6 อันดับที่สุดของเเม่จากวรรณคดีไทย ที่เราอยากให้คุณรีบทำความรู้จัก!


เรื่องราว 6 ที่สุดของเเม่ในวรรณคดีไทย
 



สวัสดีค่ะ น้องๆ ชาวเด็กดีไรท์เตอร์ ไม่ได้พบกับพี่หวานที่คอลัมน์ "สาระวรรณกรรม" นานเเล้วเนอะ พี่หวานกลับมาเเล้วค่าาา> < เเละวันนี้พี่หวานก็ยังคงมีสาระดีๆ มุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับวรรณคดีไทยจะมานำเสนอเช่นเคย  ไหนๆ ก็เข้าสู่เดือนสิงหาคม คงจะปล่อยผ่านไม่พูดถึงวันพิเศษประจำเดือนนี้ไม่ได้เเล้ว นั่นก็คือวันเเม่เเห่งชาตินั่นเองค่ะ

 
เนื่องในโอกาส 12 สิงหาคม 2559 เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ผู้ซึ่งเป็นเหมือนเเม่ของเเผ่นดิน พระองค์ท่านทรงเป็นเเม่ที่คอยห่วงใยปวงชนชาวไทยเคียงคู่พระบารมีของในหลวง ผู้เป็นพ่อของแผ่นดินมายาวนาน พระราชกรณียกิจมากมายที่พระองค์ได้ทำเพื่อแผ่นดินนั้นนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว 
 
เเละในโอกาสวันแม่แห่งชาตินี้ พี่หวานก็เลยอยากลอง "มองมุมกลับ ปรับมุมมอง"  ขอเลือกนำเสนอด้านแซ่บสุดๆ เเละด้านดีสุดๆ ของบรรดา 6 ที่สุดของเเม่ในวรรณคดีไทย ซึ่งถ้าน้องๆ อ่านไปเรื่อยๆ จะพบว่ามีหลายลักษณะที่สามารถพบได้ในบรรดาคุณเเม่ยุคปัจจุบันอีกด้วย ส่วนแต่ละคนจะมีวิธีปฏิบัติกับลูกของตนเอง แซ่บสุด ดีสุดยังไงกันบ้าง มาดูพร้อมกันเลยดีกว่าค่ะ ^__^

 


คุณเเม่สุดแซ่บ
 

เเน่นอนว่าในวรรณคดีไทย ก็ยังคงมีมุมมองเเปลกใหม่แอบซ่อนอยู่เสมอ ในเรื่องของคุณเเม่ที่ขึ้นชื่อว่ามีความเเซ่บเเละจัดจ้านก็เช่นกัน พี่หวานพบว่าไม่ใช่เเค่วรรณกรรมของต่างประเทศเท่านั้นนะคะที่จะปรากฎเเม่เลี้ยงใจร้ายในเรื่อง วรรณคดีไทยก็มีให้พบเช่นกันนะคะ ซึ่งพี่หวานก็ได้เลือกมาสามคนด้วยกัน เเต่ละคนก็มีความ 'เเรง' ลดหลั่นกันไป 


 



 

คนที่ 1 นางไกยเกษี จากเรื่องรามเกียรติ์
: รักลูกผิดวิธี


อย่างที่รู้กันดีว่านางไกยเกษีเป็นหนึ่งในชายาของท้าวทศรถ มีลูกชายด้วยกันคือ พระพรต น้องชายของพระรามกับพระลักษณ์นั่นเองค่ะ นางไกยเกษีถือเป็นชายาคนที่สอง รองจากนางเกาสุริยาแม่ของพระราม และมีศักดิ์มากกว่านางสมุทรเทวีแม่ของพระลักษณ์กับพระสัตรุต แต่เดิมนางได้เคยสร้างคุณความดีแก่เท้าทศรถโดยการใช้แขนของตนรองแทนเพลารถเพื่อให้ท้าวทศรถสามารถทำศึกต่อไปได้ จึงประทานพรให้หนึ่งข้อไม่ว่านางไกยเกษีขออะไรก็จะให้ และในที่สุดโอกาสที่นางจะใช้พรนั้นก็มาถึง นั่นก็คือวันที่ท้าวทศรถตั้งใจจะแต่งตั้งให้พระรามขึ้นครองกรุงอโยธยาต่อไป 

พี่หวานคิดว่าท้าวทศรถไม่ใช่คนที่ลำเอียงเลือกที่รักมักที่ชัง หรือรักลูกไม่เท่ากันหรอกนะคะ ที่ตัดสินใจมอบตำแหน่งให้พระรามคงเพราะด้วยเป็นลูกชายคนโตที่เกิดกับพระชายาคนแรก อีกทั้งความสามารถก็น่าจะจัดเจนกว่าพี่น้องคนอื่นๆ แต่ด้วยความที่นางไกยเกษีนั้นรักลูกมาก(ซึ่งอาจจะมากเกินไป…) บวกกับได้รับคำยุยงจากนางค่อมกุจจี นางจึงได้เอ่ยขอให้ท้าวทศรถยกเมืองให้แก่พระพรตลูกชายของนาง และสั่งพระรามให้เข้าป่าเป็นเวลา 14 ปี ด้วยความรักที่กลัวลูกของตนเองจะไม่มีโอกาสได้ครองราชย์ หรืออาจจะมองง่ายๆ ด้วยกลัวลูกของตนเองจะต่ำต้อยกว่าคนอื่น จึงได้เอ่ยขอตำแหน่งผู้ครองกรุงอโยธยาคนต่อไปจากท้าวทศรถ

แม้ว่านางไกยเกษีจะรักลูกมากจนลืมคิดถึงความผิดชอบชั่วดี ทำให้ข้ามหัวคนอื่นไป แม้ว่าลูกคนอื่นจะต้องลำบากนางก็ไม่สนใจ ขอให้ลูกของตัวเองได้ครองราชย์ก็พอ โดยอาจจะลืมคิดไปรึเปล่าว่าพระพรตจะดีใจที่ได้รับตำแหน่งมาจากการแย่งพี่ชายของตนเองจริงหรือ… จากเหตุการณ์ข้างต้นเนี่ย ถ้าพี่หวานเป็นพระพรตคงจะรู้สึกไม่สบายใจมากเหมือนกันนะคะ มันคงเหมือนเราไปแย่งของที่ไม่ใช่ของเรามาและคนนั้นก็คือพี่ชายคนโตของเราเองแท้ๆ ถึงได้ครองราชย์ก็คงจะไม่มีความสุข พระพรตจึงตั้งใจว่าจะดูแลบ้านเมืองไว้รอให้พระรามกลับมาขึ้นครองราชย์  ก็จะเห็นได้ชัดเจนเลยนะคะว่านางไกยเกษีออกจะเป็นแม่ที่มีความคิดว่าลูกตนต้องได้สิ่งที่ดีที่สุด แม้จะทำให้ลูกคนอื่นต้องลำบากก็ไม่สนใจทั้งนั้น
 


คนที่ 2 นางศรีประจัน จากเรื่องขุนช้างขุนแผน
: เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่


มาถึงคนที่สองคือนางศรีประจัน ผู้เป็นแม่ของนางวันทอง(หรือชื่อเดิมคือ นางพิมพิลาไลย) เรื่องราวของนางศรีประจันกับนางวันทองเป็นความสัมพันธ์แม่ลูกที่มีการปะทะคารมอยู่บ่อยครั้ง แต่เหตุการณ์ที่พี่หวานเลือกให้นางศรีประจันเป็นแม่ที่เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ก็คือตอนที่นางบังคับให้นางวันทองต้องแต่งงานกับขุนช้าง โดยเล็งเห็นว่าขุนแผนคงจะตายในสนามรบไปแล้ว และไม่อยากให้ลูกต้องโดนจับตัวไป หรือต้องเป็นหม้ายตั้งแต่ยังสาว นางจึงใช้ความเป็นแม่จัดการให้วันทองแต่งงานกับขุนช้างและจับเข้าห้องหอร่วมกันในที่สุด โดยไม่ได้สนใจความรู้สึกที่แท้จริงของวันทองเลยว่า นางรักขุนแผนต่างหากไม่ใช่ขุนช้าง

พี่หวานก็พอจะเข้าใจความคิดของนางศรีประจันนะคะ อาจจะเพราะในตัววรรณคดีไม่ได้กล่าวถึงพ่อของนางวันทองมากนัก จึงมีการแสดงออกเหมือนให้นางศรีประจันต้องเลี้ยงนางวันทองมาโดยลำพัง การตัดสินใจอะไรก็ต้องคิดเพียงคนเดียวก็เลยพลอยไม่ได้ฟังความคิดเห็นของลูกตนเองไปด้วย จึงอาจจะมีความคิดว่าอยากให้นางวันทองได้อยู่สบาย ซึ่งการจะมีชีวิตสุขสบายเรื่องเงินทองเป็นสิ่งสำคัญค่ะ(จริงๆ แล้วเงินอาจจะไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด แต่เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเงินช่วยให้เราทำอะไรหลายอย่างสะดวกขึ้นจริงๆ นะคะ) นางศรีประจันคงมีความคิดว่า ถึงขุนช้างจะรูปร่างหน้าตาไม่ดีแต่ว่ามีเงินทองมากมายพอที่จะเลี้ยงลูกสาวของตนได้แน่นอน  อีกทั้งปักใจเชื่อว่าขุนแผนตายไปแล้ว นางจึงจัดการตามความคิดของตนเองเพราะเข้าใจว่านี่จะเป็นทางออกที่ทำให้วันทองมีความสุขที่สุดนั่นเองค่ะ

 

คนที่ 3 นางจันทรเทวี จากเรื่องยอพระกลิ่น
: ต้นแบบของแม่สามีที่ไม่ถูกกับลูกสะใภ้
 


มาถึงคุณแม่สุดแซ่บคนสุดท้าย พี่หวานขอเสนอชื่อนางจันทรเทวี แม่ของพระมณีพิไชย จากเรื่องยอพระกลิ่นเข้าประกวดค่ะ หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องราวระหว่าง แม่ผัวกับลูกสะใภ้ บ้างใช่มั้ยคะ พี่หวานจะบอกเลยว่าเรื่องราวของนางจันทรเทวีนี่แหละค่ะที่เป็นเหมือนต้นฉบับเลย เพราะว่าการมีปัญหากันระหว่างคุณแม่สามีและลูกสะใภ้ไม่ได้เพิ่งมีในปัจจุบัน แต่ในวรรณคดีไทยก็ปรากฎมานานแล้ว

เรื่องของเรื่องเริ่มต้นจากตอนที่พระมณีพิไชยออกเดินป่าแล้วได้กลิ่นหอมของลอยออกมาจากต้นไผ่ ซึ่งผู้ที่เป็นเนื้อคู่กับนางเท่านั้นจึงจะผ่าต้นไผ่และได้พบกับนางได้ ในที่สุดพระมณีพิไชยก็ได้พบกับนางยอพระกลิ่นที่อยู่ในต้นไผ่ จึงนำตัวนางกลับไปที่เมืองด้วยแต่ไม่บอกใคร และซ่อนตัวนางเอาไว้ในปราสาทของตน ฝ่ายทางพระบิดาและมารดาของพระมณีพิไชยได้ทำการพูดคุยตกลงจะให้พระมณีพิไชยหมั้นหมายกับเจ้าหญิงแห่งปักกิ่ง เมื่อกลับมาถึงพระมณีพิไชยถ่วงเวลาไม่ไปเข้าเฝ้า จนท้าวพิไชยนุราชและพระนางจันทรเทวีต้องมาหาถึงปราสาททำให้เรื่องของนางยอพระกลิ่นความแตกในที่สุด ส่วนตัวท้าวพิไชยนุราชไม่ได้ติดใจอะไรผิดกับพระนางจันทรเทวีที่ไม่ชอบนางยอพระกลิ่น ความเป็นแม่สามีจึงเริ่มออกฤทธิ์ ทั้งใส่ความ ใส่ร้าย และสร้างเหตุการณ์ไม่ดีสารพัดเพื่อที่จะขับไล่นางยอพระกลิ่นออกไปจากเมือง 

พี่หวานคิดว่าพระนางคงจะเป็นแม่ที่ยึดถือในความเหมาะสมกันทางฐานันดร หากพระมณีพิไชยจะต้องแต่งงานก็สมควรได้แต่งกับคนที่คู่ควรอย่างเจ้าหญิงจากปักกิ่งมากกว่าจะเป็นนางยอพระกลิ่นที่เกิดจากต้นไผ่ในป่า จึงทำให้พระนางจันทรเทวีตัดสินใจกลั่นแกล้งลูกสะใภ้คนนี้สารพัดวิธี โดยไม่สอบถามความรู้สึกของลูกชายตนเองเลยว่าต้องการสิ่งใด ทั้งๆ ที่พระมณีพิไชยก็รักนางยอพระกลิ่นแต่เมื่อเห็นเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้น ก็ต้องจำใจปล่อยให้นางต้องออกไปจากเมืองในที่สุด (ความร้ายกาจของแม่สามีในอดีตก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคุณแม่สามีหลายท่านในปัจจุบันเลยนะคะเนี่ย )


 

คุณเเม่เเสนดี
 

มาถึงในส่วนของคุณแม่แสนดีกันบ้างดีกว่า มาดูกันซิคะว่าคุณเเม่ในวรรณคดีไทยที่เป็นสุดยอดคุณเเม่ ที่รักลูกมากชนิดที่ว่าต่อให้ตัวต้องตายก็ขอทำเพื่อลูกจนวินาทีสุดท้าย! ความรักของเเม่นี่เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่จริงๆ นะคะ 

 


 

คนที่ 1 นางพันธุรัตน์ จากเรื่องสังข์ทอง
: รักและดูแลเหมือนลูกแท้ๆ ทั้งที่ไม่ใช่ลูกตนเอง


สำหรับตัวแม่คนแรกในด้านดีกับลูกแบบสุดๆ ที่พี่หวานจะนำเสนอก็คือ นางยักษ์พันธุรัตน์ ผู้เป็นเหมือนแม่ของพระสังข์นั่นเองค่ะ อย่าเพิ่งคิดว่าเป็นนางยักษ์แล้วจะต้องใจร้ายอย่างเดียวนะคะ จากที่พี่หวานเคยเรียนมาพี่หวานต้องขอยกรางวัลแม่ดีเด่นให้แก่นางพันธุรัตน์ไปเลย เพราะว่านางเป็นแม่ที่รักลูกอย่างสุดชีวิต แม้ว่าลูกที่ทั้งรักและฟูมฟักมาตั้งแต่ยังเล็กไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของตัวเองก็ตาม

แม้นางพันธุรัตน์จะเป็นยักษ์แต่ว่ากลับมีจิตใจและความรักที่บริสุทธิ์ เฝ้ารักและดูแลพระสังข์มาอย่างดีตั้งแต่เล็กจนโตเป็นเวลากว่า 15ปี เลยนะคะ ครั้งแรกที่นางได้เจอกับพระสังข์นั้นเป็นตอนที่พระสังข์ถูกคนของนางจันทาเทวี พระมเหสีรองของท้าวยศวิมลลักพาตัวไปถ่วงน้ำ จนได้ท้าวภุชงค์พญานาคช่วยชีวิตเอาไว้ ก่อนจะนำไปฝากฝังให้นางยักษ์พันธุรัตน์เป็นผู้ดูแล นางสั่งให้บริวารแปลงกายเป็นมนุษย์และห้ามไม่ให้พระสังข์ไปเที่ยวเล่น ณ ปราสาทลับแห่งหนึ่ง ด้วยกลัวความจะแตกว่านางไม่ใช่มนุษย์ แต่แล้วความจริงก็ถูกเปิดเผยในวันหนึ่ง และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้พระสังข์ตัดสินใจหนีจากนางพันธุรัตน์มา เฮ้อ… หัวอกคนเป็นแม่นี่คะ ถึงเขาจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่เราก็เลี้ยงดูมาตั้งนาน ถึงรู้ว่าลูกจะหนีไปก็ยังไม่วายห่วงกลัวลูกจะอดตาย เพราะแต่เดิมเคยมีบริวารดูแลมาตลอด นางพันธุรัตน์ก็เลยฝากมหาจินดามนตร์สำหรับเรียกเนื้อเรียกปลาให้แก่พระสังข์มาศึกษาไว้เลี้ยงชีพอีกด้วย ทีนี้เชื่อพี่หวานรึยังคะว่านางพันธุรัตน์เหมาะสมที่จะไดรับตำแหน่งแม่ดีเด่นจริงๆ นะคะเนี่ย

 

คนที่ 2 นางบุญเหลือ จากเรื่องลิลิตพระลอ 
: ยอมได้ทุกอย่าง ถ้าเป็นความสุขของลูก 


คนต่อมาคือ นางบุญเหลือมารดาของพระลอ ก็เป็นอีกคนที่ขึ้นชื่อในเรื่องของแม่ที่รักลูกมาก ถ้าใครเคยอ่านเรื่องลิลิตพระลอจะพบว่า ในตอนที่พระลอโดนพระเพื่อนพระแพงทำเสน่ห์ใส่ จนรู้สึกร้อนรุ่มต้องการจะเดินทางไปยังเมืองสรองให้ได้นั้น นางบุญเหลือก็ได้พยายามหาทางแก้และต่อต้านมนต์เสน่ห์เหล่านั้นทุกทางเพื่อปกป้องลูกชายของตน จะมีเหตุการณ์หนึ่งที่พี่หวานได้อ่านตัวบทแล้วยิ่งรู้สึกได้ถึงความรักที่นางบุญเหลือมีต่อพระลออย่างมาก นั่นก็คือบทประพันธ์ด้านล่างนี้เองค่ะ พี่หวานได้ยกมาไว้ให้แล้ว
 


 

น้องๆ อ่านแล้วรู้สึกเหมือนพี่หวานมั้ยคะว่านางบุญเหลือนั้นรักพระลอซะยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง อยากจะจูบขวัญลูก ตั้งแต่หัวลงมาจนถึงตอนที่นางยกเท้าลูกใส่หัวตัวเองด้วยนั้น พี่หวานรับรู้ได้เลยว่านางคงจะรักมากจริงๆ และยิ่งเห็นพระลอมีความทุกข์ทรมานอยากจะไปหาพระเพื่อนพระแพงให้ได้ นางก็จูบลาลูกชายทั้งน้ำตา ถึงจะไม่อยากให้ไปแต่ก็ทนเห็นลูกทรมานไม่ได้ จึงตัดสินใจปล่อยพระลอไปในที่สุด

ถ้าเป็นปัจจุบัน การจะกอดหรือหอมแก้มกันระหว่างแม่กับลูกก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรใช่มั้ยคะ แต่ในสมัยนั้นพี่หวานคิดว่าออกจะแปลกอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะการที่นางบุญเหลือจูบลาพระลอไปทั่วจนถึงจูบเท้า แต่ด้วยความรักของแม่ที่ล้นปรี่เมื่อรู้ว่าหากปล่อยให้พระลอไป จะไม่มีโอกาสได้พบกันอีกครั้งแน่ ก็ทำให้พี่หวานเข้าใจเลยล่ะค่ะว่าการจูบสั่งลาของนางบุญเหลือก็เหมือนการจดจำทุกๆ ส่วนของลูกชายที่ตัวเองรักเอาไว้นั่นเองค่ะ


 



 

คนที่ 3 เเม่วัว จากเรื่องหลวิชัย คาวี
: แม่ผู้มีจิตใจเมตตา
 


มาถึงคุณเเม่เเสนดีในวรรณคดีไทยคนสุดท้ายที่พี่หวานเลือกมานำเสนอแล้วนะคะ น้องๆ คงจะเคยได้ยินตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับ "เสือ" เเละ "วัว" ที่เป็นพี่น้องกันมาบ้างใช่มั้ยคะ เรื่องราวนั้นเป็นเรื่องเล่าจากเรื่อง หลวิชัยคาวี นั่นเองงง ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับลูกเสือกับลูกวัวสองตัวเป็นพี่น้องกัน เเต่พี่หวานจะเล่าความเดิมก่อนเลยนะคะว่าจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์สัตว์สองตัวนี้เป็นมายังไง 

จากเรื่องเล่าบอกว่ามีเเม่เสือและแม่วัวที่ต่างก็เลี้ยงดูลูกของตัวเองมาอย่างดี วันหนึ่งที่เเม่เสือออกไปหาอาหารปล่อยให้ลูกเสืออยู่ตามลำพัง เเละเกิดหิวขึ้นมา จึงออกเดินตามหาเเม่เสือเเต่ก็ไม่พบ มาเจอกับเเม่วัวที่กำลังให้นมลูกวัวกินอยู่ เเม่วัวเห็นลูกเสือเดินหิวโซมาก็เกิดความสงสารคิดจะเเบ่งนมของตนเองให้ลูกเสือกิน เเละจากเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นต้นมาเเม่วัวก็เลี้ยงลูกเสือกับลูกวัวด้วยกัน จนกระทั่งเเม่เสือกลับมาตามหาลูก แม่เสือแสร้งเป็นเสือใจดีเมื่ออยู่ต่อหน้าเเละได้ให้สัญญาว่าจะไม่ทำร้ายเเม่วัวเเละลูกวัวเด็ดขาด เเต่เเล้ววันหนึ่งเเม่เสือก็แอบตามแม่วัวออกไป ก่อนจะจัดการกินเเม่วัวเป็นอาหาร ลูกเสือมาพบเข้าก็ทั้งผิดหวังโกรธเเละเสียใจ เเต่ก็ระลึกถึงบุญคุณของน้ำนมเเม่วัวที่เลี้ยงตนมา จึงเข้าทำร้ายเเม่เสือ หลังจากผ่านเรื่องราวเลวร้ายมาได้ทั้งลูกเสือและลูกวัวก็ตัดสินใจออกเดินทางด้วยกันเเละรักกันราวกับเป็นพี่น้องเเท้ๆ จนกระทั่งไปเจอฤาษีก่อนจะได้รับการชุบชีวิตให้กลายเป็นชายหนุ่มพี่น้องสองคนนั่นก็คือ ลูกเสือชื่อหลวิชัย เเละ ลูกวัวชื่อคาวี นั่นเองค่ะ

ที่พี่หวานเลือก เเม่วัว เเม่ของคาวีมาเป็นหนึ่งในคุณเเม่เเสนดีก็เพราะพี่หวานคิดว่า ตัวเเม่วัวจะต้องรู้อยู่เเล้วว่าลูกเสือยังไงก็เป็นเสือ เเต่เพราะความสงสารเเละจิตใจที่มีความเมตตาจึงยอมเเบ่งนมของตัวเองเเละเลี้ยงดูลูกเสืออย่างดีราวกับเป็นลูกของตัวเอง เเม้ว่าในตอนสุดท้ายจะต้องตายด้วยน้ำมือของเเม่เสือก็ตาม ไม่ว่าลูกเสือจะเป็นลูกใครเเต่เเม่วัวก็ยินดีจะเลี้ยงดูไว้เหมือนเป็นลูกตัวเอง เเสดงให้เห็นถึงหัวใจของคนที่เป็นเเม่อย่างเเท้จริง 
 


 

อ่านมาถึงตรงนี้กันเเล้วพี่หวานก็อยากบอกว่า เรื่องราวของแม่ในวรรณคดีไทยไม่ได้มีเเค่ที่พี่หวานเล่ามาข้างต้นนะคะ ยังมีแม่ในอีกหลายรูปแบบ ในอีกหลายเรื่องที่มีประเด็นน่าสนใจศึกษาต่อไป เเต่สิ่งที่พี่หวานจะนำเสนอเนื่องในโอกาสวันเเม่เเห่งชาตินี้ก็คือ ต่อให้เเม่จะเป็นคนที่ใจร้ายที่สุดหรือใจดีที่สุด สิ่งสำคัญที่สุดในหัวใจของคนเป็นแม่ก็คือ "ลูก" อยู่ดีค่ะ 

ถึงบรรดาคุณเเม่สุดแซ่บจะไม่ได้มีวิธีนุ่มนวลที่แสดงออกว่ารักลูกมากเท่าคุณเเม่เเสนดี เเต่สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายมีเหมือนกันก็คือความรักลูก อยากให้ลูกได้รับในสิ่งที่ดีที่สุดนั่นเองค่ะ ยังไงซะ เเม่ก็คือเเม่นะคะน้องๆ ใครที่เคยน้อยใจหรือเผลอโกรธคุณเเม่ว่า ทำไมเเม่ไม่รักฉัน ไม่ดูเเลฉันให้เหมือนเเม่คนนั้นของเพื่อนเลยล่ะ?  พี่หวานตอบเเทนได้เลยนะคะว่าไม่มีเเม่คนไหนไม่รักลูกแน่นอน เพียงเเค่คุณเเม่ของเเต่ละคนจะมีการแสดงออกมาอย่างไรก็เท่านั้น ยังไงก็อย่าน้อยใจท่านไปเลยนะคะ ไหนๆ ก็เป็นวันเเม่เเล้ว เข้าไปกอดคุณเเม่เเน่นๆ เเล้วบอกรักท่านเบาๆ ให้ชื่นใจ เท่านี้ก็เป็นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับคนเป็นเเม่แล้วค่ะ


แล้วพบกันใหม่บทความหน้านะคะ ^___^

พี่หวาน


 

ขอบคุณข้อมูลเเละรูปภาพจาก

คุณดอกบัวบานกลางสระแก้ว
คุณ Nida, YAMMY YAM
หนังสือกุลสตรี เรื่องนางในวรรณคดี(มาลัย, 2536)
http://www.academia.edu/10526070/หลวิชัยคาวี_ความสัมพันธ์_กับวรรณคดีสันสกฤต
http://maewwarunee.blogspot.com/p/blog-page_3821.html
https://www.etsy.com/shop/KatHannah
http://www.kaweeclub.com/b35/t1036/
http://www.thaigoodview.com/library/contest1/thai04/04/suriyothai/sriprajun.htm​​
http://storyuponme.blogspot.com/2014/06/2-1.html
http://www.intouchcompany.com/2012wanakam/p2.asp?pic_code=06-008&edu_group=3


 

พี่หวาน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

มัณทนา Member 11 ส.ค. 59 17:36 น. 1

ตอนอ่านมหากาพย์รามายณะกับรามเกียรติ์

อยากกระโดดเข้าไปตบนางค่อมกุจจี (ในมหากาพย์รามายณะ ชื่อ นางค่อมมนถรา) มาก

จริงๆนางไกยเกษีไม่ได้ร้ายกาจอะไรหรอก ออกจะรักพระรามเหมือนลูกตัวเอง

แต่ถูกนางค่อมกุจจีซึ่งเป็นพระพี่เลี้ยงยุยงก็เลยร้าย

นางค่อมกุจจีแค้นพระรามที่เคยถูกพระรามในวัยเด็กโก่งธนูแกล้ง (พระรามแอบร้ายตั้งแต่เด็ก)

2
PASS21 Member 15 ส.ค. 59 12:24 น. 1-1
จริงค่ะ ทีเเรกนางไกยเกษีก็ไม่ได้มีความคิดแบบนี้เเต่เพราะได้คำยุจากนางค่อมกุจจีนี่แหละเป็นเชื้อไฟที่แรงกล้าตกใจ
0
กำลังโหลด

2 ความคิดเห็น

มัณทนา Member 11 ส.ค. 59 17:36 น. 1

ตอนอ่านมหากาพย์รามายณะกับรามเกียรติ์

อยากกระโดดเข้าไปตบนางค่อมกุจจี (ในมหากาพย์รามายณะ ชื่อ นางค่อมมนถรา) มาก

จริงๆนางไกยเกษีไม่ได้ร้ายกาจอะไรหรอก ออกจะรักพระรามเหมือนลูกตัวเอง

แต่ถูกนางค่อมกุจจีซึ่งเป็นพระพี่เลี้ยงยุยงก็เลยร้าย

นางค่อมกุจจีแค้นพระรามที่เคยถูกพระรามในวัยเด็กโก่งธนูแกล้ง (พระรามแอบร้ายตั้งแต่เด็ก)

2
PASS21 Member 15 ส.ค. 59 12:24 น. 1-1
จริงค่ะ ทีเเรกนางไกยเกษีก็ไม่ได้มีความคิดแบบนี้เเต่เพราะได้คำยุจากนางค่อมกุจจีนี่แหละเป็นเชื้อไฟที่แรงกล้าตกใจ
0
กำลังโหลด
PASS21 Member 15 ส.ค. 59 13:27 น. 2-1
นางมัทรีเป็นเเม่ที่รักลูกมากเช่นกันค่ะ ดูได้จากที่นางฝันว่ามีคนมาควัดเอาลูกตาไปเเล้ววันต่อมาชูชกก็มาขอลูกไปเเล้ว ซึ่งคนนี้ก็รักลูกมากแทบจะขาดใจตามเลยT^T เเต่ในเรื่องมันออกจะเน้นไปในทางสนับสนุนพระเวสสันดรให้บรรลุมากกว่าค่ะ เลยไม่ได้ยกมา เเต่ขอบคุณน้าที่มาเเสดงความเห็นเยี่ยม
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด