5 ข้อ ควรเฝ้าระวังในนิยายแฟนตาซี
สวัสดีชาวไรเตอร์ทุกคนค่ะ หมวดนิยายในเว็บเด็กดีของเรา แบ่งออกเป็นหลายส่วนมาก และหนึ่งในนั้นก็คือหมวดนิยายแฟนตาซี ที่พี่น้ำผึ้งรักและเลิฟมาก เชื่อว่า... น่าจะมีนักเขียนหลายๆ คนที่หลงใหลในหมวดนี้เหมือนกับพี่ ^ ^
ถ้าใครพยักหน้าเห็นด้วยหรือกำลังอมยิ้มล่ะก็ พี่ขอบอกว่าบทความนี้เป็นบทความที่ต้องอ่านค่ะ! เพราะอะไรรู้ไหม เพราะวันนี้ เราจะมาพูดถึงข้อควรระวังในนิยายแฟนตาซีค่ะ ความจริงแล้ว การเขียนอย่างอิสระ เป็นเสน่ห์ของนิยายแนวนี้ แต่... บางครั้งอิสระที่มากเกินไป ก็อาจทำให้นิยายของเราเกิดข้อผิดพลาดได้ เพราะฉะนั้น พี่ขอรวบรวมข้อควรระวังมาฝากเอาไว้ให้คิดกันค่ะ
จะมีอะไรนั้นตามมาอ่านดูได้เลยค่ะ
กับดักแมรี่ ซู
อย่างที่รู้กันว่าโลกของเราไม่มีอะไรที่เพอร์เฟ็คท์ ในโลกของนิยายเองก็เช่นกัน ขอถามหน่อยว่า น้องๆ จะเบื่อไหมคะกับการอ่านนิยายที่ตัวละครทุกตัวสุดแสนจะเพอร์เฟ็คท์ โดยเฉพาะพระนางที่ไม่มีด้านมืดเลยสักนิด เราเรียกตัวละครเหล่านี้ว่า “แมรี่ ซู” ค่ะ หลายคนอาจไม่คุ้นหูกับคำนี้ แต่ว่าในแวดวงวรรณกรรมของต่างประเทศนั้นรู้จักแมรี่ ซูกันดีมาก และนักเขียนหลายคนส่วนใหญ่กลัวคำนี้ค่ะ!
แล้วอะไรคือแมรี่ ซูล่ะ? น้องๆ ทำหน้างงใส่พี่ใหญ่เลย เฉลย มันคือตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเติมเต็มจินตนาการของผู้เขียนและผู้อ่านโดยไม่นึกถึงหลักแห่งความเป็นจริงเลยทำให้ขาดความสมจริงไป ซึ่งน้องๆ สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากบทความที่พี่น้องเคยทำไว้ค่ะ กับดักนักเขียน Mary Sue
ยกตัวอย่างแมรี่ ซู ที่เจอบ่อยๆ ในนิยายแฟนตาซีก็เช่น ตัวละครที่ตอนแรกไม่เก่งเลย กากมาก ทำอะไรก็แพ้ (คนอะไรจะห่วยขนาดนั้น ในชีวิตจริงมีความเป็นไปได้น้อยมากๆ เลยค่ะ) แต่พอหลุดไปอยู่อีกโลกนึงเท่านั้นแหละ คำถามหนึ่งก็เกิดขึ้นในหัว “โอ้โห พระเจ้า สกิลเทพของท่านนี่ได้แต่ใดมา”
หรือแม้กระทั่งตัวละครที่ “เก่งเกินไป” เก่งชนิดที่ว่าไม่เคยพ่ายแพ้สักครั้ง อ่านแรกๆ มันก็ดีหรอกนะคะ พวกตัวละครเทพๆ แต่อ่านไปอ่านมามันก็เริ่มน่าเบื่อแล้วแหละค่ะ เพราะเราจะรู้เลยว่าพอสู้ก็จะชนะ ทำให้อาการลุ้นหมดไปเลย
อย่างที่บอกแหละค่ะ เราต้องสร้างตัวละครที่สมดุล ไม่ดีหรือเลว หรือเพอร์เฟ็คท์เกินไป จะได้ทำให้นิยายของเรามีมิติขึ้นค่ะ
บอกไปเลยโต้งๆ ไม่ยอมบรรยาย
งานเขียนที่ดีไม่ควร “บอก” ผู้อ่านจนหมด แต่ควรให้ผู้อ่านได้มีโอกาสจินตนาการตามเองบ้าง เช่นน้องๆ บรรยายไว้ว่า “หล่อนดูไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด” แน่นอนว่ามันก็ง่ายดีที่เขียนไปค่ะ แต่มันจะดีกว่าไหมถ้าเราเปลี่ยนจากการบอกผู้อ่านว่า “หล่อนดูไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด” เป็นการบรรยายลักษณะท่าทางเพื่อให้ผู้อ่านได้จินตนาการเอง เช่น เธอขมวดคิ้วพลางเลียริมฝีปากขณะที่มองเขา เป็นต้นค่ะ มันจะทำให้นิยายของเราสมจริงขึ้นและดูน่าสนใจมากค่ะ
การใช้หลายมุมมอง
รู้จัก POV ไหมคะ? มันคือการเล่าเรื่องในนิยายของเรานั่นเอง บางคนอาจจะเล่าผ่านตัวละครตัวใดตัวหนึ่ง หรือบางคนอาจจะเล่าผ่านตัวละครหลายตัวก็ได้ การเลือก POV นั้นสำคัญนะคะ เพราะถ้าเลือกไม่ดีก็จะทำให้นิยายของเราดูแย่ค่ะ
เพราะฉะนั้นการเล่าเรื่องจึงมีความสำคัญพอๆ กับพล็อตหรือตัวละครของเรื่องเลย ซึ่งเจ้า POV เนี่ยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ
- บรรยายโดยใช้บุรุษที่หนึ่ง เช่น ฉัน เธอ เป็นต้น
- บรรยายโดยใช้บุรุษที่สองคือ คุณ
- บรรยายโดยใช้บุรุษที่สามหรือมุมมองพระเจ้า
ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่อง POV น้องๆ สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากบทความเรื่อง 5 ข้อควรจำเรื่อง POV สำหรับนักเขียนมือใหม่ ค่ะ
ส่วนตัวพี่น้ำผึ้งมองว่า เวลาเขียนนิยาย เราควรเลือกใช้แค่มุมมองใดมุมมองหนึ่ง ไม่ควรที่จะใช้ผสมปนเปกันมั่ว หรือถ้าต้องการใช้มุมมองพระเจ้าก็ควรตัดฉากไปยังอีกฉากนึงแล้วค่อยเปลี่ยนตัวละครค่ะ เพราะหากไม่ทำอย่างนั้นแล้วจะทำให้นักอ่านสับสนและพาลไม่ชอบนิยายเราดื้อๆ เลยค่ะ
เครดิตภาพ : tomhotovy.deviantart.com
เวทมนตร์ที่ไร้กฎเกณฑ์
จริงอยู่ที่เราเขียนนิยายแฟนตาซีแล้วสร้างโลกใหม่ขึ้นมา เพราะต้องการหลีกหนีจากกฎเกณฑ์ของโลกแห่งความเป็นจริงที่ทำให้เราอึดอัดเป็นบางครั้ง เนื่องจากน้องๆ อาจจะกลัวว่า "เฮ้ย ฉันจะเขียนเรื่องราวของปีศาจที่ถล่มปารีสได้มั้ยนะ?" หรือ "ถ้าฉันเขียนว่าเรือบินได้ในโลกนี้จะเป็นอะไรหรือเปล่า?"
แต่ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม ส่วนมากเเล้วเรามักไม่ค่อยนิยมเขียนนิยายแฟนตาซีที่ดำเนินเรื่องอยู่บนโลกแห่งความจริงกันสักเท่าไร เพราะน้องๆ กลัวว่ามันไม่สมจริงใช่มั้ยคะ? ดังนั้นเราก็เลยตัดปัญหาด้วยการเขียนโลกใหม่แทนซะเลย!!
อ๊ะๆ รู้นะว่าหลังจากสร้างโลกเป็นของตัวเองเสร็จแล้วก็คงสบายใจล่ะสิ น้องๆ ก็จะเป็นพระเจ้าที่จะละเลงอะไรก็ได้บนโลกของเรา ไม่ว่าจะเป็นพลังจิตที่แค่สบตาก็หายไปจากโลกนี้ หรือว่าจะเป็นระบบเวทมนตร์ที่สตรองมาก ไม่อาจมีใครมาทัดเทียมได้ บางคนอาจจะคิดว่า "ฉันไม่จำเป็นต้องสร้างกฎเกณฑ์ที่เคร่งเครียดสักหน่อย" เอาล่ะ... ถ้าใครคิดอย่างนี้อยู่ต้องรีบเปลี่ยนความคิดเลยน้า เพราะน้องๆ กำลังคิดผิด!
อ้าว ทำไมเป็นงั้นล่ะพี่น้ำผึ้ง? ตั้งใจฟังนะคะน้องๆ แม้ว่านิยายของเราจะเป็นแนวแฟนตาซี แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีที่มาที่ไปหรือมูลเหตุของสิ่งต่างๆ ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นเรื่องที่สำคัญมากเลยนะคะ ทำไมรู้ไหม ก็เพราะว่าน้องๆ ต้องทำยังไงก็ได้ให้นักอ่านอินกับงานเขียนของเรา อินกับโลกที่เราสร้างขึ้น โดยไม่เอะใจหรือมีข้อสงสัยใดๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบเวทมนตร์ สิ่งมีชีวิต หรือโลก ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีที่มาที่ไป มีเหตุผลมารองรับชัดเจนเหมือนกับโลกของเราที่มีหลักการวิทยาศาสตร์มารองรับค่ะ
เขียนเยอะเกินไปก็ไม่ดี
เห็นหัวข้อนี้หลายคนอาจจะทำหน้าประหลาดใจล่ะสิ อาจจะเกิดคำถามว่า "ทำไมล่ะ? เขียนเยอะไม่ดีตรงไหน?" อันที่จริงแล้วก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีหรอกนะคะ แต่สำหรับนักเขียนหน้าใหม่แล้วการวางพล็อตเรื่องไว้หลายภาคเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำค่ะ เพราะเสี่ยงต่อการที่สำนักพิมพ์จะปฏิเสธต้นฉบับเนื่องจากเป็นนักเขียนหน้าใหม่ (น่าเศร้าจริงๆ เลย แต่ไม่เป็นไร สู้ๆ นะคะ!) หรือกลัวว่าหากตีพิมพ์ไปแล้วจะไม่มีคนอ่าน และทำให้ขาดทุนก็เป็นได้ค่ะ หรือแม้กระทั่งอันนี้ที่น่ากลัวไปหน่อยสำหรับคนชอบดอง! การวางพล็อตไว้หลายเรื่องแล้วไม่ยอมเขียนให้จบเนี่ยเป็นการทำร้ายจิตใจแฟนๆ มากเลยนะคะ! รู้ไหมว่าการรอคอยมันทรมานแค่ไหน T__T
ทางที่ดีหากเพิ่งเป็นนักเขียนหน้าใหม่ การเขียนนิยายแฟนตาซีแบบเล่มเดียวจบ หรือมากสุดก็แค่สองเล่มถือว่าเป็นการแจ้งเกิดในวงการที่ดีนะคะ เพราะนอกจากจะทำให้แฟนๆ นักอ่านรู้สึกว่ายังไงมันก็จบแน่ๆ หรือทำให้พวกเขารู้สึกว่าไเรื่องไม่ยาวเกินไปจนทำให้เบื่อ ยังทำให้มีโอกาสได้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์สูงกว่าคนที่มีหลายๆ ภาคเช่น สามถึงสี่ภาคค่ะ
จบไปแล้วนะคะสำหรับสิ่งที่ต้องระวังในนิยายแฟนตาซี การที่เขียนอะไรซ้ำๆ จำเจไม่ว่าจะเป็นพล็อตหรือตัวละครจะทำให้นิยายของเราน่าเบื่อ สิ่งที่แก้ได้คือการหาจุดแตกต่างของนิยายเราค่ะ การเขียนนิยายไม่ใช่เรื่องยาก แค่น้องๆ อย่าท้อก่อนนะคะ ส่วนใครที่อยากเพิ่มเติมตรงจุดไหน เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยยังไงก็อย่าลืมเล่าให้พี่ฟังด้วยนะคะ รออ่านความคิดเห็นของน้องๆ อยู่ค่ะ
พี่น้ำผึ้ง :)
http://www.obsidianbookshelf.com/html/fantasycliches.html
http://en.wikipedia.org/wiki/Mary_Sue_character, retrieved 9/5/08
http://en.wikipedia.org/wiki/For_whom_the_bell_tolls, retrieved 9/5/08
33 ความคิดเห็น
ขอบคุณค่ะ กำลังเขียนแล้วคิดไม่ออกพอดี มาอ่านบทความนี้ทำให้เขียนต่อได้แล้ว
ขอบคุณมากค่ะ
ของเราถ้าเทียบกับ 5 ข้อนี้ รู้สึกจะตรงกับข้อสุดท้ายมากๆแหะ เพราะเราเป็นคนเขียนสั้นๆไม่ค่อยได้ เหมือนเขียนๆไปแล้วหาทางจบไม่ค่อยเจอ
ขอบคุณมากๆนะคะสำหรับบทความดีๆ ^_^
เรามีตัวละครหนึ่งเข้าค่ายแมรี่ซูนะค่ะ แต่ มีเหตุผลมารองรับ ตอนแรกอ่านๆ ไปใจหายใจคว้ำหมดเลย แต่ ก็ต้องขอบคูณบทความนี้ที่ทำให้เรารู้ว่าต้องกลับไปแก้พลอตอะไรบ้าง อิอิๆ #เราคือคนที่ชอบนิยายแนวแฟนตาซีเป็นชีวิตจิตใจค่ะ#
สู้ๆ ครับป้า นผ.
เรากะเขียนราวๆ 5 - 6 ภาค ภาคละเล่ม เล่มหนึ่งน่าจะเฉลี่ยประมาน 400+ หน้า T_T แบบนี้คืออาจมีแวว สนพ ไม่รับสินะคะ แง้
ขอบคุณครับผม ^_^
พออ่านแล้วได้แง่คิดหลายประเด็นเลย
ขอบคุณมากค่ะ กำลังแต่งนิยายแฟนตาซีอยู่ด้วยค่ะ ช่วยได้เยอะเลย
ตัวประกอบทั่วๆไปที่ไม่ได้พูดถึงอะไรมากนักเช่น พูดถึงใครซักคนเพื่อเเสดงนิสัยถึงคนอื่น จะเรียกได้ว่าเป็นตัวละครที่เป็นเเมรี่ ชู รึเปล่าครับ
.
โดนข้อ 5 เลย เคยเขียนนิยายแฟนตาซีเนื้อเรื่องยาวมาก วางแปลนไว้ในหัวสำหรับภาคแรก 6 เล่มจบ จากทั้งหมดสามภาค แต่ก็โชคดีที่มีสำนักพิมพ์สนใจ คุยกันถึงขั้นเข้าไปคุยเรื่องสัญญากันแล้ว น่าเสียดายที่ตอนนั้นเขียนไม่จบก็เลยชวดไป แต่พอทิ้งไปสองสามปีก็มีอีกสำนักพิมพ์หนึ่งติดต่อมาอีก แต่ก็ไม่ได้เขียนให้จบ สุดท้ายก็เลยกลายเป็นเรื่องที่ดองไว้อย่างน่าเสียดาย
ตอนนี้เลยต้องหันมาหยิบจับอะไรที่เขียนจบได้ในเล่มเดียวไปก่อน มีโอกาสค่อยปัดฝุ่นเรื่องเดิมอีกหน
กระแทกเข้ากับกฏที่4กฏเดียวเลย...
พออ่านข้อสุดท้ายเสร็จรู้สึกเลยว่าตัวเองที่ดองงานมาเกือบสองเดือนนี่ชั่วมากอะ
มีหลายภาค ของเราเลยยยยย
ตัวละครมันเยอะมาก ตัดออกก็ไม่ได้ เอามาใส่รวมกันภาคเดียวก็เดี๋ยวเขียนไม่ถูกอีก ชีวิตมันเศร้า!!!
ขอบคุณมากเลยค่ะ