เมริว นักเขียนผู้ไม่เคยย่อท้อต่อความฝัน
โดยหนังสือเล่มนี้ได้รับการตีพิมพ์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ไม่ได้ขึ้นกับสำนักพิมพ์ไหน แต่ทำขายเองค่ะ แล้วแถมยังลงระบบขายนิยายในเว็บเด็กดีเราด้วยนะคะ แอบกระซิบมาว่าขายดีมากๆ ด้วยซึ่งพี่ไม่แปลกใจเลย ก็แหม... นิยายเขาดีขนาดนั้นนี่คะ และในวันนี้เขาก็มาพร้อมกับประสบการณ์การทำหนังสือขายเองค่ะ ถ้าพร้อมแล้วมารู้จักนักเขียนเลยดีกว่า ^^
สวัสดีค่ะ แนะนำตัวให้ชาวเด็กดีรู้จักหน่อยได้ไหมคะว่าเป็นใคร มาจากไหน ปัจจุบันทำอะไรอยู่ค่ะ
นามปากกานี้ได้แต่ใดมาคะ
เริ่มเขียนนิยายตั้งแต่เมื่อไรคะ แล้วทำไมถึงเขียนนิยายล่ะ?
เล่าเรื่องย่อให้ฟังหน่อยได้มั้ยคะ?
เมริว: ครับ เรื่อง “เคนนักสู้ผู้ไร้พ่าย Dragon Chronicle Online” เป็นเรื่องของเด็กหนุ่มในสำนักกังฟูที่ชื่อว่าเคน เขาถูกอาจารย์สั่งให้เข้าไปเล่นเกมออนไลน์ (โลกเสมือน) โดยมีเป้าหมายอยู่ที่การเป็นผู้เล่นเก่งที่สุดในเกม นิยายเรื่องนี้ดำเนินเรื่องในรูปแบบเหมือนเรากำลังเล่นเกมอยู่ มีได้พบเจอเพื่อนใหม่ ทำเควส ต่อสู้กับสัตว์อสูร สะสมประสบการณ์ เก็บระดับพัฒนาความสามารถไปจนเคลียร์เงื่อนไขของเกม ความสนุกที่ได้รับคืออารมณ์ของการผจญภัย มิตรภาพ ความเท่ของการได้เป็นคนเก่ง ที่จะมีแตกต่างจากคนอื่นอยู่บ้างก็คือ ผมได้สอดแทรกองค์ความรู้ในวิชากังฟู หลักคิดปรัชญาแบบพุทธ เต๋า เซน เข้าไปในเนื้อเรื่องอยู่เป็นระยะ
อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาคะ?
เมริว: พอใช้ชีวิตมาเรื่อยๆ วันหนึ่งเกิดนึกอยากจะทำสิ่งที่ตนเองเคยฝันเอาไว้ นั่นคือการเป็นนักเขียน คิดว่าควรจะทำมันให้สำเร็จก่อนตายนะ พอมีอารมณ์แบบนี้แล้วจึงเริ่มลงมือทำด้วยแรงฮึดน่ะครับ ดีที่ได้นิสัยเวลาทำอะไรแล้วต้องทำจริงจังไม่ย่อท้อมาจากการฝึกกังฟู จึงทำให้เขียนนิยายเรื่องนี้ออกมาได้จนจบเรื่อง
ว้าว เยี่ยมไปเลยค่ะ ความรู้สึกแรกตอนลงเว็บเด็กดีเป็นยังไงคะ?
เมริว: ก็คงเหมือนทุกคนมั้งครับที่แอบลุ้นเหมือนกันว่าจะมีคนชอบนิยายของเราไหม คนอ่านจะโอเคหรือเปล่า
เรามาเข้าประเด็นสำคัญดีกว่า ได้ยินมาว่าพี่หมิงพิมพ์หนังสือขายเอง อะไรทำให้พี่อยากทำมือขายแทนการส่งสำนักพิมพ์คะ?
เมริว: ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะผมมีประสบการณ์ในการทำหนังสือมาก่อน (ทำพรูฟรูปเล่ม ทำปกเป็น) ประกอบกับช่วงเวลานั้นนิยายเกมออนไลน์ในบ้านเรามาถึงจุดอิ่มตัว บางสำนักพิมพ์ถึงกับประกาศไม่รับงานในรูปแบบเกมออนไลน์ ผมจึงได้จัดทำรูปเล่มขายเองเลยน่ะครับ และก็ได้ผลตอบรับที่ดีในระดับหนึ่ง
ช่วยเล่าประสบการณ์จากการทำหนังสือขายเองให้น้องๆ ชาวเด็กดีฟังหน่อยค่ะ อยากรู้ว่าโหด มันส์ ฮา ขนาดไหน
เมริว: งานขายกับงานเขียนต่างกันเลยน่ะครับ งานขายต้องมีการคำนวณต้นทุนรายรับรายจ่าย ทำบัญชี พิมพ์เท่าไหร่ถึงจะคุ้ม ทำปก พรูฟรูปเล่ม ขอ ISBN ติดต่อโรงพิมพ์ ทำโฆษณา แพ็คของบรรจุนำไปส่งไปรษณีย์ ติดต่อลูกค้า วิ่งนำหนังสือไปฝากขายที่ร้านค้า กระบวนการต่างๆ เหล่านี้ อันที่จริงไม่ต้องใช้ทักษะการเขียนเลยก็ได้ งานขายเป็นเรื่องของการจัดสรรธุรกิจ ถ้าถนัดเชี่ยวชาญทั้งการขายและการเขียนควบคู่ถือว่าลงตัวครับ
ช่วยเล่าขั้นตอนการขอ ISBN ให้ฟังหน่อยได้มั้ยคะ เผื่อมีน้องๆ ชาวเด็กดีสนใจอยากทำขายเองค่ะ
เมริว: เข้าไปที่เว็บ http://www.e-service.nlt.go.th/home/index.php แล้วสมัครสมาชิก
จากนั้นก็ไปที่หมวดบริการคำร้อง ขอเลข ISBN กรอกรายละเอียดไปตามเอกสารที่เขาต้องการ จากนั้นก็ส่งไฟล์ให้เจ้าหน้าที่ ภายในไม่เกิน 20 นาที เจ้าหน้าที่จะอนุมัติเลข ISBN ให้ทันทีครับ
ตอนส่งไปวางขายที่งานหนังสือนี่ยุ่งยากไหมคะ?
เมริว: ไม่ยากนะครับ โชคดีที่มีพี่ๆ เพื่อนๆ คอยช่วย วิธีการฝากขายก็ให้เราเอาหนังสือของเราไปเดินสอบถามตามบูธต่างๆ ในงานหนังสือ ถามเขาว่าเราจะเอาหนังสือมาฝากขายได้ไหม บอกรายละเอียดหนังสือของเราให้เขาทราบ โดยค่าฝากขายนั้นจะแตกต่างกันไปตามแต่ละบูธครับ ประมาณ 20-40 % ของราคาปก
นอกจากนี้ยังรู้มาว่าพี่หมิงเองก็ขาย “เคนนักสู้ผู้ไร้พ่าย Dragon Chronicle Online” ในระบบขายนิยายเด็กดีของเราด้วยค่ะ มันเป็นยังไงบ้างคะ
เมริว: อย่างที่ผมเคยเขียนรายละเอียดต่างๆ จากประสบการณ์ของตนเองหลังจากที่ได้ใช้ระบบ Coin ไปแล้วในกระทู้ 'ว่าด้วยระบบ Coin' ผมยังคงขอยืนยันคำเดิมครับว่า ระบบนี้เป็นระบบที่ควรมีอยู่ในเว็บเด็กดีเพื่อการเท่าทันต่อกระแสโลก (เว็บอื่นๆ ก็มีระบบซื้อขายแบบนี้กันหมดแล้ว)
ด้วยความที่ผมได้เข้าร่วมใช้ระบบนี้ตั้งแต่แรกๆ จึงทำให้ได้รับเงินค่าตอบแทนกลับมาเป็นจำนวนเงินที่น่าสนใจทีเดียว (เกือบจะเท่าค่าตอบแทนสำหรับนักเขียนจากสำนักพิมพ์บางแห่ง ทั้งๆ ที่ขายผ่านระบบนี้ระบบเดียว)
ปัจจุบัน ผมขายนิยาย “เคนนักสู้ผู้ไร้พ่าย Dragon Chronicle Online” ในเว็บเด็กดีด้วยระบบ Coin มาได้ประมาณ 4 เดือนเศษ ได้เงินมาทั้งหมด 12,672 บาท นี่ขนาดว่าต้องหักส่วนแบ่งให้กับเว็บเด็กดี (เป็นค่าพื้นที่ฝากขาย) จำนวนหนึ่งแล้วด้วยนะครับ
นี่จึงถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับนักเขียนที่ปล่อยผลงานทิ้งไว้ในเว็บเปล่าๆ อยากให้ลองดูนะครับ ระบบขายนี้ไม่ยากอย่างที่คิด คล้ายๆ กับการตั้งระบบซื้อขายของในเกม ที่เราสามารถขายไอเทม (นิยาย) ของเราได้ด้วยเงินจริง คนซื้อต้องใช้ทรูมันนี่มาจ่าย อะไรประมาณนั้นครับ
ปัญหาของนักเขียนส่วนใหญ่คือเขียนไม่จบค่ะ พี่หมิงพอจะมีวิธีแนะนำไหมคะ?
เมริว: ถ้านับแค่เรื่องที่ว่าเขียนจบหรือเขียนไม่จบ ไม่เกี่ยวกับการเขียนดีหรือไม่ดีนั้น ผมว่าอยู่ที่ใจครับ... สมัยโบราณตอนอาจารย์กังฟูของผมจะรับศิษย์ ท่านจะเอาธูปมาปักในกระถางหนึ่งก้านธูป เสร็จแล้วก็ให้ลูกศิษย์ยืนท่านั่งม้า (ย่อขาต่ำ) สั่งว่า หากธูปยังไหม้ไม่หมดคุณห้ามยืดขาขึ้นมา ถ้าคุณทำได้ผมถึงจะรับคุณเป็นศิษย์ ครับ หนึ่งก้านธูปก็ประมาณ 20-40 นาที นี่เป็นวิธีรับศิษย์แบบโบราณ แม้เมื่อยก็ต้องทน ต้องสู้เอาชนะใจตนเองให้ได้ ถือเป็นการประเมินใจว่าคุณพร้อมที่จะทุ่มเทฝึกวิชานี้จริงๆ หรือไม่ ถ้าทำแค่นี่ยังทำไม่ได้แล้วคุณจะไปฝึกอะไรที่หนักกว่านี้ได้ ท่าทีเช่นนี้แหละครับที่ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ที่เขียนไม่จบขาดหายไป ความมุ่งมั่น ความมีวินัย ความเข้มงวดกวดขันต่อตนเอง ไม่ต้องให้ใครมาบังคับเรา เราต้องบังคับตนเอง เอาชนะตนเองให้ได้
ตามความคิดของผม ไม่ว่าคุณจะเขียนสนุก-ไม่สนุก เขียนดี-ไม่ดี การเขียนให้จบถือเป็นการผ่านบททดสอบเทสวัดระดับเบื้องต้นในความเป็นนักเขียนของตัวคุณเอง
ถ้างานของคุณไม่ดี มีคนติติงต่างๆ นานา นี่เป็นเรื่องปกติ เพราะคนเริ่มต้นใครๆ เขาก็เป็นอย่างนี้ทั้งนั้น ทักษะการเขียนสามารถพัฒนาได้อยู่แล้ว ขอให้ขยันเรียนรู้หมั่นฝึกฝนไม่ทิ้งงานที่ทำ เดี๋ยวก็เก่งขึ้นเอง... ต่างกับการที่คุณได้รับคำชมเยินยอจากงานเขียนของตน แต่คุณทำมันไม่สำเร็จ ทำแบบทิ้งครึ่งๆ กลางๆ นานวันก็กลายเป็นปล่อยปละละเลยดองไห อย่างนี้คุณจะสามารถรับคำชมเหล่านั้นให้ตัวเองได้จริงหรือ เพราะนี่มันแสดงให้เห็นว่า คุณไม่มีความจริงจังในเส้นทางที่เดินอยู่จริงๆ
ต้องขออภัยที่อาจฟังดูแรงไปบ้าง แต่รูปแบบความคิดเช่นนี้แหละที่ช่วยให้เราคัดกรองระบบการทำงานของเราได้ ความสำเร็จมันวัดกันที่ประสิทธิผล และการวัดประสิทธิผลนั้นก็วัดจากชิ้นงาน ถ้าเราไม่มีผลงานที่สำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันออกมา แล้วจะวัดประสิทธิผลจากอะไร
เรื่องของการเขียนให้จบนี้เราสามารถฝึกฝนมันได้ ถ้าเรามีวินัยและมีความมุ่งมั่นในการเขียน... อยากจะเป็นนักเขียนก็ต้องเขียนทุกวัน ต้องตั้งเป้าหมายและเข้มงวดต่อตนเอง เช่น เขียนให้ได้อย่างน้อย 1 หน้า A4 ต่อวัน ไม่ได้ไม่นอน (อย่างของผมคือ 2-4 หน้า A4) ถ้าทำได้แบบนี้ใน 6 เดือน คุณจะมีนิยายของตนเองจบ 1 เล่มแน่นอน (อาจดูเหมือนยาก แต่อันที่จริง ที่เราพิมพ์แชทกับเพื่อนในไลน์ ในเฟซบุ๊ก มันไม่เยอะกว่า 1 หน้า a4 กระนั้นหรือ)
ผมขออนุญาตโฆษณาบันทึกประสบการณ์การเขียนของตนเองหลังจากที่ได้เข้ามาเริ่มต้นในเส้นทางการเขียนนี้ชื่อว่า “บันทึกการเขียน ฉบับหัดเขียน” เป็นรายละเอียดวิธีการเรียนรู้ในเรื่องการเขียนของผมหลังจากที่ได้เริ่มเขียนจริงจังครับ
โอ้โห แล้วอะไรทำให้พี่ไม่เคยย่อท้อต่อความฝันคะ?
เมริว: เพราะชอบครับ การอ่านการเขียนเป็นเรื่องที่ผมชอบ พอชอบแล้วก็อยู่กับมันได้ทั้งวันโดยไม่ต้องฝืน แต่ผมก็ตั้งเกณฑ์วัดตนเองอยู่นะครับ อย่างการเขียนนี้ผมตั้งไว้ว่า 1 ปีต้องเขียนให้ได้ 2 เล่ม 7 ปีผมจะมีผลงานทั้งหมดอย่างต่ำ 14 เล่ม ถ้า 7 ปี งานของตนเองไม่ประสบความสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน นั่นเป็นเรื่องที่เราต้องพิจารณาแล้วว่า เราควรไปทำอย่างอื่นดีกว่าไหม
พี่หมิงมีมุมมองยังไงต่องานเขียนแนวแฟนตาซีในเมืองไทยตอนนี้คะ?
เมริว: ผมคิดว่ายังเปิดกว้างนะครับ ยังมีแนวต่างๆ อีกมากที่ไม่มีคนเขียนออกมา แต่คนส่วนใหญ่จะถูกความนิยมของตลาดหรือยอดวิวมาบีบบังคับแนวทางการเขียน บางทีถ้าเขียนโดยไม่ต้องกังวลเรื่องเหล่านี้ งานน่าจะมีความหลากหลายเพิ่มขึ้น แต่อย่างว่าถ้าเขียนไปแล้วไม่ได้รับการตีพิมพ์หรือการยอมรับบางทีมันก็ท้อเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ถ้าเจอกันครึ่งทางน่าจะเวิร์คครับ สนุก แปลกใหม่ และตลาดรองรับ
แล้วถ้าชาวเด็กดีอยากได้ “เคนนักสู้ผู้ไร้พ่าย Dragon Chronicle Online” มาอ่าน นี่ต้องทำยังไงบ้างคะ?
เมริว: สำหรับนิยายเรื่อง “เคนนักสู้ผู้ไร้พ่าย Dragon Chronicle Online” มีทั้งหมด 4 เล่มจบ สามารถสั่งซื้อในรูปแบบหนังสือได้ที่ Line=supat7749 ครับ ส่วนในรูปแบบอีบุ๊คสามารถกดเซิชชื่อเรื่องหาผ่านเว็บ Meb , Ookbee , Hytexts.com ได้ หรือไม่ก็อ่านผ่านเว็บเด็กดีในระบบ Coin ครับ
ถ้ามีโอกาสได้ไปรับประทานอาหารเย็นกับตัวละครในนิยายตัวเองหนึ่งคน พี่หมิงอยากไปกับใครคะ
เมริว: คงเป็นพระเอกของเรื่องครับ ขอไปนั่งฟังเขาเล่าเรื่องราวที่พบเจอมา และจะถามเขาว่าเกิดการตกผลึกทางความคิดอย่างไรบ้าง ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย
สุดท้ายแล้วนะคะ พี่หมิงอยากฝากกำลังใจอะไรให้น้องๆ นักเขียนชาวเด็กดีบ้างคะ
เมริว: น่าจะเป็นเรื่องของความมุ่งมั่นครับ ตั้งเป้าให้กับตนเองและทำมันให้สำเร็จให้ได้ ถ้าทำได้ นั่นคือความสำเร็จที่น่าภูมิใจในชีวิตของคุณอย่างหนึ่ง
พี่หมิงกำลังสอนน้องๆ อยู่เลยค่ะ
เอาล่ะค่ะ ก่อนจากกัน วันนี้ทีมไรเตอร์ก็มีหนังสือเคนนักสู้ผู้ไร้พ่าย เล่ม 1 จำนวน 3 เล่มมาแจกค่ะ ใครอยากได้มาเล่นเกมกับพี่นะคะ โดยเกมของเรามีง่ายๆ ดังนี้ค่ะ คือ... ให้น้องๆ แชร์วิธีที่ที่ทำให้เราเขียนนิยายให้จบค่ะ ผู้โชคดีสามคนเท่านั้นที่จะได้รับหนังสือเคนนักสู้ผู้ไร้พ่ายเล่ม 1 ไปครอบครองค่ะ โดยเกมนี้จะหมดเขตวันที่ 28 มิถุนายน 2559 ค่ะ!
จบแล้วนะคะสำหรับบทสัมภาษณ์ดีๆ จาก เมริว จะเห็นได้ว่านักเขียนคนนี้มีความมุ่งมั่นสมกับการที่เรียนกังฟูจริงๆ เลยนะคะ พี่ก็อยากให้น้องๆ ยึดพี่เมริวเป็นแบบอย่างไว้เนอะ งานเขียนของเราจะได้ไปถึงฝั่งฝันสักที XD สำหรับครั้งหน้าจะพาไปคุยกับนักเขียนคนไหนนั้น อย่าลืมติดตามค่ะ!
10 ความคิดเห็น
วิธีที่ทำให้เขียนนิยายให้จบคือนั่งสมาธิก่อนจะเขียน ลบเรื่องต่างๆในสมองออกให้เหลือเพียงแค่นิยายของเรา เตรียมข้อมูลให้พร้อมก่อนเขียน วางพล็อต(เปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์) เขียนตามสไตน์ของเรา ไม่ไปยึดติดสไตน์การเขียนของคนอื่น(หรือนักเขียนไอดอลที่ชอบ) ที่สำคัญคือการแบ่งเวลาให้เป็น นี่คือหลักการของเราค่ะ ฮ่าๆ
เคยมีโอกาสไปอบรมเกี่ยวกับการเขียนนิยายครั้งนึงแล้วนั่งติดกับพี่หมิง เป็นอะไรที่โคตรบังเอิญ เพราะเราก็ชื่อหมิงเหมือนกัน มาจากภาษาจีนตัวเขียนตัวเดียวกันด้วย
ไม่เคยรู้เลยค่ะว่าพี่หมิงเป็นอาจารย์กังฟูด้วย พอมาอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับนี้ได้มุมมองดีๆเยอะเลยค่ะ เสียดายตอนนั้นไม่กล้าคุยด้วยเพราะดูพี่หมิงเป็นผู้ใหญ่มาก อีกอย่างคือพี่เขาเขียนแฟนตาซี ส่วนหมิง(เรา)เขียนนิยายรัก ท่าทางจะคุยกันคนละภาษา 55
ปล. หมิงยินดีกับพี่หมิงด้วยนะคะ ขอให้นิยายขายดียิ่งๆขึ้นไปค่ะ ^^
วิธีการเขียนนิยายให้จบ โดยพื้นฐานการวางพล็อตมันก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะการวางพล็อตตั้งแต่ต้นจนจบ จะทำให้เขียนนิยายได้ง่ายขึ้นและสามารถเขียนไปถึงตอนจบได้แต่มันไม่ใช่แค่นั้น สิ่งที่จะทำให้เราเขียนจนจบมันยังมีอีก ซึ่งสำหรับผมแล้วมันคือความมุ่งมั่นและเหล่านักอ่านที่ติดตามนิยายเราครับ เราต้องมีความมุ่งมั่นตั้งแต่แรกว่าจะต้องเขียนให้จบและห้ามทิ้งมันเด็ดขาด เพราะถ้าเราทิ้งนิยายเรื่องที่เราเขียนไว้กลางคันมันก็เท่ากับว่าเป็นการหักหลังแฟนคลับที่ติดตามนิยายเรา การที่เขามาเฟบนิยายเรานั่นก็แสดงว่าแฟนคลับนั้นชื่นชอบผลงานของเราและแฟนคลับบางคนก็อาจมีความเชื่อลึกๆ ว่าเราจะเขียนนิยายเรื่องนี้ได้จนจบ ดังนั้นเพื่อที่จะเป็นการไม่ทำร้ายความเชื่อใจของนักอ่าน เราจึงควรที่จะมุ่งมั่นเขียนให้มันจนเพื่อเป็นการไม่ทรยศต่อความเชื่อของผู้อ่านและไม่ทำให้ผู้อ่านผิดหวังที่ติดตามนิยายของเรา ซึ่งนี่ก็คือวิธีการของผมเองแหละครับ เอ้อ! มันยังมีอีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยคือเราต้องสนุกกับการเขียนครับเพราะถ้าเราเขียนไม่สนุกแล้วมันจะทำให้คนอ่านรู้สึกสนุกได้ยังไงล่ะครับ จริงมั้ย5555
เป็นบทสัมภาษณ์ที่ได้หลาย ๆ อย่าง ขอบคุณครับ
วิธีการเขียนนิยายให้จบมีหลายวิธีครับ อย่างแรกก็คือเราควรจะวางพล็อตปม และทรีตเม้นต์ให้เรียบร้อย และอย่าคิดแต่ว่า ช่างเถอะ! พลาดตรงนี้ก็แค่ปล่อยมันไป! ขี้เกียจวางตรงนี้! ก็ช่างเถอะ ตอนเขียนก็ด้นไปละกัน! คืออย่าคิดแค่ว่าปล่อยๆ ผ่านๆไปนะครับ ส่วนใหญ่เวลาเราเขียน เรามักจะใจร้อน โดยเฉพาะนักเขียนหน้าใหม่5555 ซึ่งไม่ได้ดูความสัมพันธ์ ความสมเหตุสมผลของเนื้อเรื่องเลย คิดแต่ว่าเขียนลูกเดียวพอ ซึ่งถ้าเขียนไปเรื่อยๆโดยไม่วางทรีตเม้นต์ วางพล็อต ปม ให้ดีเสียก่อน เราก็จะพบช่องโหว่และความไม่สมเหตุสมผลมากมาย ทีนี้เราก็เครียดกลุ้มใจ ก็เลยไปรีไรท์ซะ ทีนี้ก็เริ่มเขียนใหม่ แต่ถ้าพล็อต ปม ทรีตเม้นต์ไม่แน่นพอ สุดท้ายมันก็วกกลับมารีไรท์ แก้ เขียนใหม่ วกไปวนมาอีหรอบเดิมเช่นกัน และกลายเป็นสาเหตุให้ดอง และเขียนไม่จบไปในที่สุด ดังนั้นเราจึงต้องวางพล็อต ปม การดำเนินเรื่อง ทรีตเม้นต์ให้ดีก่อนครับ ทีนี้สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการแบ่งเวลา หากเราแบ่งเวลาไม่เป็น สุดท้ายก็เขียนไม่ทัน ไหนจะงาน ปัญหาชีวิตต่างๆอีก เพราะฉะนั้น เราจึงต้องแบ่งเวลา ลำดับความสำคัญของงานที่ทำก่อน และก็ต้องวางแผนการเขียนห้ดีด้วยครับ อย่ากดดันตัวเองเกินไป อย่าครียด และพยายามไม่ท้อ มองโลกในแง่ดีครับ คนอ่านนิยายน้อยแสดงว่ามีคนอัพนิยายเยอะ นักอ่านเลยไม่ทันเห็นนิยายที่เราอัพเดตตอนใหม่ไรงี้5555 สู้ๆครับ ถ้าเราพยายาม สักวันนึงเราต้องเขียนจบแน่นอน! ^^
ประกาศผลแล้วนะคะ ขอบคุณที่ร่วมสนุกค่ะ
มีการประกาศผิดพลาดค่ะ รบกวนตรวจสอบด้วยนะคะ :D