วิวัฒนาการอุปกรณ์การเขียนจาก "แท่งไม้" สู่ "คอมพิวเตอร์"

        ทุกวันนี้พี่น้องเชื่อว่านักเขียนออนไลน์ทั้งหลายต่างก็มีอุปกรณ์การเขียนนิยายคู่ใจเป็นคีย์บอร์ดที่พิมพ์ถนัดมือ จะมีใช้ปากกาดินสอบ้างก็เฉพาะตอนคิดพล็อตเรื่องหรือจดไอเดีย บางคนพิมพ์นิยายในมือถือเลยด้วยซ้ำ
        แต่สมัยก่อนไม่ได้มีเทคโนโลยีสะดวกสบาย นักเขียนสมัยก่อนต้องลำบากกว่ามากในการเขียนต้นฉบับด้วยปากกาหรือดีหน่อยก็ใช้เครื่องพิมพ์ดีด ซึ่งย่อมช้ากว่าและถ้าพิมพ์ผิดหรือเขียนผิดก็ต้องนั่งแก้นั่งลบกันจนกระดาษเปื่อยไปข้าง
        วันนี้พี่น้องมีความรู้ดีๆ เกี่ยวกับวิวัฒนาการอุปกรณ์การเขียนจากยุคเมโสโปเตเมียถึงยุคปัจจุบันมาฝากค่ะ
 

ยุคเขียนด้วยมือ

        ย้อนกลับไปสมัยดึกดำบรรพ์ แม้ว่ามนุษย์ในยุคนั้นยังไม่มีภาษาเป็นของตัวเอง แต่พวกเขาก็เริ่มวาดรูปร่างต่างๆ อุปกรณ์เริ่มแรกที่พวกเขาใช้คือแท่งไม้ หรือหิน เอามาขูดกับผนังถ้ำให้เป็นภาพต่างๆ เวลาผ่านไปหน่อยอาจจะเปลี่ยนจากเอาปลายไม้แหลมๆ มาสร้างรอยบนดินเหนียว จากนั้นจึงเริ่มเกิดยุคแห่งการประดิษฐ์ระบบการเขียนและการสื่อสารด้วยตัวอักษรอย่างจริงจัง
*BC = ก่อนคริสตศักราช
3000BC - คนอียิปต์เป็นชาติแรกๆ ที่คิดค้นกระดาษทำจากต้นกกซ้อนกันเป็นแผ่น เรียกว่า 'ปาปิรุส' และใช้ก้านไม้ตัดปลายให้เหมือนปากกาเพื่อใช้จุ่มหมึกเขียนลงบนกระดาษ วิธีนี้แพร่หลายไปทั่วยุโรป แต่ปาปิรุสก็มีข้อเสีย คือเมื่อหมึกแห้งแล้วพับกระดาษ กระดาษจะเปราะ ทำให้ในยุคนั้นต้องอาศัยการม้วนกระดาษเพื่อเก็บรักษาแทน
 

cr: hethert.org / naturalreedpens.blogspot.com
 
1200BC - ฝั่งทวีปเอเชียโดยเฉพาะเอเชียตะวันออกอย่างจีน ก็เริ่มมีหลักฐานการใช้แปรงทำจากขนสัตว์ จุ่มหมึกหรือสีจากธรรมชาติแล้ววาดลงบนใบไม้ใหญ่ๆ หรือใช้ของแหลมแกะสลักลงบนไม้หรือกระดูกสัตว์ เสร็จแล้วค่อยทาสีลงในร่องให้เห็นชัดขึ้น นี่เองจึงเป็นที่มาของวัฒนธรรมการใช้พู่กันของชาวเอเชีย
3BC - เริ่มใช้หนังสัตว์แทนกระดาษปาปิรุส เพราะผลิตไม่ทัน ทรัพยากรมีจำกัด แต่แม้หนังสัตว์จะใช้ซ้ำได้เรื่อยๆ แต่ผลิตทีก็ยากเย็น ทำให้ไม่แพร่หลายเท่าที่ควร
ค.ศ. 600 - ปากกาขนนกเริ่มแพร่หลายในยุโรป ซึ่งก็มีที่มาจากชาวอียิปต์นั่นแหละ (ขณะที่เอเชียชอบใช้ขนสัตว์)
ค.ศ. 1702 - ในที่สุดปากกาหมึกซึมที่มีหมึกในตัวเองก็มาถึง
ค.ศ. 1822 - ดินสอที่ทำจากกราไฟต์มาแล้ว (มาหลังปากกาอีกนะ) ตัวไส้จะมีเส้นผ่านศูนย์กลางหนากว่าดินสอแบบปัจจุบันนิดหน่อย
ค.ศ. 1938 - เริ่มมีคนคิดปากกาลูกลื่น แต่ยังไม่สมบูรณ์แบบเท่าปัจจุบันที่เก็บหมึกได้ดีกว่า
 

ยุคพิมพ์ด้วยแป้น

ค.ศ. 1714 เครื่องพิมพ์ดีดเครื่องแรกถูกสร้างขึ้นในประเทศอังกฤษ สร้างมาเพื่อทำเอกสารทางกฎหมายให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน แต่ไม่เป็นที่แพร่หลายนัก
ค.ศ. 1808 - ราล์ฟ เวดจ์วูด กับ เปลเลกริโน่ เทอร์รี่ สร้างอุปกรณ์ที่ช่วยในการคัดลอกเอกสาร เรียกว่า Stylographic Writer เป็นการเอากระดาษคาร์บอนมาใช้แทนหมึกและเอาแท่งเหล็กมาใช้แทนปากกาขนนก

cr: oztypewriter.blogspot.com
 
ค.ศ. 1829 - วิลเลียม ออสติน สร้างเครื่องพิมพ์ดีดที่เรียกว่า Typowriter แต่ไม่ได้มีปุ่มให้กด เขาสร้างให้เหมือนโทรศัพท์หมุนสมัยก่อน ทำให้การพิมพ์งานช้ากว่าเขียนเสียอีก
 

cr: oztypewriter.blogspot.com
 
ค.ศ. 1852 - จอห์น โจนส์ ก็สร้างเครื่องพิมพ์ดีดเหมือนกัน แต่เครื่องพวกนี้ไม่ได้เป็นที่พูดถึงนัก อาจจะเพราะไม่ได้ผลิตไว้ขายด้วย
ค.ศ. 1861 - สาธุคุณฟรานซิสโก สร้างเครื่องพิมพ์ดีดที่ทำจากไม้และใบมีดทั้งหมด แถมยังใช้งานได้จริง

cr: daskeyboard.com
 
ค.ศ. 1865 - Hansen Writing Ball สร้างขึ้นโดยสาธุคุณแรสมัส เป็นเครื่องพิมพ์ดีดเครื่องแรกที่ทำงานได้สมบูรณ์และมีดีไซน์ล้ำยุค ซึ่งเรียกความสนใจในยุโรปและอังกฤษได้เป็นอย่างดี จนแม้แต่ในปี ค.ศ. 1909 ก็ยังมีสำนักงานที่ใช้เครื่องพิมพ์ดีด Hansen อยู่ แต่รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ต้องใช้ไฟฟ้า


cr: designtypewriter.blogspot.com
 
ค.ศ. 1868 - บริษัทผลิตจักรเย็บผ้าอย่างเรมิงตันก็ผลิตเครื่องพิมพ์ดีดเหมือนกัน หน้าตาเหมือนจักรเย็บผ้าเด๊ะๆ โดยอาศัยความคิดจากบุคคลสามคนสามสาย ได้แก่ Sholes (นักประดิษฐ์) Glidden (ช่างยนต์) และ Soule (ช่างพิมพ์) เครื่องพิมพ์ดีดของเรมิงตันนับว่าเป็นเครื่องพิมพ์ดีดจริงจังเครื่องแรกของโลก

cr: en.wikipedia.com
 
        หลังจากที่ยอดขายไปได้ช้ามาก Sholes เลยขายสิทธิบัตรให้ Matthais Schwalbach ซึ่งรับช่วง
ไปผลิตต่อโดยปรับเปลี่ยนดีไซน์มันให้มีขนาดเล็กลง เอาแท่นเหยียบออก แต่ยังหนักอยู่เพราะส่วนใหญ่ทำด้วยเหล็ก
ค.ศ. 1875 - Hansen ผลิตเครื่องพิมพ์ดีดรุ่น Tall Model โดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้า
ค.ศ. 1961 - IBM's Selectric เครื่องนี้ไม่ได้ใช้ขาเหล็กประทับตัวอักษร ซึ่งมักมีปัญหาขาตัวอักษรไปไขว้กันเวลาพิมพ์เร็วๆ แต่ใช้ลูกบอลกลิ้งไปมาเพื่อปั๊มตัวอักษรแทน แถมยังสลับเปลี่ยนเป็นตัวอักษรรูปแบบอื่นๆ ได้อย่างง่ายดายด้วย เครื่องพิมพ์ดีดของ IBM ผลิตขึ้นจนถึงปี 1980 และมีทั้งหมด 3 รุ่น แถมยังทำสีต่างๆ ออกมาให้เลือกอีกด้วย
 

cr: bloomberg.com / mgofficeservices.co.uk

 
ค.ศ. 1946 - คอมพิวเตอร์เครื่องแรกถือกำเนิดในชื่อ ENIAC ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก กินพื้นที่เกือบทั้งห้อง วิธีการป้อนข้อมูลของคอมพิวเตอร์ในยุคนี้เรียกว่า Teletype คือการสร้างบัตรข้อมูลที่เกิดจากการเจาะรูเป็นจุดๆ แล้วเอาเข้าเครื่องอ่าน


cr: computermuseum.li
 
ค.ศ. 1948 - คอมพิวเตอร์รุ่นต่อมาชื่อ BINAC
ค.ศ. 1964 - Bell Labs ร่วมมือกับสถาบัน MIT สร้าง MULTICS คอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่มีการแสดงผลบนหน้าจอ (VDT) และใช้วิธีการป้อนข้อมูลด้วยคีย์บอร์ดไฟฟ้า คีย์บอร์ดรุ่นแรกๆ นั้นเป็นคีย์บอร์ดที่สร้างเพื่อการใช้งานอย่างเดียว จึงมีวัสดุที่ทำจากเหล็กทำให้หนัก และไม่ได้ตกแต่งภายนอกหรือทำเพื่อความสวยงามมากนัก
 


 
        คีย์บอร์ดในรุ่นแรกๆ ยังเป็นคีย์บอร์ดที่คนทั่วไปเข้าไม่ถึงนอกจากโปรแกรมเมอร์ที่เข้าใจกลไกการทำงานอย่างแท้จริง ช่วงนี้เครื่องพิมพ์ดีดถึงยังขายได้อยู่ เพราะคนทั่วไปไม่ค่อยเข้าใจการทำงานของคอมพิวเตอร์
ค.ศ. 1981 - IBM ผลิต PC เครื่องแรกเพื่อให้คนธรรมดาๆ ได้ใช้กันซะที
ค.ศ. 1984 - IBM ผลิตคีย์บอร์ดที่เรียกว่า Model M คีย์บอร์ดสำหรับปุถุชนคนธรรมดาให้เอามาใช้ป้อนข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ โดยออกแบบมาให้ใช้ได้สะดวก แม่นยำ
 

cr: deskthority.net
 
        แต่ก็มีข้อเสียคือปุ่ม Shift กับ Enter นั้นเล็กเกินไป ทำให้ IBM ผลิตปุ่ม "ขยาย" เพื่อมาใส่ทับเจ้าสองปุ่มเจ้าปัญหานี้
        ในช่วงแรกคีย์บอร์ดยังมีแค่สองสีคือสีเทากับสีเบจ แต่ตอนหลังเขาก็ผลิตสีดำมาให้เลือกด้วย
ค.ศ. 1990 - เทคโนโลยี membrane เข้ามาแทนที่คีย์บอร์ดที่อาศัยกลไกทำงาน เทคโนโลยีนี้ช่วยลดต้นทุนการผลิต ทำให้แป้นพิมพ์มีน้ำหนักเบา และเงียบขึ้น ซึ่งเข้ากันได้ดีกับคอมพิวเตอร์ยุคใหม่ที่เริ่มพกพาได้ ดีไซน์คีย์บอร์ดแบบใหม่ที่บางขึ้น เล็กขึ้น แม้จะมีข้อดีตรงที่พกพาง่าย แต่ก็ทำให้ประสิทธิภาพการป้อนข้อมูลลดลง (ในช่วงแรก)
ปัจจุบัน - ผู้พัฒนาได้หันมาเน้นการออกแบบคีย์บอร์ดที่สะดวกสบายในการใช้งานด้านต่างๆ มากขึ้น และมีดีไซน์ที่หลากหลายขึ้น เช่นคีย์บอร์ดที่ม้วนพับได้ คีย์บอร์ดจำลองที่อาศัยการฉายแสง คีย์บอร์ดที่สร้างเป็นรูปทรงแปลกๆ เช่น ทรงกลม หรือคีย์บอร์ดที่เน้นการตกแต่งสวยงาม หรือแม้แต่สร้างเป็นสไตล์ย้อนยุค


cr: 1800recycling.com
 
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.brighthubeducation.com/history-homework-help/123138-stylus-quill-and-pen-short-history-on-writing-instruments/
http://wondersand.ca/wp-content/uploads/2014/03/evolution-of-writing-method.png
http://www.daskeyboard.com/blog/typing-through-time-the-history-of-the-keyboard/

พี่น้อง
พี่น้อง - Columnist คอลัมนิสต์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

ABC123 Member 29 พ.ค. 58 21:00 น. 3

เขิลจุง เราชอบพิมพ์ดีด ที่มันพิมพ์แล้วตั้งต๊อกแต๊กๆ แล้วปัดแคร่ แกรก ปึง! แล้วก็ ต๊อกแต๊กๆ มันฟินอ่าาา แต่ที่บ้านไม่มี ฮ่าๆๆๆๆๆ

0
กำลังโหลด
WP.Writer Member 31 พ.ค. 58 14:49 น. 4

ขนาดอุปกรณ์การเขียนที่มันไม่มีชีวิตยังพัฒนาตัวเองได้ เราก็ต้องพัฒนาตัวเอง (ไม่ให้ดอง) ได้เหมือนกัน หึหึหึ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด

8 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
ABC123 Member 29 พ.ค. 58 21:00 น. 3

เขิลจุง เราชอบพิมพ์ดีด ที่มันพิมพ์แล้วตั้งต๊อกแต๊กๆ แล้วปัดแคร่ แกรก ปึง! แล้วก็ ต๊อกแต๊กๆ มันฟินอ่าาา แต่ที่บ้านไม่มี ฮ่าๆๆๆๆๆ

0
กำลังโหลด
WP.Writer Member 31 พ.ค. 58 14:49 น. 4

ขนาดอุปกรณ์การเขียนที่มันไม่มีชีวิตยังพัฒนาตัวเองได้ เราก็ต้องพัฒนาตัวเอง (ไม่ให้ดอง) ได้เหมือนกัน หึหึหึ

0
กำลังโหลด
Rokugatsu Giugno Member 1 มิ.ย. 58 00:46 น. 5

ปัจจุบันเรียกได้ว่าแป้นพิมพ์รวมกับหน้าจอไปแล้วค่ะ แบบพวกสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตต่างๆ ยุคดิจิตอล

0
กำลังโหลด
nunny33236 Member 3 มิ.ย. 58 07:40 น. 6

หึๆ บ้านเรามีพิมพ์ดีดด้วยล่ะ (ของคุณยาย)

ชอบเวอร์ เราว่ามันคลาสสิคสุดๆ แน่นอน

ขอฝากนิยายด้วยนะ 

[MCO]

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด