4 ประเด็นน่าคิด
อยากเป็นนักเขียน ทำไมไม่ได้เป็นสักที

บางที มันอาจมีความลับ หรืออะไรบางอย่างซ่อนอยู่ ถ้าเจอปัญหา เราก็จะแก้ไขมันได้
 
สวัสดีชาวไรเตอร์ทุกคน กลเม็ดเคล็ดลับครั้งนี้ พี่ตินกลับมาพร้อมบทความที่หัวข้อเหมือนคำถามชอบกล 4 ประเด็นน่าคิด อยากเป็นนักเขียน ทำไมไม่ได้เป็นสักที” หลายคนอ่านหัวข้อคงคิดในใจว่า จะพูดเรื่องอะไรกันนะ ยังก่อน อดใจไว้ก่อน ก่อนจะเข้าสู่เรื่องของเรา ขอถามให้ตอบก่อนว่า... น้องๆ อยากเป็นนักเขียนตั้งแต่เมื่อไหร่ ส่วนตัว พี่อยากเป็นตั้งแต่สมัยป. 4 นั่นคือช่วงเวลาที่พี่เริ่มเขียนหนังสือเรื่องแรก เป็นเรื่องสั้นจบในตอน อารมณ์เขียนถึงเพื่อนในห้อง และตั้งแต่นั้นมา พี่ก็รู้ตัวว่าอยากเป็นนักเขียนมาตลอด แต่กว่าที่จะได้เป็น ก็ใช้เวลายาวนานนับสิบปีอยู่เหมือนกัน
 
ตัวพี่เองก็ไม่แตกต่างจากน้องๆ นั่นแหละ ความฝันของเราคล้ายๆ กัน และพี่ก็เชื่อว่า... บนโลกนี้ มีนัก (อยาก) เขียนจำนวนมากที่ประสบความสำเร็จ ได้เป็นนักเขียนสมใจ และมีนัก (อยาก) เขียน อีกจำนวนมากเช่นกัน ที่ไม่อาจก้าวไปสู่การเป็นนักเขียนอย่างที่หวังได้ บางคนเขียนๆ อยู่พักหนึ่ง ก็ถอดใจเลิกเขียนไปเสียก่อนก็มี หรือบางคน หันไปสนใจอย่างอื่นมากกว่า ไม่มีเวลาเขียน แล้วก็ต้องเลิก บางคน ได้เป็นนักเขียนแล้ว แต่สุดท้ายก็เบื่อ หันไปทำอาชีพอื่น ทุกอย่างมันเป็นไปได้ทั้งนั้น
 
สำหรับบทความของเราวันนี้ พี่อยากมาชวนคุย เพื่อหาคำตอบที่ว่า... เพราะอะไร เราถึงไม่ได้เป็นนักเขียนสมดังใจ แบ่งเป็นทั้งหมด 4 ประเด็นด้วยกันค่ะ
 

 

ว่าด้วยเรื่องของ “นิยายฉันต้องสมบูรณ์แบบ”

แอบบอกตัวเองอย่างมั่นใจว่า “ฉันจะเริ่มเขียนหนังสือก็เมื่อมีไอเดียที่ดีจริงๆ แม้ว่าอาจจะต้องรอนานมาก หรือเต็มไปด้วยอุปสรรคก็ตาม แต่ต้องพร้อมจริงๆ ถึงเริ่มเขียน” เราเข้าใจความคิดแบบนี้ดี การนั่งรอจังหวะ รอไอเดียก็เป็นเรื่องที่ดี แต่เมื่อมองมุมกลับ ความคิดนี้อาจทำให้เราไม่ไปไหน เพราะวันที่เรารอคอยอาจไม่มีวันมาถึงเลยก็ได้ คำแนะนำ ณ ตอนนี้คือ ลองไม่ต้องไปสนใจเรื่อง “ความสมบูรณ์แบบ” ไม่ต้องรีรอ เมื่อใดที่อยากเขียน ขอให้เขียนออกมาเลย เขียนในสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุด ณ เวลานั้น อะไรที่เราแน่ใจว่าดีว่าใช่ จงเขียน เพราะถ้าเอาแต่พูดว่า อยากเขียนแต่ยังไม่พร้อม ก็คงไม่มีวันพร้อมตลอดไปนั่นแหละ ถ้าไม่เขียน ก็ไม่มีผลงาน ไม่มีผลงาน ก็ไม่ได้เป็นนักเขียน จริงไหม
 

ว่าด้วยเรื่องของ “ฉันไม่มีเวลาเขียน สถานที่เขียนก็ไม่โอเค”  

เป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่และเป็นอุปสรรคสำคัญที่สุด นัก (อยาก) เขียน หรือแม้แต่นักเขียนอาชีพมักจะคุ้นชินกับข้ออ้างประจำตัวที่ว่า “ผัดไปก่อนแล้วกัน ยังไม่พร้อม เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเขียน วันนี้เหนื่อยมากเลย เก็บไว้ก่อน ยกยอดไปพรุ่งนี้ วันนี้ต้องทำนั่น ตอนนี้ต้องทำนี่ รอเดี๋ยวก่อนแล้วกัน วันนี้เหนื่อยจัง นอนก่อนดีกว่าเนอะ อ้าว แฟนมานัดไปเที่ยว อ้ะ ไว้ก่อนแล้วกัน ว้า เพื่อนชวนไปห้าง ไปกับเพื่อนก่อนดีกว่า” หรือไม่อย่างนั้นก็ "เขียนที่บ้านเสียงดังอ่ะ เขียนห้องสมุดก็คนเยอะ เขียนร้านกาแฟ ว้า ไม่โอเค เขียนที่โรงเรียน เป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าที่ไหนๆ ก็ไม่เหมาะจะเขียนทั้งนั้น" ว่ายังไงล่ะ คุ้นไหม คำอ้างพวกนี้ (พี่ตินคุ้นมาก) และเพราะยังงั้นแหละ เราก็เลยไม่มีเวลาเขียนสักที และเมื่อไม่มีเวลาเขียน นิยายก็ไม่มีวันจบ เมื่อไม่จบ ก็ไม่ได้เป็นนักเขียน ทางแก้ไขน่ะหรือ ยกเลิกข้ออ้างทั้งหมดซะ แล้วเขียนอย่างมุ่งมั่น เขียนอย่างตั้งใจ นั่นแหละ ไม่ช้าไม่นาน นิยายจบแน่นอน
 

ว่าด้วยเรื่อง “ไม่มีอารมณ์เขียนเลย ไว้ก่อนเถอะ”

เราเชื่อว่า ทุกคนเคยบอกตัวเองด้วยคำนี้ “ไม่มีอารมณ์เขียนเลย” พี่ตินเองก็เคยเป็นเหมือนกัน และเชื่อไหมว่า พี่เองเคยอ้างกับตัวเองว่า ไม่มีอารมณ์เขียน แล้วทิ้งเวลาผ่านไปเป็นเดือนๆ โดยไม่ได้เขียนแม้แต่ตัวเดียว! (หลายคนแอบยิ้ม) ความจริงแล้ว ไอ้เรื่องอารมณ์ไหนการเขียนเนี่ย มันก็มีจริงๆ น่ะแหละ แต่ว่า... เราเองก็ต้องช่วยตัวเองด้วย ไม่ใช่เอาแต่นั่งรอเฉยๆ หน้าที่ของเราคือต้องขยันสร้างโอกาส สร้างความเป็นไปได้ให้ตัวเอง พยายามฝึกวินัยในการเขียน เขียนให้สม่ำเสมอ แม้ว่าวันไหนจะไม่มีอารมณ์หรือเบื่อ ก็พยายามแก้ไขด้วยการเขียนอะไรก็ได้ อาจจะเป็นเขียนเรื่องย่อ เขียนพล็อต เขียนฉากอื่นไปก่อน เขียนคาแร็คเตอร์ตัวละคร เขียนอะไรก็ได้ ขอให้ได้เขียน การเขียนเป็นประจำทุกวัน จะช่วยฝึกฝนตัวเอง อยากให้คิดว่า การเขียนก็เหมือนการเล่นกีฬาหรือดนตรีน่ะแหละ อยากเก่งก็ต้องให้เวลาซ้อม ไม่ใช่ปล่อยไปวันๆ ต่อให้มีพรสวรรค์แค่ไหน ก็คงไม่มีวันจะเก่งได้ หรืออาจจะเก่งจริง แต่ก็อาจจะพลาดในสักวัน เพราะอ่อนซ้อมนั่นเอง
 

ว่าด้วยเรื่อง “เสียงตอบรับจากคนอ่าน”

เชื่อว่า นักเขียนทุกคนย่อมอยากได้รับคำชม อยากให้คนอ่านรักงานของเรา อยากให้ยอดวิวสูงๆ อยากได้คอมเมนต์ดีๆ ไม่มีใครหรอกที่อยากโดนต่อว่าว่า เขียนอะไรออกมา งานน่าเบื่อจัง ตรงนี้ก็ไม่ดี ตรงนี้ก็ไม่สมจริง ตรงนั้นก็ไม่ควรเขียน ภาษาก็ไม่ดี สะกดคำผิดๆ ถูกๆ แต่... ความจริงก็คือความจริง และไม่ว่าเราจะตั้งใจหรือพยายามหนักแค่ไหน ก็อยากให้ตระหนักไว้เสมอว่า มีโอกาสที่งานของเราจะถูกปฏิเสธได้เสมอ ไม่ว่าจะจากคนอ่านหรือตัวสนพ. เอง มันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้อยู่แล้ว ถ้าเราลองไปอ่านประวัติของนักเขียนดังๆ ที่ประสบความสำเร็จ จะพบว่าหนทางนักเขียนของพวกเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป และแน่นอนว่า... ไม่มีใครที่จะได้รับแต่คำชม คำติหรือคำวิจารณ์เป็นเรื่องปกติและเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะเมื่อผลงานของเราออกสู่สาธารณะแล้ว สิ่งที่เราทำได้คือ รับฟัง และแยกแยะให้ดี ลองเลือกดูว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ ก็นำมาปรับใช้กับผลงาน ส่วนอะไรที่นอกเหนือจากนั้น ก็ต้องปล่อยให้เป็นสิทธิ์ของคนอ่านไป
 

สรุป     

อาชีพนักเขียนมีความยากอยู่อย่างหนึ่งคือ... เรื่องของใจ เรามักมีแนวโน้มที่จะหาข้ออ้างต่างๆ นานา สารพัดสารพัน และเราก็อาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเรากำลังทำแบบนั้นอยู่ คำแนะนำคือ... พยายามเข้มแข็งให้มากๆ และมั่นคงกับความฝันของตัวเองให้มากยิ่งกว่า แน่นอนว่าเราอยากประสบความสำเร็จ อยากได้ตีพิมพ์ผลงานออกเป็นเล่ม อยากเห็นเรื่องของเรามีคนเข้าอ่านเยอะๆ อยากได้รับคอมเมนต์จากคนอ่านในทางบวก จนบางครั้ง เราก็หลงลืมเรื่อง “ความสุขระหว่างทาง” ในการเขียนไป ทั้งๆ ที่ จริงๆ แล้ว มันก็สำคัญไม่แพ้กัน  ต่อจากวันนี้ อยากชวนทุกคนเขียนนิยายอย่างมีความสุขไปด้วยกันค่ะ อย่าลืมความรู้สึกที่ว่า... เรามาเขียนเพราะอะไรเป็นอันขาด เพราะเมื่อเจอช่วงเวลายากๆ ความรู้สึกนี้จะช่วยประคับประคองเรา และทำให้เราก้าวต่อไปทีละก้าวๆ จนถึงเป้าหมายจนได้ในที่สุด
 
เป็นกำลังใจให้ นัก (อยาก) เขียน ที่มีฝันทุกคนนะคะ
 
อตินเอง  
    
พี่อติน
พี่อติน - Writer Editor ผู้ดูแลหมวดนักเขียนที่หลงใหลการอ่านแบบสุดๆ และไม่เคยพลาดทุกข่าวสารในวงการวรรณกรรม!

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

มัณทนา Member 5 ก.พ. 59 14:20 น. 3

พวกผู้ใหญ่บ่างช่างยุที่ชอบมองว่าลูกหลานที่นั่งอยู่หน้าจอคอมเป็นพวกเด็กติดเกม

ไม่เคยคิดว่าลูกหลานกำลังนั่งเขียนนิยายและอ่านนิยายอยู่เชอะ

แทนที่จะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้ลูกหลานที่อยากจะเป็นนักเขียน

กลับกีดกันและยัดเยียดให้ลูกหลานทำในสิ่งที่ลูกหลานไม่ค่อยชอบ

3
LetOneSelfOn Member 5 ก.พ. 59 16:56 น. 3-1
ความคิดผู้ใหญ่ อยู่หน้าคอม = เกม คือตอนนี้มันแทบจะทุกอย่างแล้วมั้งที่ต้องใช้คอม จะมองว่า คอม=เกมมันล้าหลังไปแล้ว
0
กำลังโหลด
รฉัตร,พิกุลกรอง,อองตอง Member 5 ก.พ. 59 10:22 น. 1

การไม่มีอารมณ์เขียนเป็นอะไรที่เป็นอุปสรรคมากๆ ค่ะ เคยหยุดไปเกือบปี พอกลับมาเขียนใหม่กว่าจะฟื้นตัวได้ก็นานพอควรเลย ลืมศัพท์ลืมวิธีการเขียนดีๆ หมด แต่ยังดีที่กลับมาได้ค่ะ เพราะรักในการเขียนจริงๆ 

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆค่ะ^^

6
กำลังโหลด
suicuppum Member 24 มี.ค. 59 11:46 น. 15

ว่าด้วยเรื่อง 'หมดมุก' ค่ะ เยี่ยม

พอหมดเรื่องที่อยากเขียนหรือเราได้ใช้เนื้อเรื่องที่คิดไว้ในตอนแรกทั้งหมดแล้ว

ก็จะเกิดอาการที่เรียกว่า 'ตัน' เอ่อ.. ไปต่อไม่ได้ ทีนี้เนื้อเรื่องลำดับต่อไปคือการ 'แถ'

ซึ่งผู้อ่านจะรู้สึกได้ทันทีว่าทำไมเนื้อเรื่องหลังๆ มันไม่น่าสนใจ หรือตื่นเต้นเหมือนแต่ก่อน (ผลกระทบเลวร้ายคือ FC หด(?)หวาา)

เราเลยคิดว่าบางครั้งการเขียนนิยาย ถ้าหมดจินตนาการ(หมดมุก)ก็เป็นอุปสรรคได้ค่ะ! แหะ...

ทางแก้คงต้องไปหาอะไรมากระตุ้นต่อมความคิดสร้างสรรด์แล้วเอาไปแต่งต่อ

เพียงแต่บางคน(รวมถึงเราด้วย)จะใช้เวลาในช่วงนี้นานไปจนเกิดสิ่งมหัศจรรย์ที่เรียกว่า 'ไหดอง' รักเลย นั่นเอง

แรงกระตุ้นสุดท้ายที่จะทุบไหนั้นให้แตกได้คือ 'กำลังใจหรือคอมเม้นจากผู้อ่านค่ะ' (ส่วนหนึ่งอะนะ)

เพราะเคยเป็นอยู่เหมือนกันตอนหมดมุกจะเขียนแล้ว แต่คนอ่านดันมาพูดถึงฉากในนิยายบางอย่างบางตอนที่เราทิ้งปริศนาไว้อย่างไม่ตั้งใจ(อารมณ์ว่าข้าพเจ้าเขียนมันไปงั้นๆ แต่เพื่อนๆนักอ่านกลับมาถามว่า 'มันเกี่ยวอะไร?') 

เท่านั้นแหละค่ะ ไอเดียพุ่งปี๊ด!!! กระโดดเอาสีข้างแถจนเรื่องดำเนินต่อไปได้ ซึ้ง

แถมแต่งไปแต่งมา ไอเดียใหม่ๆ ก็เกิดขึ้นมาอีกรักเลย

สรุปว่าหมดมุกก็สำคัญ(มั้ง) แต่ข้อนี้คงใช้ไม่ค่อยได้กับผู้เขียนที่มีพลอตเรื่องแน่นหนา(?)อยู่แล้ว 555 เย้

ปล.สนุกกับการวางอีโมค่อนมากค่ะ 5555555555555+

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
มุลิลา Member 6 ก.พ. 59 10:25 น. 8

การพยายามเขียนทุกวันนี่ยากมากจริง ๆ สำหรับเรานะคะ เคยหยุดเขียนไปเป็นปี ๆ ก็มี

อ่านบทความนี้แล้วมีแรงฮึดขึ้นมาหน่อยแล้ว ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ ^ ^

0
กำลังโหลด

16 ความคิดเห็น

รฉัตร,พิกุลกรอง,อองตอง Member 5 ก.พ. 59 10:22 น. 1

การไม่มีอารมณ์เขียนเป็นอะไรที่เป็นอุปสรรคมากๆ ค่ะ เคยหยุดไปเกือบปี พอกลับมาเขียนใหม่กว่าจะฟื้นตัวได้ก็นานพอควรเลย ลืมศัพท์ลืมวิธีการเขียนดีๆ หมด แต่ยังดีที่กลับมาได้ค่ะ เพราะรักในการเขียนจริงๆ 

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆค่ะ^^

6
กำลังโหลด
กำลังโหลด
มัณทนา Member 5 ก.พ. 59 14:20 น. 3

พวกผู้ใหญ่บ่างช่างยุที่ชอบมองว่าลูกหลานที่นั่งอยู่หน้าจอคอมเป็นพวกเด็กติดเกม

ไม่เคยคิดว่าลูกหลานกำลังนั่งเขียนนิยายและอ่านนิยายอยู่เชอะ

แทนที่จะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้ลูกหลานที่อยากจะเป็นนักเขียน

กลับกีดกันและยัดเยียดให้ลูกหลานทำในสิ่งที่ลูกหลานไม่ค่อยชอบ

3
LetOneSelfOn Member 5 ก.พ. 59 16:56 น. 3-1
ความคิดผู้ใหญ่ อยู่หน้าคอม = เกม คือตอนนี้มันแทบจะทุกอย่างแล้วมั้งที่ต้องใช้คอม จะมองว่า คอม=เกมมันล้าหลังไปแล้ว
0
กำลังโหลด
LetOneSelfOn Member 5 ก.พ. 59 16:53 น. 4

ผมนี่เป็นกังวลกับข้อ4มากที่สุดและ 3ข้อแรกไม่มีปัญหา แต่ข้อที่4นี้สิปัญหาหลักเลยทีเดียว

เพราะเราก็คอยดูเสียงตอบรับจากความคิดเห็นต่างๆอยู่เสมอ คือผมเขียนนิยายเกมออนไลน์ ตัวเอกค่อนข้างซื่อๆ ใจดี ชอบช่วยเหลือคน(แต่ก้ไม่ได้ไปช่วยอะไรทุกคน) สรุปคือโดนว่า โลกสวย บลาๆๆ คืองง จิตใจมนุษย์เรามันเปลี่ยนไปแล้วเหรอ คือทุกคนต้องการแต่ด้านมืดใช่ไหมหรือยังไงเสียใจ

แต่อันที่จริงตัวเอกของเรื่องมันก็มีด้านมืดของมันอยู่นะ แต่ช่วงตอนแรกๆจะยังไม่มี แต่จะปรากฏออกมาเป็นช่วงๆ

พอผมเห็นความคิดเห็นจากผู้อ่านหลายๆอย่าง บางทีผมนี่วิตกกังวลและคิดมากเลย จนบางครั้งไม่กล้าเขียนอะไรๆในสิ่งที่ต้องการ แต่ตอนนี้ทำใจได้แล้ว แล้วก็เขียนต่ออีกครั้ง

3
พลอยนิล-อะเมะยูคิ Member 6 ก.พ. 59 00:09 น. 4-1
นิสัยเหมือนกันเลยค่ะ แต่ทางนี้ไม่ได้เขียนแนวเกมออนไลน์ เขียนแต่แนวที่คนอ่านเป็นผู้หญิง เลยไม่มีใครว่าอะไร แหะๆ
0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
แพนโดร่า ~fay102~ Member 6 ก.พ. 59 07:56 น. 6
ข้อสอง สาม คิดว่าเป็นปัญหาหลักของเรานะ โดยเฉพาะข้อสองเนี่ย พอมีงานอื่นมายุ่งๆ เราก็มักจะคิดว่า "พักเรื่องนิยายไว้ก่อน เรื่องเรียนสำคัญกว่า" (ตอนนี้ก็คิด) แต่พยายามดัดนิสัยตัวเองอยู่ เจียดเวลามาแต่งวันละนิด ได้สักครึ่งหน้าก็ยังดี รู้สึกจริงจังมากขึ้น ยิ่งเรียนยิ่งไม่มั่นใจในหนทางของตัวเอง ก็เลยหนีโลกความจริงมาแต่งนิยาย เพราะเป็นเรื่องที่เราแน่วแน่สุดละแม้จะทำไม่เคยสำเร็จก็เถอะ
0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
มุลิลา Member 6 ก.พ. 59 10:25 น. 8

การพยายามเขียนทุกวันนี่ยากมากจริง ๆ สำหรับเรานะคะ เคยหยุดเขียนไปเป็นปี ๆ ก็มี

อ่านบทความนี้แล้วมีแรงฮึดขึ้นมาหน่อยแล้ว ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ ^ ^

0
กำลังโหลด
thelittleguitar1 Member 6 ก.พ. 59 21:02 น. 9

ทุกวันนี้สำหรับการเขียนนิยายเราก็พยายามเขียนต่อให้เร็วที่สุดนะคะ แต่เพราะเวลาเรียนและกิจกรรมในโรงเรียนของเรามีมากเลยทำให้เราอัพตอนได้ช้ามาก บางทีก็เห็นใจรีดเดอร์ที่เค้ารอเหมือนกันนะคะ แต่เราก็จะพยายามหาเวลาว่างมาเพื่อเขียนนิยายให้รีดเดอร์อ่านเสมอค่ะ

การแต่งนิยายของเรา เราคิดว่า มันเป็นการแต่งให้เราอ่านก่อน แล้วค่อยฟังเสียงติชมจากรีดเดอร์เพื่อปรับปรุงงาน และแต่งให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ

#สู้ๆนะคะเพื่อนๆพี่ๆน้องๆนักเขียนทุกคน^^ตั้งใจ

0
กำลังโหลด
Ambitious. Member 7 ก.พ. 59 10:47 น. 10

ดีมากครับบทความเรื่องนี้ อยากจะบอกว่าใช่เลยครับ

        โดยเฉพาะไม่มีอารมณ์ร่วมในการเขียน ของผมจะเป็นเวลาที่ตัวเองเหนื่อยมากครับ ผมว่าเรื่องการจัดเวลามีข้อดีมากและข้อเสียมาก ผมไม่มีเวลาในการแต่งนิยายเลย และงานก็ท่วมท้นจนหาเวลามาแต่งนิยายไม่ได้สักที แต่ผมว่าผมมีกำลังใจเขียนมากครับเมื่อเพื่อนบอกว่าเราแต่งนิยายดี แต่ฝีมือยังไม่ค่อยสมบูรณ์มากครับ ไม่เป็นไร ผมมีแม่เป็นครูสอนภาษาไทย แนะนำชี้แนะได้อย่างตรงจุด มีรุ่นพี่ที่ให้ความสนใจกับงานเขียนของเรา ถึงตอนนี้จะท้ออยู่บ้างที่การตอบรับยังไม่ดีมากนัก แต่ก็จะทำในสิ่งที่เราใฝ่ฝันอย่างตั้งใจครับ

0
กำลังโหลด
Ambitious. Member 7 ก.พ. 59 10:47 น. 11

ดีมากครับบทความเรื่องนี้ อยากจะบอกว่าใช่เลยครับ

        โดยเฉพาะไม่มีอารมณ์ร่วมในการเขียน ของผมจะเป็นเวลาที่ตัวเองเหนื่อยมากครับ ผมว่าเรื่องการจัดเวลามีข้อดีมากและข้อเสียมาก ผมไม่มีเวลาในการแต่งนิยายเลย และงานก็ท่วมท้นจนหาเวลามาแต่งนิยายไม่ได้สักที แต่ผมว่าผมมีกำลังใจเขียนมากครับเมื่อเพื่อนบอกว่าเราแต่งนิยายดี แต่ฝีมือยังไม่ค่อยสมบูรณ์มากครับ ไม่เป็นไร ผมมีแม่เป็นครูสอนภาษาไทย แนะนำชี้แนะได้อย่างตรงจุด มีรุ่นพี่ที่ให้ความสนใจกับงานเขียนของเรา ถึงตอนนี้จะท้ออยู่บ้างที่การตอบรับยังไม่ดีมากนัก แต่ก็จะทำในสิ่งที่เราใฝ่ฝันอย่างตั้งใจครับ

0
กำลังโหลด
Narumi Tsukiko Member 7 ก.พ. 59 20:37 น. 12

ที่ผ่านมาผมเคยท้อกับเสียงตอบรับของนักเขียนมาก เพราะที่เขียนนิยายครบปีหนึ่งแล้วคอมเม้นก็อยู่เดิมๆ เคยท้อ ข้อที่บอกว่าเสียงตอบรับเรทติงของคนอ่านเป็นสิ่งที่ใครหลายๆคนต้องการ ผมเองก็เช่นกัน ผมก็เข้าใจดีนะว่าบางครั้งเราเขียนไปมันไม่ได้ตรงความตรงการของคนอ่านแป๊ะๆ ภาษาก็ไม่สละสลวยเท่าไรนัก มันเข้าใจยาก (สำหรับนิยายของผม) ทั้งแต่เขียนนิยายมาก็หวังจะได้เรทติงดีๆนั้นหมด แต่ว่าตอนนี้ผมปลงแล้วละครับ ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของธรรมชาติดีกว่า จากนี้ก็ขอทุ่มกับมันให้สุดๆไปเลยละกันนะครับ

เยี่ยมยิ้มสู้สู้

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
suicuppum Member 24 มี.ค. 59 11:46 น. 15

ว่าด้วยเรื่อง 'หมดมุก' ค่ะ เยี่ยม

พอหมดเรื่องที่อยากเขียนหรือเราได้ใช้เนื้อเรื่องที่คิดไว้ในตอนแรกทั้งหมดแล้ว

ก็จะเกิดอาการที่เรียกว่า 'ตัน' เอ่อ.. ไปต่อไม่ได้ ทีนี้เนื้อเรื่องลำดับต่อไปคือการ 'แถ'

ซึ่งผู้อ่านจะรู้สึกได้ทันทีว่าทำไมเนื้อเรื่องหลังๆ มันไม่น่าสนใจ หรือตื่นเต้นเหมือนแต่ก่อน (ผลกระทบเลวร้ายคือ FC หด(?)หวาา)

เราเลยคิดว่าบางครั้งการเขียนนิยาย ถ้าหมดจินตนาการ(หมดมุก)ก็เป็นอุปสรรคได้ค่ะ! แหะ...

ทางแก้คงต้องไปหาอะไรมากระตุ้นต่อมความคิดสร้างสรรด์แล้วเอาไปแต่งต่อ

เพียงแต่บางคน(รวมถึงเราด้วย)จะใช้เวลาในช่วงนี้นานไปจนเกิดสิ่งมหัศจรรย์ที่เรียกว่า 'ไหดอง' รักเลย นั่นเอง

แรงกระตุ้นสุดท้ายที่จะทุบไหนั้นให้แตกได้คือ 'กำลังใจหรือคอมเม้นจากผู้อ่านค่ะ' (ส่วนหนึ่งอะนะ)

เพราะเคยเป็นอยู่เหมือนกันตอนหมดมุกจะเขียนแล้ว แต่คนอ่านดันมาพูดถึงฉากในนิยายบางอย่างบางตอนที่เราทิ้งปริศนาไว้อย่างไม่ตั้งใจ(อารมณ์ว่าข้าพเจ้าเขียนมันไปงั้นๆ แต่เพื่อนๆนักอ่านกลับมาถามว่า 'มันเกี่ยวอะไร?') 

เท่านั้นแหละค่ะ ไอเดียพุ่งปี๊ด!!! กระโดดเอาสีข้างแถจนเรื่องดำเนินต่อไปได้ ซึ้ง

แถมแต่งไปแต่งมา ไอเดียใหม่ๆ ก็เกิดขึ้นมาอีกรักเลย

สรุปว่าหมดมุกก็สำคัญ(มั้ง) แต่ข้อนี้คงใช้ไม่ค่อยได้กับผู้เขียนที่มีพลอตเรื่องแน่นหนา(?)อยู่แล้ว 555 เย้

ปล.สนุกกับการวางอีโมค่อนมากค่ะ 5555555555555+

0
กำลังโหลด
choddmai Member 23 ต.ค. 59 12:27 น. 16

เมื่อก่อนมีทุกข้อเลย โดยเฉพาะข้อสุดท้าย พอไม่มีใครเม้น อาการนอยซ์น้อยใจกำเริบ พาไม่อยากเขียนเลย แต่เดี๋ยวนี้ดีขึ้นหน่อย นิดนึง เขียนทุกวัน วันละตอนต้องได้

ไม่เอาแล้วเพอร์เฟ็ค แค่อยากจะเขียนเท่านั้น เวลาเขียนนะเหรอเหลือเฟือ เพราะแก่แล้ว ฮ่าฮ่า

ส่วนเรื่องคอมเม้น ยังอยากได้อยู่นะ คนแก่ขี้เหงานะฮือฮือ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด