จดจำและนำไปใช้! "5 สิ่งที่ห้ามทำ" เพื่อเอาชีวิตรอดจากโจรจี้ชิงทรัพย์

     สวัสดีชาว Dek-D.com ทุกคนค่ะ ถ้าใครได้ติดตามข่าวสารเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ก็คงทราบว่ามีเรื่องราวสลดใจจากการจี้ชิงทรัพย์เกิดขึ้น ซึ่งการที่คนร้ายฆ่าเหยื่ออย่างทารุณเพียงเพื่อสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวนั้นได้เป็นที่สะเทือนขวัญของสังคมไทยอย่างมาก และด้วยความปรารถนาดี พี่ส้มจึงได้รวบรวมหลักปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยหากถูกจี้ชิงทรัพย์มาแนะนำให้ทุกคนได้ทราบกันค่ะ โดยน้องๆ ต้องจำให้ขึ้นใจว่าเราต้องไม่ทำสิ่งต้องห้าม 5 ข้อนี้อย่างเด็ดขาด!
     
     
1. ห้ามพาตัวเองไปในที่เสี่ยง หลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อ
   
สิ่งแรกเลยที่ช่วยให้ทุกคนรอดชีวิตจากการจี้ชิงทรัพย์ได้ ก็คือการไม่ทำให้ตัวเองตกเป็นเป้าหมายของโจรผู้ร้ายนั่นเองค่ะ โดยน้องๆ ต้องไม่พาตัวเองไปในพื้นที่เสี่ยงและลับตาคน เช่น ทางเปลี่ยว ซอกตึก ลานจอดรถ มุมมืดต่างๆ ฯลฯ และพยายามไม่ออกจากที่พักในยามวิกาล แต่ถ้าหากมีความจำเป็นต้องไปในสถานที่ดังกล่าว ก็ให้ชวนผู้ปกครองไปด้วย หรือใช้บริการรถตู้นครบาลที่มีคุณตำรวจรับส่งตามถนนสายต่างๆ เพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้น้องๆ ต้องมีการระวังตัวอยู่เสมอ คอยสังเกตว่ามีบุคคลแปลกหน้าจ้องมองหรือสะกดรอยตามเรารึเปล่า ในขณะเดียวกันคือต้องไม่ทำให้ตัวเองตกเป็นเป้าสายตา เช่น เดินเล่นโทรศัพท์ ใส่หูฟัง หรือพกพาของมีค่าติดตัวไปจำนวนมาก เพราะคนร้ายจะเลือกเหยื่อที่มีทรัพย์สินและไม่ทันระวังตัว เพื่อให้ก่อเหตุได้ง่ายนั่นเองค่ะ
    
    
      
2. ห้ามเสียดายสตางค์ ตั้งสติก่อน!
    
พี่ส้มเข้าใจดีค่ะว่าน้องๆ ทุกคนล้วนหวงแหนทรัพย์สินอันมีค่าของตัวเองทั้งนั้น เพราะกว่าจะเก็บเงินซื้อมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นแล้ว ขอให้น้องๆ ตั้งสติเพื่อเอาชีวิตรอดก่อนเป็นอันดับหนึ่งค่ะ ในจุดนี้เราอย่าเพิ่งคิดเสียดายสิ่งของ แต่ให้รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีในการสื่อสารกับคนร้าย ซึ่งถ้าหากใครโดนใช้อาวุธจี้จงตั้งใจฟังคำพูดว่าเขาต้องการอะไร แล้วรีบมอบสิ่งของให้เขาไปแต่โดยดีเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ เพราะถ้าจิตใจของเราจดจ่อให้ความสำคัญกับมูลค่าของสิ่งของนั้นมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งเป็นแรงใจให้เราฮึดสู้กับคนร้าย ซึ่งทำให้เสี่ยงอันตรายกับชีวิตมากยิ่งขึ้นนะคะ
    
    
      
3. ห้ามยื้อยุดฉุดกระชาก เพื่อให้เขาจากไปโดยเร็ว
    
โดยปกติของคนร้ายที่ก่ออาชญากรรมเพื่อชิงทรัพย์ ส่วนใหญ่แล้วจะเลือกลงมือเพราะหวังเพียงทรัพย์สิน และไม่ต้องการเอาชีวิตของเหยื่อ โดยจะรีบกระทำการโดยเร็วในจังหวะเผลอแล้วรีบหนีไป หากเราขัดขวางด้วยการต่อสู้ หรือยื้อยุดฉุดกระชากทรัพย์สิน ก็ยิ่งทำให้เวลาในการเผชิญหน้ากับคนร้ายยิ่งนานมากขึ้น ซึ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้เราด้วยเช่นกัน เพราะคนร้ายอาจใช้อาวุธที่มีในการทำร้ายเราจนถึงแก่ชีวิตเพื่อให้เขาได้ทรัพย์สินไป ทางที่ดีที่สุดคือทำให้เขาจากไปโดยเร็ว โดยการยินยอมให้สิ่งของไป แล้วรีบออกจากจุดเสี่ยงโดยด่วนเพื่อขอความช่วยเหลือต่อไปค่ะ
      
    
       
4. ห้ามลืมรูปพรรณคนร้าย จดจำสิ่งรอบตัวให้ได้มากที่สุด
     
หลังจากผ่านเหตุการณ์สุดระทึกมาได้แล้ว ให้น้องๆ พยายามทบทวนถึงรายละเอียดต่างๆ ที่เป็นเบาะแสในการตามหาตัวคนร้ายแล้วจดจำรายละเอียดต่างๆ ให้ได้มากที่สุด เช่น สถานที่เกิดเหตุ เวลาที่คนร้ายลงมือ รูปพรรณสัณฐานของคนร้าย-ตำหนิต่างๆ เครื่องประดับของคนร้าย ยานพาหนะที่ใช้ก่อเหตุ น้ำเสียง จำนวนคนร้าย ทิศทางที่คนร้ายหลบหนีไป ฯลฯ หากเป็นไปได้ควรจดหรือบันทึกเสียงไว้กันลืม เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้ไปเช็กดูเพื่อรวบรวมหลักฐานอื่นๆ จากกล้องวงจรปิด และเพื่อนำไปแจ้งความให้ตำรวจช่วยติดตามหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ค่ะ
      
เครดิต : https://pixabay.com
    
5. ห้ามปล่อยผ่านเพราะคิดว่าฟาดเคราะห์ แจ้งเบาะแสให้ตำรวจด่วน!
    
แม้เหตุการณ์จี้ชิงทรัพย์จะทำให้เหยื่อต้องเสียขวัญ แต่ก็ยังมีเจ้าทุกข์จำนวนไม่น้อยที่ไม่ไปแจ้งความ ด้วยสาเหตุที่คิดว่า "สิ่งของไม่ได้แพงมาก แค่นี้ถือว่าฟาดเคราะห์" หรือ "คงตามหาตัวยากแล้วล่ะ ขี้เกียจเสียเวลาไปแจ้งความ" แต่ในความเป็นจริงแล้ว การแจ้งความเพื่อให้ตำรวจติดตามจับกุมคนร้าย เป็นการป้องกันไม่ให้พวกเขาเหล่านั้นกลับมาจี้ชิงทรัพย์คนอื่นได้อย่างลอยนวลอีก นอกจากนี้น้องๆ ควรบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของตำรวจท้องที่ที่เราพักอาศัยอยู่ หรือต้องเดินทางไปบ่อย เพื่อความสะดวกในการขอความช่วยเหลือต่างๆ ตลอดจนเบอร์ติดต่อฉุกเฉินอย่าง 191 ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน หรือ 1195 สายด่วนกองปราบปราม ที่สามารถแจ้งเหตุด่วน เหตุร้ายได้ 24 ชั่วโมงด้วยนะคะ
      
           
    
     สำหรับหลักปฏิบัติทั้ง 5 ข้อนี้ นอกจากจะช่วยแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าในเวลาที่เราตกเป็นเหยื่อจี้ชิงทรัพย์ได้แล้ว ยังเป็นการป้องกันการเกิดเหตุซ้ำได้อีกเช่นกัน แต่ที่สำคัญคือทุกคนต้องใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาทโดยคำนึงถึงหลักความปลอดภัยไว้เสมอ เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียที่น่าเศร้าต่อชีวิตและทรัพย์สินของทุกคนนั่นเองค่ะ
     
   
พี่ส้ม
พี่ส้ม - Columnist คนทำคอนเทนต์ออนไลน์ ที่เชื่อว่าใครก็เป็นเด็กดีได้ในสไตล์ของตัวเอง

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
กำลังโหลด