เปิดบ้านสำนักพิมพ์แจ่มใส
พร้อมตอบทุกคำถามเรื่อง “นักเขียนหน้าใสปี 8”
พร้อมตอบทุกคำถามเรื่อง “นักเขียนหน้าใสปี 8”
สวัสดีค้าบ น้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน เชื่อว่าเห็นหัวข้อแล้ว หลายคนต้องรีบคลิกเข้ามาอย่างไวแน่ๆ ซึ่งก็ทำถูกต้องแล้วจ้า เพราะวันนี้ พี่ตินมีข่าวคราวเกี่ยวกับโครงการยอดฮิตประจำปีของเราอย่าง “นักเขียนหน้าใส” มาฝาก ปีนี้เราจัดกันเป็น ปีที่ 8 แล้วด้วย
เพราะใจร้อนอยากรู้ข่าว พี่อติน เลยควง พี่อร พี่สาวประจำ หมวด Writer อีกคน ไปบุกบ้าน สำนักพิมพ์แจ่มใส กันเลยทีเดียว จังหวะดีมากๆ ได้เจอทั้ง พี่ปุ้ย ศศกร วัฒนาสุทธิวงศ์ บรรณาธิการคนเก่งที่เคยมาถ่ายทอดเคล็ดลับการเขียนเรื่องย่อที่เข้าตากรรมการกับเราไปแล้ว ในคลินิกนักเขียนรอบเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา (อ่านบทความคลิกที่รูปค่ะ)
และ พี่เอม กัลยกร วิสาสิกธรรม บรรณาธิการหมวด JLS ผู้กุมชะตาของน้องๆ ที่ส่งผลงานเข้ามาประกวดกับโครงการนักเขียนหน้าใสมาหลายต่อหลายปี
และ พี่เอม กัลยกร วิสาสิกธรรม บรรณาธิการหมวด JLS ผู้กุมชะตาของน้องๆ ที่ส่งผลงานเข้ามาประกวดกับโครงการนักเขียนหน้าใสมาหลายต่อหลายปี
น้องๆ หลายคนคงอยากรู้มานานแล้วว่า บ้านของสำนักพิมพ์สีส้ม (สีเหมือนเด็กดีเลยยยย) นี้ จะสวยน่ารักขนาดไหน ก็เนี่ย พี่ตินไม่พูดมากแล้วกัน ขอให้ดูรูปกันเลย ด้านล่างนี้เลยจ้ะ ^ ^
ระหว่างพี่ตินกับพี่อรเดินชมสถานที่ พี่ปุ้ยก็ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสำนักพิมพ์แห่งนี้ประกอบ
“แจ่มใสย้ายออฟฟิศมาประมาณสามที่แล้ว ก่อนจะมาลงตัวที่นี่ ก็จะคล้ายๆ กับเด็กดี ตอนแรกก็อยู่กันแค่ 6-7 คน ออฟฟิศอยู่แถวๆ เจริญกรุง แล้วค่อยๆ ขยายเป็น 10 กว่าคน ก็ย้ายไปที่ท่าพระ ต่อมาเพิ่มเป็น 4-50 คน จึงแยกออกเป็นสองออฟฟิศ และสุดท้ายตอนนี้ มีทั้งหมด 100 กว่าคนแล้ว เราก็เลยย้ายมาอยู่ที่นี่ (ออฟฟิศแจ่มใสอยู่ที่ซอยจรัญสนิทวงศ์ 31 จ้ะ)
“ออฟฟิศเราจะโปร่งๆ โล่งๆ ลักษณะเหมือนบ้าน เพราะว่าเจ้าของสำนักพิมพ์อยากให้อารมณ์เหมือนบ้าน ทุกคนทำงานอยู่ในพื้นที่เดียวกัน หน้าตาไม่เป็นออฟฟิศจ๋ามาก ดีไซน์ก็สบายๆ มีสวนให้ผ่อนคลาย ทางเราเชื่อว่าพื้นที่ทำงานที่ดี จะทำให้พนักงานมีความสุข เมื่อพนักงานมีความสุข ก็จะทำงานออกมาได้ดี ถ้าไม่มีความสุข ก็คงไม่สามารถทำสินค้าให้คนอื่นมีความสุขได้ ในเมื่อเราทำหนังสือ เราก็อยากให้คนอ่านมีความสุข เรื่องนี้เป็นนโยบายหลักของเราเลยค่ะ
“แนวทางคร่าวๆ ในการทำหนังสือ ต้องบอกว่าเราทำหนังสือที่มั่นใจว่าถ้าวันหนึ่งเรามีลูกหลาน เราจะแฮปปี้ให้เขาอ่านได้เต็มที่ ถ้าเนื้อหาไม่เหมาะสม ไม่เหมาะกับเด็ก เราก็จะไม่ใส่ลงไป เพราะว่าผู้อ่านหลักของเราคือเด็กวัยรุ่น เราจึงต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ นิยายหมวด JLS ของเราอาจจะมีเลิฟซีนบ้างพอกุ๊กกิ๊ก แต่ไม่มากจนกลายเป็นเชิงยั่วยุ นอกจากนี้ ความเข้มข้นในการคัดเลือกต้นฉบับก็สำคัญมากเช่นกัน เราพยายามคัดสรรงานที่มีคุณภาพจริงๆ”
พี่ปุ้ย เล่ามาถึงตรงนี้ พี่เอม ในฐานะตัวแทนหมวด JLS ก็เสริมขึ้นว่า
“อย่างหมวด JLS ของเรา มีเทคนิคง่ายๆ ในการเขียนคือ นักเขียนต้องคุยกับนักอ่านสม่ำเสมอ เพราะว่านักอ่านจะมีเทรนด์ มีกระแสของเขา นักเขียนก็จะต้องเรียนรู้ว่าจะเขียนยังไงให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของเขา สำหรับการคัดต้นฉบับ ตอนนี้นอกจากอ่านที่ส่งเข้ามาทางอีเมล เราจะเน้นเข้าเว็บเด็กดีเป็นหลัก โดยเฉพาะหมวดรักหวานแหวว” (น้องๆ คนไหนแอบได้ยินแล้ว พี่ตินแนะนำให้รีบมาลงนิยายเลยนะ มีแมวมองจับตานะขอบอก อิอิ)
ซ้ายคือพี่ปุ้ย และขวาคือพี่เอม
สองบก. คนสำคัญของสนพ. แจ่มใสนั่นเอง
สองบก. คนสำคัญของสนพ. แจ่มใสนั่นเอง
เกริ่นกันมาพอหอมปากหอมคอ พี่ตินได้โอกาส แอบถามบก. ทั้งคู่ทันทีว่า “โครงการนักเขียนหน้าใสปี 8” ของเราจะเริ่มเมื่อไหร่ และจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่อย่างไร เอาหละ น้องๆ เงี่ยหูกันให้ดีดีเลยนะ พี่เอมมีคำตอบมาฝากจ้า
“ใกล้แล้วค่ะ (หัวเราะ) ปลายเดือนมิถุนายนนี้แหละ เจอกันแน่นอน ถามว่าทำไมถึงเลื่อนจากเดิม เพราะเราไม่อยากให้น้องๆ ติดสอบ กลัวปั่นนิยายไม่ทัน เลยขยับมาให้ชนกับช่วงปิดเทอมค่ะ จะได้มีเวลาเขียนงานกันมากขึ้น แล้วก็ปีนี้ เราจะมีการเปลี่ยนรูปแบบ เซอร์ไพรซ์น้องๆ ด้วย (อมยิ้มเล็กๆ) ถามว่าเซอร์ไพรซ์ยังไง ขอแอบอุบไว้ก่อน แต่บอกเลยว่าจะได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นแน่นอน น้องๆ ที่เข้ามาสมัครจะมีโอกาสได้เข้าร่วมโครงการของเรามากขึ้น ได้ใกล้ชิดกับเรามากขึ้น นักเขียนรุ่นพี่ทั้งสี่ของเราก็จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น น้องๆ ทุกคนจะได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับรุ่นพี่มากขึ้น ได้พูดกันแลกเปลี่ยนความเห็นกันมากขึ้น รับรองมากกว่าปีที่ผ่านๆ มา”
โอ้โห แค่ฟังพี่ตินยังตื่นเต้นแทน ความจริงก็แอบรู้แล้วละว่ามันคืออะไร แต่ว่าขออุบไว้ก่อนตามที่พี่เอมบอกเนอะ แล้วเรามารอรู้พร้อมๆ กันดีกว่า อิอิ ตอนนี้ บอกได้แค่ว่าเซอร์ไพรซ์นี้โดนใจน้องๆ นัก (อยาก) เขียนชัวร์ๆ
เอาหละ เรารู้แล้วว่า โครงการนักเขียนหน้าใสปี 8 จะเริ่มปลายเดือนนี้แล้ว เพราะงั้น พี่ตินก็ต้องแอบถามเคล็ดลับการเขียนงานให้โดนใจกรรมการจากพี่ปุ้ยและพี่เอมสักหน่อย เพื่อให้น้องๆ ทุกคนได้นำข้อมูลพวกนี้ไปวางแผนกลยุทธ์การเขียนได้อย่างถูกต้อง ย้ำ ตรงนี้สำคัญมาก กรุณาตั้งใจฟังให้ดี งานเราจะผ่านหรือไม่ผ่าน ได้หรือไม่ได้ ก็อยู่ที่ย่อหน้านี้เลยนะ
พี่ปุ้ย “สิ่งที่อยากฝากถึงนัก (อยาก) เขียนรุ่นใหม่ๆ คือ อยากให้เรียนรู้ให้มากๆ ความจริงแล้ว งานเขียนเป็นความรู้ที่ไม่มีวิชาเปิดสอน ต้องเรียนจากประสบการณ์ของตัวเอง ต้องอ่านให้มากๆ ทำความเข้าใจมากๆ อีกเรื่องที่ซีเรียสมากคือ การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง แล้วก็การดำเนินเรื่องและพล็อต ต้นฉบับที่โดนใจกรรมการ สองอย่างแน่ๆ คือ ภาษาต้องดี หรือไม่ก็พล็อตดี ขอปัจจัยสักอย่างสองอย่าง บางคนพล็อตน่ารักมาก บางคนตัวละครน่ารัก บางคนดำเนินเรื่องสนุก พลิกมุม อ่านแล้วคาดไม่ถึง ก็แล้วแต่คน สรุปว่าขอให้สนุกและโดนใจเป็นใช้ได้”
.jpg)
พี่อรพาทัวร์บ้านแจ่มใสค่ะ
.jpg)
สวนเล็กๆ ร่มรื่นเย็นสบาย
หน้าประตูน่ารักเชียว
.jpg)
เก้าอี้น่านั่งมั่กมากกกก.jpg)
อยากขโมยกลับบ้านชะมัดพี่เอม “ไม่อยากให้น้องๆ ท้อง่าย สังเกตว่าบางคนส่งเรื่องมา แล้วไม่ผ่าน ก็หมดกำลังใจไม่อยากเขียนต่อ เอมมองว่าแม้ต้นฉบับจะไม่ผ่าน แต่น้องๆ น่าจะลองเอาคำแนะนำที่ได้ปรับใช้ ก็จะพัฒนาตัวเองได้ บางคนฟังคำติแล้วหมดใจ ไม่อยากเขียนต่อแล้ว เลิก อยากบอกว่า ไม่ใช่ทุกคนส่งครั้งแรกผ่านเลย เริ่มแล้วประสบความสำเร็จเลย หลายครั้งมีอุปสรรค แต่ว่าพอผ่านมาได้ ได้มีหนังสือเป็นของตัวเอง นั่นแหละคือความภูมิใจ บางคนแก้งาน 8-9 รอบกว่าจะผ่าน หรือนักเขียนหน้าใสก็เหมือนกัน บางคนปีที่แล้วไม่ติดรอบ 20 คน ปีต่อมาชนะได้ที่ 1 ก็มี อย่างนี้สิน่าภูมิใจ เวลาเราได้รับคำติ อย่าเพิ่งท้อ ให้คิดว่าคำติคือการช่วยเหลือ เป็นข้อดี ทำให้เรามีโอกาสพัฒนางานได้มากขึ้น ถ้าหากไม่มีคนติ เราก็จะไม่มีวันรู้เลยว่างานตัวเองมีข้อบกพร่องตรงไหน แม้แต่นักเขียนที่ตีพิมพ์แล้ว ก็ยังต้องแก้ไขและปรับตัวอยู่เสมอ เพื่อพัฒนาผลงานค่ะ
“สำหรับงานที่ไม่โดนใจกรรมการหรือว่ามีปัญหา หลักๆ คือปัญหาเรื่องภาษาค่ะ พวกภาษาทางเน็ต ใช้ภาษาผิด ติดภาษาแชทมากเกินไป การดำเนินเรื่องก็เช่นกัน ปัญหาหลักคือ น้องๆ เขียนไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้วางโครงเรื่อง อยากเขียนก็เขียน แล้วตอนหลังมาเติมๆ เข้าไป คราวนี้มันจะงง ปัญหาหลักๆ ของเอมมีสองอย่างค่ะ การดำเนินเรื่องกับภาษา อีกอย่างที่สำคัญก็คือความสมจริง บางคนเขียนแล้วหลุดกรอบเกินไป เว่อร์เกินไป อ่านแล้วจินตนาการไม่ออก ก็จะไม่สนุก”
ได้ฟังคำแนะนำจากพี่ปุ้ยและพี่เอมแล้ว พี่ตินคิดว่ามีประโยชน์มากๆ อยากให้น้องๆ ทุกคนอ่านซ้ำสักสามรอบ (ปฏิบัติ!!!) 555 ในฐานะนักเขียนเหมือนกัน บอกเลยว่าการที่บก. มานั่งบอกข้อบกพร่องและให้คำแนะนำแบบนี้ ถือว่าเป็นโชคของเรามากๆ นะ ต้องอ่านแล้วจำให้ขึ้นใจ อย่าให้พลาดได้เด็ดขาด
และสำหรับน้องคนไหนที่ยังไม่รู้จัก โครงการนักเขียนหน้าใส หรือรู้แล้วแต่ว่ายังไม่ค่อยแน่ใจว่าต้องทำอย่างไร ก็ลองไปทำการบ้านด้วยการส่องข้อมูลของ นักเขียนหน้าใสปี 7 เล่นๆ กันก่อนได้ที่นี่เลยจ้ะ
และเพจของนักเขียนหน้าใสปี 8 เปิดแว้วน้า อิอิ
แล้วมาพบของจริงเร็วๆ นี้นะ รับรองว่าไม่นานเกินรอจ้า อ้อ เซอร์ไพรซ์อีกอย่างที่บอกได้เลยก็คือ ปีนี้น้องๆ ที่สมัครเข้าโครงการจะได้เจอกับพี่ตินด้วยนะ ^ ^ อันนี้ไม่อยากเจอก็ต้องเจอแระ 555 หวังว่าจะได้เจอกันนะจ๊ะ รออ่านผลงานของทุกคนอยู่ค้าบบบ
ตื่นเต้นเนอะ
อตินเอง
แอบไม่มั่นใจแปปนึง 
20 ความคิดเห็น
ทำตามความฝันมา 7 ปีแล้ว
ขอเชื่อในความฝันตัวเองอีกครั้งละกัน
แต่งแนวสืบสวนได้มั้ยคะ สืบสวนแล้วมีฆาตกรรมด้วยอ่ะค่ะ คล้ายๆ เป็นฆาตกรรมต่อเนื่องน่ะค่ะ
ปีนี้เราจะเริ่มส่ง (เพราะเพิ่งมีเรื่องที่แต่งเสร็จกับคนอื่นเขาบ้างแล้ว TT_TT)
ส่งได้ช่องทางไหนบ้างคะ
เราจะบุกด้วยทุกอย่างเท่าที่เรามี ฮว้ากกกกกกก >
ปีนี้เป็นปีที่สอง T_T ปีที่แล้วมารีบเอาทีหลัง 5555555 ลนไปหน่อย เขียนแบบลืมๆ บทที่1 เขียนแต่บทนำอะ 5555555 Y_Y ขอแก้ตัวๆ
พี่คะ ถ้าเกิดว่าหนูจะแต่งเป็นเซ็ต ส่งได้ใช่ไหมคะ
จะเอาคำแนะนำที่ได้มาจากกระทู้นี้ เอาไปปรับใช้กับตัวเองแล้วลองส่งไปอีกครั้ดูก็แล้วกัน ขอบคุณมากเลยนะคะ
แล้วจะส่งผลงานไปยังไงหรอค่ะ
เอาเรื่องที่เคยแต่งไว้ในเด็กดีมาส่งได้ไหมค่ะ
ขอบคุณที่ต่ออายุให้เขาอีกสองปี
กรีสสสสสสสสสสสส
ผมจะส่งบ้างดีมั้ยน้า ใจนึงอยากฟังคอมเม้นว่าจะนิยายของเราจะเป็นยังไงบ้าง อีกใจนึงกลัวคำคอมเม้น และกลัวว่ามันจะแย่มาก จนคนคอมเม้นไม่อยากจะอ่านจนจบ
เราจำเป็นต้องส่งทั้งพล็อตทั้งเรืี่องย่อไหมค่ะ หรือเรื่องย่ออย่างเดียวก็ได้?
เราจำเป็นต้องส่งทั้งพล็อตทั้งเรืี่องย่อไหมค่ะ หรือเรื่องย่ออย่างเดียวก็ได้?
เนื้อหาผลงานเกี่ยวกับอะไรอ่ะคะ ส่งผลงานได้ที่ไหน ขอรายละเอียดหน่อยจิ ไม่เคยร่วมโครงการเลย แต่ว่าสนใจอ่ะค่ะ
ถึงเรื่องที่เค้าแต่งจะไม่ดีที่สุด ก็ขอให้ได้แข่ง และแต่งนิยายดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านกันก็พอ
#แต่ส่วนใหญ่เราชอบแต่งแนว Yaoi หรือแบบหวานแหววสะมากกว่า