ดร. ป๊อป ศิษย์เด็กดี แวะมาอัพเดทชีวิต พร้อมส่งความสุขปีใหม่ให้ชาวเด็กดีทุกคน


 

ดร. ป๊อป ศิษย์เด็กดี แวะมาอัพเดทชีวิต
พร้อมส่งความสุขปีใหม่ให้ชาวเด็กดีทุกคน

 

 
สวัสดีชาวไรเตอร์ทุกคนค่ะ สวัสดีปีใหม่นะคะน้องๆ ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดีสำหรับทุกคนค่ะ >__< วันนี้นักเขียนที่พี่พามาไม่ใช่ใครที่ไหน ซึ่งพี่เองก็เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักนักเขียนคนนี้แน่นอน เพราะเขาเป็นนักเขียนรุ่นแรกๆ ของเด็กดี แถมยังเป็นเจ้าของผลงานชื่อดังที่ขายดิบขายดีในประเทศไทยด้วยค่ะ
 
จะเป็นใครนั้นตามมาดูเลย



 
ฐาวรา สิริพิพัฒน์ เจ้าของนามปากกา Dr.Pop

 
วันนี้ ดร. ป๊อป แวะมาสวัสดีปีใหม่กันถึงออฟฟิศใหญ่ของเว็บเด็กดี พี่น้ำผึ้งจึงมีโอกาสได้สัมภาษณ์เขาอย่างจริงๆ จังๆ เป็นครั้งแรก พูดเลยว่ารู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะเคยอ่านผลงานและเคยฟังทอล์คโชว์ของ เขาแล้วประทับใจ พี่น้ำผึ้งเลยพยายามเลือกคำถามที่เข้าถึงและแสดงความเป็นดร. ป๊อป ออกมาให้มากที่สุด ก็หวังว่าผู้อ่านทุกคน จะได้รับสิ่งดีๆ จากบทสัมภาษณ์ของพี่ ไม่มากก็น้อยนะคะ  
 
พร้อมแล้ว ลุยเลย
 
พี่อตินผู้ดูแลหมวดนักเขียนแห่งเว็บเด็กดี
ดร. ป๊อป ศิษย์เด็กดี และพี่โน้ต เว็บมาสเตอร์แห่งเว็บเด็กดี

 
พูดถึง Fate Diary ผลงานเรื่องล่าสุดหน่อยค่ะ  
ป๊อปเขียนหนังสือเล่มนี้เพื่อเขียนชีวิตคนครับ ให้คนมีทัศนคติที่ดีขึ้นกับชีวิต เพราะฉะนั้นหวังว่ามันเปลี่ยนชีวิตเขาให้มีความคิดแง่บวกมากขึ้น แล้วก็เห็นคุณค่าของความรักมากขึ้น หลังจบเรื่องนี้ เดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2559 จะมีหนังสือใหม่ ปีหน้า สัญญาว่าจะมีหนังสือออกมาเยอะเลย มากกว่า 1 เล่มแน่นอน
 
ได้ยินมาว่าเป็นคนบุกเบิกนิยายแฟนตาซีในเด็กดีรุ่นแรกๆ เลย อะไรเป็นจุดเริ่มต้นให้อยากเขียนนิยายแฟนตาซีคะ
มันเกิดจากการที่ว่าเราไม่ค่อยมีตัวตนในโรงเรียนครับ เราเป็นคนที่เล่นกีฬาไม่ได้ ดนตรีก็ไม่ดี เราก็เลยถามตัวเองว่า "เรามีอะไรดีบ้างที่จะเอามาสู้กับคนอื่น" แล้วก็เปิดโอกาสให้ตัวเองได้ ก็ปรากฏว่าเราชอบอ่านหนังสือ ชอบเล่นเกม ชอบดูหนัง ก็เลยนำจินตนาการจากสิ่งเหล่านี้มาใช้ในการเขียนนิยาย เพราะรู้สึกว่าเราอ่านหนังสือเยอะ ถ้าคนอื่นเขียนนิยายได้ เราก็น่าจะเขียนได้ ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการที่อยากให้เราลองเขียนนิยายดูสักเล่ม
 
มุมมองต่อวงการแฟนตาซีของดร. ป๊อป 
ป๊อปรู้สึกว่าเด็กๆ กล้าที่จะเขียนมากขึ้น เพราะในอินเตอร์เน็ตก็จะมีนิยายเยอะ เป็นแฟนตาซีอะไรแบบนี้นะ ก็รู้สึกว่าคนกล้าคิดกล้าทำมากขึ้น อยากให้มีแนวแปลกๆ ใหม่ๆ ของแฟนตาซีไทย เป็นแนวที่ไม่เคยอ่านไม่เคยเห็น
 
เนื่องจากป๊อปไม่ค่อยตามเทรนด์เลยไม่รู้ว่าเทรนด์ตอนนี้คืออะไร แต่ก็รู้สึกว่าหน้าที่ของนักเขียนคือการเขียนในสิ่งใหม่ ถ้าเราเป็นผู้เขียนในสิ่งใหม่ เราก็เหมือนเป็นผู้เปิดทางแนวใหม่ให้กับนักเขียนรุ่นต่อๆ ไป แต่ถ้าเราเขียนตามเทรนด์กัน อันนั้นก็ไม่ได้ผิดนะ มันก็เป็นความชอบ เป็นแรงบันดาลใจ เราควรจะสร้างความหลากหลายให้กับวงการ แต่ความหลากหลายนั้นต้องออกมาดีที่สุดในแบบของเรา ถ้าเราทำมันออกมาดีที่สุดคนอื่นจะมองยังไงมันไม่เป็นไร แต่ขอแค่ว่าทำให้ดีที่สุดในแบบของเรา
 
มาตรฐานของแต่ละคนมันต่างกัน เราไม่สามารถใช้มาตรฐานของคนอื่นมาตัดสินผลงานเราได้ แต่เรารู้แค่ว่าถ้าเราทำมันดีที่สุดแล้วเราภูมิใจกับผลงานนั้นก็โอเคแล้ว งานเขียนมันเป็นศิลปะครับ เราไม่ต้องไปกำหนดมันดีกว่าว่าเราจะไปตามเทรนด์ใคร หรือเทรนด์ตอนนี้อะไรมาแรง เราสร้างศิลปะนั้นมาจากใจ งานเขียนนั้นมันจะมีความรู้สึก
 
คิดว่านิยายแฟนตาซีของไทยมีโอกาสโกอินเตอร์บ้างไหม
ป๊อปว่ามันก็มีสิทธิ์นะ คือทุกอย่างมันเป็นไปได้ครับถ้าเราลองแปลเป็นภาษาอังกฤษ แล้วก็ลองเจาะตลาดดู ป๊อปรู้สึกว่าคนไทยก็มีทักษะในการเขียนที่ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าคนอื่น ถ้าเราเปิดโอกาสให้ตัวเอง ทำไมมันจะไม่ได้ เพราะมันก็มีวรรณกรรมของไทยที่โด่งดังในต่างประเทศ อย่างของคุณชาติ กอบจิตติ เขาก็มี ‘คำพิพากษา’ ที่แปลไปแล้ว เขาก็ประสบความสำเร็จ
 
ป๊อปรู้สึกว่ามันไม่มีขอบเขตของศิลปะครับ เพลงอย่างนี้ไม่ว่าจะชาติไหน ภาษาไหนเขาก็รู้สึกถึงศิลปะได้ ถ้าวรรณกรรมไทยแปลเป็นภาษาต่างประเทศ ป๊อปเชื่อว่ามันมีหลายเรื่องที่มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จเพราะมันไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้ในคำว่าศิลปะ

คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จในวงการหนังสือหรือยังคะ
ก็ประสบความสำเร็จในระดับนึงนะ แต่ไม่ได้คิดว่าประสบความสำเร็จสูงสุด คือป๊อปเป็นคนไม่เซ็ตจุดสูงสุดของชีวิต ป๊อปเซ็ตว่าแต่ละก้าวมันประสบความสำเร็จในแบบที่ต้องการหรือเปล่า แล้วก็ขอให้มันประสบความสำเร็จไปเรื่อยๆ แบบกราฟเอ็กซ์โปเนนเชียล เพราะถ้าเราเซ็ตว่าเราประสบความสำเร็จสูงสุดแล้วเนี่ย มันก็จะเกิดความเฉยชา ความชินชา มันทำให้งานล้า ทำให้งานเหนื่อย แล้วก็ทุกอย่างเมื่อถึงจุดสูงสุดมันก็จะต่ำลงตามกฎของแรงโน้มถ่วงแล้วล่วงลงมา เพราะฉะนั้นถ้าเราคิดว่ามันสูงสุดแล้วเราก็จะร่วงลงมา มันจะไม่เกิดการพัฒนาแต่ถ้าเราคิดว่ามันประสบความสำเร็จในจุดที่เราต้องการแล้ว
 

 
 
ในแง่ของวรรณกรรม... หนังสือเล่มนี้ Fate Diary มันประสบความสำเร็จในตัวมันแล้ว โอเคเราก็ ทำให้เรื่องต่อๆ ไปให้ประสบความสำเร็จในแบบของมัน เราก็จะรู้สึกว่ากราฟของมันไปเรื่อยๆ อันนั้นก็คือความสุขเล็กๆ ในมุมมองของป๊อบนะ
 
ป๊อปไม่อยากคิดว่าเราต้องถึงจุดสูงสุดในอาชีพตัวเอง เพราะว่าถ้ามันถึงจุดสูงสุด มันเป็นการหยุดแล้ว ก็ยังไม่ได้อยากหยุด แต่ถ้าหยุด... ก็คงทำอะไรต่อที่มันประสบความสำเร็จในด้านอื่นๆ ได้ แต่ถ้าถามว่ามาไกลกว่าที่คิดมั้ย? จากเด็กที่ไม่ได้มีตัวตนในโรงเรียน แล้วก็เขียนตามเว็บ มันก็มาถึงจุดนี้ได้ ก็รู้สึกว่า 13 ปีที่ผ่านมา มันก็มาไกลมากครับ แล้วก็มากกว่าที่คิดไว้เยอะครับ
 
กำลังแจกลายเซ็นต์อยู่เลย
 
ตาม Instagram กับ Twitter ของพี่อยู่ค่ะ ชื่นชอบ #คนไทยอ่านหนังสือปีละ 50 เล่ม มาก ทำไมถึงคิด hashtag นี้ขึ้นมาคะ
ขอบคุณมากเลย... คือแรงบันดาลใจมาจากผลสำรวจสถิติการตกงานของนักศึกษาปริญญาตรีเมื่อปีที่แล้ว 1 ปี มีนักศึกษาปริญญาตรีสายสามัญที่ตกงาน 150,000 คน ไม่ใช่เพราะเรียนไม่เก่งนะ เรียนเก่งแต่เอาความรู้ที่ได้จากการเรียนไปใช้ไม่ได้ พื้นฐานเลยคืออ่านหนังสือน้อย พออ่านหนังสือน้อยก็เลยไม่รู้จักจิตวิทยาในการเข้าสังคม การพัฒนาตัวเอง การพัฒนาสายงาน เพราะฉะนั้นก็คือมีแต่ความรู้จากตำรา แต่ไม่มีทักษะชีวิตที่จะไปเข้าร่วมกับองค์กรใดๆ ได้
 
เมื่อไม่มีทักษะการอ่านก็ส่งผลต่อการพูด การกระทำ การวิเคราะห์ และส่งผลทุกอย่าง ก็เลยรู้สึกเป็นห่วงคนไทยมาก แล้วก็เป็นห่วงน้องๆ รุ่นหลังเรา เพราะป๊อปก็มีกลุ่มน้องที่อ่านหนังสือน้อย ชีวิตเขาก็เลยย้ำอยู่ตรงนั้น แต่พอเราให้น้องกลุ่มนี้อ่านหนังสือเยอะขึ้นกว่าเดิม เขาก็ไม่ได้อ่านถล่มทลายนะ แต่เราเอาหนังสือใหม่ๆ ให้อ่าน เรารู้สึกว่าเขามีชีวิตที่ดีขึ้น เขามีความคิดที่ดีขึ้น ก็เลยมีความคิดที่ว่างั้นถ้าคนทั้งประเทศอ่านหนังสือเยอะขึ้นจะเกิดอะไร
 
ป๊อปเลยทำแท็คนี้ขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งวันแรกมันก็ประสบความสำเร็จขึ้นอันดับ 1 ใน Twitter ได้ อันนั้นก็ทำให้รู้ว่าคนไทยตื่นตัวกับการอ่าน เพียงแต่ว่ามันไม่มีอะไรที่จุดประกายเต็มที่ แล้วแท็คนั้นดำเนินมาถึงวันนี้ก็ยังมีคนเล่นอยู่ ซึ่งเรารู้สึกว่ามันเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่งที่ได้กระตุ้นคนอ่าน หลายคนอ่านเกิน 50 เล่มไปแล้ว มีคนที่ทวิตว่าอ่าน 90 เล่ม 100 เล่มอย่างนี้ รู้สึกว่าแค่นั้นมันทำให้คนกลุ่มนึงเห็นว่า Social Network ไม่ได้แค่ทวิตรูปกัน ข้อความกัน แต่อย่างน้อยมันแชร์เรื่องเกี่ยวกับหนังสือหรือข้อคิดที่เป็นประโยชน์ต่อคนที่ติดตามด้วยได้

เพราะฉะนั้นถ้ามันจะประสบความสำเร็จในวงๆ นึงของคนที่เล่น Social Network  เราก็รู้สึกว่ามันโอเคแล้วที่ทำให้คนตื่นตัวกับการอ่านมากขึ้นครับ

 



ถ้าให้แนะนำหนังสือน่าอ่าน อยากแนะนำเรื่องไหนให้น้องๆ ในเด็กดีคะ
ถ้าปีนี้... วรรณกรรมที่แนะนำคือ นักช็อปปีนบันไดตระกายดาว เรื่องนี้ภาษามหัศจรรย์มาก มันเป็นวรรณกรรมแนวแบบตลกร้าย เสียดสีสังคมเล็กน้อยแล้วก็ภาษาเขาดี เล่มนี้คือภาษาดีจริงๆ รู้สึกว่าโดดเด่นมากในปีนี้ กับอีกเรื่องนึงคือ Pines เป็นซีรี่ย์ด้วยนะ ซึ่งทั้งเรื่องเขียนดีมาก ระทึกทั้งเรื่อง มีปริศนามีการหักมุมอะไรอย่างนี้ ดี ส่วนที่เป็นจิตวิทยาคือ เงียบให้ถูกจังหวะ คนชนะไม่พูดมาก เป็นหนังสือแปลนะครับ ป๊อปชอบเล่มนี้ที่สุด
 
หนังสือที่ดร.ป๊อปแนะนำ
 
ที่หันมาอ่านจิตวิทยาเป็นเพราะโตขึ้นด้วยหรือเปล่า 
ครับ อาจจะเพราะหนึ่งเราโตขึ้น สองปัญหาชีวิตหลายๆ อย่างที่เราเคยเครียด เคยมีความคิดเกือบจะคิดสั้น เคยเจอปัญหาชีวิตแล้วหาทางออกไม่ได้ ก็เลยคิดว่าแล้วเราจะหาทางออกให้ชีวิตได้ยังไง ถ้าปรึกษาคนทั่วไปมันได้มุมมองนึงก็ถูกต้อง แต่ถ้าเราอ่านหนังสือเยอะขึ้น เรารู้สึกว่ามันได้บางอย่างที่พัฒนาสมอง มันจะได้มากกว่าความรู้จากพ่อ แม่ พี่ น้อง เราก็เลยจุดประเด็นที่ว่าทำให้เราเสพติดการอ่านมากขึ้นกว่าเดิม
 
พอเราอ่านจิตวิทยามันก็ เฮ้ย... สนุก ระหว่างพักก็หันไปอ่านวรรณกรรม แฟนตาซี นวนิยายเพื่อให้มีอรรถรสที่หลากหลายในชีวิต มันก็กลายเป็นว่าชีวิตไม่ว่างเลย กลายเป็นมีความรู้ไหลเข้ามาตลอดเวลา ซึ่งมันสนุก ถ้าเราอ่านหนังสือพวกนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงความคิดที่ก้าวกระโดดมาก
 
ตอนนี้เด็กดีกำลังจะเปิดให้นักเขียนขายผลงานนิยายได้ คิดยังไงกับเรื่องนี้ 
มันก็เป็นสิทธิ์ของนักเขียนนะครับที่อยากจะขายหรือให้อ่านฟรี ขายนิยายก็เป็นทางเลือกที่ดีในการซื้อ E-Book ทันทีทันใดหรือซื้อผลงานเขียนนี้ แล้วมันก็เป็นการสนับสนุนนักเขียนให้เขามีรายได้ไว้ตั้งต้นทุนอะไรอย่างนี้ การขายพวกนี้มันไม่ใช่เรื่องผิดนะ มันคือการสนับสนุนผลงาน มันทำให้นักเขียนต้องแอ็คทีฟตัวเองว่าถ้าอยากมีรายได้ในตรงนี้ ในการช่วยการศึกษาตัวเองหรือแบ่งเบาภาระพ่อแม่ ก็ต้องทำผลงานเขียนให้มันคุ้มค่าที่จะได้รับการจ่ายเงิน
 
ป๊อปถือว่ามันเป็นเรื่องใหม่นะสำหรับวงการหนังสือไทยที่เด็กดีทำตรงนี้ แล้วก็สนับสนุนให้ลองทำ ถ้าระบบมันง่ายก็น่าจะทำให้คนซื้อเยอะนะ แต่ป๊อบก็ไม่รู้รายละเอียด ยังไงก็ถือว่าน่าสนับสนุน มันจะเป็นนิมิตหมายใหม่ น่าสนุกดี
 


ดร.ป๊อปกับผลงานเล่มล่าสุด
 
ได้ยินมาว่านอกจากจะเป็นนักเขียนแล้วยังเป็นนักพูดให้แรงบันดาลใจด้วย  
จุดเริ่มต้นมันมาตอนตั้งแต่เข้าวงการซึ่งมีคนให้ไปพูดตามที่นู้นที่นี่ เราก็เป็นคนชอบพูดอยู่แล้ว เราเป็นประธานชมรมศิลปะการพูดตอนม.ปลาย รู้สึกว่าเราอ่านหนังสือเยอะ เราดูหนังก็เยอะ มีเรื่องในหัวเยอะไปหมดเลย ทำไมเราไม่เอาเรื่องเหล่านั้นมาเรียบเรียงเป็นทอล์คโชว์แล้วก็พูดให้คนฟัง
 
ดร.ป๊อปกำลังจัดทอล์คโชว์
 
ตอนแรกมันก็เป็นทอล์คโชว์สนุกๆ นะ ไม่ได้ซีเรียสอะไร แต่พอไปๆ มาๆ เราไปหลายที่มากขึ้น ตอนนี้แสดงมาเป็นพันรอบแล้วก็รู้สึกว่าโชว์ของเรามันควรให้บางอย่างกับคน ไม่ใช่ให้คนมานั่งฟังแล้วขำ สนุก แฮปปี้ แต่มันควรจะจุดประกาย เปลี่ยนชีวิตเขาได้เหมือนเราทำหนังสือ ซึ่งก็เลยตัดสินใจมาทำทอล์คโชว์ให้เป็นเรื่องเป็นราวเพื่อจุดแรงบันดาลใจให้คนในเรื่องต่างๆ แต่เน้นหลักคือการให้เขามีทัศนคติที่ดีกับชีวิตมากขึ้น
 
เราก็เอาสิ่งที่เราอ่านนี่แหละครับไปสอนเขา คือถ้าเราอ่านเราสอนเนี่ย สิ่งที่เราอ่านมันจะอยู่ในหัวเรานานขึ้น
 
ดูน่าสนุกมากเลยนะคะ ^ ^
 

มุมสนุกๆ ของดร. ป๊อป
 
ในฐานะนักเขียน เราขอชวนเสริมสร้างจินตนาการนิดนึง สมมติว่ามีชายคนหนึ่งเอารถเข้าไปจอดในโรงแรมแล้วพอออกมาจากรถ ตัวเขากลับสูญเสียอนาคตทั้งหมดไป ดร. ป๊อป คิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายคนนั้นคะ  
ในความคิดป๊อปมันไม่มีคนเสียอนาคตนะ อนาคตมันสร้างใหม่ได้ มันยังไม่ได้มาถึงสักหน่อย เราไม่สามารถสูญเสียในสิ่งที่เรายังไม่ได้ครอบครองได้นะ คืออาจจะมีคนติดยา มีคนอันธพาลอะไรก็แล้วแต่ แต่อนาคตเขายังอยู่ต่อ ไม่มีพฤติกรรมไหนที่สูญเสียอนาคตได้ ป๊อบรู้สึกว่ามนุษย์ฉลาดพอที่จะเริ่มต้นใหม่ได้
 
ถ้าเขาออกมาจากรถแล้วเขารู้สึกสูญเสีย... ก็กลับไปในรถแล้วก็ย้ายที่สิ แต่ป๊อบคิดว่ามันไม่มีคำว่าสูญเสียอนาคตนะ มันมีแค่รู้สึกว่าอนาคตไม่ดี ก็ย้ายไปจอดที่ใหม่ ทำไมเราต้องจอดในที่ๆ เราไม่มีความสุข มันก็เหมือนกับอยู่กับความรัก ความผูกพัน ความสัมพันธ์อะไรแบบนี้ ถ้าจอดตรงนี้แล้วอยู่ด้วยกับคนที่ไม่มีความสุข ก็ย้ายไปจอดที่จอดใหม่ ถ้าเขาอยากอยู่ตรงนี้ไม่ตามเราไป ก็ทิ้งเขาไว้กลางทาง เราไปที่ใหม่ได้ ยังมีที่จอดอีกเยอะ

 
มีอะไรจะบอกชาวเด็กดีที่กำลังทำตามความฝันบนเส้นทางนักเขียนไหมคะ
ทำสิ่งที่ทำแล้วรักครับ... แล้วก็ทำให้ดี รักจะทำแบบไหนก็ทำแบบนั้น แล้วทำให้ดีในแบบตัวเอง อย่าเอาตัวเองไปแข่งกับคนอื่นนะครับ ถ้าเอาตัวเองไปแข่งกับคนอื่นมันไม่ชนะหรอกครับ เพราะแต่ละคนมีสไตล์เป็นของตัวเอง แต่ถ้าคุณแข่งแบบตัวเอง คุณก็จะเอาชนะตัวเองไปเรื่อยๆ พัฒนาในแบบตัวเองไปเรื่อยๆ
 
แล้วก็หมั่นเผยแพร่ลงสาธารณะ คือผลงานมันแจ้งเกิดไม่ได้ถ้าคนไม่เห็น แล้วก็ไม่มาให้คำแนะนำเรา บางคำวิจารณ์มันอาจจะดูหนักหน่วง แต่เราเอามาใช้ได้นะ รู้จักพัฒนาตัวเองเรื่อยๆ นะ อย่าย้ำอยู่กับที่ อ่านให้เยอะ ยิ่งอ่านเยอะก็จะยิ่งมีคลังคำศัพท์เยอะ ผูกเรื่องได้เก่งขึ้น มีทักษะการใช้คำที่มากขึ้น และที่สำคัญคือหา ‘สไตล์’ ให้เจอครับ เป็นตัวเองให้มากที่สุดแล้วก็รักในสิ่งที่ตัวเองทำให้มากที่สุด
 

เราบินได้

 
ถ้าคุณไม่เชื่อในความเป็นตัวเอง คุณก็ทำให้คนอื่นรักและเชื่อคุณในแบบที่คุณเป็นไม่ได้ ลองใช้หลักการสามข้อ ‘รู้’, ‘คิด’, ‘ทำ’ คือรู้ให้เยอะและดี แล้วทุกสิ่งที่คุณรู้จะส่งผลต่อความคิด ส่งผลต่อการกระทำ แล้วหมั่นให้สิ่งดีๆ กับคนดีๆ ซึ่งคนดีๆ เหล่านี้จะให้สิ่งดีๆ คุณตอบกลับมา แล้วคนดีๆ เหล่านี้จะทำให้คุณรู้ดี คิดดี ทำดี มันจะเป็นวงจรที่ไม่สิ้นสุด นั่นล่ะครับ มันจะทำให้คุณรักตัวเองมากขึ้นและรักคนอื่นมากขึ้น
 
ปีใหม่ 2016 นี้ อวยพรน้องๆ ชาวเด็กดีหน่อยค่ะ
ขอให้ทุกคนเจอสิ่งดีๆ เรื่องดีๆ คนดีๆ นะครับ แล้วก็เชื่อในสิ่งดีๆ ที่จะเกิดขึ้นนะ ทำทุกวันให้ดีที่สุด เหมือนเป็นวันสุดท้ายที่คุณได้อยู่บนโลกใบนี้ คุณจะได้ภูมิใจกับทุกวันที่คุณมี
 

 
จบไปแล้วนะคะกับบทสัมภาษณ์ดีๆ จากดร.ป๊อป เชื่อว่านักเขียนท่านนี้ คงเป็นไอดอลของใครหลายๆ คน ไม่เพียงแต่เพราะเขาเป็นนักเขียน แต่เขายังเป็นนักให้แรงบันดาลใจที่ดีมากด้วย ตัวพี่เองก็เคยฟังทอล์คโชว์ของ ดร. ป๊อป ตอนนั้นเป็นช่วงที่จัดโชว์สมัยแรกๆ เลย จำได้ว่าหลังฟังจบเพื่อนๆ รวมทั้งพี่นี่ ฮึดสู้กับความฝัน เลยค่ะ เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับการนั่งฟังมากๆ ^__^ 

สุดท้ายนี้ 
พี่น้ำผึ้งหวังว่าน้องๆ คงได้รับข้อคิดดีๆ จาก ดร. ป๊อปไปปรับใช้ในชีวิตไม่มากก็น้อยนะคะ :D สุขสันต์วันปีใหม่ชาวเด็กดีไรเตอร์ทุกคนค่ะ  

ขอบคุณรูปภาพจาก facebook fanpage : Dr.Pop 


 
เราบินได้
 
พี่น้ำผึ้ง :)
 
Deep Sound แสดงความรู้สึก
          
พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
กำลังโหลด

4 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
gamza04925 Member 3 ม.ค. 59 21:07 น. 3

ดร.ป๊อปมาทำทอล์กโชว์ที่โรงเรียนเราด้วย ปลื้มสุดๆ รักเลย

# ช่วงซึ้งนี่ร้องไห้เลย # ได้นิยายกับลายเซ็นมาด้วย ><

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด