EXCLUSIVE! พาไปชมละครเวทีเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2559




EXCLUSIVE! พาไปชมละครเวทีเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2559 

เรื่อง "ดั่งเม็ดทรายในแผ่นดิน"


 

เมื่อหลายวันก่อนพี่หวานได้มาเชิญชวนให้น้องๆ ชาวเด็กดีไปชมละครเวทีชุด “ละครรักชาติเทิดทูนวีรบุรุษผู้กล้า” เรื่อง ‘ดั่งเม็ดทรายในแผ่นดิน’ ผลงานของคุณจักรสุรักษ์ จันทรวงษ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในนักเขียนของเว็บไซต์เด็กดีนี่เอง*O*  และครั้งนี้ก็เป็นการชมละครเวทีครั้งแรกของพี่หวานด้วย(แอบตื่นเต้นไม่น้อยเลยค่ะ) สำหรับใครที่พลาดรางวัลไปไม่ต้องเสียใจน้าา เพราะวันนี้พี่หวานได้เก็บภาพบรรยากาศบางส่วนในการเเสดงรอบสื่อมวลชนมาเล่าให้ฟังด้วยค่ะ แอบกระซิบว่าตอนท้ายบทความมีสัมภาษณ์สุดพิเศษจากหนึ่งในนักแสดงคนสำคัญด้วยนะคะ
 

ตั้งแต่มาถึงที่โรงละครแห่งชาติพี่หวานก็พบกับบรรยากาศที่คึกคักของผู้มาชมละครเวที ส่วนมากจะสวมใส่เสื้อผ้าสีฟ้าซึ่งเป็นสีประจำวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะเห็นได้ว่าละครเวทีเรื่องนี้ได้เข้าถึงผู้ชมแทบทุกช่วงวัยเลยค่ะ ตั้งเเต่วัยผู้ใหญ่ ไปถึงเด็กนักเรียน ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหรือบรรดาผู้ชมทั่วไปก็ให้ความสนใจเเละแห่แหนมากันอย่างคับคั่งเลยทีเดียว 

 

ผู้มารอชมละครเวทีกำลังเปลี่ยนกันเข้าไปถ่ายภาพกับเเบนเนอร์ของงานค่ะ



ภาพภายในโรงละคร เด็กนักเรียนถักเปียกำลังตื่นเต้นที่ละครเวทีกำลังจะเริ่มค่ะ > <

 
สำหรับบรรดาผู้ชมที่มีบัตรแล้วก็จะนำบัตรไปแลกสูจิบัตรของละครเวที รูปเล่มหนังสือสวยงามหรูหรามากๆ เลย ข้างในก็จะมีลำดับการเเสดงละคร บอกชื่อตัวละคร เเละท้ายสุดของเล่มก็จะมีรายละเอียดเกี่ยวกับผู้อยู่เบื้องหลังละครเวทีเรื่องนี้
 


สูจิบัตรของละครเวทีเรื่อง ดั่งเม็ดทรายในแผ่นดิน


เมื่อใกล้ถึงเวลาแล้วก็เข้าไปชมละครเวทีพร้อมกันดีกว่า(กำลังจะเริ่มแล้วค่ะ) อากาศภายในโรงละครค่อยๆ ถูกปรับให้เย็นสบายมากขึ้น และก่อนที่จะมีเสียงขับร้องจากวงปี่พาทย์ดังขึ้นมา แสงไฟโดยรอบก็ถูกหรี่แสงลงในที่สุด…
 


เข้ามาข้างในเเล้วค่ะ ตื่นเต้นๆ > <
เเต่ต้องขอชื่นชมเลยว่าเด็กๆ ผมเปียตัวจ้อยที่นั่งอยู่หน้าพี่หวานนั้นเรียบร้อยกันมากๆ
เเละก็ตั้งใจดูละครอย่างสุดๆ เลยล่ะ

 


เมื่อถึงเวลา ก็มีพิธีกรชายออกมาพูดคร่าวๆ ถึงที่มาที่ไปของละครเวทีครั้งนี้ ว่าเป็นการเเสดงเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษา 

โดยพิธีกรได้พูดถึงเรื่องราวคร่าวๆ ของละครเวทีเรื่องนี้ให้ฟังถึงสมัยแต่ก่อนเมื่อครั้งเหล่าวีรชนผู้กล้าได้ร่วมกันกอบกู้และปกป้องผืนแป่นดินไทยเอาไว้ ต่อมาจึงเป็นการเบิกโรงด้วยการละเล่นของวงปี่พาทย์ประสานเสียงขับร้องเเละได้มีคณะนาฏศิลป์มารำถวายพระพรเป็นการเปิดม่านละครเวทีเรื่อง ดั่งเม็ดทรายในแผ่นดิน อย่างเป็นทางการ  
 


เป็นการรำที่อ่อนช้อยเเละงดงามมากทีเดียว
 

เมื่อละครเวทีเริ่มเเสดง ฉากเเรกที่พี่หวานประทับใจคือการยกพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาของคนในรั้วในวังสมัยก่อนมาให้เห็น มีเหล่าทหารออกมามากมาย เมื่อพราหมณ์เริ่มอ่านโองการก็ปรากฏจิตวิญญาณของศรีพรหมรักษ์ (ผู้ซึ่งเป็นทั้งเทพ ทั้งพรหม ทั้งยักษ์ เเต่มักจะถูกอัญเชิญให้มาร่วมในพิธีถือน้ำเพื่อเป็นพยานอยู่เสมอๆ) ซึ่งในตอนนี้เป็นการเปิดเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจมากๆ เลยค่ะ พี่หวานเองมีความสนใจเรื่องพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาอยู่แล้ว เคยทำบทความเรื่อง "ลิลิตโองการแช่งน้ำ : ความเชื่อ และเชือกเส้นบางที่ผูกมัดสังคมไทย" ไว้ด้วยค่ะ ใครสนใจไปลองอ่านกันดูได้นะ 
 

เปิดฉากเเรกของละครเวที ถ้าน้องๆ สังเกตดีจะเห็นว่ามีพราหมณ์นั่งอยู่ตรงกลาง
เพื่อเริ่มพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาค่ะ


มีการแสดงจำลองการต่อสู้ของเหล่าทหารก่อนเข้าพิธีถือน้ำ
 


ระหว่างที่การเเสดงค่อยๆ ดำเนินไป พี่หวานก็ไม่ได้เก็บภาพเพิ่มเติมมาอีกเลย เพราะอยากจะบันทึกการเเสดงเหล่านั้นด้วยตาตัวเองมากกว่า เนื้อเรื่องของละครเวทีค่อนข้างเรียบง่ายเเละค่อยเป็นค่อยไป แต่ก็มีจุดดึงความสนใจเป็นช่วงๆ จากการบรรเลงดนตรีไทยของวงปี่พาทย์ เเละการขับร้อง ขับเสภา

ส่วนเนื้อเรื่องของละครเวที เป็นการอิงประวัติศาสตร์เล่าชีวิตช่วงเวลาก่อนที่จะมาเป็น พระยาพิชัยดาบหัก อย่างที่เรารู้จักกันในทุกวันนี้ โดยเล่าถึงการเติบโตเเละพัฒนาการของ จ้อย เด็กน้อยผู้สนใจในวิชามวย ไปสู่ นายทองดี ผู้เก่งกาจวิชามวยทุกแขนงรวมไปถึงวิชาเพลงดาบเสือจากสำนักดาบเมืองสวรรคโลก จนกระทั่งวันเวลาได้ผ่านไปเเละทำให้นายทองดีได้เข้ารับใช้พระเจ้ากรุงธนบุรี จนได้รับตำแหน่ง หลวงพิชัยอาสา ก่อนจะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็น พระยาพิชัย ผู้ครองเมืองพิชัยในเวลาต่อมา

พระยาพิชัยนั้นมีน้องชายต่างสายเลือดเเต่ทว่าผูกพันกันมากร่วมเติบโตมาด้วยกัน นั่นก็คือ บุญเกิด หรือที่ภายหลังได้รับตำแหน่งเป็น หมื่นหาญณรงค์ ทั้งสองปฏิญาณตนรับใช้พระเจ้ากรุงธนบุรีด้วยความภักดีมาโดยตลอด และที่สำคัญคือการถือคติเรื่องของชาติบ้านเมืองจะต้องมาก่อนชีวิตส่วนตน  มีฉากหนึ่งที่พระยาพิชัยจะต้องติดตามออกไปทำศึก เเต่คุณหญิงผู้เป็นภรรยาของหลวงพิชัยนั้นเป็นห่วงสามี ไม่อยากให้ไป เเต่เมื่อพูดคุยด้วยเหตุผลรู้ว่าเป็นหน้าที่ก็ต้องยินยอม

พี่หวานคิดว่าเหล่าทหารกล้าที่มีหน้าที่ปกป้องบ้านเมืองนั้นมีใจเเข็งแกร่งมากเลยนะคะ เเต่ครอบครัวของทหารเหล่านั้นต่างหากที่ต้องเข้มแข็งมากกว่า เพราะเราไม่รู้เลยว่าวันไหนที่เราจะได้อยู่กับคนที่เรารักเป็นวันสุดท้าย



ภาพการเเสดงตอนจัดกระบวนทัพของเหล่าทหาร

เสียดายที่จังหวะพี่หวานจะบันทึกภาพตอนนี้คนข้างหน้าลุกขึ้นจะไปเข้าห้องน้ำพอดี ฉากนี้เป็นการเตรียมทัพของเหล่าทหารก่อนออกศึก ซึ่งมีการแบ่งออกเป็นสี่กลุ่ม พี่หวานคิดว่านี่เป็นการผสมผสานกับเรื่องราวในปัจจุบันที่ว่าผู้มีหน้าที่โดยตรงในการปกป้องบ้านเมืองคือบรรดา ทหารหาญ 3 เหล่าทัพ ร่วมกับตำรวจนั่นเองค่ะ นอกจากจะเเสดงให้เห็นความสามัคคีกันของคนทุกหมู่เหล่า ยังเเสดงออกถึงความกล้าหาญที่ต้องการจะร่วมกันปกป้องประเทศชาติอีกด้วย
 

เรื่องราวของพระยาพิชัยก็ดำเนินมาถึงจุดสำคัญอันเป็นการเเสดงสาเหตุที่ทำให้ท่านได้สมญานามว่าพระยาพิชัยดาบหัก นั่นก็คือการต่อสู้กับทัพของพวกอังวะที่มารุกราน จนทำให้หมื่นหาญณรงค์ต้องต่อสู้จนตัวตาย
 


ภาพการต่อสู้กับพวกอังวะจนดาบหัก

 

กว่าจะรู้ตัวละครเวทีก็ดำเนินมาถึงตอนจบซะเเล้วค่ะ พี่หวานรู้สึกว่าภาพการแสดงบนเวทีที่เราได้เห็นตอนบรรพบุรุษผู้กล้าได้ร่วมกันต่อสู้เพื่อปกป้องประเทศชาติในอดีตทำให้เกิดความรู้สึกหลายอย่างขึ้นในใจ บางทีก็อดคิดไม่ได้นะคะว่าเราในยุคปัจจุบันเคยทำอะไรเพื่อประเทศชาติไปบ้างหรือยัง?  

พี่หวานคิดว่านี่เป็นละครเวทีที่สอดแทรกข้อคิดอะไรได้มากเลยทีเดียว นักแสดงทุกคนเต็มที่กับบทบาทและได้ทำหน้าที่ในการถ่ายทอดเรื่องราวออกมาอย่างสุดความสามารถ ซึ่งพี่หวานในฐานะผู้ชมก็คิดว่าการมาดูละครเวทีครั้งนี้ได้อะไรมากกว่าความเพลิดเพลินเช่นกัน อย่างน้อยๆ ก็ทำให้เราได้รู้สึกว่าเราควรจะมีความรักและหวงแหนในประเทศชาติไม่ใช่เพราะหน้าที่ เเต่ควรจะรู้สึกมันด้วยหัวใจของเรานะคะ :) 



ภาพตอนจบการเเสดง
 


เเต่เดี๋ยวก่อนค่ะ... อย่าเพิ่งกดปิดหน้าบทความนี้น้าา เพราะพี่หวานยังมีภาพบรรยากาศเบื้องหลังเวที พร้อมบทสัมภาษณ์ความรู้สึกของ พันโทวันชนะ สวัสดี ผู้รับบทเป็นพระเจ้าตากหรือพระเจ้ากรุงธนบุรี มาฝากกันด้วย

 


"ความรู้สึกเมื่อได้รู้ว่าได้มาเล่นละครเวทีครั้งนี้ ผมรู้สึกอยู่สองอย่าง
ในความรู้สึกแรก ส่วนนึงคิดว่าเป็นหน้าที่ของกองทัพ ตัวผมเองเป็นทหารในกองทัพ
ก็มีหน้าที่เทิดทูนสถาบันกษัตริย์ ซึ่งละครเวทีเรื่องนี้จัดทำโดยกองทัพภาคที่1
ร่วมกับภาคส่วนอื่นๆ ด้วย ในการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

ส่วนที่สองก็รู้สึกถึงความภาคภูมิใจ เหมือนได้เป็นตัวแทนคนไทยทุกคน
ได้เเสดงออกซึ่งความจงรักภักดีส่งไปถึงพระองค์ท่าน..." 


(พันโทวันชนะ สวัสดี รับบท พระเจ้ากรุงธนบุรี, 2559)
 
นั่นก็คือความรู้สึกของพันโทวันชนะที่มีต่อการได้ร่วมเเสดงละครเวทีครั้งนี้ค่ะ และพี่หวานก็ยังได้ถามอีกว่า แล้วในความคิดของพันโทวันชนะคิดว่าละครเวทีเรื่องนี้จะให้อะไรกับคนที่มาชมบ้าง? ซึ่งคำตอบที่พี่หวานได้รับก็คือ "ละครเวทีเรื่องนี้เป็นเหมือนข้อคิดในการดำเนินชีวิต...ที่เราจะนำมาเป็นแบบอย่างในเรื่องของความจงรักภักดีเเละความเสียสละ"  พี่หวานเองเมื่อได้ฟังคำตอบก็รู้สึกเห็นด้วยอย่างไม่มีข้อกังขาเลยค่ะ 

เพราะคนเราควรจะมีชีวิตอยู่ด้วยความซื่อตรง ไม่เห็นประโยชนต์ส่วนตนดีกว่าส่วนรวมนะคะ หากทุกคนมีน้ำใจเเบ่งปันช่วยเหลือกัน และร่วมกันดูเเลประเทศชาติ ก็จะส่งผลให้ประเทศของเราเกิดความสงบสุขได้อย่างเเน่นอนค่ะ ถึงหลายคนอาจจะพลาดโอกาสได้ร่วมชมละครเวทีเรื่อง ดั่งเม็ดทรายในแผ่นดิน นี้ เเต่พี่หวานก็เชื่อว่าทุกคนสามารถสร้างความรู้สึกและสำนึกรักในประเทศชาติได้ เพราะหัวใจที่มุ่งมั่นอยากจะทำเพื่อส่วนรวมของเเต่ละคนนั้นเปรียบได้ดั่งเม็ดทรายเม็ดเล็กๆ ที่เมื่อรวมกันเเล้วก็จะกลายเป็นแผ่นดินที่หนักแน่นได้นั่นเอง  

ส่วนครั้งหน้าพี่หวานจะมีเรื่องราวดีๆ อะไรมานำเสนออีก ก็ฝากติดตามกันด้วยนะคะ ' ^')\
 


ภาพบรรยากาศเพิ่มเติมเบื้องหลังละครเวที



 

พี่หวาน ^__^
 



 
พี่หวาน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

แมน สันติชัย Member 6 ส.ค. 59 00:36 น. 3

ยินดีกับคุณจักรสุรักษ์ด้วยครับสำหรับละครเวทีเรื่องแรก
ได้ไปดูมาเหมือนกัน เป็นประสบการณ์ที่ดีจริง ๆ

1
กำลังโหลด

3 ความคิดเห็น

กานท์ชญา Member 3 ส.ค. 59 16:42 น. 1

คุ้มค่ามาก ที่สุดของงานศิลปิน ได้พบคณาจารย์จากหลายวิชาชีพ อาจารย์ปกรณ์ พรพิสุทธิ์ และศิลปินแห่งชาติหลายๆท่าน ได้เจอผู้ชายในฝัน (พันโทวันชนะ สวัสดี) เป็นเกียรติมากๆ ทั้งยังได้ชมการแสดงที่เป็นสุดยอดของการละครเลย เนื้อเรื่อง บท แม้แต่ดนตรีประกอบ ทุกอย่างคุ้มค้่ามาก แถมได้เพื่อนที่ดีพ่วงมาด้วย และต้องขอบคุณทางเด็กดีที่ให้โอกาสนี้นะคะ กลับมาครั้งนี้เหมี่ยวได้แรงบันดาลใจในการเขียนนิยายมากๆ จนตอนนี้ก็ยังใจเต้นไม่หยุดเลยค่ะ มีความสุขจริงๆ

1
PASS21 Member 4 ส.ค. 59 09:01 น. 1-1
ดีใจที่คุณกานท์ชญาประทับใจนะคะ เย้ นี่ก็เป็นละครเวทีเรื่องเเรกเหมือนกัน รู้สึกสนุกแล้วก็ประทับใจเช่นกันเลยค่ะ ><
0
กำลังโหลด
แก้วเวียงมุก Member 4 ส.ค. 59 10:08 น. 2

แต่ละฉากบนเวทีคงจะงดงามมาก

อยากจะดูบ้าง แต่บ้านไกล

ขอบคุณที่เอามาฝากน้าค้า

ปูลู มีพี่กิกด้วย กรี๊ดดด ฮ่าๆๆๆ [bb-05]

1
PASS21 Member 4 ส.ค. 59 11:37 น. 2-1
เป็นละครเวทีที่มีการใส่ใจรายละเอียดมากเลยค่ะ ชุดนักเเสดงสวยมากกก แสงสีเสียงก็พร้อมเลยค่ะ ถ้ามีโอกาสคุณแก้วเวียงมุกต้องลองได้มาดูบ้างนะคะ หรือโอกาสหน้าเรามีเเจกรางวัลอีกฝากติดตามด้วยน้าา>< ปล.คุณกิกก็หล่อมากจริงๆ เช่นกันค่ะ555555555
0
กำลังโหลด
แมน สันติชัย Member 6 ส.ค. 59 00:36 น. 3

ยินดีกับคุณจักรสุรักษ์ด้วยครับสำหรับละครเวทีเรื่องแรก
ได้ไปดูมาเหมือนกัน เป็นประสบการณ์ที่ดีจริง ๆ

1
กำลังโหลด
กำลังโหลด