'เคอิโงะ ซาโต' กับการก้าวข้ามกำแพงความกลัวสู่การเป็น 'ซากุระ' ที่สวยงามในตัวเอง!

 

อยากเป็นหมอชุมชนเพื่อให้ดูแลคนอื่นได้เต็มที่
 

        “สวัสดีค่ะ ‘เคอิโงะ ซาโต’ หรือ ‘ซากุระ’ ตอนนี้อายุ 18 ปี จบจากโรงเรียนพิจิตรพิทยาคม ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้นปี 1 คณะสาธารณสุขศาสตร์ สาขาอนามัยชุมชน ม.นเรศวรค่ะ ส่วนเหตุผลที่ชื่อซากุระ จริงๆ แล้วตั้งแต่เกิดมาหนูไม่เคยมีชื่อเล่นเลย เพื่อนจะเรียกเคอิโงะๆ ตลอด พอโตขึ้นหนูเห็นรุ่นพี่มีชื่อแบ๊วๆ เราเลยอยากลองคิดฉายาดูบ้าง แล้วอยากให้เป็นแนวหวานๆ ผู้หญิงๆ มีความเป็นสาวญี่ปุ่น เลยกลายเป็นที่มาของชื่อนี้ค่ะ”
 

        “ความฝันของหนูคืออยากเป็นหมอชุมชน เพราะตอนเด็กที่คุณแม่ป่วย หนูไม่มีโอกาสดูแลท่านเต็มที่ค่ะ ถ้ามีโอกาสหนูเลยอยากมีความรู้เพื่อช่วยเหลือคนอื่นบ้าง” แล้วชีวิตการเรียนมหา’ลัยที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง? “จริงๆ ก่อนเข้าหนูรู้สึกว่าคณะนี้ต้องยากแน่ๆ แล้วพอมาเรียนจริงๆ หนูคิดว่าถ้าขยันอ่านหนังสือ แบ่งเวลาเรียนกับทำกิจกรรมให้ถูก สิ่งนั้นอาจไม่ได้ยากอย่างที่คิดค่ะ สำหรับหนูเองจะถนัดวิชาจำ เลขจะพอเอาตัวรอดได้ แต่ไม่ถนัดเคมีเลย 5555”

Photo Credit: เคอิโงะ ซาโต (ซากุระ) / คุณวิว
 

        “ส่วนกิจกรรมเทอม 1 ที่ผ่านมามีเยอะมากกก ต้องอยู่ซ้อมตลอด ทำให้เวลาอ่านหนังสือของเรามีน้อย แล้วช่วงที่เข้าปี 1 ใหม่ๆ หนูยังปรับตัวไม่ได้ ยังคงตื่นสายอยู่ พี่เชื่อมั้ยว่ามีครั้งนึงก่อนสอบ หนูทำไม่ได้เลย หนูพลาด เกือบไม่ได้ตื่นไปสอบ โชคดีที่ผ่านมาได้ พอผ่านมิดเทอมคราวนั้นมาหนูเข็ดเลยค่ะ พยายามแบ่งเวลาให้ดีขึ้น และสปีดตัวเองอย่างหนัก”

 

ตัดสินใจประกวด “ดาวเทียม” ของมหา’ลัยเพื่อคว้าโอกาส
 

        “จุดมุ่งหมายของพวกกลุ่มเพศทางเลือกคือต้องกล้าแสดงออก สำหรับหนูเองก็อยากแสดงออกไปในทางที่ดี เราตัดสินใจลงประกวดดาวเทียมเพราะคิดว่านี่เป็นโอกาสให้ได้มิตรภาพ ได้รู้จักเพื่อนและรุ่นพี่ หนูเองอยากมีเพื่อนเยอะๆ ค่ะ”
 

 

        อยากให้เล่าการประกวดดาวเทียมคร่าวๆ หน่อยว่าเราได้แสดงความสามารถอะไรบ้าง? “ในการประกวดจะมี 2 พาร์ตค่ะ เริ่มจากแข่งในคณะก่อน เราก็เอาฉ่อยไปร้อง คัดเลือกจาก 30 คนเหลือ 6 คน แล้วปรากฏว่าหนูผ่านเข้ารอบค่ะ โหตอนนั้นเราดีใจมากกก รู้สึกว่าแค่เข้ารอบนี้มาได้ก็คุ้มมากๆ แล้ว เพราะคิดว่านั่นเป็นโอกาสให้เรารู้จักพี่ๆ"

         "หลังจากนั้นจะมีการเก็บตัวฝึกเดิน และร้องรำทำเพลงค่ะ ในรอบสุดท้าย หนูเลือกแต่งเป็นโดเรมอน เพราะต้องการให้เป็นแนวแบ๊วๆ น่ารักๆ สามารถเต้นและตลกเฮฮาได้ แล้วสุดท้ายก็ได้ตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ค่ะ”

 

เมื่อก่อนคนโจมตีเรื่องเพศจนแทบไม่เคยได้อ่านคอมเมนต์ดีๆ
 

Photo Credit: เคอิโงะ ซาโต (ซากุระ) / คุณวิว
 

        แต่ถ้าตัดภาพมาที่ปัจจุบัน เธอรู้สึกแฮปปี้ขึ้นกว่าแต่ก่อนมากๆ ค่ะ เธอเล่าว่า “สังคมไทยเปิดกว้างขึ้น เพราะอย่างรุ่นพี่สาวสองที่เป็นเน็ตไอดอลได้สร้างชื่อเสียงไว้ค่ะ ความสามารถของเขาได้ยกระดับให้คนยอมรับเพศของพวกเรามากขึ้น ไม่ถูกมองเป็นตัวตลก พวกเราซึ่งเป็นรุ่นน้องรุ่นน้องก็มีจุดยืน เรามั่นใจว่าไม่ได้แสดงออกนอกกรอบหรือทำอะไรผิดศีลธรรม ตัวหนูเองได้คำชม กำลังใจ ได้อะไรหลายๆ อย่าง ถ้ามีคนคอมเมนต์มาก็ลองมาคิดไตร่ตรองแล้วปรับเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น”
 

Photo Credit: เคอิโงะ ซาโต (ซากุระ) / คุณวิว
 

        อีกสิ่งที่ซากุระวางแผนไว้คือเรื่องการหางาน “ตอนนี้เราตั้งใจให้ผ่านปี 1 ไปก่อน ถ้าโอเคแล้วเกรดดี เราก็อยากหางานพิเศษเพื่อสร้างรายได้ให้ตัวเองและครอบครัว หนูอยากถ่ายแบบ อยากทำงานพรีเซนเตอร์ค่ะ แต่จริงๆ เราไม่ได้ปิดกั้นโอกาส เราอยากลองทำอะไรหลายๆ อย่างเพื่อหาความถนัดของตัวเอง แต่ไม่หลุดจากกรอบ"

 

อยากให้คนมองการกระทำมากกว่าตัดสินจากเพศ
 

Photo Credit: เคอิโงะ ซาโต (ซากุระ) / คุณวิว
 

        ส่วนเรื่องการศัลยกรรม เธอก็อยากฝากเตือนผู้อ่านเช่นกัน “หากอยากทำศัลยกรรม สิ่งสำคัญคือต้องเลือกคลินิกที่ปลอดภัยได้มาตรฐาน ถ้าเน้นถูกไว้ก่อนจะมีโอกาสพังสูง เพราะกาลเวลาจะทำให้พัง ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอาจแก้ไขไม่ได้ เราต้องเช็กประวัติหมอดีๆ เลือกจากวิชาแพทย์ อุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ เพื่อความปลอดภัยของเรา"
 

        "หนูโชคดีที่พี่ในคลินิกชื่อดังแห่งหนึ่งในประเทศไทย ติดต่อและหยิบยื่นโอกาสให้เราทำศัลยกรรม ซึ่งต่อมาเราก็ได้เป็นพรีเซนเตอร์ของคลินิกนี้ด้วย ตอนแรกเราก็ปฏิเสธเพราะกลัวเสียโฉมนะ แต่เราก็ไปสืบประวัติ และให้คนรอบตัวหลายๆ คนช่วยเช็กด้วย ก็มั่นใจว่าที่นี่ได้มาตรฐานจริงๆ ค่ะ" ส่วนตอนนี้น้องกำลังจะทำศัลยกรรมเพื่อเดินสายประกวดเต็มตัว เป็นการหารายได้สำหรับใช้จ่ายในมหาวิทยาลัยค่ะ ยังไงขอฝากติดตามผลงานของซากุระกันนะคะ ^^

Photo Credit: เคอิโงะ ซาโต (ซากุระ) / คุณวิว

       ก่อนจบบทความนี้พี่ขอแสดงความยินดีกับเคอิโงะคนใหม่ที่ได้ใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง ท่ามกลางสังคมที่ไม่ได้ปิดกั้นความหลากหลายทางเพศมากเหมือนแต่ก่อน เรื่องราวของเธอยังทำให้รู้อีกว่า หากเราเลือกวางตัวให้ตัวเองมีคุณค่า ทุ่มเทให้การเรียน และหาโอกาสทำสิ่งดีๆ อยู่เสมอ เราจะภูมิใจในตัวเอง และสามารถเป็นตัวเองได้เต็มที่โดยไม่ต้องกลัวว่าคนจะมาดูถูกเลยค่ะ หากในวันนี้ชาว Dek-D คนไหนกำลังเผชิญปัญหาการถูกเหยียบย่ำจากคนรอบข้างโดยไร้เหตุผล พี่หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นกำลังใจให้น้องๆ อยากลุกขึ้นมาพิสูจน์ตัวเอง และผ่านปัญหาไปได้ด้วยดีในสักวันหนึ่งนะคะ :)
 

เปิดใจ ‘กลุ่มนักเรียนวัดสุทธิฯ’
กับภารกิจ 2 ชั่วโมงสุดระทึกเพื่อช่วยเหลือชาวจีนที่เตรียมฆ่าตัวตาย!