ลอยกระทงปีนี้ห้ามลืม! 4 สิ่งที่ต้องงด ตามกฏระเบียบของบ้านเมือง

  

  

เริ่มด้วยเรื่องใกล้ตัวที่หลายคนอาจเคยทำมาในตอนเด็กๆ ซึ่งการลงเล่นน้ำเพื่อเก็บกระทงหรือเหรียญในกระทงนั้น ถือเป็นอันตรายที่เรามักมองข้ามเพราะเห็นเป็นความสนุกสนานที่เคยชินแล้ว โดยไม่ได้คาดคิดถึงความเสี่ยงในการเป็นตะคริวหรือจมน้ำ แต่ภาครัฐก็ยังคงให้ความสำคัญในการเข้มงวดกวดขันไม่ให้ลงเล่นน้ำหรือลงไปเก็บกระทงเพื่อความปลอดภัยอยู่นะคะ 

  

      

     

สำหรับกิจกรรมการเผาเทียนเล่นไฟที่เด็กไทยคุ้นเคยกันมาช้านานก็เป็นหนึ่งในข้อกำหนดที่ห้ามไว้เช่นกันค่ะ แต่ก็คงถึงเวลาคิดใหม่ทำใหม่ที่เราต้องเห็นผลประโยชน์ส่วนรวมมาเป็นอันดับหนึ่งเช่นกัน เพราะการจุดพลุและดอกไม้ไฟเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้ และหากมีการระเบิดก็อันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินทั้งของตัวเองและคนรอบข้างด้วย อีกทั้งก่อให้เกิดเสียงรบกวนในบริเวณโดยรอบ ซึ่งถือเป็นความผิดที่มีโทษทางกฎหมายทั้งจำทั้งปรับแล้วด้วย ใครอยากดูพลุสวยๆ ก็รอดูตามงานที่มีเจ้าหน้าที่จุดให้จะปลอดภัยกว่านะคะ

    

   

  

กิจกรรมสังสรรค์เฮฮาในวันลอยกระทงเป็นสิ่งที่ภาครัฐควบคุมมาโดยตลอด นั่นก็เพราะป้องกันเหตุทะเลาะวิวาท และอุบัติเหตุที่เกิดจากความมึนเมาขาดสตินั่นเองค่ะ ซึ่งถ้าใครคิดจะหารายได้พิเศษด้วยการขายเครื่องดื่มช่วงลอยกระทง ขอให้งดเว้นแอลกอฮอล์ด้วยนะคะ เพราะมีโทษทางกฎหมายทั้งจำทั้งปรับด้วยเช่นกันจ้า ส่วนใครที่รู้ตัวว่าวันนี้จะต้องเมาแน่ๆ ก็อย่าลืมฝากชีวิตไว้กับคุณพ่อคุณแม่ให้มารับกลับบ้าน หรือหาที่ค้างคืนปลอดภัยไว้ล่วงหน้า อย่าลืมว่าเมาไม่ขับ!

  

   

แม้ว่าการปล่อยโคมลอยจะเป็นความเชื่อในการลอยเคราะห์ร้ายออกไปที่มีการปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านาน แต่เห็นทีเคราะห์ร้ายนั้นอาจจะไปตกใส่หลังคาบ้านคนจนไฟไหม้ หรือไปรบกวนทัศนวิสัยของเครื่องบินที่ทำให้ชีวิตนับร้อยในอากาศยานต้องเสี่ยงตายได้น่ะสิคะ และด้วยสาเหตุนี้เอง ภาครัฐจึงได้ออกมาตรการคุมเข้มห้ามลอยโคมหรือจุดพลุใกล้สนามบินในรัศมี 18 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นการผิด พ.ร.บ. การเดินอากาศ ที่มีโทษตั้งแต่จำคุกถึงประหารชีวิตเลยทีเดียว ใครที่คิดจะลอยโคมก็ขอให้เช็กว่าพื้นที่นั้นๆ เป็นจุดที่ห้ามลอยโคมหรือไม่ และอย่าลืมคิดถึงผลกระทบจากโคมของเราที่อาจเกิดกับคนอื่นด้วยนะคะ