3 ข้อนี้ ขอมอบแด่ผู้ที่เขียน (นิยาย) แล้วเครียด

 

3 ข้อนี้ ขอมอบแด่ผู้ที่เขียน (นิยาย) แล้วเครียด

 
สวัสดีชาวนักเขียนเด็กดีทุกคนค่ะ สำหรับวันนี้ แอดมินขอเปิดประเด็นมาแบบตรงๆ ไม่กั๊ก ไม่อ้อมค้อม ใช่แล้วค่ะ สิ่งที่แอดมินเป็นหนักมากช่วงนี้คือ “เขียนแล้วเครียด” เป็นอารมณ์แบบว่า... กังวล ไม่สบายใจ รู้สึกไม่มั่นใจ ไม่อยากเขียน... เพราะงั้น แอดมินก็เลยตัดสินใจที่จะทำบทความ เพื่อผ่อนคลายความเครียดของตัวเอง และแบ่งปันถึงเพื่อนๆ ที่กำลังเครียดเหมือนกันค่ะ
 
ก่อนจะเข้าเรื่อง ขอถามก่อนเลยว่า... มีใครเครียด หรือไม่แน่ใจในงานเขียนแบบแอดมินบ้าง...? เคยไหมที่แอบถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้
 
  • นิยายที่เขียนนี่เนื้อเรื่องมันโอเคหรือยังนะ หรือจริงๆ แล้ว มันแย่กันแน่ เราตัดสินใจถูกหรือยัง มาถูกทางไหมเนี่ย
  • จะมีใครอ่านงานเราไหมนะ คนจะชอบบ้างหรือเปล่า ยอดวิวจะถึงพันไหม 
  • หรือเราไม่เหมาะสมกับการเป็นนักเขียน งานของเราเลยฝืดขนาดนี้ T_T
     

 
ความจริงแล้ว เขียนนิยายแล้วเครียด ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ มันเป็นสัญญาณที่บอกว่าคุณมีความตั้งใจสูงและอยากให้งานออกมาดี แต่ว่า... ถ้าหากเครียดมากเกินไป ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีต่อตัวเอง หนทางแก้นั้น ทำได้ยากมากถึงมากที่สุด เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการปรับทัศนคติของตัวเอง ในเมื่อต้นตอของปัญหาเกิดจากความกังวลเรื่องงานเขียน เราก็ต้องไปแก้กันที่จุดนั้น
 
วันนี้เราขอนำเสนอข้อเท็จจริง 3 ข้อ ที่น่าจะช่วยให้นักเขียนเครียดน้อยลง และเติมเต็มความมั่นใจในตัวเองให้ได้มากขึ้น
 

ความล้มเหลวไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น 

หลายครั้งที่คุณกังวลจากการไม่ได้รับความสนใจ ลงนิยายไปคนก็ไม่อ่าน ผิดหวังไม่สบายใจเลย... เมื่อความรู้สึกนั้นเริ่มต้นขึ้น ก็ยิ่งจะทำให้อึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกแย่มากขึ้นเรื่อยๆ
 
เคยคิดแบบนี้บ้างหรือไม่
 
  • ฉันล้มเหลวเพราะไม่มีพรสวรรค์ มีนักเขียนหลายคนที่ผ่านความล้มเหลวมามากมาย แม้แต่เจ. เค. โรวลิ่ง ก็เคยถูกตีคืนต้นฉบับมาก่อน ดังนั้น อย่ามัวแต่คิดลบ พยายามต่อไป เต็มที่ต่อไป แล้วสักวัน วันของคุณก็จะมาถึงเอง
  • ฉันล้มเหลวเพราะงานไม่ดีพอ ต่อให้มั่นใจในทักษะการเขียนของตัวเองมากแค่ไหน ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ตัดสินคือคนอ่าน ไม่ใช่ตัวเราเอง อย่าเพิ่งคิดมาก  
  • ฉันล้มเหลวเพราะเขียนไม่ออก การเขียนไม่ออก เป็นความล้มเหลว... แต่ในขณะเดียวกัน นักเขียนทุกคน ผ่านปัญหา “เขียนไม่ออก” มาแล้วทั้งนั้นแหละ เพราะฉะนั้น อย่าไปคิดว่าล้มเหลว คิดเสียว่าเป็นเรื่องที่ต้องเผชิญอยู่ตลอด แค่นี้ก็พอแล้ว
     
เรารู้เวลาเขียนนิยายไม่ได้ ใครๆ ก็ต้องรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลว เครียด กดดัน ไม่สบายใจ แต่ถามว่า... มันมีความหมายอะไรไหม คำตอบคือ... ไม่มีเลย ความรู้สึกก็คือความรู้สึก มันเกิดขึ้นแค่เฉพาะช่วงเวลานั้นๆ แต่มันไม่ได้มีผลกระทบต่อใคร นอกจากคุณ และถ้าคุณทำใจได้ ปล่อยผ่านได้ แค่นี้ ความล้มเหลวก็หมดความหมายแล้ว
 

ใครๆ ก็สับสนได้ มองไว้เลยว่า... เป็นเรื่องปกติ

นักเขียนทุกคน ย่อมต้องเคยเจอปัญหาสับสน เขียนไม่ได้ เครียด ไม่สบายใจ เชื่อเราสิ นักเขียนไม่ว่าจะประสบความสำเร็จแค่ไหน ล้วนแต่เคยเจอภาวะแบบนี้ด้วยกันทั้งนั้น นักเขียนชื่อดังคนหนึ่ง เคยสารภาพว่า เมื่อถูกนักอ่านวิจารณ์ว่า “งานเขียนเรื่องนี้ไม่ดีเท่าเรื่องก่อนๆ” เขาถึงกับเครียดจัด นั่งจ้องหน้าคอมพิวเตอร์อยู่ทั้งวัน เพื่อจะพบว่าตัวเอง “ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรดี”  
 
จากที่เล่ามาทั้งหมด เราแค่อยากบอกว่า... นักเขียนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่แล้ว ต่างก็เคยผ่าน “การสูญเสีย” มาด้วยกันทั้งนั้นแหละ ทุกคนต้องสับสน ทุกคนต้องหลงทาง ทุกคนต้องไม่แน่ใจ เพราะฉะนั้น ถ้ามันเกิดกับเราเองบ้าง ก็อย่าเพิ่งหมดหวังหรือเสียกำลังใจ เอายังงี้แล้วกัน คิดเสียว่า มันคือส่วนหนึ่งของอาชีพนักเขียน... เกิดได้ ก็ผ่านไปได้ แค่นั้น ง่ายๆ
 

ถ้าเลือกแล้ว ก็ต้องเด็ดเดี่ยวและไปต่อ

นักเขียนส่วนใหญ่ต่างก็กังวลและไม่สบายใจ ยิ่งถ้าหากไม่เคยตีพิมพ์หรือมีผลงานที่ประสบความสำเร็จสุดๆ มาก่อน ก็ไม่แปลกที่จะรู้สึกว่า... ตัวเองอาจไม่เหมาะกับอาชีพนี้... หลายครั้ง ที่เราถามตัวเองว่า... “ฉันมีความสามารถมากพอไหมนะ” แล้ว “ฉันมาถูกทางหรือยัง” “ไปต่อดีไหม” “จะมีวันไหนไหมที่ฉันจะประสบความสำเร็จ”
 
เราบอกได้เลยว่าอาชีพนักเขียน แลกมาด้วยความอดทนและเจ็บปวดค่ะ อาจจะมีนักเขียนบางคน (น่าจะเป็นส่วนน้อยมาก) ที่เขียนเรื่องแรกก็ปังเลย ได้รับการยอมรับเลย แต่... ส่วนใหญ่แล้ว นักเขียนมักจะล้มลุกคลุกคลาน เจออุปสรรค เจอเรื่องแย่ๆ มาเยอะมาก กว่าที่จะประสบความสำเร็จได้ อาชีพนักเขียน ไม่ได้เกิดขึ้นได้ภายในวันเดียว แต่ต้องใช้ระยะเวลา เอาชนะอุปสรรค เอาชนะความกลัว ต่อสู้ หาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ทดสอบตัวเอง และใช้ความคิดสร้างสรรค์สม่ำเสมอ
 
สรุปว่า ถ้าอยากเป็นนักเขียน ก็ต้องอดทนและต้องถึกเท่านั้น เขียนให้หนัก พัฒนาตัวเองสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเหนื่อยล้าแค่ไหน เขียนแล้วเครียดหรือรู้สึกแย่แค่ไหน ก็จงเขียนต่อและไปต่อ จะเป็นนักเขียนได้หรือไม่ คุณเท่านั้นที่จะตัดสินด้วยตัวเอง  
 
อ่านกันจบครบสามข้อแล้ว ขอสรุปไว้ว่า... ความเครียดเป็นของที่จะอยู่คู่กับชีวิตนักเขียนค่ะ และอย่างน่าแปลกใจ มันไม่ได้เป็นเรื่องแย่ๆ เสมอไป แต่มันสามารถที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้เช่นกัน ความเครียด เป็นสัญลักษณ์ของความตั้งใจ เพียงแต่ว่าเราต้องเลือกใช้ให้พอเหมาะ ไม่ใช่เครียดจนทำอะไรไม่ถูก อันนี้ก็ไม่ใช่แล้วมั้ย
 
ครั้งหน้าถ้าเขียนแล้วเครียดหนักมากอีก แนะนำไว้ให้คิดแบบนี้
  • ความล้มเหลวไม่ใช่เรื่องผิด
  • ความสับสนเป็นเรื่องธรรมดา ปกติมาก
  • อาชีพนักเขียนต้องอดทน
     
ง่ายๆ แค่นี้แหละ ทำได้ครบ 3 ข้อ ก็มีสิทธิ์เป็นนักเขียนได้ จำไว้ว่า... ถ้าอยากเป็นนักเขียนจริงๆ ก็ต้องชัดเจนและต้องพยายาม
 

ทีมงานนักเขียนเด็กดี

  
ทีมงาน writer

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
wichaya_min Member 1 มิ.ย. 59 20:36 น. 3

ใช่ค่ะถ้าไปต่อแล้วเราจะสำเร็จถ้ารู้สึกว่าเนื้อเรื่องไม่โอค่อยกลับไปรีไรท์หลังจากที่ได้เขียนคำว่าจบบริบูรณ์แล้วก็ได้ค่ะ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด

31 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
wichaya_min Member 1 มิ.ย. 59 20:36 น. 3

ใช่ค่ะถ้าไปต่อแล้วเราจะสำเร็จถ้ารู้สึกว่าเนื้อเรื่องไม่โอค่อยกลับไปรีไรท์หลังจากที่ได้เขียนคำว่าจบบริบูรณ์แล้วก็ได้ค่ะ

0
กำลังโหลด
สองพี่น้องสุดน่ารัก Member 1 มิ.ย. 59 21:53 น. 4
ชอบมากค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะเครียดเรื่องพ่อแม่ไม่ยอมรับมากกว่า ประมาณว่ากำหนดให้สามเดือนต้องเขียนให้จบอ่ะค่ะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด