'กวิน' นักเขียนผู้สร้างยักษ์ให้เป็นที่รัก
สวัสดีค่ะชาวเด็กดี สำหรับคอลัมน์พบปะพูดคุยฉบับนี้ พี่อรจะพาไปพูดคุยกับ กวิน อีกหนึ่งนักเขียนที่มีผลงานน่าติดตามมากจริงๆ งานนี้จะวัดกันจากเสียงแฟนคลับของพี่ยักษ์ก็ได้ (หนึ่งในนั้นมีเสียงพี่อรด้วยนะรู้ยัง #ทีมยักษ์ 555) ตัวละครเอกจากเรื่อง 'แก้วกุมภัณฑ์' ใครเคยอ่านบ้างคะ เรื่องนี้พี่อรชอบที่นักเขียนกล้าจะเอากลอนมาสอดแทรกไว้ในเรื่องอย่างแยบคลาย แถมในวงนักอ่านยังเคยพูดถึงขนาดว่า ถ้าจะให้แนะนำผลงานของนักเขียนรุ่นใหม่ๆ ที่มีกลอนแทรกในเรื่องแล้วละก็ ผลงานของกวินนี่แหละคือหนึ่งในนั้น ล่าสุดนอกจากนิยายเรื่องนี้จะถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างเป็นละครแล้ว เธอยังมีออกผลงานเขียนเรื่องใหม่ 'ลบเหลี่ยมร้อยรัก' ส่วนเนื้อหาจะเป็นยังไง น่าติดตามแค่ไหนมาฟังจากปากเธอกันเลยดีกว่าค่ะ
รู้จักกันไว้กับนักเขียนเจ้าของนามปากกา "กวิน"
แนะนำตัวเองให้ชาวเด็กดีรู้จักหน่อยค่ะ
กวิน: สวัสดีค่ะ กวาง เป็นนักเขียนที่ยังใหม่ แต่เป็นนักอยากเขียนในเว็บเด็กดี (แม้ตอนนี้จะไม่เด็กแล้ว) ตั้งแต่ปี’49 ค่ะ ตอนนี้มีผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์แล้วสามเรื่องคือ แก้วกุมภัณฑ์ พันธนาคินทร์ และลบเหลี่ยมร้อยรัก เรื่องแรกขายลิขสิทธิ์ละครแล้วฝากติดตามด้วยนะคะ
นามปากกา กวิน มาจากไหนคะ ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย ได้ยินครั้งแรกนึกว่าเป็นนักเขียนผู้ชายเสียอีก
กวิน: คือตอนแรกใช้นามปากาภาษาอังกฤษค่ะ แต่พอเรื่องแรกคือแก้วกุมภัณฑ์จะตีพิมพ์ทางสนพ.ขอนามปากกาภาษาไทยก็เลยเลือกชื่อที่ขึ้นต้นด้วย กว เพราะเหมือนกับชื่อเล่นแล้วก็ชอบชื่อ กวิน เพราะเวลาเขียนจะเขียนตัวอักษรแบบไม่ยกปากกาได้ และมีความหมายว่า 'ดีงาม' ค่ะ
ดูจากผลงานที่ลงในเด็กดี นอกจากแนวรักแล้วก็ยังเขียนอีกหลายแนว จากประสบการณ์คิดว่าแนวไหนเขียนยากที่สุดเพราะอะไร
กวิน: คิดว่ายากทุกแนวนะคะ อาจจะคนละแบบ มองว่าแนวนิยายเหมือนอาหารชนิดต่างๆ นะ ก็อยากจะลองทำให้ได้ทุกแนวซึ่งก็คงต้องค่อยๆ ลองฝึกไป เพราะอย่างไรก็ตามโครงหลักของมันเหมือนกันค่ะ ต่างตรงวัตถุดิบ แต่จากประสบการณ์น่าจะเป็นแฟนตาซีนะเพราะยังไม่สามารถมีเวลาเขียนจนปิดเรื่องได้เสียที
กวิน: เป็นเรื่องของหนุ่มรุ่นน้องที่แอบชอบสาวรุ่นพี่มาตั้งแต่เด็กค่ะ แต่พอมาเจอกันอีกทีเธอกลับจำเขาไม่ได้ ทำให้จำเป็นต้องรู้จักกันแบบเข้าใจไปผิดๆ ว่าเป็นคนอื่นแต่พอรู้จักมากขึ้นมันก็ยิ่งวางตัวลำบาก แล้วยังมีกลุ่มเพื่อนที่ทำให้เรื่องวุ่นวายไปอีกจะเป็นยังไงไปลุ้นกันในเล่มนะคะ แฮ่
กวิน: คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ได้ดราม่าจัด แต่เป็นแนวสบายๆ เรื่องของความสัมพันธ์แบบค่อยเป็นค่อยไปให้ลุ้นค่ะ
แค่อ่านโปรยก็ทำให้รู้สึกอยากอ่านเนื้อหาข้างในต่อแล้วต่อแล้ว ส่วนตัวมีเทคนิคการใช้ภาษาให้ไหลลื่นน่าติดตามยังไงคะ
กวิน: จริงๆ คำโปรยเรื่องนี้ บ.ก. เป็นคนเขียนนะคะฮ่าๆ แต่ว่าถ้าเป็นส่วนของในเนื้อเรื่องเวลาที่เขียนถึงซีนนึงจะพยายามคิดขึ้นมาเป็นภาพก่อนว่าเป็นยังไงบ้าง เหมือนตอนเราดูละครว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างฉากหรือตัวละครมีอากัปกิริยายังไง แล้วก็เขียนออกมาถ้านึกคำไม่ออกก็ลองดูหนังสือคลังคำก็น่าจะช่วยได้
เห็นมีผลงานตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์มาหลายเรื่อง ส่วนตัวคิดว่าการทำงานกับสำนักพิมพ์ให้อะไรกับกวินบ้าง
กวิน: คือเรามองว่าการทำงานกับสำนักพิมพ์คือการทำงานเป็นทีมซึ่งแต่ละคนมีหน้าที่แตกต่างตามฝ่ายดังนั้นในส่วนหน้าที่ของเราซึ่งเป็นต้นทางในส่วนเนื้อหาคือต้องพยายามให้มันหลุดน้อยที่สุด แต่ Human Error มันเกิดขึ้นได้ก็จะมี บ.ก. มาคอยช่วยตรวจเช็ค รวมไปถึงการเสนอความคิดเห็นว่าแบบนี้หรือแบบนี้จะดีมั้ย ซึ่งเราชอบตรงนี้นะคะเพราะเราอยากได้คำแนะนำที่จะช่วยพัฒนาไปได้เพื่อที่ต่อไปจะได้รอบคอบมากขึ้น แล้วก็ได้รู้สึกว่าต้องพยายามให้มากขึ้นค่ะ
ตั้งแต่มาเป็นนักเขียน มีอะไรที่อยากลองทำแล้วยังไม่ได้ทำบ้างไหมคะ
กวิน: ไปแบ็คแพ็คคนเดียวค่ะ เพราะเคยลองไปกับเพื่อนสองคนครั้งนึงอีกอย่างคือไปเรียนตัดผมหรือไม่ก็เรียนทำกระเป๋าน่าจะสนุกดี จริงๆ ก็ไม่ค่อยเกี่ยวกับการเป็นนักเขียนนะคะ
ปกผลงานทั้ง 3 เรื่อง
คิดว่าอะไรคือแรงผลักดันที่ดีที่สุดในการเขียนนิยายสำหรับกวิน
กวิน: ตอบยากมากเลย มันอาจเป็นช่วงเวลาว่าเรารู้สึกอินหรือกำลังอยากจะเขียนอะไร หรือสื่ออะไรผ่านเรื่องนั้น ถ้าเรามีความรู้สึกว่าอยากจะเขียนเราก็จะเขียนๆ ถ้าเริ่มดรอปลงหรือ Energy ลดก็จะเปลี่ยนไปเขียนอย่างอื่นที่สนใจมากกว่าก่อนเป็นการกระตุ้นแล้วค่อยกลับมาเขียนต่อ คือไม่ได้คิดว่าจะต้องเขียนเรื่องนี้ต้องจบก่อนเท่านั้นถึงจะเขียนเรื่องอื่นได้ เพราะบางอย่างมันก็มาในเวลาที่เหมาะสมแต่เราก็ต้องทำแพลนไว้ว่าจะเขียนอะไรบ้าง ถ้าแพลน A ไม่เวิร์คก็ย้ายไป B คิดว่าเป็นคนค่อนข้างยืดหยุ่นนะ แต่ถ้ามีระยะเวลากำหนดขึ้นมาก็จะทำแต่งานที่ต้องส่งตามลำดับความสำคัญก่อน สรุปคือน่าจะเป็นเวลาที่ต้องส่งหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบประมาณนั้น
เคยคิดไหมว่าถ้าสักวันหนึ่ง ไม่เขียนนิยายแล้วจะทำอะไร
กวิน: คิดอยู่ตลอดด้วยค่ะฮ่าๆ เพราะเราก็ไม่รู้อนาคตแน่นอน ถ้าวันนั้นมีเงินมากพอก็คงจะไปชวนเพื่อนสมัยเรียนมาหุ้นทำโรงพิมพ์ Digital Offset (นี่ตอบจริงจังมากเลยนะ)
ถ้าพูดถึงคำว่า “นิยาย” กวินนึกถึงอะไร
กวิน: นึกถึงหนังสือเป็นรูปเล่มเพราะเป็นรูปธรรมดี แต่ถ้านามธรรมหน่อยก็เป็นเรื่องสมมติบนพื้นฐานความจริงที่มีจุดหมายให้ผู้อ่านจรรโลงใจ คิดว่าอย่างนั้นนะคะ
ถ้าเหนื่อยๆ เขียนงานไม่ค่อยออก ใช้เทคนิคไหนช่วยเรียกไอเดียคะ
กวิน: ไปทำอย่างอื่นที่อยากทำค่ะ หรือไปเขียนอย่างอื่นที่อยากเขียนก่อนถ้าจำเป็นก็ต้องตั้งใจแล้วกลับมาคิดทบทวนใหม่คือถ้าสนใจมันมากพอเราก็จะเห็นแต่สิ่งนั้น เดี๋ยวไอเดียก็มาเอง
ถ้าเกิดมีนักอ่านใช้คำที่ค่อนข้างรุนแรงในการวิจารณ์งานของเรา ส่วนตัวกวินมีความคิดเห็นยังไง หรือจะมีวิธีการรับมือกับปัญหานี้ยังไง
กวิน: จริงๆ เรื่องนี้ก็เคยเจอนะคะ คือเราต้องสงบสติอารมณ์ของตัวเองก่อนแล้วดูว่าที่เค้าเขียนมาโดยตัดความรุนแรงจากภาษาที่ใช้เขียนมามันจริงรึเปล่า ถ้าจริงก็เก็บมาทบทวนดูแล้วแก้ไข ถ้ายังมีส่วนที่เค้าเข้าใจคลาดเคลื่อนก็อธิบายไป คือมันเป็นการยอมรับและแก้ปัญหาในส่วนที่เราทำได้ นอกเหนือจากนั้นถ้าเป็นการวิจารณ์ที่รุนแรงแล้วไม่มีแก่นสารคือต้องปล่อยไป ความชอบเป็นเรื่องส่วนบุคคลก็จริง แต่การแสดงออกอย่างสุภาพก็เป็นมารยาทพื้นฐานนะ ถ้าเราตอบโต้ไปรุนแรงเหมือนกันมันก็ไม่โอเคอาจจะรู้สึกเศร้าหรือเฮิร์ทในใจหน่อยแต่เดี๋ยวมันก็จะผ่านไปแล้วเราก็จะแข็งแรงขึ้นเอง
กว่าจะมาเป็นนักเขียน อย่างทุกวันนี้ คิดว่าตัวเองต้องแลกมากับอะไร
กวิน: ต้นฉบับที่ไม่ผ่านพิจารณามั้งคะ คือเราไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์แบบเขียนเรื่องแรกก็ผ่านสนพ. ทันทีอะไรแบบนั้น เราค่อยๆ เรียนรู้ค่อยๆ ไปของเรา คือมันปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าเราจะสามารถทำเท่าที่ทำได้วันนี้ ถ้าไม่เคยได้ลองฝึกเขียนมาก่อนแต่มันคุ้มค่าและโอเคนะเพราะตรงจุดนั้นเรามองว่าทำเพราะชอบ มีความสุขได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนอ่านที่มาคุยกันมันจึงไม่ได้เป็นช่วงเวลาที่เสียเปล่าไป พอเป็นนักเขียนที่มีผลงานตีพิมพ์เราก็ได้รับกลับมามากกว่าที่คาดหวังไว้อีกจนไม่เหมือนกับว่ามันเป็นการแลกเปลี่ยนอะไรที่ชัดเจนขนาดนั้นที่ได้อย่างแรกเลยคือเงิน (ฮ่าาา) แต่สิ่งที่มีค่ากว่าคือโอกาสนะ โอกาสที่ได้ทำในสิ่งที่รักและมองเห็นว่ามันสามารถจะทำให้เราเติบโตขึ้นได้ ส่วนตัวมองว่าสมัยนี้นักเขียนได้รับโอกาสง่ายขึ้นแต่ขณะเดียวกันการรักษาโอกาสนั้นให้อยู่ในมือนานๆ ก็เป็นเรื่องยากเหมือนกันซึ่งเราก็คงต้องพยายามพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นต่อไปค่ะ
มีอะไรฝากถึงนักอยากเขียน และนักอ่านของชาวเด็กดีบ้าง
กวิน: คิดว่านักอยากเขียนก็คงพยายามกันอยู่แล้วละไม่น่าจะต้องฝากอะไร ส่วนนักอ่านก็ขอฝากผลงานไว้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
จบไปแล้วสำหรับบทสัมภาษณ์จาก กวิน นักเขียนสาวที่ดูจะมีโลกส่วนตัวอยู่ไม่น้อย หากแต่เมื่อพูดถึงผลงานแล้วพี่อรว่าจินตนาการที่เธอถ่ายทอดออกมานั้นมันสนุกชวนให้เราอินไปได้ถึงแก่นจริงๆ ยังไงก็ฝากนักเขียนเด็กดีท่านนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจนักอ่านทั้งหลายด้วยนะคะ ส่วนบรรดานัก (หัด) เขียนมือใหม่ พี่อรบอกเลยว่าบทกลอนที่แทรกอยู่ในนิยายนั้นเพราะมาก และไม่น่าเบื่อเลยสักนิด ลองไปดูงานของกวินดูบ้างนะคะเผื่อจะฉุกคิดและได้ไอเดียใหม่ๆ มาใช้ในงานเขียนของตัวเองค่ะ
เอาล่ะมาถึงช่วงเวลาที่หลายคนรอคอยแล้ว กับการเล่นเกมท้ายคอลัมน์
สำหรับสัปดาห์นี้เพียงแค่น้องๆ บอกเราว่า
"ปกติอ่านนิยายแนวไหน แล้วมีแนวไหนที่ยังไม่เคยอ่านแต่อยากลองอ่านบ้าง"
ผู้โชคดี 3 ท่าน ลุ้นรับไปเลยค่ะ "ลบเหลี่ยมร้อยรัก" ผลงานล่าสุดจาก กวิน
สำหรับสัปดาห์นี้เพียงแค่น้องๆ บอกเราว่า
"ปกติอ่านนิยายแนวไหน แล้วมีแนวไหนที่ยังไม่เคยอ่านแต่อยากลองอ่านบ้าง"
ผู้โชคดี 3 ท่าน ลุ้นรับไปเลยค่ะ "ลบเหลี่ยมร้อยรัก" ผลงานล่าสุดจาก กวิน
แล้วอย่าลืมมาร่วมสนุกลุ้นรับหนังสือน่าอ่านกันเยอะๆ น้า สำหรับสัปดาห์นี้... สวัสดีค่ะ
(หมดเขตร่วมสนุกวันที่ 4 มกราคม 2559 และจะประกาศผลในวันถัดไป)
(หมดเขตร่วมสนุกวันที่ 4 มกราคม 2559 และจะประกาศผลในวันถัดไป)
ประกาศผู้โชคดีได้รับรางวัล
สำหรับผู้ได้รับรางวัลกรุณาส่ง ชื่อ-นามสกุล (นามแฝง) พร้อมที่อยู่ในการจัดส่ง ระบุชื่อรางวัลที่ได้รับ มาที่อีเมล์ atcharawadi@dek-d.com ทางทีมงานจะจัดส่งรางวัลไปให้อ่านถึงที่บ้านเลยค่ะ ^ ^
(หมดเขตรับของรางวัล วันที่ 13 มกราคม 2559)
35 ความคิดเห็น
ปกติหลักๆ อ่านแนวรักกับสยองขวัญครับ นอกจากนี้ก็อ่านแนวอื่นๆ แทบทุกขนิดเลยก็ว่าได้ แต่ที่ยังไม่เคยอ่านนั่นคือแนวจีนครับ >< ที่ไม่เคยอ่านเพราะคิดว่าจำชื่อยาก แต่พอไปเห็นนิยายเรื่องหนึ่งพล็อตน่าสนใจมากๆ เลยอยากลองอ่านดูครับ :)
ปกติอ่านนิยายรักโรแมนติดคะ
นิยายที่ไม่เคยอ่านและกำลังคิดว่าจะลองหาอ่านดูคือแนวสืบสวนสอบสวนคะ
ปกติอ่านแนวแฟนตาซี แนวจิ้นๆถึงวาย
แนวที่ไม่เคยก็พวกแนวปรัชญา เช่น โลกของโซฟี อยากอ่านแจ่ก็ยังไม่ได้อ่านสักที
ปกติอ่านทุกแนวค่ะ แต่ชอบที่สุดคือนิยายรักแฟนตาซีค่ะเพราะมีเรื่องที่มากกว่าแค่เขียนเรื่องรักใคร่ทั่วๆไป ชอบให้มีการผูกเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่มองไม่เห็น อดีตชาติ ผลบุญกรรม ให้นิยายรักที่อ่านดูยากขึ้นมาค่ะ ความยากจะเข้าถึงนี่หล่ะคือเสน่ห์ทำให้เราต้องคอยลุ้นติดตาม และสร้างจินตนาการมากค่ะ ส่วนแนวที่ยังไม่เคยอ่านก็คือนิยายรักประเภทที่เป็นนิยายรักในโลกปัจจุบันปัจจุบันค่ะ เพราะมองว่าก็แค่ในโลกที่เราอยู่เนี่ยนะมันจะมีอะไรน่าประทับใจจนไปเกิดเป็นนิยาย แต่ตอนนี้อยากลองดูซักครั้งค่ะ เพราะอยากรู้ว่านิยายที่เรามองว่ามันเรียบไปจะทำให้ให้เราตกหลุมรักในความเรียบง่ายได้มากขนาดไหนกันเชียว
ปกติอ่านแต่ดราม่าค่ะ เพราะให้แนวคิดกับชีวิตดี บางทีมันก็ตรงกับช่วงชีวิตในเวลานั้น และสิ่งที่เราได้จากนิยายที่เราอ่านก็นำมาปรับใช้ในชีวิตประจำได้ด้วยค่ะ
แนวที่ไม่เคยอ่านแล้วอยากอ่านน่าจะเป็นแนวผจญภัย หรือลึกลับ เคยมีหลายคนบอกว่าอ่านแล้วทำให้เราผจญภัยร่วมกับตัวละคร แนวลึกลับก็ทำให้เราลุ้นไปกับมัน อยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังของเรื่องนั้น
ปกติเป็นคนที่ชอบอ่านนิยายอยู่แล้ว ชอบทุกแนวเลยค่ะ ตั้งแต่รักซึ้งกินใจจนถึงแฟนตาซีแนวโรงเรียน แต่ที่ชอบจริงๆก็พวกวรรณกรรมเยาวชนแบบที่มองว่าโลกไม่ได้สวยงาม แต่ก็ไม่โหดร้ายจนเกินไป
หรือไม่ก็อะไรก็ได้ที่มีความสมเหตุสมผล ในตัวมันเองรู้สึกว่าอ่านแล้วมันไม่ขัดใจ ส่วนที่ยังไม่เคยอ่านก็นิยายสยองขวัญค่ะเป็นคนที่กลัวผีขึ้นสมองทั้งๆที่ไม่รู้ว่ามีจริง รึป่าว อยากรู้ว่าความรู้สึกของตัวละคร ตอนที่เจอมันเป็นแบบไหน ผีที่เจอมันเป็นไงอะไรแบบนี้. ปล.คิดถึงพี่ยักษ์จะรอดูนะคะ><
ปกติอ่านแนวรักหวานแหววค่ะ (ตรงกับวัย555) จะมีบ้างที่วาร์ปไปแนวอื่น ถ้าเจอเนื้อเรื่องแปลกใหม่น่าสนใจ หรือเอียนกับความรักหวานแหววก็จะไปดราม่ากับรักเศร้า ๆ ให้อารมณ์เหมือนฝนตก ช่วงนี้หันมาสนใจนิยายจีน เพราะมันแลดูมนต์ขลังดีค่ะ ส่วนแนวที่ยังไม่เคยอ่านและอยากอ่านคือ แนวสืบสวนสอนสวน เพราะชอบดูโคนันที่ชอบพูดถึง เชอร์ล็อก โฮมส์ ค่ะ เลยสงสัยว่ามันจะสนุกเหมือนที่โคนันชอบรึเปล่า
ปกติชอบอ่านแนวรักคะ แต่ไม่ชอบแนวที่พระเอกตายหรือนางเอกตาย มันเศร้า ไม่ชอบเพราะเป็นคนเอาอารมณ์ออกไปจากนิยายยาก ถ้าอ่านเศร้าๆก็จะค้างอารมณ์นั้นนานน ทั้งชีวิตจะเฟลไปเลย 55 ไม่เคยอ่านแนวผีคะ เพราะคิดว่าตัวหนังสือ คำบรรยาย มันยากที่จะทำให้เรารู้สึกกลัวอย่างดูหนังดุละคร แต่อยากลองอ่านดูค่ะ ^^
ปกติอ่านนิยายวิทยาศาสตร์ไซไฟ แล้วก็นิยายย้อนยุคค่ะ อยากจะลองอ่านแบบสยองขวัญค่ะ เพราะเป็นคนขี้กลัวเลยไม่กล้าอ่าน แต่ถ้าลองได้อ่านคงจะได้แง่คิดที่แปลกๆไปจากเดิม คิดว่าน่าจะช่วยลดความกลัวด้วยค่ะ
ปกติอ่านแต่รักแฟนตาซีกับรักหวานแหวว ค่ะว่าจะลองอ่านนิยายแนวจีนๆดูค่ะ
เป็นคนอ่านได้ทุกแนวค่ะ
แต่ที่ไม่เคยอ่าน นิยายแปล แนวจีนค่ะ ชอบประวัติศาสตร์ของจีนค่ะ ตั้งแต่สมัยสามก๊ก หรือก่อนสามก๊กค่ะ เป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์มาช้านาน ไม่ว่าจะเป็นหนังโรง หนังซีรี่ส์ และหนังสือค่ะ แต่หนังสือยังไม่มีอ่านค่ะ เพราะมันไม่ปะติปะต่อกัน เคยมีหนังสือสามก๊กเล่มหนาปึก แต่ยังไม่เคยเปิดอ่าน จนตอนนี้ มันหายสาปสูญไปอยู่ส่วนไหนแล้วก็ไม่รุ้ค่ะ ^•^
ส่วนตัวไม่รู้จักกวินมาก่อน จนกระทั่งอยากใส่กลอนลงในนิยายตัวเองเลย
ตั้งกระทู้ถาม และมีคนเข้ามาแนะนำ นิยายเรื่องแก้วกุมภัณฑ์ ของกวิน
ตอนนี้สั่งซื้อไปแล้ว แต่ติดปีใหม่ก็เลยต้องรออีกเกือบเดือน
ปกติอ่านนิยายรักค่ะ จะเป็นรักโแมนติก ดราม่า คอมเมดี้ ย้อนยุค ... ขึ้นชื่อว่านิยายรักก็อ่านหมดนะคะ แต่ที่ยังไม่เคยอ่านแล้วอยากลองก็คือแนวสยองขวัญสั่นประสาท ที่โดดเด่นอย่างหนังสือของสำนักพิมพ์โซฟา อยากรู้ว่านิยายแนวนี้จะสั่นประสาทเราได้ในระดับไหน จะสู้หนังผีหนังสยองขวัญที่มีเสียงเป็นตัวกระตุ้นความตื่นเต้นได้มั้ย
ปกติอ่านแนวรักกับแฟนตาซีค่ะ ถ้าเป็นแนวรักก็จะอ่านแบบแล้วแต่อารมณ์ คือบางทีอยากร้องไห้ก็อ่านรักดราม่า อยากสนุกก็อ่านพวกคอมเมดี้อะไรประมาณนี้ แต่ถ้าเป็นแฟนตาซีเราอ่านได้ทุกแนวค่ะ จะโรงเรียน ต่างโลกอะไรก็ได้หมด มันรู้สึกเหมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่งดี สำหรับเราการอ่านนิยายทำให้หลีกหนีจากโลกเคร่งเครียดในปัจจุบันได้ค่ะ ส่วนที่อยากอ่านแต่ยังไม่เคยอ่านคือแนวสยองขวัญค่ะ เป็นคนขี้กลัวมากกกก แต่มีเพื่อนที่ชอบอ่านแนวนี้ แบบอ่านอยู่แนวเดียวเลยนะ พอมันมาเล่าให้ฟังก็สนุกดี ต่างจากเราที่พอจะอ่านแล้วจะเริ่มกลัวทุกวันนี้ยังเริ่มอ่านไปได้นิดเดียวเองค่ะ
ส่วนมากที่อ่านจะเป็นนิยายรัก ,แฟนตาซี, สืบสวน ,นิยายจีน ไม่ว่าจะแปลหรือไม่แปล นิยายวาย ยูริ รวมๆ แล้วก็อ่านเกือบทุกอย่าง ยกเว้นนิยายสยองขวัญสั่นประสาท ค่ะ .