เริ่มแร็ปแบบมีกึ๋น! "7 เทคนิคฝึกแร็ปสุดเรียล" ที่ทำให้เพลงและโชว์มีคุณภาพ

     สวัสดีจ้าชาว Dek-D เรียกได้ว่าตอนนี้กระแสของวัฒนธรรมฮิปฮอปในเมืองไทยกำลังมาแรงจริงๆ ซึ่งปฏิเสธไปไม่ได้ว่าหนึ่งในสาเหตุที่ช่วยให้วิถีชีวิตของกลุ่มคนเหล่านี้ได้รับความสนใจจากสังคม และขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ก็คือเวทีแข่งขันแร็ปเปอร์ที่ทยอยจัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้เด็กรุ่นใหม่ได้เข้ามาเรียนรู้ศิลปะการแร็ป อีกทั้งเป็นใบเบิกทางก้าวสู่เส้นทางการเป็นศิลปินในอนาคตได้อีกด้วย...
   
   
     แน่นอนค่ะว่าการเห็นแร็ปเปอร์ที่ประสบความสำเร็จในวงการคนแล้วคนเล่าได้ทัวร์คอนเสิร์ตหรือมีซิงเกิลออกจำหน่าย ย่อมเป็นแรงบันดาลใจให้คนที่ชอบเพลงแนวนี้อยากจะแร็ปกับเขาดูบ้าง โดยถ้าใครคิดจะเริ่มแล้วล่ะก็คงมีคำถามแรกในใจเหมือนกันว่า "ควรฝึกแร็ปยังไงดี?" ซึ่งในวันนี้พี่ส้มก็ได้รวบรวมคำตอบที่เป็นเทคนิคฝึกฝนตัวเองจากบรรดาแร็ปเปอร์ชื่อดังทั่วไทยที่ได้แนะนำผ่านหน้าจอและหลังไมค์มาสรุปไว้ให้ 7 ข้อดังนี้ค่ะ
   
   
1. คิดอย่างแร็ปเปอร์
    
บ่อยครั้งที่เรามักได้ยินผู้คนบางกลุ่มตัดสินว่าการแร็ปนั้นไม่ต่างจากการบ่นเพ้อเจ้อไปงั้นๆ แต่ความเป็นจริงแล้ว การแร็ปคือศิลปะในการสื่อสารข้อความที่มีความหมายอย่างคมคายด้วยถ้อยคำที่สัมผัสคล้องจองลงบนจังหวะเพลง ดังนั้นจุดเริ่มต้นของการเป็นแร็ปเปอร์คือไอเดียที่ต้องการนำเสนอออกไป ซึ่งส่วนใหญ่มักมาจากทัศนคติ ประสบการณ์ชีวิต หรือจินตนาการในแบบที่เป็นตัวของตัวเองนี่แหละค่ะ
   
เครดิต : TheRapper
   
เมื่อเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วว่าต้องการจะสื่ออะไรออกไป อีกหนึ่งความคิดของแร็ปเปอร์ที่ตามมาแบบอัตโนมัติ ก็คือวิธีการถ่ายทอดที่แน่นอนว่าต้องมีสำบัดสำนวนหรืออยากใส่จังหวะจะโคน ให้ต่างจากการพูดบอกเล่าเหมือนคุยกับเพื่อนธรรมดา ซึ่งถ้าใครเริ่มมีภาพในใจคร่าวๆ แบบนี้แล้วก็ถือว่าเริ่มมาถูกทางแล้วค่ะ
      
    
2. ฟังให้มาก
   
แม้การฟังเพลงที่มีท่อนแร็ป หรือเพลงแนวฮิปฮอป อาร์แอนด์บี จะเป็นสิ่งที่ชี้ชวนให้เรานึกอยากที่จะแร็ปมาตั้งแต่ต้น แต่นั่นยังไม่เพียงพอต่อการอัปสกิลให้เราเป็นแร็ปเปอร์ที่เก่งได้ เพราะการฟังเพลงเพื่อศึกษาดนตรี ทักษะการร้องของนักร้องแต่ละคน โดยไม่จำกัดอยู่แค่ดนตรีแนวนี้เท่านั้น จะทำให้เราเจอความแปลกใหม่ และความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการแร็ปในสไตล์ที่เราชอบได้
  
เครดิต : https://unsplash.com
   
ยกตัวอย่างเช่น การตั้งใจฟังบีท (Beat) หรือทำนองดนตรีเพื่อนับจังหวะดูว่าควรใส่เนื้อร้องเข้าไปตอนไหน นักร้องเน้นเสียงหนัก-เบายังไง เขาแบ่งจังหวะการหายใจยังไงเพื่อไม่ให้เหนื่อย หรือถ้าใครชอบดูโชว์ด้วยแล้วล่ะก็ยิ่งดีใหญ่ เพราะจะได้เห็นทักษะการคุมไมค์ให้เข้ากับทิศทางเสียงของศิลปินที่เป็นประโยชน์ในการโชว์ของเราอีกด้วย
   
   
3. ฉลาดใช้คำ
   
สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มแร็ปแล้วไม่ถนัดกับการฟรีสไตล์ (แร็ปสดแบบไม่มีบท) ก็จำเป็นต้องลองฝึกการเขียนไรม์ (Rhyme) หรือคำสัมผัสด้วยตัวเองเพื่อฝึกแร็ปในเบื้องต้นก่อน ซึ่งอาจใช้พื้นฐานง่ายๆ ด้วยการเขียนประโยคคล้ายกลอนแปดทีละ 1 บาร์ หรือ 1 ประโยคมาต่อกัน โดยให้คำสุดท้ายคล้องจองกัน เช่น
หน้าที่ชาวไทยเขาสอนให้ใช้สิทธิ์เคารพเสียง
แต่ทำไมตอนผมอธิบายผู้ใหญ่ต้องหาว่าเถียง
   
จากนั้นจึงใส่จังหวะให้กับไรม์ของเรา ซึ่งสามารถนับจังหวะเองหรือลองใช้จังหวะดนตรีสำเร็จรูปจากบีทต่างๆ ว่ามีคำที่ยาวเกินจะแร็ปได้ทันแล้วต้องตัดออกมั้ย หรือบาร์ไหนสั้นไปจนต้องเติมคำอื่นๆ เพื่อความสละสลวย โดยจะมีการทำซ้ำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนครบหนึ่งท่อนที่มักมีจะอย่างน้อย 16 บาร์ค่ะ
   
เครดิต : https://unsplash.com
   
และถ้าใครเลือกแต่งไรม์ด้วยวิธีนี้ ควรแต่งไปพร้อมแร็ปเต็มเสียงไปด้วยทีละบาร์ให้รู้ว่าเราจะแบ่งจังหวะหายใจตรงไหนได้บ้าง เพื่อจะได้ลดหรือเพิ่มคำไปตั้งแต่เนิ่นๆ  เพราะถ้าแต่งไว้รวดเดียวทั้งท่อนแล้วเกิดมีคำที่เยอะเกินไปจนแร็ปไม่ทัน อาจทำให้ต้องตัดบาร์เด็ดๆ ที่เป็น Punchline ออกไปได้อย่างน่าเสียดาย
   
เครดิต : https://unsplash.com
   
นอกจากนี้ การศึกษางานเขียน หรือแม้กระทั่งคำศัพท์ต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง ยังเป็นการซึมซับสไตล์การใช้คำได้อย่างสร้างสรรค์ ที่ช่วยทำให้สมองของเรากลายเป็นคลังคำคมพร้อมใช้งาน สามารถงัดมุกเด็ด หรือศัพท์เท่ๆ ออกมาใช้ได้อย่างฉับไวอีกด้วย ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบในการเขียนไรม์หรือแร็ปสดเชียวล่ะ
   
      
4. หาโอกาสปล่อยของ
   
ไม่ว่าจะอยากเป็นแร็ปเปอร์สายประกวด สายฟรีสไตล์ไฟแล่บกับเพื่อน หรือสายชิลล์นั่งสร้างผลงานเพลงเองอยู่ที่บ้าน ทุกคนก็มีภารกิจต่อความฝันของตัวเองเหมือนกันตรงที่ต้องลงมือทำค่ะ เพราะถ้าปล่อยให้ไอเดียที่อยากสื่อออกมาหยุดอยู่แค่กระดาษจดไรม์แล้วล่ะก็ อีกไม่นานก็จะถูกหลงลืม หรือโดนผัดวันประกันพรุ่งออกไป แล้วเส้นทางฝันของเราต้องจอดสนิทแน่นอน
  
เครดิต : Show Me The Money Thailand
   
ดังนั้นทุกคนจึงควรหาโอกาสในการปล่อยของ มีเวทีไหนเปิดก็ไปประกวด ไปโชว์ อยู่กับเพื่อนก็เปิดบีทให้ลั่นพ่นไรม์คมๆ ออกมาแบทเทิลลับสกิลกันบ้าง ใครชอบทำเพลงก็ขยันแต่งขยันร้อง เพื่อให้เราได้เห็นข้อดีและข้อด้อยของตัวเอง จะได้นำมาพัฒนาและปรับปรุงแก้ไขให้เก่งขึ้นนั่นเองจ้า
  
   
5. ออกเสียงชัด
   
ข้อนี้ต่อเนื่องจากข้อที่ 4 เพราะหลังจากที่เราได้เปล่งวาจาคำไรม์คมๆ ของเราออกไปแล้ว แร็ปเปอร์ส่วนใหญ่มักพบว่าตัวเองมีปัญหาในการออกเสียงไม่ชัด ซึ่งอาจเป็นเพราะการออกเสียงยังไม่เต็มเสียง การรีบร้องให้ลงจังหวะเกินไป หรือหายใจไม่ทัน จนทำให้ใจความในการแร็ปต้องขาดตอนไป โดยสามารถแก้ไขด้วยการเขียนไรม์ที่บาร์นึงใช้คำไม่เยอะ แร็ปช้าๆ ชัดๆ ไม่ต้องตะโกน แล้วซ้อมให้แม่นขึ้นทีละ 4 บาร์ เพื่อให้ลิ้นไม่พันกันค่ะ 
   
เครดิต : https://unsplash.com
   
   
6. อย่าอ่อนซ้อม
   
นอกจากการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เราเราแม่นยำในจังหวะในการแร็ปจนโฟลว์ (Flow) หรือแร็ปได้อย่างลื่นไหลแล้ว ยังสามารถสร้างความมั่นใจให้เราได้มากขึ้น โดยเฉพาะคนที่เตรียมตัวจะไปแข่งขันหรือโชว์ในสถานที่ที่มีคนเยอะ บรรยากาศกดดัน ถ้าได้ทำการบ้านมาดีจะช่วยลดปัญหาการตื่นเวที ที่ถือเป็นข้อดีในการหาจังหวะเหมาะเพื่อหยอดลูกเล่นคำต่างๆ หรือ ฟลิป (Flip) ได้อย่างคมคาย รู้ตำแหน่งเคลื่อนไหวโยกย้ายร่างกายไปบนเวทีอย่างไม่เคอะเขิน และเรียกความสนใจจากคนดูได้เป็นอย่างดีเลยล่ะค่า
  
เครดิต : https://unsplash.com
   
   
7. รักษาสุขภาพ
   
ปิดท้ายด้วยเทคนิคที่นิยมใช้กันทั้งวงการคนดนตรี และต้องขอบอกเลยว่าเป็นวิธีที่ช่วยให้แร็ปเปอร์แร็ปได้อย่างมีไดนามิก (Dynamic) หรือแร็ปได้อย่างทรงพลังไม่หอบเหนื่อยได้เป็นอย่างยิ่ง เพียงแค่กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงสารเสพติด มลพิษต่างๆ ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและสมองปลอดโปร่ง ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่เอื้อต่อการใช้ความคิดและพลังเสียงมากค่ะ
  
เครดิต : https://unsplash.com
   
   
     จะเห็นได้ว่าเทคนิคที่แนะนำกันไปไม่ใช่เรื่องยาก และเป็นพื้นฐานที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการแต่งเพลงแนวอื่นๆ ได้ด้วย แต่สิ่งสำคัญคือการใช้เวลาฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอจนชำนาญนั่นเองค่ะ ว่าแล้วถ้าน้องๆ คนไหนกำลังรู้สึกว่าไฟกำลังมา พร้อมจะแร็ปกันตั้งแต่นาทีนี้ ก็เชิญไปดาวน์โหลดบีทฟรีได้จากบทความ "โหลดไป Rap กันให้ลั่น! แจก '8 เว็บฟรีดนตรี+ซาวด์เอฟเฟ็กต์' ใช้ทำเพลงก็ดี ใส่เอ็มวีก็เวิร์ก" กันได้เลย Go Go Go!!!!
พี่ส้ม
พี่ส้ม - Columnist คนทำคอนเทนต์ออนไลน์ ที่เชื่อว่าใครก็เป็นเด็กดีได้ในสไตล์ของตัวเอง

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

3 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด