จากนักเขียนสยองขวัญสู่เส้นทางนักเขียนหน้าใส, Porshenocchio

จากนักเขียนสยองขวัญสู่เส้นทางนักเขียนหน้าใส
Porshenocchio


สวัสดีชาวไรเตอร์ทุกคนค่ะ ใกล้แล้วนะคะกับโครงการนักเขียนหน้าใสที่รอคอย เชื่อว่าน้องๆ รออีกไม่นานแน่นอนค่ะ วันนี้พี่น้ำผึ้งก็เลยชวนอีกหนึ่งเจ้าของรางวัลนักเขียนหน้าใสปี 8 มาพูดคุยกับน้องๆ ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคชนะใจกรรมการหรือแม้แต่ผลงานใหม่ล่าสุดของนักเขียนหนุ่มรูปหล่อ เอาล่ะค่ะ พี่รู้แล้วนะว่าน้องๆ อยากเจอเขาเเล้ว ถ้าอย่างนั้นมาพบกับ "Porshenocchio" กันเลยดีกว่าค่ะ

 
Porshenocchio บัณฑิตหนุ่มป้ายแดง เจ้าของรางวัลนักเขียนหหน้าใสปี 8

 
สวัสดีจ้า ทักทายคนอ่านและเพื่อนๆ นักเขียนหน่อยค่ะ
Porshenocchio: สวัสดีพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ชาวเด็กดีทุกคนนะครับ อย่าเพิ่งทำหน้างงว่า เอ๊ะ นักเขียนคนนี้เป็นใคร กำลังจะแนะนำตัวให้รู้จักกันเดี๋ยวนี้ละครับ ชื่อเล่นว่า พอร์ช ครับ นามปากกา Porshenocchio อ่านว่า พอร์ชน็อคคิโอ เรียนจบจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ครับ ตอนนี้เป็นนักเขียนของสำนักพิมพ์แจ่มใสครับ
 
นามปากกานี้ได้แต่ใดมาคะ
Porshenocchio: จริงๆ แล้วนามปากกว่าคือคิดง่ายๆ เลย เอาชื่อเล่นตัวเอง มาผสมกับตัวการ์ตูนหุ่นไม้จมูกยาวที่ชื่นชอบตอนเด็กนั่นเอง Porshe + Pinocchio จนตู้ม! กลายมาเป็น Porshenocchio ในที่สุด อาจจะอ่านยากกันนิดหนึ่งเนอะ แหะๆ
 
มาเป็นนักเขียนได้ยังไงเอ่ย
Porshenocchio: พอร์ชมาจาก แถ่น แทน แท้น (รัวกลอง) โครงการ ‘นักเขียนหน้าใส’ นั่นเองครับ แต่เป็นปี 8 นะ ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 มาครอบครอง ฮิ้ววว จากนั้นก็เลยได้มาเป็นนักเขียนแห่งบ้านสีส้มที่แสนน่ารักหลังนี้ครับ
 
ทำไมถึงอยากมาเป็นนักเขียนล่ะคะ
Porshenocchio: เรามานั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลาไปสมัยปี พ.ศ.25… เดี๋ยวๆ ไม่เอา คนอื่นรู้ความแก่หมด แหะๆ เริ่มต้นแล้ว พอร์ชเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เป็นคนที่เข้าห้องสมุดบ่อยมากจนครูบรรณารักษ์เบื่อขี้หน้าเลยทีเดียว ฮา นั่นแหละครับ นักเขียน... เริ่มต้นมาจากการที่เราเป็นนักอ่าน พอร์ชรู้สึกว่าเวลาเราอ่านหนังสือเหมือนเราได้หายตัวเข้าไปอยู่ในโลกในหนังสือ ตัดขาดจากโลกภายนอก ซึ่งมันเป็นอะไรมหัศจรรย์มาก (ตอนเด็กๆ รู้สึกแบบนี้จริงๆ) เฮ้ย! แค่ตัวอักษรร้อยเรียงอยู่บนหน้ากระดาษ ทำไมถึงทำให้เราได้ก้าวเข้าไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งได้ขนาดนี้ มันเจ๋งมากเลยนะนาย
 

ความฝันสำเร็จแล้ว
 
หลังจากนั้นพอร์ชก็เริ่มมีไฟอะไรบางอย่างส่องแสงมาให้เห็นจากที่ไกลๆ นั่นคือ แสงสว่างของนักเขียน ที่เราเห็นแล้วอยากเดินเข้าไปหามันมากๆ ถ้าเรามีหนังสือเป็นของตัวเอง แล้วทำให้คนอื่นได้หลุดเข้ามาอยู่ในโลกเดียวกันกับเรา หรือทำให้คนอ่านรู้สึกแบบที่เรารู้สึกตอนอ่านหนังสือได้ มันเป็นอะไรที่อะเมซิ่งมากๆ เลยใช่มั้ยล่ะ
 
ก่อนเขียนนิยายแนว JLS เคยเขียนนิยายแนวอืนไหมคะ 
Porshenocchio: ยอมรับเลยว่าเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนว สยองขวัญ-เลือดสาด ครับ จริงๆ แล้วพอร์ชเป็นคนชอบดูหนังแนวนี้ ประจวบเหมาะกับอยากลองเริ่มต้นเขียนนิยายแบบจริงๆ จังๆ เลยหยิบคาเรกเตอร์เพื่อนๆ ในห้องสรรสร้างเป็นตัวละครให้มาหนีเอาชีวิตรอดจากฆาตรกรครับ พอเขียนจบได้ก็ลองเอาให้เพื่อนอ่าน ปรากฏว่า...มันบู้มมาก คือเพื่อนในห้องยืมพลัดกันอ่านต่อไปเรื่อยๆ จนกระดาษยุ้ยไปหมด แถมยังเรียกร้องขอภาคต่อ เราเลยจัดให้ไปเลย!
 
แล้วทำไมถึงหันหัวเรือมาเขียนนิยายแนว JLS ล่ะคะ
Porshenocchio: มันอยู่ในช่วงเดียวกันเลยกับที่เราเขียนแนวสยองขวัญครับ พอร์ชอยากอ่านอะไรใหม่ด้วย เลยหยิบนิยายรักวัยรุ่นขึ้นมาอ่าน เรื่องแรกๆ เลยคือ ‘รักเต็มร้อยจากเท็ดดี้บอยสุดเฮ้ว’ (บ่งบอกถึงอายุ) คืออ่านแล้วชอบมาก อินมาก จนอยากลองเขียนแนวนี้บ้าง ก็ลงมือเขียนนิยายแนวรักวัยรุ่นเรื่องแรกตอนอายุ 14 เขียนจบก็ลองให้เพื่อนอ่านเหมือนเดิม หลังจากนั้นก็เริ่มคิดส่งให้สำนักพิมพ์แจ่มใสพิจารณาครับ แต่ก็ไม่ติดหรอก เพราะฝีมือตอนนั้นไก่กาอาราเล่มากๆ กลับไปอ่านแล้วยังตลกตัวเองที่กล้าเขียนอะไรแบบนั้นลงไปได้ยังไง  
 
ส่งประกวดนักเขียนหน้าใสตั้งแต่เมื่อไรคะ
Porshenocchio: ต้องบอกเลยว่าพอร์ชติดตามโครงการนี้มานานมาก ตั้งแต่เรียนอยู่มัธยมเลยด้วย และเริ่มส่งผลงานเข้าประกวดครั้งแรกตอนนักเขียนหน้าใสปี 4 ครับ ผลที่ได้คือ...ไม่ผ่านเข้ารอบเลยสักครั้งเดียว ตอนนั้นรู้สึกท้อนะ แต่ก็ใช้ความท้อนั้นให้เป็นประโยชน์ โดยการเปลี่ยนความท้อให้เป็นการกำลังใจตัวเองว่า...การเริ่มต้นไม่มีอะไรที่ง่ายหรอก เราต้องพัฒนาฝีมือไปอีกเยอะ พอร์ชเลยส่งผลงานมาทุกๆ ปีเลยนะครับ แต่ก็ผิดหวังตลอดเช่นเคย เพิ่งมาสมหวังเข้ารอบ 20 คนกับคนอื่นเขาก็ปาเข้าไปปีที่ 8 แล้วครับ จริงๆ แล้วเกือบไม่รอดแล้วด้วยเพราะอายุเกินกำหนด แต่โชคดีที่โครงการปี 8 นั้นขยายช่วงอายุ พอร์ชเลยส่งผลงานเข้าประกวดครับ
 

ผลงานที่ส่งเข้าประกวดนักเขียนหน้าใสปี 8 ค่ะ
 
พูดถึงประสบการณ์นักเขียนหน้าใสหน่อยค่ะ
Porshenocchio: พอรู้ว่าเราเข้ารอบ 20 คนสุดท้ายจากทั่วประเทศ เราก็ต้องรีบเตรียมตัว เพราะต้องลงตอนต่อไปให้กรรมการอ่านวีคละ 1 ตอน เรียกได้ว่าเป็นการแข่งขันที่ทั้งตื่นเต้น หวาดเสียว เคล้าน้ำตา และเครียดมาก คือเราไม่รู้เลยว่าในแต่ละวีคนั้นใครจะตกรอบ เพราะผลงานแต่ละคนมีที่จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์มากๆ เราจึงต้องทำผลงานของเราให้ออกมาให้ดีที่สุดครับ และยิ่งเห็นคะแนนโหวตแล้วหัวใจยิ่งเต้นตุบๆ รั้งท้ายตลอด ฮา 
 
มีเทคนิคอะไรที่มัดใจคณะกรรมการบ้างคะ
Porshenocchio: จริงๆ พอร์ชยังไม่ได้เขียนนิยายเก่งจนมีทริคเด็ดๆ อะไรเลยนะครับ ยังต้องฝึกมือไปอีกเยอะ แต่ถ้าเป็นเทคนิคที่พอร์ชใช้คือ คิดก่อนอันดับแรกว่า...เราจะส่งเรื่องอะไรเข้าประกวด? คิดนานมากกับคำถามนี้ จนตัดสินใจเลือกเรื่องที่เป็นแนวที่เราชื่นชอบและคิดว่าทำได้ดีส่งประกวดครับ พอเข้ารอบมาแล้วต้องมาวางแผนต่อว่า เราจะทำยังไงที่จะส่งนิยายของเราให้เข้ารอบลึกๆ ได้ พอร์ชเลือกใช้ทริคนี้ครับ คือ เนื้อเรื่องที่น่าติดตามกับการพัฒนาของตัวละคร อย่าลืมว่านี่คือการแข่งขัน ยิ่งเป็นการแข่งขันที่มีการคัดออกด้วย ถ้าเรื่องมันไม่น่าอ่านตอนต่อไปหรือเนื้อเรื่องย่ำอยู่กับที่ เราก็จะเสียคะแนนตรงนี้ไปด้วย เราจึงต้องวางแผนให้ดี จะดำเนินเรื่องยังไงให้มันน่าติดตาม พยายามตัดจบตอนให้น่าติดตามเหมือนเวลาเราดูซีรี่ส์ประมาณนั้นครับ
 

ระหว่างแจกลายเซ็น
 
ส่วนการพัฒนาของตัวละคร อันนี้ก็จำเป็นครับ เพราะถ้าเรื่องมันไม่เดินเลยย่ำอยู่กับที่มันก็จะดูไม่น่าสนใจและน่าเบื่อได้ เราจึงต้องเลือกซีนที่มันสามารถขับเคลื่อนตัวละครของเราและเนื้อเรื่องให้เดินไปข้างหน้าได้ เราต้องทำให้คนอ่านและกรรมการอ่านแล้วรับรู้ว่าเรื่องเดินนะ และมันมีอะไรให้ติดตามต่อในตอนหน้าด้วยนะอะไรแบบนี้ครับ แต่ไม่ใช่ว่าจะแนะนำให้ส่งแนวสืบสวนเข้ามานะ จริงๆ แนวรักๆ กุ๊กกิ๊กก็สามารถทำให้น่าติดตามได้เช่นกัน ในโครงการก็บอกแล้วว่าต้องเป็นแนว JLS มันจึงต้องยึดแจ่มใสเลิฟซีรี่ส์เป็นหลัก
สรุปแล้วเราต้องวางแผนมาไว้ก่อนแล้วว่าบทนี้เราจะสื่อถึงอะไร บทนี้เราจะปล่อยหมัดเด็ดอะไร พยายามทำให้กราฟของเรื่องมันไล่ลำดับสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เรียบเป็นเส้นตรง สุดท้ายแล้วเขียนอะไรที่เราถนัดที่สุดผลมันจะออกมาดีที่สุดครับ และนักอ่านจะสัมผัสได้เช่นกัน ไม่อยากให้ฝืนทำอะไรที่เราไม่ชอบหรือไม่ใช่ทาง
 
หาแรงบันดาลใจในการสร้างพล็อตได้ที่ไหนบ้างคะ
Porshenocchio: มันมาได้หลายอย่างเลยนะครับ เช่น ฟังเพลง ดูหนัง อ่านหนังสือ ท่องเที่ยว อะไรพวกนี้ คือพล็อตและแรงบันดาลใจมันลอยอยู่รอบตัวเราเนี่ยแหละ เพียงแค่เราจะมองเห็นและจับจุดมันได้หรือเปล่าก็เท่านั้น พอได้พล็อตมาแล้วเรามีหน้าที่เพาะมันออกมาให้กลายเป็นเนื้อเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ การที่เราได้พล็อตที่เราชอบหรือพล็อตที่คิดแล้วว่ามันใช่เลย ต้องพล็อตนี้เลย มันจะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เราเขียน ขับเรื่อง ตัวละครให้ไปยังเส้นชัยของเรื่องได้เองครับ ถ้าเราไม่ชอบพล็อตซะเองเราก็คงไม่อยากเขียนต่อจนจบหรอกใช่มั้ยล่ะ
 
เวลาเขียนเคยรู้สึกตัน คิดไม่ออก เขียนไม่ได้บ้างมั้ย แล้วแก้ยังไง

Porshenocchio: ต้องตอบดังๆ อย่างหนักแน่นเลยว่า...เคยสิครับ! พอร์ชรู้สึกว่ามันเป็นเหมือนไวรัสที่แฝงตัวอยู่ในนักเขียนทุกคน เพียงแค่มันจะแสดงอาการมาบั่นทอนเราช่วงไหน เวลาไหนมากกว่า และเราจะตั้งรับมือกับไวรัสตันนี้ยังไง สำหรับพอร์ชแล้วถ้ารู้สึกว่าโดนไวรัสสมองตันเล่นงาน ก็จะไปพบคุณหมอรับยามากิน ไม่ใช่ละ! ยาที่แท้จริงมันอยู่ที่ตัวเราเนี่ยแหละ เพียงแค่วางปากกา ละมือจากคีย์บอร์ด เดินออกไปกินน้ำ สูดอากาศ หรือหาอะไรทำที่มันจะทำให้เราเลิกคิด และลืมเรื่องที่กำลังเขียนไปก่อน พอสมองโล่งเสร็จไวรัสตันมันจะหายไปเอง แต่ช่วงเวลาที่ทำให้สมองโล่งของแต่ละคนไม่เท่ากัน บ้างก็ชั่วโมงเดียว บ้างก็หนึ่งวัน บ้างก็หนึ่งสัปดาห์ (ยกมือยอมรับข้อนี้) หลังจากสมองปลอดโปร่งแล้วเราค่อยมานั่งเริ่มลุยกับมันใหม่ครับ อาจจะลองอ่านย้อนกลับไปก่อนที่จะถึงจุดที่เราตันใหม่ หรือรื้อพล็อตใหม่ หรือทรีตเม้นต์ใหม่ก็แล้วแต่เทคนิคหรือแล้วแต่สาเหตุของการตันของแต่ละคนครับ
 

 
เวลาตันก็ฟังเพลงวนไป
 

อะไรคืออุปสรรคในการเขียนของพี่พอร์ชคะ

Porshenocchio: ความขี้เกียจและความหิวครับ ยิ่งอย่างหลังนี่ห้ามกันยากมาก (ลูบพุงตัวเอง) จริงๆ แล้ว ความขี้เกียจเนี่ยแหละสำคัญสุด เพราะการเขียนเราต้องรู้จักแบ่งเวลาให้ดีว่าจะเขียนกี่โมงถึงกี่โมง พยายามอย่าให้มันไปกระทบต่อเรื่องอื่นๆ เช่นการเรียนอะไรแบบนี้ แต่พอถึงเวลาเริ่มเขียนจริงๆ ความขี้เกียจจะเริ่มเล่นงานแล้ว วิธีแก้ง่ายๆ คือ ปิดช่องทางการสื่อสารทั้งหมด SMS ทั้งหลายต้องเลิกเล่น เอามันไปวางไกลๆ เลย ที่สำคัญเลยคือเรื่องวินัยครับ ถ้าเรามีวินัย เราก็จะเขียนจบได้ตามที่ต้องการครับ
 

มีเทคนิคเขียนยังไงให้ลื่นไหลคะ

Porshenocchio: มันเริ่มจากการที่เราทำทรีตเม้นต์เนี่ยแหละครับ คือเราต้องวางเอาไว้ก่อนเลยว่า เรื่องนี้เราจะเขียนอะไรก่อนหรือหลังบ้าง แบ่งย่อยเป็นแต่ละบทว่ามันมีฉากอะไรบ้าง ฉากเล็ก ฉากใหญ่ แล้วมันจะส่งผลต่อบทต่อๆ ไปยังไง อะไรประมาณนี้ครับ ส่วนตัวแล้วพอร์ชจะทำเป็นตารางไว้ครับ คือเราต้องมีข้อมูลคร่าวๆ ในหัวว่าบทนี้เราจะเขียนประมาณนี้นะ อารมณ์นี้นะ ซีนนี้ต้องทำให้คนอินนะ มันต้องมีจุดหมายของแต่ละบทครับ ถ้าเราบรรลุแต่ละบทได้ดี มันก็จะร้อยเรียงออกมาเป็นเรื่องที่ดีได้โดยลื่นไหลสุดๆ เลยครับ
 

สไตล์การเขียนนิยายของพี่พอร์ชเป็นยังไงคะ

Porshenocchio: ตอนนี้พอร์ชเพิ่งมีผลงานออกมาสองเรื่องเอง จะขอพูดถึงสไตล์ของสองเรื่องนี้ก่อนนะครับ เริ่มต้นแล้วเป็นคนชอบดูชอบอ่านอะไรที่มันหักมุมหรือมีเซอร์ไพรซ์ให้เราได้ร้อง OMG! ได้ พอร์ชเลยเอาจุดนี้มาใช้กับนิยายตัวเองว่า ถึงจะเป็นแนวรักวัยรุ่นแต่ก็ทำให้อ้าปากเหวอได้เหมือนกันนะ เพราะคิดว่าจุดนี้มันสามารถทำให้นิยายของเราโดดเด่นได้ด้วยครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันต้องขึ้นอยู่กับเนื้อเรื่องและความสมเหตุสมผลด้วยนะ ไม่ใช่นึกอยากจะหักไปทางไหนก็หักจนเรื่องมันขาดและแหว่งไป อย่างเรื่องแรกพอร์ชจะเปิดเรื่องให้คนอ่านรู้สึกว่า เล่มนี้มาแนวแฟนตาซีแน่ๆ นางเอกไปขุดศพพระเอกขึ้นมาคืนชีพ แต่เดี๋ยวก่อน นั่นแหละครับคือสิ่งที่พอร์ชตั้งใจเขียนให้คนอ่านรู้สึกแบบนั้นและค่อยมาตลบหลังเข้ามาแนวรักวัยรุ่น มันจึงเป็นอะไรที่คนอ่านจะรู้สึกเซอร์ไพรซ์และคิดว่า อื้มหืม...เอาแบบนี้เลยเหรออะไรประมาณนี้ครับ ส่วนเรื่องที่สองมันก็มีจุด Plot Twist เช่นกันแค่จะเป็นการตลบหลังแบบอื่นแทน การได้อ่านอะไรที่มันรู้สึกว่าเราเดาเรื่องไม่ได้มันจะทำให้คนอ่านรู้สึกสนุก แปลกใหม่และมีความอยากรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นข้างหน้าบ้าง แค่นี้มันก็ทำให้เรื่องไม่เบื่อแล้วล่ะครับ
 

คิดว่าเพศชายเป็นอุปสรรคต่อการเป็นนักเขียนไหมคะ

Porshenocchio: สำหรับตัวพอร์ชเองไม่นะ เพราะเวลาที่เราเขียน พอร์ชจะไม่ใส่คาเรกเตอร์นางเอกหรือตัวดำเนินเรื่องให้หวานไป คือใส่ความเป็นผู้ชายเข้าไปนิดๆ หน่อยๆ มันก็ช่วยให้เขียนได้ลื่นไหลครับ หรือมีบางซีนที่ต้องไปถามความเห็นจากคนรอบตัวที่เป็นผู้หญิงเพื่อนำมาประกอบการเขียนของเราก็ได้
 

ได้ข่าวว่าตอนนี้มีผลงานออกใหม่ล่าสุดแล้ว ไหนช่วยเล่าให้น้องๆ ชาวเด็กดีฟังหน่อยค่ะว่าเป็นยังไง

Porshenocchio: ผลงานล่าสุดคือ Heart Shot Game เกมรักร้ายจู่โจมหัวใจนายมาดนิ่ง’ เป็นเรื่องเกี่ยวกับแฟนคลับตาดำๆ คนหนึ่งที่จู่ๆ บุญหล่นทับถูกคัดเลือกให้เข้าร่วมเล่นเกมเพื่อชิงรางวัลไปดินเนอร์กับศิลปินที่ตัวเองคลั่ง เป็นใครก็คงตอบรับเล่นเกมไปใช่มั้ยล่ะครับ เช่นเดียวกับนางเอกเรื่องนี้ครับ ตอบรับไปแทบจะทันที แต่เกมที่ต้องเล่นคือ Heart Shot Game ครับ เป็นเกมที่ผู้เล่นจะต้องสวมอุปกรณ์สองอย่างเพื่อออกล่าพิชิตหัวใจเป้าหมายของตัวเองให้ครบร้อยเปอร์เซ็นต์ และเป้าหมายของนางเอกกลับเป็นฮิพฮ็อพบอยหน้าตึง! เอาล่ะสิ งานนี้นางเอกของเราจะงัดกลยุทธิ์อะไรมาทำให้เป้าหมายหนุ่มของเราหวั่นไหวกันนะ แต่เนื้อเรื่องหลังจากนี้อยากให้ลองไปอ่านเองดีกว่า รับรองว่าจะอ่านแล้วจะต้องตื่นเต้นเหมือนเราเป็นคนเล่นเกมเองแน่นอน
 


ผลงานเรื่องล่าสุดนั่นเองค่ะ

 

พอร์ชต้องขอฝากผลงานเรื่องHeart Shot Game เกมรักร้ายจู่โจมหัวใจนายมาดนิ่ง’ ด้วยนะครับ เป็นเรื่องล่าสุดเลย เป็นแนวโรแมนติก กุ๊กกิ๊กหัวใจ วัยรุ่นแสบๆ แต่อย่างที่บอกว่าถึงจะเป็นแนวรักแต่เราก็เขียนออกมาให้ตื่นเต้นและน่าติดตามได้เช่นกัน ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องนี้จะเป็นยังไง จะเซอร์ไพรซ์แบบไหน ต้องไปรีบสอยมาอ่านกันเลย รับรองว่าจะต้องลุ้นระทึกจนวางไม่ลง 
 

สุดท้ายแล้วนะคะ มีอะไรอยากฝากถึงน้องๆ ชาวเด็กดีไหมเอ่ย

Porshenocchio: อยากจะบอกกับเพื่อนๆ ชาวนักเขียนในเด็กดีทุกคนว่า ในเมื่อเราเป็นคนมีฝันแล้ว จงอย่าทิ้งฝันของเราครับ เริ่มต้นไม่มีอะไรง่ายหรอก อย่างพอร์ชเริ่มแรกมาจากนักอ่าน ผันตัวมาเป็นนักเขียนในเว็ปเด็กดีต็อกต๋อยไม่มีคนรู้จักหลายปี (ยอดวิวน้อยมาก T^T) กว่าจะทำฝันตัวเองสำเร็จก็ตั้ง 9 ปี อยากให้ทุกคนสู้กันนะครับ พยายามอย่าหยุดพัฒนาตัวเองไม่ว่าจะเรื่องเขียนหรือเรื่องอะไรก็ตาม พอร์ชเชื่อว่าสิ่งที่เราลงมือฝึกฝนในตอนนี้ มันจะแสดงผลออกมาให้เราเห็นเองในอนาคตข้างหน้าครับ เป็นกำลังใจให้คนที่มีฝันทุกคนครับ

สุดท้ายก็ต้องขอฝากเนื้อฝากตัวนักเขียนคนนี้กับนักอ่านทุกคนด้วยนะครับ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านบทสัมภาษณ์นี้ หวังว่าจะได้ประโยชน์หรือทริกดีๆ นำกลับไปใช้ได้นะครับ ขอบคุณครับ <3 ติดตามผลงานหรือแวะไปพูดคุยกันได้ที่เพจของพอร์ชเลยครับ


จบไปแล้วนะคะกับบทสัมภาษณ์ดีๆ จากเจ้าของรางวัลนักเขียนหน้าใสอย่าง "Porshenocchioที่มีความหนักแน่นต่อความฝันตัวเองมากเลยนะคะ แม้จะล้มลุกคลุกคลานขนาดไหนก็ต้องไปถึงฝันให้ได้ สุดยอดมากเลยนะคะน้องๆ ซึ่งพี่น้ำผึ้งก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทสัมภาษณ์ของพี่พอร์ชจะเป็นกำลังใจให้น้องๆ ที่อยากเป็นนักเขียน รวมทั้งคนที่อยากส่งประกวดโครการนักเขียนหน้าใสค่ะ ส่วนครั้งหน้าพี่จะพาใครมาพูดคุยกับทุกคนนั้น รอติดตามค่ะ ^__^

 
พี่น้ำผึ้ง :)
 
Deep Sound แสดงความรู้สึก
          
พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

3 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด