6 บทเรียนน่าคิด
ผ่านชีวิตรักของเจ้าหญิงในเทพนิยาย
ถ้าเกิดขึ้นในชีวิตจริง มันอาจไม่ได้จบสวยอย่างในเรื่องก็ได้
สวัสดีชาวไรเตอร์ทุกคนค่ะ เนื่องในโอกาสที่เดือนนี้เป็นเดือนแห่งความรัก พี่ตินก็เลยวางแผนว่าน่าจะทำบทความที่เกี่ยวข้องกับความรักดีกว่า และหลังจากคิดอยู่สักพัก ก็มาลงตัวที่หัวข้อ “ความรักของเจ้าหญิงในเทพนิยาย” ถามว่าทำไมเลือกหัวข้อนี้ ก็ขออธิบายเพิ่มเติมสักหน่อยว่า... สังเกตมานานแล้วว่าความรักของเจ้าหญิงในเทพนิยาย แทบจะเรียกได้ว่าตรงข้ามกับโลกความเป็นจริง (น้องๆ หลายคนบอก ก็นั่นมันเทพนิยายนี่!! - - จริงค่ะ เราไม่เถียง ยอมรับแต่โดยดี) อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเป็นเทศกาลแห่งความรัก เราก็เห็นว่าน่าจะหยิบเอาประเด็นต่างๆ ที่ปรากฎในเรื่องมาคุยกันสักหน่อย เผื่อว่าจะช่วยเป็นบทเรียนสอนใจ ให้เราทำความเข้าใจความรักได้มากขึ้น... และสามารถนำมาปรับใช้กับความรักของเราเองได้ด้วย
ลองมาดูกันค่ะ ว่ามีหัวข้ออะไรบ้างที่น่าสนใจ เหมาะจะนำมาคุยกัน ^ ^
“สักวันหนึ่ง เจ้าชายของฉันจะมา”
จากเรื่องสโนไวท์
เครดิตภาพ : en.wikipedia.org
สโนไวท์ภาคการ์ตูน มีฉากติดตาที่พี่ตินจำได้แม่นยำ ภาพของเจ้าหญิงคนสวยที่ยืนร้องเพลงอยู่ข้างบ่อน้ำ พร้อมความเชื่อที่ว่า สักวันจะมีเจ้าชายดีๆ สักคนผ่านมา และช่วยพาเธอไปจากชีวิตแย่ๆ ที่เป็นอยู่ สโนไวท์อาจจะโชคดีพอ ได้เจอเจ้าชายของเธอ ทว่าผู้หญิงส่วนใหญ่บนโลกนี้ ไม่โชคดีอย่างเธอ ถ้าหากเรามัวแต่นั่งร้องเพลง แล้วเฝ้ารอโอกาส ชีวิตของเราคงจะลำบากและเหน็ดเหนื่อยมาก ในสังคมปัจจุบัน ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย ต่างก็ต้องต่อสู้ด้วยตัวเอง พยายามขยันอดทน ตั้งใจทำงาน แล้วสิ่งดีๆ จะเข้ามาหาเราเอง อย่ามัวแต่เฝ้ารอเจ้าชายเสียให้เหนื่อยเลย เพราะเจ้าชายก็ต้องลำบากสร้างตัวเหมือนกับเราน่ะแหละ
“จูบเดียวเปลี่ยนโลก”
จากเรื่องสโนไวท์ และเจ้าหญิงนิทรา
ในเรื่องสโนไวท์และเจ้าหญิงนิทรา มีความคล้ายคลึงกันตรงที่ตอนจบของเรื่อง เจ้าชายจุมพิตเจ้าหญิง และเธอก็ฟื้นคืนกลับมามีชีวิต แล้วทั้งคู่ก็ครองรักกันตลอดไป ถ้าเป็นเรื่องจริง สโนไวท์และเจ้าหญิงนิทราควรไปหาหมอมากกว่า และถึงแม้ว่าความรักจะเป็นเรื่องที่ดี คู่รักควรช่วยเหลือประคับประคองกันในยามป่วยไข้หรือเจอเรื่องเลวร้าย แต่... แค่จูบเดียว ไม่อาจช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้หรอก มันน่าจะต้องมีอะไรที่นอกเหนือจากนั้น ที่สำคัญ ความรักของเจ้าชายและเจ้าหญิงทั้งสองคู่ ไม่ต่างอะไรกับความรักของคนแปลกหน้าเลยสักนิด พวกเขาไม่รู้จักกันมาก่อน แต่จู่ๆ ก็จูบกัน แล้วก็ตื่นมาพบกับความรัก อันนี้ดูจะเกินจริงไปนิดนึงนะ
“คนเราควรเปลี่ยนตัวเองเพื่อความรัก”
จากเรื่องเงือกน้อย
เครดิตภาพ : whatwasthatbook.livejournal.com
เงือกน้อยที่พบกับเจ้าชายที่กำลังจมน้ำเป็นครั้งแรก ตกหลุมรักหัวปักหัวปำ จนพร้อมจะทำทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งยอมตัดหาง เพื่อกลายเป็นขา ยอมเป็นใบ้ พูดไม่ได้ เธอเปลี่ยนตัวเองทุกอย่าง ขอแค่ได้อยู่ใกล้กับเจ้าชาย ความรักแบบนี้ก็พอจะมีให้เห็นอยู่บ้าง แต่... ก็น่าสงสัยว่า มันจำเป็นขนาดนั้นเลยหรือ เวลาเรารักใคร บางที หัวใจสำคัญอาจไม่ได้อยู่ที่การทำตามอีกฝ่ายทุกอย่างจนหลงลืมตัวตนของตัวเอง ซึ่งอาจจะมีคุณค่ามากกว่าด้วยซ้ำ ถ้าเราแอบรักใครคนหนึ่ง แล้วต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองมากถึงขนาดนี้ ความรักของเราก็อาจจะจบไม่สวยเหมือนความรักของเงือกน้อยเวอร์ชั่นหนังสือก็ได้นะ จะรักใครรักได้ แต่อย่าได้รักมากเกินไป จนลืมความสุขของตัวเอง
“ชุดสวยๆ หน้าตาสวยๆ ดึงดูดผู้ชายให้มาหลงรัก”
จากเรื่องซินเดอเรลล่า
ซินเดอเรลล่าทำทุกทางขอให้ได้ไปงานเลี้ยง เพื่อจะได้เต้นรำกับเจ้าชาย เธอไม่พอใจชุดเก่าๆ ปอนๆ ของตัวเอง แต่อยากได้ชุดขาวสวยหรู รองเท้าแก้วอันมีค่า เสื้อผ้าหน้าผมมาเต็ม ก็จริงน่ะแหละ ที่คนส่วนใหญ่ชอบคนดูดี แต่งตัวดี แต่ความจริงแล้ว เรื่องของหัวใจก็สำคัญมากไม่แตกต่างกัน นอกจากความสวยภายนอกแล้ว ความสวยภายในก็สำคัญไม่แพ้กัน ถ้าคิดอยากให้ใครมารักเรา เขาควรจะรักเราที่ตัวตนของเรา ไม่ใช่เสื้อผ้าหรือสิ่งประกอบภายนอก
“คนที่แตกต่างจึงจะเหมาะกับเรา”
จากเรื่องโพคาฮอนธัส
ในเรื่องโพคาฮอนธัส เธอเป็นอินเดียนแดง ส่วนจอห์น สมิธคือหนุ่มผิวขาวมาจากโลกที่แตกต่าง ก็จริงที่ว่าความรักต่างเชื้อชาติและต่างที่มานั้น มีความเป็นไปได้ แต่ถ้ามองจากโลกความเป็นจริงแล้ว มันเกิดขึ้นได้ แต่มันอาจจะต้องฝาฟันอุปสรรคนานัปการ เพราะนอกจากต่างเชื้อชาติและที่มาแล้ว นิสัยของคนทั้งคู่ยังแตกต่างอย่างสิ้นเชิง จนอาจทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง มีปากเสียง และความรักไม่ลงตัวในภายหลัง บางที เวลาเรามองหาคู่ครองหรือคนรัก แนะนำให้มองจุดที่เหมือนกันให้มากๆ เพราะจะทำให้อยู่ร่วมกันได้อย่างราบรื่นมีความสุข จริงอยู่ คู่ที่แตกต่างก็เกิดขึ้นได้ แต่ว่า... ก็คงเป็นความรักที่ต้องอดทนหนักอยู่สักหน่อย
“ผู้ชายเหนือกว่าผู้หญิง ปล่อยให้เขาดูแลเราดีกว่า”
จากเทพนิยายหลายๆ เรื่อง
ในเทพนิยายดิสนี่ย์รุ่นก่อนหน้า เจ้าหญิงมักประสบเคราะห์กรรมอันเลวร้าย และเฝ้ารอเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วย แต่ในความเป็นจริงของทุกวันนี้ ผู้หญิงแข็งแกร่งและสามารถต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้ชายได้อย่างเท่าเทียม ถ้าคิดจะมีความรักกับใครสักคน เราไม่ค่อยเห็นด้วยเรื่องที่ว่าฝ่ายหญิงจะต้องเอาแต่เฝ้ารอให้ฝ่ายชายเป็นผู้กำหนดจัดการทุกอย่าง ความรักที่เหมาะสมควรจะเกิดจากสองฝ่ายช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกันมากกว่า
“จูบกบสิ เดี๋ยวมันจะกลายเป็นเจ้าชาย!”
จากเรื่องเจ้าชายกบ
เครดิตภาพ : en.wikipedia.org
อันนี้ยกมาเม้าท์ขำขำปิดท้าย ไม่ซีเรียสนะจ๊ะ ในความเป็นจริงก็รู้กันอยู่เนอะว่า กบก็คือกบ ไปจูบมันมีแต่จะสกปรก ไม่มีเจ้าชายที่ไหนหรอก!! 55 จริงไหม อยากได้เจ้าชาย ตามหาด้วยตัวเองเนอะ ไม่ต้องไปแอบดูกบ อิอิ
อตินเอง
ขอบคุณข้อมูลบทความ
10 ความคิดเห็น
ฉะนั้นเราจงเป็นเอลซ่าไป! "Let's it go!"
กบทำผิดอะไร อาจจะใช้กับไปศึกษาก็ได้นิน้า TYT
เราชอบ เบลล์ ที่สุด มีความรู้ กตัญญู ที่สำคัญไม่แรด เหมือนนางพวกนี้ด้วย 55555
นางสตรองค่ะ
“Strong! Strong! Strong!" จำใว้เลยยย
#อยากได้อะไรมา ก็ต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อ แค่ฝันเพ้อลมๆแล้งๆไม่มีทางเป็นจริงแน่ชัด...
อีกข้อค่ะ ใช่ว่าเจอหน้าครั้งเดียวแล้วจะตกลงใจแต่งงานด้วยเลยได้ เห็นหลายคู่ในเทพนิยายเป็นงั้นเลย 555
สาว ๆ ทุกคนสู้ ๆ นะ
ภาพมายาอาจเป็นความสวยงามรูปแบบนึง แต่การมีชีวิตโดยไม่ให้มันครอบงำมากเกินไป เป็นตัวของตัวเอง ยืนด้วยขาของตัวเองในฐานะมนุษย์คนนึงนั่นแหละ งดงามยิ่งกว่า
//เกิดเป็น ช. เลยทำเป็นตัวอย่างให้ไม่ได้ ขอโทษด้วย แต่ถ้าแค่กำลังใจล่ะก็ อยากได้เท่าไหร่จะให้หมดเลยก็ยังได้