นักศึกษา SAU สุดเจ๋งจัดทำโปรแกรมแอพฯ Virtual Reality (VR)


           รายงานข่าวจากมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ เปิดเผยว่า ในปัจจุบันสื่อการท่องเที่ยวในประเทศไทยนั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์แอพลิเคชันบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ  เช่น IOS  Android  เป็นต้นหรือหนังสือและงานเขียนต่าง ๆ แต่สื่อที่เป็นเกมโดยเฉพาะระบบ VR  มีค่อนข้างน้อย VR  เป็นนวัตกรรมการประมวลภาพในลักษณะเสมือนจริง กลุ่มผู้พัฒนาจึงนำการพัฒนาเกมท่องเที่ยวเมืองไทยสไตล์ VR  โดยใช้เทคโนโลยี VR  เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับกับประสบการณ์แปลกใหม่ เช่น ผู้เล่นเสมือนอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวจริง มีภารกิจต่าง ๆ ให้ผู้ได้เล่นปฏิบัติภายในเกมและผู้เล่นสามารถมีปฏิสัมพันธ์ในลักษณะหยิบจับสั่งของภายในเกมได้ เป็นต้น  เกมท่องเที่ยวเมืองไทยสไตล์ VR พัฒนาโดยเทคโนโลยี 3  มิติ ร่วมกับ VR  โดยสร้างผ่านโปรแกรมยูทิลิตี้  เป็นซอฟต์แวร์หลักในการพัฒนา และ 3D MAX  ในการสร้างภาพ 3  มิติต่าง ๆ  เช่น สิ่งก่อสร้างหรือสภาพแวดล้อมต่าง ๆ โดยเกมท่องเที่ยวเมืองไทยสไตล์ VR  สามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์ Oculus Rift คือ แว่น VR  เพื่อใช้แสดงภาพ 3  มิติเสมือนจริง และ Oculus touch คืออุปกรณ์เซ็นเซอร์ เพื่อให้ผู้เล่นสามารถหยิบจับสิ่งของภายในเกมได้
นายเกรียงศักดิ์ เชื่อมสมบัติ นักศึกษาสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ หัวหน้าทีมจัดทำ แอพ “ท่องเที่ยวไทยสไตล์ VR” กล่าวว่า นักศึกษาผู้พัฒนาโปรแกรมแอพลิเคชัน ในครั้งนี้ ประกอบด้วย นายเกรียงศักดิ์ เชื่อมสมบัติ  นายนฤเบศน์ ตั้งต้นเจริญ และนายปฐมพงศ์ พุ่มเทียน โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาคือ อาจารย์อภิชาติ  คำปลิวและอาจารย์ชนินทร เฉลิมสุข เป็นที่ปรึกษา ผลงานชิ้นนี้เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทยด้วยเทคโนโลยี Virtual Reality (VR) ด้วยภาพหรือวิดีโอเสมือนจริงโดยการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาประเทศไทยในยุค Digital Thailand และ Thailand 4.0 โดยการจัดทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ “ท่องเที่ยวไทยสไตล์ VR” นี้ได้รับการคัดเลือกให้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายในการแข่งขันโปรแกรมคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 19 (National Software Contest : NSC 2017)  ซึ่งจัดขึ้นโดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC)  ด้วย
 
 
           นายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า เริ่มต้นแนวคิดการเขียนแอพ “ท่องเที่ยวไทยสไตล์ VR” โดยใช้ตัวเองและเพื่อนร่วมทีมเป็นแรงบันดาลใจ โดยทุกคนรักการท่องเที่ยวและชอบความเป็นอิสระ จึงเริ่มลองคัดเลือกสถานที่ท่องเที่ยวมาจำนวน 5 แห่ง ประกอบด้วย 1.เขาตะปู จังหวัดพังงา 2.ดอยเสมอดาว จังหวัดน่าน 3.วัดพระศรีสรรเพชญ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 4.เมืองมัลลิกา รศ.124 จังหวัดกาญจนบุรี  และ 5.มอหินขาว จังหวัดชัยภูมิ นำมาสร้างเป็นโมเดลจำลองผ่านมุมมองเสมือนจริง โดยมีความชัดเจนของภาพวิวทิวทัศน์ของสถานที่ต่าง ๆ ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ โดยใช้งบประมาณ 4 หมิ่นกว่าบาท  ประโยชน์ของแอพ “ท่องเที่ยวไทยสไตล์ VR” คือสามารถบอกเล่าเรื่องราวของสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ของประเทศไทย นำไปถ่ายทอดผ่านนักท่องเที่ยว ที่สามารถทดลองเล่น ซึ่งระบบแอพ ดังกล่าว จะถูกนำมาจัดแสดงตามงานอีเว้นท์ต่าง ๆ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของไทย ซึ่งในอนาคต จะมีการต่อยอดเพิ่ม Caption  บรรยายเป็นภาษาอังกฤษและภาษาไทย เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้มากขึ้นด้วย  
 

          สำหรับแอพลิเคชัน “ท่องเที่ยวไทยสไตล์ VR” เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในลักษณะเสมือนจริง โดยการท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยหลักของการใช้งาน ผู้เล่นแอพลิเคชันดังกล่าว จะมองผ่านแว่น 3 มิติ Virtual Reality (VR) และเข้าเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในลักษณะ 3 มิติที่สมจริง สวยงาม ร่วมกับเทคโนโลยี VR ที่ผู้ใช้งานสามารถนำแอพลิเคชันฯ นี้มาใช้งานร่วมกับแว่น 3 มิติ Virtual Reality (VR) ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานแอพลิเคชันสามารถท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ ในประเทศไทย เสมือนกำลังเดินอยู่ในสถานที่นั้นจริง ๆ นับเป็นประสบการณ์แปลกใหม่และเป็นการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อช่วยพัฒนาประเทศได้อย่างลงตัว และยังเป็นการเพิ่มช่องทางการส่งเสริมการเผยแพร่การประชาสัมพันธ์ของการท่องเที่ยวในประเทศไทยอีกช่องทางหนึ่ง



 
ข่าวประชาสัมพันธ์
ข่าวประชาสัมพันธ์ - Columnist ข่าวประชาสัมพันธ์ภายในเว็บไซต์ Dek-D.com

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น