9 นิยายสุดสยองที่มีเค้าโครงจากเรื่องจริง

        ใกล้ฮาโลวีนแล้ว พูดถึงฮาโลวีนก็นึกถึงนิยายสยองขวัญกันเนอะ (คงไม่มีใครนึกถึงนิยายรักนะ) วันนี้พี่น้องเอา 9 นิยายสยองที่เขียนจากเรื่องจริงมาให้อ่านกัน หลายเรื่องอาจจะไม่มีแปลในไทย ถ้าใครอยากฝึกภาษาอังกฤษก็ลองไปหาดูนะจ๊ะ
 

1. The Exorcist (วิลเลียม ปีเตอร์ แบล็ตตี)

        แหม เรื่องนี้พี่น้องเชื่อว่าคอหนังผีทุกคนรู้จักดี เรื่องราวของเด็กหญิงที่โดนผีสิงจนหน้าเละ และท่าลงบันไดกลับหัว อ้วกใส่คนดูจนกลายเป็นท่าในตำนาน
        นิยายเรื่องนี้เอามาจากเรื่องจริงของ โรแลนด์ โด (โด เป็นนามสมมติค่ะ) ที่เกิดในปี 1936 และเติบโตมากับป้าชื่อแฮเรียต จนเมื่อเขาอายุได้ 13 ปี ป้าแฮเรียตก็เสียชีวิต โรแลนด์เลยใช้กระดานอุยจา (Ouija) สื่อสารกับป้าของตัวเอง (วิธีการเล่นกระดานนี้ ป้าเขาก็เป็นคนสอนเล่นเองนั่นแหละ) ทำไปทำมากลายเป็นว่ามันเริ่มเกิดเหตุการณ์ประหลาด
        เริ่มจากเหตุการณ์สิ่งของเคลื่อนย้ายเองได้ในบ้าน ลามมาจนถึงโรแลนด์เอง ที่เริ่มทำตัวเหมือนกับโดนผีสิง ใช้วาจาก้าวร้าวและทำตัวแปลกๆ เหมือนไม่ใช่ตัวเอง คนอื่นๆ ในบ้านจึงต้องหาทางรักษา ตั้งแต่แพทย์แผนปัจจุบัน จิตแพทย์ จนมาถึงหมอผีของคริสต์นิกายต่างๆ ขั้นตอนการไล่ผีก็ทำให้บาดเจ็บกันไปทั้งคนไล่และคนถูกไล่ ทำกันไปจนอาการสงบ (แต่ก็ไม่มีบอกว่าหลังจากนั้นเจ้าตัวกลับมาเป็นอีกหรือเปล่านะ)
        คุณแบล็ตตีเห็นเรื่องใช้ได้ก็เขียนซะเลย แต่เรื่องที่เขาเขียนก็มาจากบันทึกของบิชอปที่รับหน้าที่บันทึกการไล่ผีและข่าวท้องถิ่นซึ่งไม่มีหลักฐานอ้างอิงชัดเจน เลยบอกไม่ได้ว่าตกลงโรแลนด์ถูกผีสิงจริงหรือเปล่า แล้ววิธีการไล่ผีนั้นได้ผลจริงหรือไม่

2. Dracula (บราม สโตกเกอร์)

        มีหนังเรื่อง Dracula Untold เข้าฉายแล้ว จะไม่พูดถึงเรื่องนี้เลยก็เป็นไปไม่ได้
        ตำนานดรากูล่านี่ถือเป็นตำนานสยองขวัญระดับโลกเลยทีเดียว ไม่ว่าจะกี่สิบปี ก็จะยังมีนิยายหรือหนังที่ดัดแปลงจากตำนานนี้บ่อยๆ ทำให้คนทั่วโลกรู้จักผีดูดเลือดหรือแวมไพร์ และกลายเป็นคอสตูมที่ขาดไม่ได้เวลามีปาร์ตี้ฮาโลวีน
        นิยายเรื่องนี้อิงจากตำนานเมืองของโรมาเนีย เรื่องของเจ้าชายวลาดที่สาม หรือ ดรากูล่า (แปลว่าบุตรแห่งดรากูล ซึ่งเป็นยศห้อยท้ายของพ่อเขาอีกที) ตอนแรกพ่อเขาปกครองเมืองวัลลาเคีย แต่พ่อกับพี่ชายของเขาโดนสังหารหมด เขาก็หนีไปอยู่กับลุงที่เมืองอื่นระหว่างที่พวกออตโตมันบุก กลับมาครองบัลลังก์อีกทีตอนปี 1456 สภาพเมืองตอนนั้นย่ำแย่มาก เรียกได้ว่าโดนบุกแล้วเละ เขาทั้งโกรธทั้งแค้นใจ เลยออกมาตรการเด็ดขาด ทำยังไงก็ได้ให้เมืองกลับมาดีเหมือนเดิม "ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม"
        แน่นอนว่าหลังจากนั้นเขาก็จัดการ "เสียบไม้ประจาน" ฆาตกร, โจร, พวกออตโตมัน, หรือแม้กระทั่งคนที่ข่มขู่เขาหรือคนที่เขาเห็นว่า 'อยู่ไปก็รกโลก'
        วิธีการออกจะโหดเหี้ยมและเด็ดขาดไปเสียหน่อย จนชาวเมืองหวาดกลัวเขาและให้สมญานามว่า Vlad the Impaler หรือวลาดผู้กระซวก (แหม่ พี่ก็แปลซะ...)
        แต่...เจ้าตำนานที่ว่าเขาแทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจเหยื่อแต่ละรายแล้วเอาถ้วยมารองเลือดไว้ดื่มกินนั้นเป็นแค่เรื่องตอกไข่ใส่สีเท่านั้น สโตกเกอร์เลยได้ข้อมูลตรงนี้มาเขียนเป็นนิยายสยองๆ ได้หนึ่งเรื่องเลย

3. Jaws (ปีเตอร์ เบนช์ลีย์)

        คดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่คนร้ายเป็นฉลามขาวยาวสิบฟุต เริ่มขึ้นปี 1916 เดือนกรกฎาคม วันที่ 1 เหยื่อคนแรกเป็นหนุ่มอายุ 25 ชาร์ลส์ แวนแซนท์ โดนฉลามโจมตีที่ชายหาดบีชเฮเวน รัฐนิวเจอร์ซีย์ ตายเนื่องจากเสียเลือดมาก
        หลังจากนั้นวันที่ 6 ทะเลสาบสปริง ขึ้นไปทางเหนือของหาดบีชเฮเวน ชาร์ลส์ บรูเดอร์โดนฉลามกัดอีกเช่นกัน ตอนนั้นเรื่องคนโดนฉลามกัดไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คนก็เลยตื่นตระหนกกันมาก มีกัปตันคนหนึ่งรายงานว่าเห็นฉลามยาวประมาณสิบฟุตว่ายขึ้นไปทางเหนือ ตอนนั้นทุกคนเข้าใจว่าเขาพูดเกินจริงเรื่องขนาด
        ต่อมาวันที่ 12 เด็กชายวัยสิบเอ็ด เลสเตอร์ สติลเวล ก็โดนกัดตาย ตามด้วยวัตสัน ฟิชเชอร์ที่กระโดดไปช่วยเด็กชายก็จบชีวิตเช่นเดียวกัน สามสิบนาทีหลังจากนั้น เจ้าฉลามว่ายไปตามกระแสน้ำห่างออกไปหนึ่งไมล์แล้วจู่โจม โจเซฟ ดูนน์ ซึ่งรอดชีวิตเพราะเพื่อนช่วยได้ทัน
        14 กรกฎาคม ในที่สุดชาวประมงก็รวมตัวกันจับเจ้าฆาตกรต่อเนื่องนี้ขึ้นมาได้ และพบว่ามันยาว 10 ฟุตจริง หนักราวๆ 300 ปอนด์ พวกเขาอ้างว่าตอนผ่าท้องปลาออกนี่เห็นซากเนื้อกับกระดูกมนุษย์อยู่ในท้องมันราวๆ 15 ปอนด์เลยทีเดียว
        เรื่องราวของเจ้าฉลามโหดนี้ก็กลายเป็นนิยายและหนังให้เราดูในเวลาต่อมา ซึ่งแน่นอนว่าก็มีการใส่สีตีไข่ลงไปหน่อยให้เจ้าฉลามดูใหญ่ขึ้นและกระหายเนื้อมนุษย์มากขึ้น

4. Frankenstein (แมรี เชลลี)

        แฟรงเกนสไตน์เป็นผลงานของเด็กสาววัย 18 แมรี เชลลี เขียนขึ้นเพื่อใช้ในการแข่งขันเรื่องผีที่น่ากลัวที่สุด จัดขึ้นที่บ้านพักตากอากาศของลอร์ดไบรอน
        แรงบันดาลใจที่ทำให้เชลบี้เขียนนิยายสยองเรื่องนี้ขึ้น เชื่อว่ามาจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์ในสมัยก่อนค่ะ
ช่วงคริสตศตวรรษที่ 18 ตอนนั้นการแพทย์ยังไม่ค่อยเจริญก้าวหน้า ในยุโรปจะมีนักวิทยาศาสตร์หลายคนที่สนใจเรื่องการ 'ชุบชีวิตคนตาย' หรือการสร้าง 'ศิลานักปราชญ์' บางรายก็ใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ธรรมดา เช่น Giovanni Aldini ทำการทดลองใช้กระแสไฟฟ้ากับร่างของนักโทษ แถมเปิดเป็นการแสดงให้คนทั่วไปได้ดูอีก ในตอนนั้นแมรี เชลลียังเด็ก อาจจะไม่ได้มาดูการแสดง แต่เชื่อว่าเธอคงได้ยินข่าวนี้และดอกเตอร์แฟรงเกนสไตน์ในหัวเธอก็เริ่มก่อตัวขึ้นมา
        คนที่น่าจะมีอิทธิพลต่อเรื่องของเชลลีมากที่สุดคือ Johan Konrad Dippel ซึ่งเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุในสมัยนั้น และสนใจในศิลานักปราชญ์มาก เชื่อว่าเขาถึงกับไปขุดศพมาทำการทดลองเพื่อปลุกคนตายให้ฟื้นคืน ใช้ทั้งน้ำยา ที่เรียกว่า Elixir of Life (ที่กินในเกมแล้วค่าพลังกลับมาเต็มหมดเลย) ใช้ทั้งมนตร์ดำ เวทมนตร์ต่างๆ ตามแต่จะสรรหามาได้
        เรียกได้ว่าเหล่านักวิทยาศาสตร์ผู้หลงใหลในการคืนชีพคนตายเหล่านี้คงจะเป็นต้นแบบให้กับดอกเตอร์วิกเตอร์ แฟรงเกนสไตน์ไม่มากก็น้อยค่ะ
        หลายคนชอบคิดว่าแฟรงเกนสไตน์คือชื่อของสัตว์ประหลาดที่ดอกเตอร์สร้างขึ้นมา แต่ไม่ใช่นะคะ สัตว์ประหลาดนั้นไม่มีชื่อ (เพราะดอกเตอร์ตกใจมาก เลยหนีไปทันทีที่มันมีชีวิตขึ้นมา) แต่คนเขียนพูดถึงสัตว์ประหลาดตัวนี้ว่ามันคือ "อดัม" ตามพระคัมภีร์ไบเบิลของชาวคริสต์ มนุษย์คนแรกที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา
        ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนใช้ผิดอยู่บ่อยๆ เช่น เรียกคนที่หน้าตาแย่ๆ ว่าหน้าเหมือนแฟรงเกนสไตน์ หรือตั้งชื่อการ์ตูนที่มีสัตว์ประหลาดตัวนี้ว่าแฟรงเกนสไตน์

5. The Girl Next Door (แจ็ค เคทชัม)

        นิยายโหดเรื่องนี้ไม่มีผี ปิศาจ มีแต่มนุษย์ เป็นเรื่องของเด็กหญิงกำพร้าสองคนที่ต้องมาอาศัยอยู่กับคุณแม่ลูกสาม แต่เพราะสภาพจิต ทำให้คุณแม่คนนี้เริ่มเครียดที่ต้องเลี้ยงเด็กเพิ่มอีกสองคน และเริ่มด่าทอ ทำร้ายร่างกาย กักขัง ไปจนกระทั่งให้ลูกชายของเธอข่มขืนเด็กกำพร้า โชคยังดีที่เพื่อนบ้านซึ่งแอบหลงรักเด็กกำพร้าคนนึงในนั้นตัดสินใจเสี่ยงตายเข้าไปช่วย แต่ก็ช่วยมาได้แค่คนเดียวเพราะอีกคนทนพิษบาดแผลไม่ไหว
        เรื่องจริงเป็นของ ซิลเวีย ไลเคนส์ กับน้องสาว เจนนี่ ที่ต้องมาอยู่กับครอบครัว บานิสซิวสกี ซึ่งมีแม่ 1 คนกับลูกอีก 7 คน เด็กสองคนนี้ไม่ได้เป็นเด็กกำพร้า แต่พ่อแม่ของพวกเธอต้องไปร่วมคณะละครเร่ ก็เลยต้องฝากลูกไว้ กลายเป็นว่าเด็กสาวทั้งสองถูกทำร้ายร่างกาย ขังไว้ในห้องใต้ดิน อดอาหาร และถูกจุดไฟเผา
        เพียง 3 เดือนเด็กสาวทั้งสองก็เสียชีวิตคามือแม่เลี้ยงใจโหดและลูกๆ ของเธอ

6. The Amityville Horror: A True Story (เจย์ แอนสัน)

        นิยายสไตล์ผีแบบอเมริกัน ครอบครัวหนึ่งย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านที่มีประวัติไม่ดีมาก่อน เจอเรื่องแปลกๆ โดนผีไล่ คุณพ่อโดนผีสิง สุดท้ายก็ต้องเก็บของหนีออกมา
        เรื่องจริงก็เช่นเดียวกับในนิยาย ครอบครัว Lutz ที่ย้ายเข้าไปใหม่นั้นเจอเรื่องแปลกๆ คุณพ่อโดนผีสิง และตัดสินใจย้ายออก สื่อมวลชนสนใจเรื่องนี้มากและเชื่อว่าเป็นเรื่องโกหก แต่ครอบครัวนี้ก็ยืนยันว่าจริงนะจ๊ะ ไปเช็คประวัติได้เลย บ้านหลังนี้เคยเกิดคดีฆาตกรรมจริง Ronald DeFeo, Jr. เป็นคนยิงสมาชิกในครอบครัว 6 คนทิ้งหมด
        ซึ่งคุณ Ronald ก็ให้ทนายออกมาบอกกับสื่อมวลชนภายหลังว่า จริงก็บ้าแล้วจ้ะ

 

7. House of Darkness, House of Light (แอนเดรีย เพอร์รอน)

        นี่ก็นิยายสไตล์ผีอยู่ในบ้านที่ครอบครัวเพิ่งย้ายเข้าไปเช่นกัน พี่น้องเชื่อว่าหลายคนรู้จักเรื่องนี้แน่ ถ้าบอกว่าบ้านในนิยายเรื่องนี้ก็หลังเดียวกับที่อยู่ในหนังเรื่อง The Conjuring นั่นแหละค่ะ คนเขียนเรื่องนี้ (เพอร์รอน) คือลูกสาวที่เจอเหตุการณ์ในบ้านนี้นั่นเอง
        แต่จากบทสัมภาษณ์ของเพอร์รอนเอง บอกว่าหนังเรื่อง The Conjuring สร้างจากเรื่องจริง ไม่ได้สร้างจากนิยายที่เธอเขียน (ฟังดูแปลกๆ) ซึ่งข้อมูลเรื่องจริงนั้นก็มาจากบันทึกของ Ed กับ Lorraine Warren ทีมค้นหาพลังงานลี้ลับที่เจ้าของบ้านจ้างให้ไปช่วยหาผีให้หน่อย
        สองคนนี้นี่มีผลงานบ้านผีมาเยอะนะคะ ผลงานเด่นๆ ก็มีบ้านผีที่ Amityville (ซึ่งกลายเป็นหนังสยองอีกเรื่อง) และบ้านผีที่รัฐคอนเน็คติคัต (ซึ่งกลายมาเป็นหนังเรื่อง The Haunting in Connecticut) แต่งานของสองคนนี้ก็โดนหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่าใส่สีตีไข่ซะเยอะ

        ปล. มีใครเห็นปกเรื่องนี้แล้วคิดในใจเหมือนพี่บ้าง ทำไมปกมัน...สี่ดรุณีขนาดนี้

8. Psycho (โรเบิร์ต บลอช) - Silence of the Lambs (โธมัส แฮร์ริส)

        สองเรื่องนี้มาคู่กัน เพราะฆาตกรสุดโหดของสองเรื่องนี้มีต้นแบบมาจากคนจริง Edward Gein ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมในปี 1957 Bernice Worden หายตัวไปจากร้านขายเครื่องมือ มีคนรู้ว่า Gein เป็นลูกค้าคนสุดท้ายของร้านนี้ และเห็นป้วนเปี้ยนอยู่ ตำรวจเลยไปตามจับ Gein ถึงบ้านและพบกับสิ่งที่น่าตกใจกว่า
        ศพของ Worden ถูกแขวนอยู่กลางโรงนา และรอบๆ คือเครื่องไม้เครื่องมือที่ทำจากกระดูกและผิวหนังของมนุษย์ ตำรวจเชื่อว่าเขาต้องฆ่าคนมาเยอะแน่ๆ แต่พอสืบไปสืบมา กลายเป็นว่าเขาก่อคดีไว้สองคดีเท่านั้น และเขายอมรับว่ามีไปขุดศพผู้หญิงที่คล้ายกับแม่เขาขึ้นมาด้วย (Gein ติดแม่มาก) หมอลงความเห็นว่าเขาเป็นโรคประสาท ศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง แต่ก็ต้องส่งตัวเขาไปรับการรักษาต่อไป

        เรื่องราวของ Gein กลายเป็นต้นแบบให้กับ Norman Bates ตัวเอกในเรื่อง Psycho ซึ่งเป็นคนที่ถูกเลี้ยงดูมาแบบไม่เคยห่างจากแม่ และ เป็นต้นแบบให้กับฆาตกร Buffalo Bill ในเรื่อง Silence of the Lambs ที่จับตัวผู้หญิงไปฆ่าปิดปากแล้วถลกหนังมาทำชุดใส่

        แหม...แต่ละเรื่องนี่แซบๆ ทั้งนั้นเลย อย่างว่าล่ะ อะไรที่พาดหัวว่า "Based on True Story" มักจะมีคนสนใจ ขายดี๊ขายดี แต่เราต่างก็รู้กันว่านิยายหรือหนังหลายๆ เรื่องแค่ยืมชื่อเหตุการณ์มาใช้ ส่วนรายละเอียดนั้นค่อยว่ากันอีกทีน่ะนะ
 
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://blog.bookstellyouwhy.com/six-famous-horror-novels-based-on-true-stories
http://flavorwire.com/340359/horror-films-you-didnt-realize-were-based-on-true-stories/8
http://www.examiner.com/list/5-horror-novels-based-on-true-events


ขอบคุณภาพประกอบจาก
captainhowdy.com
bookwormchatterbox.wordpress.com
openlettersmonthly.com

thenewinvisibleman.wordpress.com
goodreads.com
amazon.co.uk
barnesandnoble.com
พี่น้อง
พี่น้อง - Columnist คอลัมนิสต์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

midnigth Member 25 ต.ค. 57 10:18 น. 1

ท่านวลาทไม่ได้แทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจจริงๆนั้นแหละค่ะ แค่เอาเหล็กแหลมแทงจากทวารหนักทะลุผ่านคอไปโผล่ที่ปากเอง พอแทงเสร็จก็เอาไปแขวนไว้กับกำแพง เพื่อให้ศัตรูเห็น ก็แค่นั้นเอง

หวาาหวาาหวาาหวาาหวาา

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ล่องหน~ Member 27 ต.ค. 57 19:04 น. 10

เรื่อง The girl next door ในเรื่องจริงสองพี่น้องนี้น่าสงสารมากๆ แบบนึกถึงทีไรก็ปวดใจสุดๆ แบบอยากเอาปืนยิงเรียงคนทำร้ายเรียงตัวอะ(แต่ก็ไม่แนะนำให้ไปหาอ่านนะ จริงๆ)เสียใจเสียใจเสียใจ

1
editor_nong Member 28 ต.ค. 57 09:15 น. 10-1
แบบเดียวกับของญี่ปุ่นที่จุนโกะเจอเลยค่ะ ไม่อยากนึกว่าช่วงเวลาเป็นเดือนๆ ที่ถูกทรมานมันเจ็บปวดแค่ไหน เสียใจ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Chanyanuch Member 25 ต.ค. 57 11:20 น. 2

วลาดมีสมญานามจริงๆว่า  "วลาดจอมเสียบ"  นะคะ

เห็นคำว่า  "กระซวก"  แล้วนึกถึงหนังผีไทยแนวควักตับไตไส้พุง

0
กำลังโหลด

22 ความคิดเห็น

midnigth Member 25 ต.ค. 57 10:18 น. 1

ท่านวลาทไม่ได้แทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจจริงๆนั้นแหละค่ะ แค่เอาเหล็กแหลมแทงจากทวารหนักทะลุผ่านคอไปโผล่ที่ปากเอง พอแทงเสร็จก็เอาไปแขวนไว้กับกำแพง เพื่อให้ศัตรูเห็น ก็แค่นั้นเอง

หวาาหวาาหวาาหวาาหวาา

0
กำลังโหลด
Chanyanuch Member 25 ต.ค. 57 11:20 น. 2

วลาดมีสมญานามจริงๆว่า  "วลาดจอมเสียบ"  นะคะ

เห็นคำว่า  "กระซวก"  แล้วนึกถึงหนังผีไทยแนวควักตับไตไส้พุง

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
แซลม่อนจากนอร์เวย์ Member 26 ต.ค. 57 13:56 น. 8

เรื่องของซิลเวียเหมือนจะถูกเอามาเขียนหลายเรื่องอยู่ หนึ่งในนั้นมีผลงานของนักเขียนไทยด้วย แต่จำชื่อไม่ได้

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ล่องหน~ Member 27 ต.ค. 57 19:04 น. 10

เรื่อง The girl next door ในเรื่องจริงสองพี่น้องนี้น่าสงสารมากๆ แบบนึกถึงทีไรก็ปวดใจสุดๆ แบบอยากเอาปืนยิงเรียงคนทำร้ายเรียงตัวอะ(แต่ก็ไม่แนะนำให้ไปหาอ่านนะ จริงๆ)เสียใจเสียใจเสียใจ

1
editor_nong Member 28 ต.ค. 57 09:15 น. 10-1
แบบเดียวกับของญี่ปุ่นที่จุนโกะเจอเลยค่ะ ไม่อยากนึกว่าช่วงเวลาเป็นเดือนๆ ที่ถูกทรมานมันเจ็บปวดแค่ไหน เสียใจ
0
กำลังโหลด
Unnamed star Member 27 ต.ค. 57 20:58 น. 11

จะชวนเราทะเลาะนี่ไม่ยากนะ แค่ชวนไปดูหนังผี บอกตรงๆว่าไม่ถูกโรคกันอย่างแรง แต่นิยายฆาตกรรมนี่ขอให้บอก

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
เงียบเหงาเศร้าใจ Member 31 ต.ค. 57 15:12 น. 17

ตอนอ่านก็ไม่น่ากลัวเท่าไหร่นะแต่พอมาอ่านคอมเม้นมันรู้สึกหลอนๆวาบๆหวิวยังไงก็ไม่รู้

เสียใจ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
war-sky Member 28 ก.พ. 58 23:43 น. 19

ไม่ได้อ่านว่ากระดานอุยจานะคะ OUIJA อ่านว่า วีจา ค่ะ 

ตามศัพท์เดิม มาจากภาษาฝรั่งเศส Oui (yes) ออกเสียงใกล้เคียงว่า วี 
กับภาษาเยอรมัน Ja(yes) ออกเสียงใกล้เคียง จา
ฉะนั้น ที่ถูกจึงต้องออกเสียงว่า "วีจา" ครับ
ส่วน "วีจี" น่าจะเป็นการเรียกผิด และเรียกตามๆกันแบบนี้มากกว่า

นำมาจากพันทิปค่ะ 

0
กำลังโหลด
-CameSoCold 1 มี.ค. 58 18:10 น. 20
"เเต่เราต่างก็รู้กันว่านิยายหรือหนังหลายๆ เรื่องแค่ยืมชื่อเหตุการณ์มาใช้" ประโยคนี่น่ะเรื่องจริงสุดๆ บางทีเเค่เอาชื่อเหตุการณ์ที่คล้ายๆกันไปใส่ในเรื่องเเต่ง ทั้งที่จริงๆน่ะไม่มีอะไรเว่อร์ขนาดนั้นเลย
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด