"เจอรี่" เด็กปี 4 กับอาชีพติวเตอร์ ที่ลงทุนพลิกบ้านตัวเองเป็นสถาบันสอนพิเศษ!




 
         สวัสดีค่า พบกับคอลัมน์เด็กพลังบวกกันอีกเช่นเคย เราจะพาน้องๆ ไปรู้จักกับวัยรุ่นที่จะมาสร้างแรงบันดาลใจให้น้องๆ ใช้เวลาว่างเพื่อทำกิจกรรมดีๆ เพื่อตนเองและสังคมค่ะ สำหรับเด็กพลังบวกวันนี้ เหมาะกับเด็กรักเรียนอย่างชาว Dek-D มากๆ เลย (เอ๊ะ ใช่รึเปล่า? 555)
 
         เมื่อถึงเวลาต้องบอกลาชุดนักเรียนแล้วสวมชุดนิสิตนักศึกษาก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยนั้น นับเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญที่เปลี่ยนตัวตนของคนมามากมายแล้ว เช่น จากเด็กเงียบๆ ที่พบตามหลืบเล็กๆ โรงเรียน ไม่ค่อยมีใครสังเกตเห็น ก็กลายเป็นเด็กกิจกรรมเนื้อหอมในมหา’ลัยได้ หรือจากเด็กที่เรียนอย่างเดียว ก็กลายเป็นเด็กขยันหารายได้เสริมหลังเลิกเรียนได้ซะงั้น ทั้งหมดนี้อยู่ที่ความคิดอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองล้วนๆ เดี๋ยวเราจะพาไปพูดคุยกับหนุ่มติวเตอร์ผู้เคยเงียบขรึม ที่ตอนนี้ใช้เวลาไปกับการเรียน ทำกิจกรรม และทำงานหารายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัว ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า “ชีวิตมีสีสันขึ้นมาก!” ถ้าอยากรู้แง่มุมดีๆ และสไตล์การสอนของหนุ่มคนนี้แล้ว ตามพี่มาเลยค่ะ ^^
 

แนะนำตัวกันหน่อย
 
         "สวัสดีครับ ชื่อ 'เจอรี่' สถิตชัย ศรีสุวรรณผไท อายุย่างเข้า 22 ปี เรียนอยู่ชั้นปี 4 คณะเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ครับ"


ก้าวสู่ชีวิตเด็กกิจกรรม
 
         "ต้องบอกก่อนครับว่าสมัยประถมกับมัธยม ผมเป็นคนเงียบมาก ติดเกม ไม่ค่อยมีสังคม ไม่ยุ่งกิจกรรม จนขึ้นมหา'ลัยมาปีแรก มีเพื่อนชวนไปให้ลองทำกิจกรรมด้วยกัน ผมเลย อะ!ลองดู หลักๆ ผมจะเน้นกิจกรรมการพูดและใช้ภาษา เช่น ตอนปี 1 ได้เข้าชมรมศิลปะการพูด ได้ทำงานเป็นพิธีกร ในงานปฐมนิเทศ, งานเกษตรแฟร์ ฯลฯ ส่วนช่วงปิดเทอมจะหาอย่างอื่นทำ เช่น ตอนปีสองได้เป็นล่ามและไกด์ในงานแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิก ตอนปีสามได้ทำงานในงานเคมีโอลิมปิก และส่วนใหญ่เวลาว่างในช่วงสี่ปีของเจอร์ในมหา'ลัยจะใช้ไปกับการเข้าชมรมพูดมากที่สุดครับ"

         “เอาจริงๆ พอนึกย้อนไป ผมก็ไม่รู้ทำไมชีวิตถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้นะ ของแบบนี้ต้องลองเองครับ 5555”


"ติวเตอร์" ชื่อ "เจอรี่"
 
         ก่อนอื่นขอถามก่อนว่า อะไรทำให้เราเลือกจะเป็นติวเตอร์วิชาภาษาอังกฤษ? "ผมลองไปเปิดดูค่าเฉลี่ยโอเน็ตวิชาภาษาอังกฤษจากหลายๆ เว็บ รวมทั้ง Dek-D ด้วย แล้วพบว่ามันยังต่ำอยู่ ส่วนประเทศไทยตอนนี้ก็เข้าสู่ AEC แล้ว พวกคนทำงานอย่างตุ๊กตุ๊ก แท็กซี่ แม่ค้า เขาเองก็พยายามดันตัวเอง ลองผิดๆ ถูกๆ บ้าง ผมเลยคิดว่าถ้าลองเปิดสอนดู อาจจะมีเด็กสนใจก็ได้ อีกอย่างคือคนแถวบ้านเขาเชื่อใจด้วยครับ อยากให้ผมเปิดสอนเพราะพวกเขาเห็นว่าเราสอบติดมหา'ลัยดีๆ ได้"

         "จากนั้นผมเลยลงทุนเปิดสถาบันเองที่บ้านเลยครับ รับนักเรียนตั้งแต่ประถมถึง ม.ต้น ลงทุนแต่งห้องทาสีใหม่ ทำป้ายไวนิลประมาณ 10,000 บาท ซื้อป้าย ไวท์บอร์ด โต๊ะพับ และหนังสือเรียนดีๆ มาใส่หิ้งไว้เยอะๆ สร้างบรรยากาศให้ดูเป็นห้องเรียนน่ะครับ และยังไปสมัครเป็นติวเตอร์กับสถาบันแห่งหนึ่งด้วย ต่างกับสอนที่บ้านตรงที่บริษัทเป็นสตูดิโอไว้อัดวิดีโอให้เด็กเรียนออนไลน์ เขาให้เราพูดหน้ากล้องและบางครั้งให้ไปสอนตามโรงเรียน เราจึงต้องวางแผนการสอนและทำสื่อ Powerpoint เอง โรงเรียนแรกที่ไปคือโรงเรียนบางสะพาน มีเด็ก 300-400 คนครับ ตื่นเต้นมากตอนนั้น เพราะจำนวนเท่านี้ถือว่าเยอะสำหรับผมแล้ว"

         "นอกจากนี้ก็มีเป็นติวเตอร์ให้ที่อื่นด้วยครับ โดยจะเป็นการสอนตามโรงเรียนทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนใหญ่เน้นโครงการพิเศษ GIFTED ติวเตอร์แต่ละคนจะเน้นใช้สื่อช่วยติวด้วย ตัวอย่างโรงเรียนที่ผมเคยไปคือที่โรงเรียนบางปะอินราชานุเคราะห์ จ.อยุธยา กับโรงเรียนลาดปลาเค้าพิทยาคม"


ปรับตัว-ปรับวิธีการสอน
 
         การจะเป็นติวเตอร์สอนเด็กไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการบ้านหลักๆ ของเขาคือการหาเทคนิคที่ดีที่สุดมาใช้สอน ตรงนี้เจอร์เล่าว่า "ผมใช้วิธีที่ทุกคนรู้จักกันดี คือการเปิด google หาเทคนิคจากหลายๆ คนแล้วมาปรับใช้กับตัวเอง ลองบริหารเวลาทำข้อสอบ ดูโจทย์ย้อนหลัง ทำเฉลยเอง หาเทคนิค เช่น ข้อสอบ Reading ต้องอ่านคำถามก่อนค่อยอ่านเนื้อเรื่อง  และมองหาคีย์เวิร์ดเพื่อให้ประหยัดเวลา ฯลฯ ปรับเนื้อหาให้เหมาะกับระดับของเด็ก ที่สำคัญคือห้ามมองข้ามจุดเล็กๆ เลย ถ้าติดตรงไหนต้องรีบหาข้อมูลให้เคลียร์ เพราะเด็กที่ตั้งใจเรียนเขาจะถามลึกมาก”
 
         "นอกจากนี้ผมต้องหาวิธีให้เด็กเรียนแล้วไม่เบื่อด้วย เพราะผมว่าเด็กจะรับความรู้ได้เต็มๆ แค่ชั่วโมงแรกเท่านั้น พักหลังๆ ผมเลยลองเอาเกมในเว็บ kahoot เข้ามาช่วย และเตรียมรางวัลเตรียมไว้ให้ ทำให้บางคนที่ไม่ตั้งใจเรียนในห้องเลย หันมาสนใจได้ และผมยังต้องดึงความสนใจจากเด็กที่ติดมือถือติดโซเชียลให้ได้ด้วย วิธีนึงของผมคือเดินสอนตามโต๊ะ แล้วชี้ตัวถามด้วย" (การจิ้มถามนี่มันวิธีสุดสะพรึงแห่งปีของเด็กทุกยุคทุกสมัยจริงๆ 5555)
 
         ส่วนผลตอบรับนั้น... "ถ้าตอนสอนตัวต่อตัว ผมจะวัดผลจากคะแนนมิดเทอมและไฟนอลของเด็กครับ อาจมีซื้อของล่อบ้างเพื่อเป็นแรงบันดาลให้เขาทำคะแนนได้ตามเป้า พอลองไปสอบถามผู้ปกครองเด็ก เขาบอกว่าเห็นเด็กพัฒนามากขึ้น รู้จักศัพท์เยอะขึ้น แปลได้ เพราะเรามีการบ้านให้กลับไปทำด้วย ได้ยินแบบนี้ผมก็ภูมิใจที่สอนได้ตรงจุดครับ"


โหมดท้อของติวเตอร์
 
         เจอรี่เคยท้อจนคิดเลิกทำบ้างไหม? "เคยครับ เวลาคือปัญหาหนักสุดของผมเลย 5555 คือเราต้องเรียนและทำกิจกรรมไปด้วย การบ้านเยอะ เราพึ่งทุนกิจกรรมดีเด่นส่งตัวเองเรียนด้วย ช่วงปี 1 ทำกิจกรรมไป 60-70% ทุกวันหลังเลิกเรียนยังไปเข้าชมรมพูดต่อด้วย ทำให้เคยพลาดวิชาภาคไป หลังๆ ช่วงปี 1 เทอม 2 เลยพยายามปรับ ทบทวนหนังสือ สรุปเลคเชอร์ สองสัปดาห์ก่อนสอบจะไม่รับงานเลย"




"เงิน" และ "สีสัน" คือรางวัลในชีวิต
 
         อยากรู้ว่าที่ติวเตอร์เจอรี่ได้อะไรจากการสอนพิเศษบ้าง? "จริงๆ ตอนแรกผมสอนพิเศษเพราะแค่อยากหาตังค์กินขนมนะ แต่พอทำไปเรื่อยๆ กลับรู้สึกดีที่ได้ถ่ายทอดสิ่งที่เรียนให้คนที่เขายังต้องการ ส่วนรายได้จากการสอนทั้งที่บ้านและสถาบัน อยู่ที่ 10,000-20,000 บาทต่อเดือนขึ้นอยู่กับจำนวนและขนาดของงานครับ เท่ากับว่าผมช่วยครอบครัวหาเงินได้"
 
         "ส่วนการทำกิจกรรมทำให้ชีวิตผมมีสีสันขึ้น จากคนที่เงียบๆ ไม่สุงสิงกับใคร ไม่เข้าสังคม กลายเป็นเด็กที่มีคอนเนกชั่นเยอะมาก มีเพื่อนเกือบทุกมหา'ลัย ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสให้เราครับ เพราะคนที่รู้จักจะแนะนำงานดีๆ ให้ และไม่แน่ว่าเราอาจต้องอาศัยพวกเขาในอนาคตด้วย"


ฝากบอกชาว Dek-D ว่า...
 
         "ถ้าใครอยากเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้ลองหาจุดที่ตัวเองชอบหรืออยากพัฒนาให้เจอ เราอาจได้ค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเราเอง ซึ่งไม่เหมือนที่เราเห็นในตอนนี้"
 
         เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียวค่ะสำหรับชีวิตของเจอรี่ นิสิต ม.เกษตร ที่เป็นทั้งติวเตอร์ และนักกิจกรรมตัวยงคนนี้ ส่วนตัวพี่คิดว่านี่คือความโชคดีที่เขาค้นพบความสุขได้ง่ายๆ จากเรื่องใกล้ตัว ไม่งั้นตอนนี้อาจนั่งเหงาๆ และพลาดโอกาสดีๆ ไปอย่างน่าเสียดายก็ได้ ดังนั้นถ้าน้องๆ อยากลองใช้ชีวิตแบบใหม่ๆ ลองลุกขึ้นวิ่งออกจากโลกส่วนตัว เพื่อพบปะกับคนหลากหลายในโลกภายนอกดูบ้าง หรือถ้าใครเก่งวิชาไหนแล้วอยากส่งต่อความรู้(พร้อมรับตังค์!) ลองฝึกสอนแล้วไปสมัครตามสถาบันต่างๆ ก็ได้นะคะ ไม่แน่ว่าอีกหน่อยเราอาจจะเป็นติวเตอร์คิวทองก็ได้ ^^ ส่วนใครที่สนใจเรียนภาษาอังกฤษกับพี่เจอรี่ ติดต่อได้ที่เฟซบุ๊ก sathitchai.jerry เพื่อสอบถามข้อมูลได้เลยค่ะ 

 

อย่าลืมย้อนอ่านเด็กพลังบวกคนก่อนหน้านะคะ ><
"เอ็มร้อย" นักร้อง Cover รุ่นเล็กเสียงสวรรค์
ยอดวิว 2 ล้านจากเพลงบ่เป็นหยัง เขาเข้าใจ
พี่กุ๊กไก่
พี่กุ๊กไก่ - Columnist มนุษย์เบ้าหน้าจีน หวีดนักร้องไทย คลั่งไคล้ซีรี่ส์เกาหลี คลุกคลีกับอาหารญี่ปุ่น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น