มสีระเรื่อ แต่ถ้าของเด็กก็เป็น แก้มสีชมพู แก้มสีแดง ใสๆ แบ๊วๆ ไปเลย
พล็อตเรื่องก็ไม่ต้องผูกปมอะไร ไหลไปเรื่อยๆ มันยากที่จะทำให้สนุกนะ ยากที่จะทำให้น่าสนใจได้
ยาก
ชอบตรงมีลูกเล่นกับคำเนี่ยแหละค่ะ(ฮา)
นิยายเรื่องนี้เคยอ่านเหมือนกันค่ะ เรื่องสนุกมากๆ เลย ไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะอายุแค่ 9 ขวบ ฉลาดเกิน 555 แต่ไม่ค่อยชอบตอนจบเท่าไหร่อ่ะ +_+ แงๆ >~<
เด็กอ่านนิยายของแดน บราวน์ไม่ได้
ขนาดเราโตๆ แล้ว ผ่านหนังสือมาหลายรูปแบบ ยังอ่านของแดน บราวน์ไม่ได้เลย
ขอบคุณมากๆค่ะ
ไม่เคยอ่านแบบที่เป็นนิยาย เคยดูแต่หนังค่ะ สะอึกกับตอนจบ ม่ายยยย
หนังดีจริงๆค่ะ ดูแล้วรู้สึกถึงความโหดร้ายจริงๆ
ตอนจบเรารู้สึกเศร้าTT
ตอนนี้ผมก็กำลังเขียนแนวเด็กนะ แต่แบบปมเยอะมาก
เฮ้อมึน
อยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย เป็นเรื่องโปรดมาก อ่านซ้ำกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ 55+ (ผืดประเด็นกับกระทู้)
ถึงใครจะบอกว่าเลโมนีใช้สำนวนการเขียนแปลก ๆ งง ๆ ก็ไม่สน เพราะชอบที่การผจญภัยความชั่วร้ายของเด็กโบดแลร์ ชอบความฉลาดของเด็ก ๆ โบดแลร์ที่พาตัวเองหนีอันตรายไปได้ถึง 13 ตอน (ถึงจะดูเว่อร์ ๆ หน่อย เป็นผมตกม้าตายตั้งแต่เจอเคาต์โอลาฟแล้ว) 555++
ไม่เคยอ่านเรื่องนี้ค่ะ เคยดูแต่ที่เขาเอามาทำเป็นภาพยนตร์ เนื้อเรื่องหดหู่ตั้งแต่ต้นจนจบ ขนาดดูจบไปหลายชั่วโมงแล้ว พอนึกขึ้นได้ก็ยังมีอารมณ์หดหู่ค้างอีก เนื้อเรื่องดีมากค่ะ แต่ดูรอบที่สองไม่ได้ ทำร้ายจิตใจเกินไป แง๊งงงงง