สวัสดีค่ะชาว Dek-D หนึ่งในกิจกรรมมหา’ลัยที่เรียกเสียงฮือฮาได้ตลอดคือ “การประกวดดาว-เดือน” (หรือบางมหา’ลัยอาจใช้คำอื่น เช่น เฟรชชี่บอย-เฟรชชี่เกิร์ล, ทูตสัมพันธไมตรี ฯลฯ) น่าเสียดายที่คนมักมีภาพจำว่าผู้ชนะบนเวทีนี้ต้องหน้าตาเป๊ะเวอร์เท่านั้น ทำให้ไม่กล้าลงแข่ง แต่จากการสำรวจความคิดเห็นของอดีตผู้เข้าประกวดและผู้โหวต พบว่า “หน้าตาไม่ใช่ทุกอย่าง” เรามาเช็กกันค่ะว่ามีปัจจัยอะไรที่ช่วยให้ชนะใจกรรมการและผู้ชมได้บ้าง!

 

        ภารกิจหลังจากเราคว้าตำแหน่งดาวเดือนสำเร็จ คือการทำกิจกรรมต่างๆ ในฐานะตัวแทนคณะหรือมหา’ลัย ดังนั้นไม่ว่าเราจะคิดว่าหน้าตาตัวเองอยู่ในเกณฑ์ไหน ก็ขอให้โฟกัสว่า บุคลิกภาพและการแต่งกายต้องผ่าน ความสง่าต้องมา ความมั่นใจต้องมี ไม่ใช่มองไปแล้วรู้สึกเราช่างดูท้อแท้ หมดแรง หมดอาลัยตายอยาก หรือดูกังวลตลอดเวลา
 

        ดังนั้นผู้เข้าประกวดดาวเดือน โปรดเช็กตัวเองด่วนๆ ทั้งการดูแลรูปร่างหน้าตา อากัปกิริยา การพูด และการแต่งกาย ว่ามีจุดไหนต้องแก้ไขบ้าง (เช่น เดินห่อไหล่ เท้าลากพื้น หลังงุ้ม กัดเล็บ เสื้อผ้ายับยู่ยี่ รองเท้าไม่ขัด มีกลิ่นปาก-กลิ่นตัว พูดจาตะกุกตะกัก เสียงโมโนโทนฟังยาก มีคำติดปากหลุดมาบ่อยเกินไป ฯลฯ) โดยเราอาจให้คนรอบข้างช่วยเป็นกระจกและเป็นครูฝึกส่วนตัวให้เราก็ได้นะคะ

 

        รอบที่ชวนระทึกที่สุดคงเป็น “การตอบคำถาม” ที่วัดทั้งความรู้ ไหวพริบ และทัศนคติของเรา ความยากคือการต้องมาเดาใจว่าเค้าจะถามอะไรเรา แล้วเราก็มีเวลาให้คิดไม่กี่วินาทีหลังฟังคำถามจบ! 
 

        แล้วคำถามในมือกรรมการจะครอบจักรวาลรึเปล่า? จากการสอบถามหลายๆ คน พบว่าขอบเขตคำถามมักจะเกี่ยวข้องกับ ธีมงาน สถานการณ์ปัจจุบัน หรือแม้แต่ถามสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งดาว-เดือน ดังนั้นอาจไปเก็งเรื่องความรู้ทั่วไป ข่าว เหตุการณ์บ้านเมือง หรือปัญหาสังคม ณ ขณะนั้น เพื่อมาใช้คิดต่อว่าเราจะมีวิธีนำเสนอหรือแก้ไขปัญหายังไงบ้าง
 

        ส่วนคำตอบที่เรียกคะแนนได้ดี อันดับแรก ต้องตอบครบ ตรงประเด็น และมีเหตุผลซัพพอร์ต ไม่จำเป็นต้องโลกสวยตลอด แต่ฟังแล้วมีพลังบวกได้ก็ดี ที่สำคัญอย่าลืมเรื่องบุคลิกและน้ำเสียงด้วยนะคะ ถ้าพูดแบบราบเรียบไร้อารมณ์ พูดตะกุกตะกัก เข้าใจยาก ห่อไหล่ บิดตัวไปมา ฯลฯ ก็ทำให้เราขาดความน่าเชื่อถือได้

 

        รอบโชว์ความสามารถทำให้คนรู้จักตัวตนและความถนัดของเราได้ดีที่สุด หลายเสียงพูดตรงกันว่า “บางทีความสามารถเจ๋งๆ ก็ทำให้คนๆ นั้นดูหล่อสวยขึ้นมาได้” เริ่มแรกเราต้องลองนึกว่าเราทำอะไรได้บ้าง ถ้าใครมีช้อยส์เยอะ แนะนำให้เลือกหยิบความสามารถพิเศษที่แปลกใหม่ หาชมได้ยาก หรือเป็นสิ่งที่เราถนัดจริงๆ เพื่อสร้างความโดดเด่นเหนือผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ จากนั้นหาเทคนิคนำเสนอให้กระทบใจผู้ชม และตั้งใจฝึกซ้อมให้เต็มที่
 

        ส่วนใครที่คาแรกเตอร์เป็นคนฮาๆ มาสายเอนเตอร์เทน อย่าทิ้งตัวตนเพื่อไปแสดงอะไรที่ไม่ใช่เรานะคะ พี่ขอยกตัวอย่างเดือนคณะนึง เค้าเล่าว่าตนเลือกแสดง “Medley Dance” = เต้นหลายเพลงรวมกันแนว Parody (ล้อเลียน) เน้นสร้างความฮา โดยให้เหตุผลว่า เค้าไม่ใช่คนหล่อ แต่ชอบสร้างความบันเทิงให้คนที่อยู่ด้วย จากนั้นเค้าก็ออกแบบโชว์ ผลคือกระแสตอบรับดีจนคว้าตำแหน่งเดือนคณะไปครองเลยค่ะ

Photo Credit: Pixabay

 

        ผู้ประกวดดาวเดือนไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพังแน่นอนค่ะ มันจะมีบางช่วงที่เราสามารถขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ ได้ เช่น ถ้าเราอยากดีไซน์โชว์บนเวทีให้ออกมาน่าสนใจ อาจลองให้เพื่อนที่เก่งด้านนี้ช่วยแนะนำ บางคนให้เพื่อนช่วยแต่งตัว แต่งหน้า สอนจริต สอนโพสท่า หรือบางคนอาจให้เพื่อนช่วยเป็นตัวประกอบเสริมโชว์ของเราให้มีลูกเล่นสะดุดตา เช่น ตอนร้องเพลงบนเวที ก็เตี๊ยมให้เพื่อนในสาขาช่วยเอามือถือมาเปิดแฟลช และร้องเพลงไปกับเราได้ รับรองสะกดสายตาผู้ชม และให้อารมณ์แบบคอนเสิร์ตเลยย 5555  

 

        เมื่อไหร่ที่มีการตัดสินด้วยวิธีการโหวต คนที่อยู่รอบตัวเราสำคัญเสมอค่ะ เพราะพวกเค้ามีคะแนนอยู่ในมือ พร้อมจะมอบให้ใครก็ได้ หลายคนอาจไม่ได้ประเมินเราแค่ตอนประกวด แต่ยังสังเกตพฤติกรรมของเราตอนไม่ได้อยู่บนเวทีด้วย ดังนั้นแม้เราจะหน้าตาดี การแสดงเจ๋ง แต่ทำตัวไม่น่ารักจนเพื่อนๆ ส่ายหน้า ก็มีสิทธิ์ชวดมงได้เหมือนกัน 

        ความเห็นของดาวเดือนแต่ละคนตรงใจพี่เกือบทุกข้อเลยค่ะ รู้แบบนี้แล้ว ใครยังกล้าๆ กลัวๆ เรื่องหน้าตาตัวเองอยู่ก็ขอให้เลิกกังวลได้เลย ลุกขึ้นสู้สักตั้งเถอะนะ ถ้าเราแพ้เพราะไม่เคยได้ลงแข่ง มันน่าเสียดาย (พี่เบิร์ดกล่าวไว้...) ส่วนใครอยากดันเพื่อนแล้วเพื่อนขาดความมั่นใจเรื่องหน้าตา ส่งบทความนี้ไปยืนยันซะ เพราะสิ่งที่พี่เล่ามาทั้งหมด ไม่ใช่คำปลอบใจขายฝัน แต่ทุกข้อเป็นคำตอบมาจากประสบการณ์ของทั้งผู้ประกวดและผู้โหวตทั้งนั้นค่ะ ^^ ถ้าชาว Dek-D คนไหนมีคำแนะนำอื่นๆ ขอชวนมาแชร์ให้เพื่อนๆ น้องๆ จดไปใช้บ้างนะคะ...เราจะมงลงไปด้วยกัน!!