พบ "Plariex" และ "ลูกไม้" สองสาวนักเล่าเรื่องผ่านภาพวาด

        กลับมาเจอกันอีกแล้วกับสกู๊ปพิเศษ แนะนำ 'คนในวงการหนังสือ' รอบนี้พี่น้องจะพาไปพบกับสองสาวนักเล่าเรื่องด้วยภาพวาดสุดน่ารักทั้งสองคน คือ "Plariex" และ "ลูกไม้" จากสำนักพิมพ์ Salmon Books และ Bunbooks ในเครือบันลือสาส์นค่ะ
        ใครที่ชอบเล่าเรื่อง แต่เขียนไม่เก่ง เน้นวาดอย่างเดียว ต้องอ่านเลย เพราะนี่เป็นเส้นทางหนึ่งที่เราเลือกได้ ถ้าเรารักในการวาดจริงๆ

 

น้องๆ ในเด็กดีอาจจะรู้จัก Plariex กับลูกไม้ มาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ว่าตัวจริงเป็นใคร
มาแนะนำตัวกันหน่อยดีกว่าค่ะ


Plariex:
สวัสดีค่ะ นามปากกาปลารี่ (Plariex) นะคะ ชื่อจริง พัชรกันย์ พิศาลสุพงศ์ ชื่อเล่นจริงๆ ชื่อปลา ปลารี่มาจากเพื่อนสาวสองตั้งให้แล้วชอบเลยเอามาใช้ (อธิบายละเอียดไปมั้ย) ปีนี้อายุ 29 จบป.ตรีไม่ตรงสาย ทำงานออฟฟิศมาเกือบสามปี ปัจจุบันนี้ทำงานเป็นนักวาดภาพประกอบอิสระค่ะ

ลูกไม้: ชื่อลูกไม้ ดวงกมล คงธนะเจริญชัย เป็นนักเขียน และนักวาดภาพประกอบ เป็นฟรีแลนซ์ แต่งานหลักๆ คือเขียนหนังสือกับสำนักพิมพ์บันค่ะ ผลงานที่ออกมาแล้วมี ตอนนั้นน่ะนะ (สำนักพิมพ์เยลโล่ใยไหม) ส่วนของสำนักพิมพ์บันมี When I was there: หน้าพระลานไม่นานนี้miwako: It’s all ride แล้วก็ล่าสุด GUESS ROOM: บุคคล | ห้อง | สงสัย ค่ะ

ทั้งสองคนเริ่มต้นวาดรูปตั้งแต่เมื่อไร จำได้ไหมคะ
แล้วอะไรทำให้ยังวาดรูปมาจนถึงทุกวันนี้

Plariex: เราก็เหมือนคนอื่นๆ ที่ชอบวาดรูปเล่นตั้งแต่ตอนเด็กๆ ค่ะ ก็วาดบ้านแบบกล่องๆ มีภูเขาแล้วก็มีพระอาทิตย์ขึ้น กับนกเส้นๆ และแม่น้ำที่ไหลออกมาจากภูเขา (ภาพแบบภาคบังคับมาก) พอโตมาหน่อยก็เริ่มอ่านการ์ตูน ดูการ์ตูนช่องเก้า ดูไปดูมาอยากวาดบ้าง ก็ฝึกวาดเองมาเรื่อยๆ จนมาถึงช่วงมัธยม มีเนตใช้แล้วก็เลยได้เข้าไปจอยกับเวบบอร์ดการ์ตูนแล้วก็ได้รู้จักกับกลุ่มวาดรูป แต่วาดสวยไม่เท่าเพื่อนเลย น้อยใจ ก็เลยเลิก 555 จนช่วงมหาวิทยาลัยได้มาเขียนบล็อกที่ exteen (สมัยโน้นเฟซบุคยังไม่บูม) ก็เล่าเรื่องเรื่อยเปื่อยแต่ละวันของตัวเอง จนมาวันนึงจำได้ว่าจะอธิบายอะไรสักอย่างก็เลยลองวาดรูปประกอบง่ายๆ ลงไปด้วย ปรากฎว่าคนชอบกันเพราะพอมีภาพคั่นมันทำให้น่าสนใจว่าตัวหนังสือล้วน แล้วพวกรูปแบบที่วาดประกอบมันก็สนุกดี ก็เลยได้วาดรูปสไตล์นี้ต่อเนื่องมาถึงทุกวันนี้ค่ะ

ลูกไม้: ตั้งแต่จำความได้ก็วาดรูปเล่นมาตลอดค่ะ ตอนเด็กๆ ชอบวาดแล้วส่งไปตามรายการการ์ตูนต่างๆ สิ่งที่ทำให้วาดมาจนถึงทุกวันนี้ก็คือความชอบเป็นหลัก เวลาทำแล้วมันมีความสุข ยิ่งเวลาที่ทำเสร็จผลงานของเราสามารถสร้างความประทับใจให้กับคนที่ได้ชม ก็ยิ่งทำให้เรามีความสุขกับการวาดขึ้นไปอีก เป็นแรงบันดาลใจในการวาดภาพมาเรื่อยๆ ค่ะ

แล้วทำยังไงถึงได้มาร่วมงานกับสำนักพิมพ์ Salmon Books และ Bunbooks หรือคะ

Plariex: หลังจากที่เขียนบล็อกเราก็ได้มีโอกาสรู้จักกับ แชมป์ ทีปกร ที่เป็นเว็บมาสเตอร์ของ exteen ในตอนนั้นค่ะ แล้วแชมป์ก็ช่วยเอางานการ์ตูนจากบล็อกของเราไปเสนอที่สำนักพิมพ์ แล้วก็มีโอกาสได้ลงการ์ตูนสั้นๆ กับสนพ. a book จนสำนักพิมพ์แซลมอนเกิด บ.ก.แบงค์ ที่ได้อ่านการ์ตูนของเราก็ชวนมาออกหนังสือ แล้วก็เลยได้มีโอกาสออกพ็อคเก็ตบุ๊คเล่มแรกของตัวเองที่นี่ และพอมีสำนักพิมพ์บันเพิ่มขึ้นมา เราก็ได้ย้ายมาที่นี่เพราะคอนเทนต์เข้ากับกลุ่มผู้อ่านของบันที่เน้นสาวๆ มากกว่าค่ะ

ลูกไม้: เคยร่วมงานกับพี่หนุงหนิง–บ.ก.บห. สำนักพิมพ์บันมาก่อน (ตอนที่ทำเล่ม "ตอนนั้นน่ะนะ") พอพี่เค้าย้ายมาทำสำนักพิมพ์นี้ ด้วยความที่สไตล์งานของเราเหมาะกับภาพลักษณ์ของสำนักพิมพ์บัน พี่หนุงหนิงก็เลยชวนเรามาร่วมงานอีกครั้งค่ะ

ขอให้ทั้งสองคนช่วยอธิบายแนวหนังสือที่ตัวเองเขียนอยู่หน่อยค่ะว่าต่างกันยังไง

Plariex: ของเราคือแนว comic essay ค่ะ คือการ์ตูนเรียงความ เล่าเรื่องจากประสบการณ์ในรูปแบบการ์ตูน คนอ่านอ่านแล้วก็จะมีความรู้สึกร่วมบ้างถ้าเคยมีประสบการณ์อะไรที่คล้ายๆ กัน อันนี้ก็สืบเนื่องมาจากบล็อกเราที่เล่าเรื่องชีวิตประจำวัน ที่เล่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของตัวเองอะค่ะ ยกตัวอย่างจากที่เคยเขียนมาก็ ชีวิต 18- เป็นเรื่องของวัยรุ่นก่อนอายุ 18 / Office Sista เล่าเรื่องประสบการณ์ของเราสมัยที่ทำงานที่ออฟฟิศ / ชีวิต 175 cm ก็เกี่ยวกับมุมมองของเราที่เป็นคนสูง / Plants vs Plariex ช่วงที่ปลูกกระบองเพชร / โสดนี้อีกนาน โสดนี้ไม่ลืม เรื่องโสดๆ ของเรากับเพื่อนรอบตัว / แล้วก็ So Seoul ประสบการณ์ที่ไปเที่ยวประเทศเกาหลีค่ะ (ไปๆ มาๆ โฆษณาหนังสือครบเลย)

ลูกไม้: illustration essay ที่เราเขียนจะเป็นหนังสือที่มีทั้งภาพและตัวอักษร ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน ใช้ตัวอักษรเดินเรื่องไปพร้อมๆ กับใช้ภาพบรรยายเนื้อหา แต่ comic essay ที่ปลารี่เขียนจะเน้นใช้ภาพการ์ตูนเดินเรื่องแล้วใช้ตัวอักษรมาเป็นส่วนขยายเนื้อหามากกว่าค่ะ

ขั้นตอนการทำงานกับสำนักพิมพ์ กว่าจะได้หนังสือมาสักเล่มต้องทำอะไรบ้างคะ

Plariex: เริ่มจากหาหัวข้อว่าจะเขียนอะไร แล้วรวบรวมเรื่องราวทำโครงเสนอกับทางสำนักพิมพ์ค่ะ เมื่อโครงผ่านก็นำไปทำเป็นการ์ตูนตัวอย่าง (ที่เรียกว่าเนม หรือสตอรี่บอร์ด) ให้ทางสำนักพิมพ์อ่านดูก่อนว่าควรต้องปรับแก้เพิ่มเติมตรงไหน แล้วก็ทยอยนำไปตัดเส้น ลงสี พิมพ์เท็กซ์เพื่อทำเล่มจริง แล้วก็ส่งให้ทางกราฟิก พิสูจน์อักษร ทำต่อเป็นลำดับต่อไป ฟังดูเป็นขั้นตอนเหมือนจะชิลๆ แต่ตอนเราทำนี่ ช่วงเอาโครงมาร้อยทำเนมส่งนี่หืดขึ้นคอเหมือนกันค่ะ มันต้องคำนึงถึงหลายๆ อย่างเช่น จำนวนหน้า การลำดับเรื่อง มุก (ที่บางทีก็ไม่รู้ว่าขำอยู่คนเดียวมั้ย...) การจบเรื่อง ฯลฯ ต้องปรึกษาทางกองฯ หลายรอบเหมือนกัน แต่รวมๆ แล้วก็สนุกดีค่ะ

บางคนเลือกซื้อหนังสือโดยดูจากความคุ้มค่า
แล้วคิดว่าหนังสือที่มีตัวอักษรต่อหน้าเยอะ คุ้มกว่าหนังสือที่มีภาพเป็นหลัก
แต่ความจริงแล้วภาพหนึ่งภาพที่เห็นในหนังสือไม่ได้มาง่ายๆ เลย
อยากให้คุณลูกไม้อธิบายขั้นตอนการวาดภาพหนึ่งภาพหน่อยว่าต้องทำอะไรบ้าง

ลูกไม้:

1. เริ่มจากการตีโจทย์ ว่าเรากำลังจะวาดภาพอะไร ต้องการให้ภาพสื่อสารออกมาว่าอย่างไร
2. สเก๊ตช์ไอเดีย คือการร่างภาพในหัวออกมาหลายๆ ภาพโดยลองจัดวางองค์ประกอบให้แตกต่างกัน แล้วคัดเลือกภาพที่คิดว่าลงตัวที่สุดออกมา (ขั้นตอนนี้ไม่ต้องวาดละเอียดมากค่ะ)
3. นำภาพจากของ 2. มาวาดในขนาดจริงและลงลายระเอียด

4. สเก๊ตช์สี คือการวางแผนคร่าวๆ ว่าจะลงสีอะไรในส่วนไหนบ้างเพื่อคุมให้โทนสีในภาพไม่หลุดจากกันเกินไปและออกมาลงตัวที่สุด (บางทีจะใช้การลองลงสีในคอมพ์ หรือไม่ก็ลองใช้สีไม้ระบายคร่าวๆ)

5. ลงสีรวมๆ คือลงสีตามที่เราวางแผนไว้ในข้อ 4. โดยยังไม่ให้ความสนใจในส่วนของรายละเอียดเล็กๆ
6. เก็บรายละเอียด คือการลงน้ำหนักในส่วนที่สำคัญของภาพ ให้ดูเด่นขึ้นมาและตัดเส้นในบางจุด
7. ขั้นตอนสุดท้ายคือปรับสีในคอมพิวเตอร์ เพราะเวลาสแกนเข้าคอมพิวเตอร์แล้วสีจะมีเพี้ยนไปบ้าง

โดยเฉลี่ยแล้วภาพนึงใช้เวลาวาดนานไหมคะ
แล้วส่วนส่วนใหญ่จะหมดไปกับขั้นตอนไหนมากที่สุด

Plariex: สำหรับภาพวาด สไตล์ของเราเป็นแบบที่เห็นในไอจีคือเป็นภาพแบบน้อยๆ เน้นแต่ที่ตัวคาแรคเตอร์ แบบนั้นวาดไม่นานค่ะ ประมาณ 1-2 ชั่วโมงแล้วแต่เทคนิค (ถ้าสีน้ำก็นานหน่อย) ส่วนภาพในหนังสือ ก็แล้วแต่ว่าเป็นภาพที่ยากมั้ย เพราะพอเราไม่ได้จบศิลปะมามันก็มีข้อจำกัดเรื่องเทคนิคหลายอย่าง ตอนวาดเล่ม Plants vs Plariex เจอภาพกระบองเพชรหนามบึ้มๆ เข้าไป (ภาพประกอบด้านข้าง) ก็เงิบเบาๆ ค่ะ แต่ก็โชคดีที่ลองไปลองมาก็พอวาดได้ 555 ใน So Seoul ก็พอมีปัญหาเรื่องฉากบ้าง แต่ตอนนั้นไปวาดที่สนพ. ก็ให้คนอื่นช่วยแนะนำแล้วก็ปรับแก้ไป

ลูกไม้: แล้วแต่ขนาดของภาพและรายละเอียดค่ะ อย่างภาพในหนังสือ GUESS ROOM เล่มล่าสุด ภาพใหญ่หนึ่งภาพใช้เวลาอย่างต่ำ 1 สัปดาห์ค่ะ ขั้นตอนที่ใช้เวลาที่สุดคือการเก็บรายละเอียด

ถามคุณ Plariex หน่อยว่าตั้งแต่ทำงานด้านนี้มา
เคยเจอปัญหาถูกละเมิดลิขสิทธิ์บ้างหรือเปล่าคะ แล้วมีวิธีจัดการยังไงบ้าง

Plariex: เคยเจอแบบที่สะเทือนใจสุดคือ มีเด็กเอาภาพจากเพจเราไปดราฟต์ใน โปรแกรม Illustrator แล้วเอาไปโพสต์ประกอบคำคมในเพจเค้า รูปคือใช่มากๆ เพราะเอาไปหลายรูปมาก โพสเหมือน หน้าตาเหมือน (มีดัดแปลงชุดอะไรพวกนี้นิดหน่อย) แถมได้ไลค์เยอะกว่าเราอีก 5555 ตอนนั้นก็แจ้งทางสนพ.ไป เพราะมีรูปจากหนังสือที่เป็นลิขสิทธิ์ของทางสนพ. ด้วย สนพ.ก็แจ้งไปทางเพจเค้า แต่ตอนนี้เป็นยังไงบ้างไม่รู้ ไม่กล้าเข้าไปดูค่ะ

        แต่อยากฝากตรงนี้นิดนึงว่าอย่าลอกงานกันเลยนะคะ กว่าที่นักวาดแต่ละคนจะหาสไตล์เส้นตัวเองเจอเขาก็ต้องฝึก ต้องลองกันนานเหมือนกัน แล้วอีกอย่างคือถ้าจะมาทางงานวาดๆ ก็ควรมีหาเอกลักษณ์ลายเส้นตัวเองให้เจอ จะดีกับตัวเองมากกว่างานไปเหมือนกับของคนอื่นค่ะ

แล้วคุณลูกไม้ ตั้งแต่ทำอาชีพเป็นนักวาดภาพมา ปัญหาหนักสุดที่เจอคืออะไรคะ

ลูกไม้: วาดเสร็จแล้วรู้สึกว่ามันไม่สวยอย่างที่ตั้งใจ เป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกเฟลมากๆ คือเวลาที่เราลงสีไปเรื่อยๆ เรายังไม่เก่งพอที่บอกตัวเองได้ว่าควรหยุดวาดเมื่อไหร่ เราก็จะลงสีทับกันต่อไปเรื่อยๆ เพราะคิดว่ามันจะได้สวยขึ้นๆ ไปอีก ปัญหาก็คือตอนจบภาพมันแย่ลงแทนที่จะสวยขึ้น เราก็จะเฟลแล้วว่าไม่น่าไปลงสีตรงนั้นเพิ่มเลย ซึ่งเวลาเฟลเนี่ยมันทำให้หมดแรงบันดาลใจในการวาดภาพต่อไปได้ง่ายๆ เลยค่ะ บางครั้งต้องยอมวาดภาพนั้นๆ ใหม่อีกครั้งเพื่อให้ได้ภาพที่ดีสุด และเหมือนกับเป็นการกู้ความมั่นใจของตัวเองกลับคืนมาว่าเรายังวาดภาพสวยอยู่นะ อย่ากังวลไป (แต่ก็เสียเวลาไปมากโขค่ะ)

สมมติว่าเราไม่ได้วาดรูปแต่มาเขียนนิยายแทน คิดว่าตัวเองจะเขียนนิยายแนวไหนคะ

Plariex: ถ้าเขียน น่าจะแนวผีๆ ค่ะ เพราะชอบทางนี้ แต่เส้นไม่ให้ 555 วาดแล้วกลายเป็นผีแบ๊ว ผิดมาก

ลูกไม้: สมัยมัธยมเคยเขียนนิยายเล่นเหมือนกันนะคะ เพราะส่วนตัวก็เป็นคนชอบอ่านนิยาย ตอนนั้นเขียนนิยายรัก แต่ถ้าเป็นตอนนี้อยากลองเขียนนิยายวิทยาศาสตร์แบบตลกๆ ค่ะ เพราะอยากเขียนหนังสือที่ให้สาระด้วย แต่ก็ให้ความบันเทิงได้ในเวลาเดียวกัน

ผู้ปกครองมักไม่สนับสนุนให้น้องๆ เรียนด้านศิลปะ หรือประกอบอาชีพวาดรูปเขียนนิยายด้วยเหตุผลต่างๆ กัน ถ้าประสบปัญหานี้กับตัวเอง จะมีวิธีอธิบายให้ท่านเข้าใจยังไงคะ

Plariex: เราเคยอยู่ในจุดนั้นเหมือนกันค่ะ แล้วพบว่าการอธิบายด้วยปากเปล่าๆ นั้นไม่ค่อยมีประโยชน์ คือผู้ใหญ่เขาก็มองแบบผู้ใหญ่ ว่าถ้าแค่พูดว่าชอบ วันนี้ชอบก็จริง แต่วันหน้าอาจจะไม่ก็ได้ ทางที่ดีคือ หาหลักฐานประกอบค่ะ เช่น รูปวาดที่เก็บไว้ (คือถ้าชอบวาดรูปจริงๆ ก็ต้องมีรูปที่เก็บไว้เยอะอยู่อะเนอะ คิดถึงตอนที่เพื่อนกลุ่มวาดรูปในบอร์ดของเราจะเข้ามหาลัยศิลปะ คือเค้ามีรูปประกวด มีภาพที่ฝึกเองสวยๆ เก็บไว้เยอะมาก) แล้วก็เตรียมเหตุผลดีๆ ด้วยว่าอาชีพนี้มีทางไปต่อยังไง แล้วความสามารถเราถึงแน่ๆ มั้ย เราคิดว่าถ้าแสดงออกได้ว่าตั้งใจจริงๆ ผู้ใหญ่ก็ไม่ค้านหรอกค่ะ หรือถ้าเขาค้าน ก็ค่อยออกมาเปลี่ยนสายตอนเรียนจบแล้วแบบเราก็ได้ค่ะ 555

ลูกไม้: อย่างแรกคือต้องลองคุยกันปรับความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมถึงไม่อยากให้เราเรียน โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ปกครองมักจะกังวลในเรื่องของรายได้ และความมั่นคงระยะยาว วิธีแก้ปัญหาของเราก็คือ พูดตรงๆ กับท่านตามที่เราเห็นเลยว่า ทุกอาชีพมีความเสี่ยง พนักงานบริษัทก็มีความเสี่ยง ผู้บริหารก็มีความเสี่ยง ในระยะยาวเราจะรอดหรือไม่รอดมันอยู่ที่วินัยในตัวเองและความตั้งใจจริงของเรามากกว่าค่ะ คือไม่ว่าทำอาชีพไหนมันก็มีทั้งฝ่ายที่สำเร็จ และฝ่ายที่ล้มเหลว ซึ่งเราจะไม่มีวันเป็นฝ่ายที่ล้มเหลวแน่นอน
        อธิบายกับท่านว่าถ้าเราเรียนด้านนี้เรามีแผนการณ์ว่าจะประกอบอาชีพอะไร จะมีรายได้เท่าไหร่ มีตัวอย่างให้เห็นว่าทำได้แล้วคือใคร (เรียกว่ากางพรีเซนเทชั่นมาสู้ค่ะ) แม่เราก็เคยอยากให้ลองเรียนบริหาร เราก็พูดไปตรงๆ ว่าทำไม่ได้หรอก เพราะเราไม่ชอบจริงๆ เราคิดว่าเราอยู่กับมันไปตลอดชีวิตไม่ได้ แม่ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับเราตั้งแต่แรกหรอกค่ะ แต่ท่านก็ขี้เกียจเถียง จังหวะนี้แหละจะเป็นช่วงเวลาแห่งการพิสูจน์ตัวเอง เราต้องแสดงความตั้งใจให้ท่านเห็นว่าเรารักจริง เราเอาจริง มีงานประกวดอะไรก็ไปลงสมัครกับเค้าให้หมด ท่านต้องมองเห็นความตั้งใจของเราแน่นอน

สุดท้ายนี้ ขอให้ทั้งสองคนฝากข้อคิดหรือคำแนะนำถึงน้องๆ
ที่กำลังฝึกวาดรูปหรืออยากทำงานด้านการวาดรูปหน่อยค่ะ

Plariex: เคยมีน้องๆ ส่งข้อความมาถามในเพจเยอะเหมือนกันค่ะว่าทำยังไงถึงจะเป็นนักวาดภาพประกอบ เอาจริงๆ สมัยเราอายุเท่าน้องที่มาถาม เราก็ไม่ได้คิดอะค่ะว่าจะได้มาเป็น 555 แถมจากที่ตอบก็เห็นได้ว่ามีช่วงที่เราเคยหยุดวาดรูปไปด้วย (แล้วจะแนะนำใครได้มั้ยเนี่ย) แต่จากที่ผ่านมาคือเราแนะนำได้ว่า ถ้าชอบจริงๆ ขอให้แน่วแน่และฝึกมือเยอะๆ ค่ะ ยิ่งถ้ารู้ตัวเร็วแล้วฝึกมากๆ ยิ่งดี (คือบางทีเรายังนึกเสียดายว่าตอนโน้นไม่น่าหยุดวาดเลย ถ้าฝึกต่อเนื่องมาได้ตอนนี้คงจะวาดได้ดีกว่านี้) หาเอกลักษณ์ของงานให้เจอ หมั่นแสดงผลงานในสื่อ (เพจ ไอจี ทวิต ฯลฯ) พูดคุยกับคนที่ชอบเหมือนๆ กันกับเรา แล้ววันนึงเมื่อคราวของเรามาถึง เราจะไปลิ่วแน่นอน สู้ๆ ค่ะ

ลูกไม้: วาดไปเรื่อยๆ ค่ะ การพัฒนามีได้ไม่มีวันสิ้นสุด ยิ่งฝึกมากยิ่งได้มาก หัดรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และที่สำคัญต้องหาสไตล์ภาพที่ตัวเองชอบให้ได้ อย่าลอกคนอื่น เป็นตัวของตัวเองดีที่สุดค่ะ

ใครอยากดูตัวอย่างผลงานของสองสาว ตามไปที่นี่เลยจ้า
   

สัมภาษณ์จบไปกันแล้ว (ยาวมาก ปาดเหงื่อ)
หวังว่าน้องๆ ที่รักการวาดและรักหนังสือ
คงได้ไอเดียใหม่ๆ และแรงบันดาลใจจากพี่สาวสองคนนี้นะคะ




พี่น้อง
พี่น้อง - Columnist คอลัมนิสต์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด