'วัน' นิสิตสาวที่มีมือน้อย 1 ข้าง กับความภูมิใจในฐานะผู้อัญเชิญพระเกี้ยว #TUCUBALL73

        สวัสดีค่ะชาว Dek-D พบกับคอลัมน์ “เด็กพลังบวก” ที่จะพาน้องๆ ไปค้นหาแรงบันดาลใจจากวัยรุ่นเจ๋งๆ ที่ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และทำกิจกรรมเพื่อตัวเองและสังคมกันค่ะ
 

        เมื่อวันหยุดที่ผ่านมา หลายคนเกาะติดกระแส #TUCUBALL73 ที่ทั้งฝั่งจุฬาฯ และ มธ. ได้มาประชันฝีเท้าของนักกีฬา และฝีมือการแปรอักษรบนสแตนด์ บอกเลยว่าดุเด็ดเผ็ดมันส์มากกกจนเป็นกระแสให้คนพูดถึงทุกปี และอีกไฮไลต์ที่คนจับตามองคือตำแหน่งผู้อัญเชิญพระเกี้ยวในงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ซึ่งเราก็ได้มาพูดคุยกับสาวสวยเจ้าของตำแหน่งในปีนี้ค่ะ เธอคนนี้มี "มือน้อย" หนึ่งข้าง ซึ่งมือนั้นไม่สามารถใช้งานได้เต็มที่ แต่เธอแสดงให้เห็นแล้วว่ามือข้างนั้นไม่เคยเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตของเธอเลย แม้กระทั่งในการคัดเลือกและฝึกซ้อมในฐานะตัวแทนผู้อัญเชิญพระเกี้ยวในปีนี้! บอกเลยว่าน้ำเสียงเธอสดใสมากๆ ตลอดการพูดคุย ถ้าพร้อมแล้ว เราจะขอมาชวนตกหลุมรักทัศนคติของสาวคนนี้กันค่ะ ^^
 

 

แนะนำตัว
 

        “สวัสดีค่ะ ‘วัน’ ปาณิสรา อารยะถาวร นิสิตปี 3 คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยค่ะ ^^” 
 

        ขอเกริ่นก่อนว่า CU Coronet คือกลุ่มผู้อัญเชิญพระเกี้ยวของจุฬาฯ ในงานฟุตบอลประเพณีประจำปีระหว่างจุฬาฯ - มธ. ซึ่งจะมีทั้งหมด 4 ตำแหน่ง ได้แก่ อัญเชิญพระเกี้ยว อัญเชิญถ้วยพระราชทาน อัญเชิญป้ายนามมหาวิทยาลัย และอัญเชิญพานพุ่ม 
 

Photo Credit: CU Coronet
 

Photo Credit: CU Coronet
 

        วันเริ่มเล่าเหตุผลที่ตัดสินใจลงคัดเลือกให้ฟัง “วันเป็นคนชอบทำกิจกรรมหลายด้านตั้งแต่เด็กเลยค่ะ คุณแม่เล่าว่าเราชอบพูดชอบและกล้าแสดงออก ได้เป็นพิธีกรตั้งแต่อยู่โรงเรียนอนุบาลนครสวรรค์ พอมาเรียน รร.เตรียมอุดม เป็นเป็นผู้นำวาทีแห่งเตรียมอุดม (รุ่นนึงมี 5 คน) ทำงานเป็นพิธีกรและกรรมการนักเรียน และเคยไปแข่งโต้วาทีทีมได้ที่ 1 ระดับประเทศด้วย”  
 

 

        “แล้วพอมาเจอ CU Coronet ก็รู้สึกน่าสนใจและคิดว่าตอบโจทย์เรามากๆ ทั้งได้ทำหน้าที่ในงานบอล ได้ทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ทั้งในสังคมและมหาวิทยาลัย ซึ่งจะช่วยให้เราได้พัฒนาตัวเองด้วย ที่สำคัญเลยคือเขาเปิดกว้างมากๆ แค่เป็นนิสิตจุฬาฯ ก็ลงสมัครได้ค่ะ” 
 

        กว่าจะได้รับตำแหน่งนี้ วันต้องผ่านการคัดเลือกรูปแบบไหนบ้าง? “เขามีคัดเลือกหลายรอบ ทั้งสัมภาษณ์และทำกิจกรรมกลุ่มค่ะ เราจะได้ทำงานร่วมกับผู้เข้าแข่งขันที่ผ่านเข้ารอบมาด้วยกัน แล้วมีกรรมการให้คะแนน ซึ่งเราต้องมีสติทำทุกรอบให้ดี ส่วนใหญ่คือเรื่องการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า บุคลิกการวางตัว และสิ่งที่วันคิดว่าสำคัญไม่แพ้กัน คือความเป็นธรรมชาติ ความเป็นตัวของตัวเอง เช่น เวลาตอบคำถาม เราไม่จำเป็นต้องประดิษฐ์ แต่สามารถตอบมุมที่เราคิดจริงๆ ได้เลยค่ะ”
 

 

เรื่องน่ารักๆ ที่ทุกคนทำให้โดยที่เธอไม่เคยร้องขอ
 

        “วันรู้สึกไม่เหมือนกิจกรรมอื่น ถ้าเป็นพิธีกร (MC) ใช้การพูด เราสามารถทำได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องมือ แต่ทั้ง 4 ตำแหน่งในงานบอลล้วนแต่ต้องใช้แขน ตอนแรกเราสงสัยว่าจะมีผลมั้ย สุดท้ายก็คิดว่าลองเปิดโอกาสให้ตัวเองก่อน ให้กรรมการตัดสิน ไม่ใช่ตัวเราตัดสินไปเองแต่แรก ไม่อย่างนั้นโอกาสจะเป็น 0 เลย”
 

        “พวกเรา 14 คนจะมีการฝึกสมรรถภาพทางร่างกาย การวิ่งออกกำลังกาย เพื่อเตรียมพร้อมก่อนวันจริง ฝึกบุคลิกภาพ การตอบคำถามในที่สาธารณะ เมื่อคัดแล้วจะมีการฝึกเข้าตำแหน่งตัวเอง สำหรับเราคือผู้อัญเชิญพระเกี้ยว วันต้องนั่งพับเพียบนานมาก ถ้าลุกก็ต้องเดินไปยืนข้างหน้าได้เลย ถึงขาชาก็ต้องเดินให้มั่นคง ทั้งหมดนี้ใช้เวลาประมาณ 1 เดือนหลังจากที่คัดตอนต้น ม.ค. ค่ะ”
 

 

        ความน่ารักคือทั้งเพื่อนๆ และรุ่นพี่เอาใจใส่แม้แต่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ขนาดเธอเองยังไม่ทันนึกถึง “ถ้าสังเกตปีก่อนๆ จะเห็นว่าตอนที่ยืนท่าเดียวกันเป๊ะเพื่อถ่ายรูปรวม ผู้หญิงจะใช้มือขวาทับมือซ้าย ซึ่งถ้าเราวางมือลักษณะนั้น มือน้อยของเราจะเด่นขึ้นมา ปรากฏว่าวันแรกที่ประกาศ 14 คน เขาให้เราทุกคนเอามือซ้ายทับขวาแทน เขาคิดเผื่อเราในด้านนี้โดยที่วันไม่ได้ขอร้อง เรียกว่าวันยังไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้ด้วยซ้ำ”
 

        “แล้วในขั้นตอนการฝึกจะมีให้ยกขวดน้ำ ถ้าปีก่อนๆ เขาจะให้ยกข้างละขวด ปัญหาคือมือขวาวันใช้มือขวาเพื่อจับขวดน้ำไม่ได้ รุ่นพี่บอกว่าปีนี้ให้เปลี่ยนมาเติมน้ำ 3 ขวดแทน แล้วใช้เทปพันด้วยกัน ทำให้เมื่อมีมือซ้ายช่วงทรงตัว มือขวาและมือซ้ายของวันจึงสามารถรับน้ำหนักได้ เรื่องนี้วันก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาคิดถึงเรื่องมือน้อยของเราเป็นเหตุผลหนึ่งในการทำแบบนี้ด้วยรึเปล่า แต่การให้ฝึกถือน้ำ 3 ขวด ก็ช่วยให้ทุกคนแข็งแรงขึ้นด้วยค่ะ”
 

         "ส่วนเรื่องวิดพื้น ซิทอัป หรือการทำกิจกรรมอื่นๆ ซึ่งบางครั้งแขนขวาของเราทำได้ไม่ถนัด เพื่อนๆ ก็จะคอยช่วยเหลือและเป็นกำลังใจให้ตลอด ทำให้แม้จะเหนื่อย บางอย่างจะยาก แต่เราก็มีความสุข และผ่านทุกอย่างมาได้พร้อมกับพี่ๆ เพื่อนๆ ทุกคน"
 

Photo Credit: CU Coronet
 

         "วันรู้สึกขอบคุณและประทับใจมากๆ หนึ่งสิ่งที่ดีที่สุดของการที่ได้เข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ คือการที่วันได้มารู้จักกับ ครอบครัว CU Coronet ที่น่ารักทุกคนค่ะ นอกจากนี้ เรารู้สึกดีใจและเป็นเกียรติอย่างมากที่ครั้งหนึ่งในชีวิตนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้มีโอกาสมาทำหน้าที่นี้และตั้งใจว่าจะทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดค่ะ"

 

และคนรอบตัวไม่เคยทำให้เธอรู้สึกแปลกแยก
 

        “ตั้งแต่เด็กๆ ป๊ากับแม่ให้เราชีวิตปกติโดยไม่ต้องคอยปิดซ่อนมือน้อยของเราไว้ และไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ครูตั้งแต่สมัย หรือเพื่อนๆ ทุกคนพร้อมสนับสนุนสิ่งที่เราทำ และไม่เคยทำให้วันรู้สึกแปลกแยกไปจากคนอื่นเลย อย่างเวลาที่ไปแข่งก็ได้รับการคัดเลือกเกณฑ์เดียวกับคนอื่นๆ ดังนั้นสำหรับหลายๆ คนที่กลัว อยากให้รู้ว่าสังคมพร้อมเปิดโอกาสให้เสมอ ที่ผ่านมาวันรู้สึกว่าไม่มีใครมองไม่ดีกับวันเลย ทุกคนพร้อมช่วยและยิ้มให้ตลอด”
 

        “ปกติแล้ววันจะใช้มือซ้ายทำหน้าที่เป็นหลักแทนมือขวา เช่น เขียนหนังสือ ส่วนบางอันที่ต้องใช้มือขวาด้วย เช่น ล้างจาน ตีแบด ว่ายน้ำ ยกดัมเบลมือขวา เย็บผ้า ฯลฯ เราคิดว่าไม่มีอะไรยากเกินความพยายาม ถ้าผ่านไปได้เราจะโตขึ้นอีกขั้นนึง แต่ถ้ามีอะไรที่เราทำไม่ได้จริงๆ ก็แค่ยอมรับ แล้วไปพัฒนาด้านอื่นๆ แทน” 
 

ชอบคณิตตั้งแต่เด็ก และฝันอยากเป็นผู้พิพากษา
 

        หลังจากที่ชวนสาวสวยคนนี้คุยเรื่องการทำกิจกรรมมานานมาก ขอแอบถามมุมการเรียนบ้าง อยากทราบว่าเรามีแรงบันดาลใจอะไรให้ตัดสินใจเรียนด้านกฎหมาย? “จริงๆ ตั้งแต่เด็กเราชอบคณิตศาสตร์ที่สุดค่ะ เคยไปแข่งตั้งแต่ระดับจังหวัด ระดับภาค ระดับประเทศ และไปแข่งระหว่างประเทศด้วย ตอนเรียนเตรียมฯ ก็อยู่ห้องกิฟต์เลขตลอด 3 ปี ส่วนด้านนิติคือสนใจมาตั้งแต่เด็กอีกเหมือนกัน ตอนนั้น ป.1 - ป.2 ได้ไปเห็นบรรยากาศที่ศาล อยู่ๆ ก็ปิ๊งขึ้นมาว่าอยากทำงานที่นั่น แต่ไม่มีเหตุผลเลยนะ 5555 แล้วพอโตมาก็ยังอยากเป็นผู้พิพากษา ความฝันของเรายังไม่เปลี่ยน”
 

        วิธีการเรียนให้ได้ผลในแบบฉบับของวัน เป็นยังไงบ้าง? “วันเป็นคนที่ไม่สามารถจดจ่อกับการอ่านหนังสือเป็นเวลานานๆ ติดต่อกันได้ เลยอาศัยการตั้งใจเรียนในห้องให้เข้าใจก่อนค่ะ”
 

        “มันจะมีช่วงนึงก่อนจะรู้ว่าตัวเองอยู่ตำแหน่งเป็นผู้อัญเชิญพระเกี้ยว ช่วงนั้นตรงกับสอบปลายภาคของเทอมที่แล้ว ทำให้เวลาอ่านหนังสือลดลง ก่อนหน้านั้นเราอาจมีเวลาเล่น ดูหนังดูซีรี่ส์ แต่พอมาทำกิจกรรมเราก็ต้องลดเวลาเล่นเหล่านั้นลงเพื่อเพิ่มเวลาอ่านหนังสือให้ตัวเองค่ะ แม้ว่าเราต้องทำกิจกรรมเยอะทำให้ไม่มีเวลาอ่านหนังสือทุกวัน แต่ถ้าวันไหนได้อ่านจะไม่วอกแวกเลย เราจะตั้งใจทำสิ่งตรงหน้าให้มากที่สุด” 

 

อย่าสร้างกำแพงความกลัวให้ตัวเอง
 

        “อยากบอกทุกคนว่าเรามีความฝันได้ อย่าปิดกั้นตัวเองด้วยคำว่ากลัวหรือไม่กล้า อยากทำอะไรลองเดินตามเสียงหัวใจของตัวเองก่อน ให้ความสุขที่เจอระหว่างทางเป็นแรงผลักดัน แล้วสักวันสิ่งที่ฝันจะเป็นจริง หรืออย่างน้อยๆ ถ้าไม่เกิดขึ้น เราก็จะรู้แล้วว่านั่นไม่ใช่ทางของเรา”
 

        “สำหรับใครที่มีข้อบกพร่อง อาจจะเป็นอวัยวะหรือด้านอื่นๆ ที่เราไม่มั่นใจ อยากให้มองตัวเองในแง่ดี เราทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง อย่าให้ข้อบกพร่องเล็กๆ มาเป็นขีดจำกัดในชีวิต เราสมบูรณ์แบบในแบบของตัวเองได้ มั่นใจในตัวเองไว้นะคะ อย่าปิดกั้น ด้านไหนพัฒนาได้ก็ให้พัฒนาให้เราเป็นเราในแบบที่ดีขึ้น แล้วเราจะเจอสิ่งดีๆ ที่รอเราอยู่ รวมถึงสิ่งดีๆ ที่คนรอบข้างส่งถึงเราด้วย วันขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ”
 

 

        ถือเป็นอีกหนึ่งคนที่เติมพลังบวกให้พี่ได้เต็มๆ และน้องๆ เองก็คงได้รับแรงบันดาลใจดีๆ จากเธอคนนี้กลับไปเช่นกัน เราขอชื่นชมในความเก่งและทัศนคติของวันจากใจจริงเลยค่ะ และสำหรับชาว Dek-D ที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ เราเชื่อว่าหลายคนยังคงกลัวการเปิดบานประตูที่ล็อกไว้มาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแสดงความสามารถ การทำกิจกรรม หรือการเดินตามความฝันตัวเอง พี่อยากให้ลองปลดล็อกดูสักครั้ง แล้วเราจะรู้ว่าโลกของเรากว้างกว่าที่คิดมากๆ และมีคนน่ารักอีกมากที่พร้อมให้เรารู้จัก ชีวิตสนุกขึ้นแน่นอนค่ะ ^^
 

‘รวงข้าว’ FC Wanna One
ผู้ผสานลายเส้นไทยกับไอดอลเกาหลีลงพอร์ต TCAS ยอดรีหลักหมื่น!