‘ร้านเชียงรายปัญญาฯ’ กับเรื่องราวของเด็กพิเศษที่งัดความถนัดเฉพาะตัวมาดูแลร้านกาแฟ!

“แก๊งนางฟ้าบ้านนา” ผู้ปลุกเสน่ห์แดนชนบทด้วยแฟชั่นสไตล์ท้องถิ่น (คลิป 5 ล้านวิวการันตีความแซ่บ!)
 
          สวัสดีค่ะชาว   Dek-D พบกับคอลัมน์ "เด็กพลังบวก" ที่จะพาน้องๆ ไปค้นหาแรงบันดาลใจจากวัยรุ่นเจ๋งๆ ที่ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และทำกิจกรรมเพื่อตัวเองและสังคมกันค่ะ
 
          หลายคนน่าจะเคยอ่านเรื่องราวของ “ร้านเชียงรายปัญญาฯ” ที่น้องๆ เด็กพิเศษและคุณครูบริหารกันเอง หลังจากเราได้พูดคุยแล้วก็ทราบว่านี่คือ 1 ในพื้นที่ที่น้องๆ ได้ทดลองทำงานจริง เพราะทางโรงเรียนมีโครงการให้น้องๆ ฝึกอาชีพเพื่อให้มีทักษะติดตัวนั่นเองค่ะ เดี๋ยวเราจะพาอ่านที่มาที่ไป และดูว่าน้องๆ งัดความสามารถพิเศษเฉพาะตัวมาใช้ในงานนี้ยังไงบ้าง! 
 

 
วิธีเรียนรู้ที่ไม่ต้องซื้อสมุดดินสอ
 
          ครูเสาวภา เพียรจริง (ครูดรีม) ซึ่งเป็นครูชำนาญการ วิชาเอกการศึกษาพิเศษ และผู้ดูแลโครงการร้านกาแฟเชียงรายปัญญาฯ เล่าว่า “โรงเรียนเชียงรายปัญญานุกูล เป็นโรงเรียนที่รับเฉพาะนักเรียนที่บกพร่องทางสติปัญญาค่ะ เราจะสอนทักษะการดำรงชีวิต ทักษะอาชีพ และทักษะสังคม พอปี 2554 โรงเรียนเลยเริ่มมีโครงการศึกษาเพื่อการมีงานทำ โดยเริ่มจากความถนัดและความสนใจของเด็ก”
           
          “โรงเรียนเรามีประมาณ 400 กว่าคน มีตั้งแต่ระดับอนุบาล - ม.4 ค่ะ ช่วง ม.4 เป็นช่วงเตรียมความพร้อม เด็กๆ สามารถเลือกเรียนสิ่งที่สนใจได้อิสระ อาจมีน้อยคนที่เจอตัวเองนะ แต่ถ้าเราวัดแล้วเจอเด็กที่มีแวว จะพยายามให้เขาทำเรื่องนั้นจนชำนาญ พาเด็กออกสังคม มีงานไหนในจังหวัดเราพาไปหมด แล้วโชคดีที่สังคมไม่ปิดกั้นโอกาสด้วย”


          "ถ้าจันทร์-ศุกร์ เราจะสอนวิชาการช่วงเช้า และสอนงานอาชีพที่เด็กถนัดและสนใจในช่วงบ่าย ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์จะฝึกให้เด็กทำงานอาชีพเพื่อการมีงานทำ ทางโรงเรียนเองจะสำรวจและวิเคราะห์ว่าแต่ละคนสนใจและถนัดด้านไหนบ้าง เช่น เย็บปักถักร้อย ทำเกษตร ทำอาหาร-ขนม ฯลฯ ตอนเรียนจะได้ฝึกปฏิบัติจริง เรียนรู้ผ่านการลองผิดลองถูก สมมติการเจียวไข่ ช่วงแรกเด็กๆ ตอกไข่แตกคามือกันทุกรายเลยค่ะ ถ้าเกิดเราตำหนิไปเลยเขาจะถอดใจ เราเลยให้โอกาส เช่น ตอก 10 ฟอง ขอสำเร็จสัก 1 ฟองก็พอแล้ว"
 
          “การเรียนที่นี่ไม่ต้องซื้อสมุดดินสอ ใช้สิ่งของทั่วไปเป็นเครื่องมือการเรียนรู้ อย่างพวกไข่ แป้ง น้ำตาล ฯลฯ เน้นปฏิบัติไปเลยแล้วเขาจะเข้าใจได้เร็ว”



 
เก่งคนละด้าน
แบ่งหน้าที่กันอย่างลงตัว!

 
          “ก่อนหน้าที่มีสื่อเอาเรื่องของเราไปลง ร้านเงียบมากกก ขายได้ 2 แก้วต่อวัน ครูเองยังท้อเลยค่ะ แต่หลังจากนั้นลูกค้าก็เข้ามาเรื่อยๆ จนวัตถุดิบที่ร้านไม่พอ (เราจะสอนเรื่องการบริหารเงินทุนให้กับเด็กๆ ด้วย)”


 
          จากนั้นครูเสาวภาก็เริ่มเล่าเรื่องของน้องๆ แต่ละคนให้ฟัง ตอนนั้นบรรยากาศร้านคึกคักมากค่ะ มีลูกค้าเข้าร้านเรื่อยๆ บางคำถามครูก็จะหันไปถามน้องๆ ให้เขาตอบด้วยตัวเองเลย ทำให้เราได้ยินคำตอบซื่อๆ จากน้องๆ ด้วย (น่ารักมากกกก ><)
 
          “คนแรกชื่อ ‘อ้อยหวาน’ ค่ะ อายุ 22 ปี เรียนจบแล้ว หน้าที่หลักเป็นบาริสต้าของร้าน ปกติน้องจะชอบขายของ ชอบทำขนม กาแฟ เบเกอรี่ เมื่อก่อนจะชอบไปดูคนชงกาแฟที่ร้านนึงในโรงเรียนทุกวัน และขอให้เขาช่วยสอนให้ อ้อยหวานฝึกทำ 6 ปีแบบไม่มีเปลี่ยนใจไปทำอย่างอื่นเลยค่ะ”
 
          “พอมาเปิดร้านเขาจะมีตัวช่วยนิดนึง เช่น แปะสูตรไว้ ถ้าลูกค้าบอกหวานน้อย ก็ดูตรงสีแดง ถ้าบอกหวานมาก ก็ดูตรงสีเหลือง ใช้รูปภาพประกอบช่วยด้วย ถ้าออเดอร์มาเยอะก็จดไว้ บางทีมาเยอะมากก็หันมาขอความช่วยเหลือ ‘แม่ๆ อะไรต่อ’ 5555 (น้องจะเรียกเราว่าแม่) เมนูฮิตร้านนี้เลยคือเอสเพรสโซ่หวานน้อย แต่น้องเองจะชอบทำลาเต้ที่สุดค่ะ ^^”
 

 
          “ส่วน ‘มายมิ้นท์’ อายุ 22 ปี ยิ้มแย้มแจ่มใส ถนัดเสิร์ฟและรับแขก ‘ขอบคุณค่า’ ‘วันนี้รับอะไรดีคะ’ แต่คิดเงินคิดเลขไม่ค่อยได้ ต้องใช้เครื่องคิดเลขช่วยค่ะ”

          “คนต่อมาชื่อ ‘ป้า’ อายุ 19 ปี คนนี้ถ้าทำแก้วสองแก้วให้ครูกินน่ะได้ แต่ถ้าทำขายเลยไม่ได้เพราะมีปัญหาด้านร่างกาย มือเขาจะเกร็งค่ะ อาจจะทำช้าหรือทำหก ดังนั้นแก้วที่ป้าใช้ต้องเป็นแก้วใหญ่ เขาเลยขอช่วยในครัว ล้างจาน ทำอาหาร ถึงช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร”
 
          ‘มายด์’ 18 ปี คนนี้แผนกซื้อของ คุณแม่บอกว่าตั้งแต่น้องมาอยู่ที่ร้าน สิ่งที่น้องฝึกจนทำได้ดีมากคือการซื้อของ สามารถจำชื่อและวัตถุดิบได้อย่างดี”
 
          “คนสุดท้าย ‘น้อยหน่า’ อายุ 16 ปี คนนี้ก็เก่งเหมือนกัน รับลูกค้าได้ แต่ลน เพราะเขาเป็นเด็กชนเผ่าเชื้อสายจีน ฟังไทยไม่ค่อยออก แต่เขาพยายามมากๆ เลยนะคะ บางทีแปลผิดก็กลายเป็นสีสันของร้านไป งานที่ถนัดจะเป็นงานที่ใช้พละกำลัง เปิดร้านแล้วดูแลได้”




 
          ครูเล่าพัฒนาการของน้องๆ ที่สังเกตเห็นว่า “ตอนแรกพวกเขายังทำไม่ได้ทั้งหมด เราต้องสอนทุกวันพูดทุกวัน แต่เดี๋ยวนี้สบายมาก ฝากร้านไว้ได้เลย ถ้าวันไหนคนเยอะจริงๆ ก็โทรหาเรา เราก็บอกไปว่าถ้าเกิดไม่ไหวจริงๆ ก็บอกลูกค้าให้รอหน่อย”
 
          “ส่วนครูเองจะคอยดูแลเรื่องการใช้ชีวิต การทำงาน และพฤติกรรม เหมือนกับเป็นลูกเราทุกคนเลยค่ะ ถ้าเขาหมดกำลังใจเราก็คอยเติมให้ ถ้าเขาดื้อก็ดุ ถ้าเขาท้อก็คอยดึงขึ้นมา ถ้าเหลิงก็ดึงลงมา อะไรที่เขาทำไม่ดีไม่น่ารักก็บอกเขา”





 
ครูต้องสังเกตอาการเอง
เพราะน้องไม่เคยพูดว่าเหนื่อย
 
          ต้องเล่าเท้าความก่อนว่าเมื่อก่อนร้านกาแฟร้านนี้ขายได้ตกวันละ 2 แก้วเท่านั้น แต่พอมีสื่อเผยแพร่เรื่องน่ารักๆ ยอดก็เพิ่มมาหลายเท่าตัวจนเด็กพิเศษเองก็ตื่นเต้นและแตกตื่นว่าเกิดอะไรขึ้น “วันนี้เราใช้น้ำแข็งไป 10 กระสอบ นม 16 แกลลอน ขายได้ 155 แก้ว ขนาดครูยังขายจนเบลอเลยค่ะ บางทีน้องทำไม่ทันครูก็ขออนุญาตลูกค้าช่วยน้องๆ ทำ มีตอนนึงที่ขายดีมากจนเครื่องพัง ก็มีลูกค้าอาสาช่วยซื้อให้ น้องๆ เขาบอกว่าดีใจมากก
 
          “ตอนที่ลูกค้าเยอะผิดหูผิดตา อ้อยหวานก็ถามว่า ‘วันนี้วันอะไรแม่ คนมาจากที่ไหน มาทำอะไรกันเยอะแยะ’ แล้วพอเราเปิดรูปในข่าวให้ดู เด็กๆ ก็ดีใจกันยกใหญ่ ‘อ๊ายยยย รูปหนูๆๆๆ’ นั่งดูตัวเอง เราก็บอกไปว่าที่เขามาหาก็เพราะอยากเห็นหนูยิ้มแย้มแจ่มใสตอนรับเนี่ยแหละ พอถามน้องๆ ว่าลูกค้าเยอะขนาดนี้ไหวมั้ย? สิ่งที่น้องตอบกลับมาคือ'ไหว ไม่ยอมแพ้ สู้ๆ ค่ะแม่'
 
          ถ้าให้เดา น้องๆ น่าจะไม่เคยบ่นเหนื่อยหรือเอ่ยปากว่าอยากพัก? “ใช่ค่ะ น้องๆ ไม่เคยบอกเราเลย เราต้องสังเกตอาการเองเลย เขาจะตาลอย เดี๋ยวเดินชนนู่นชนนี่ ลน หยิบจับอะไรไม่ถูก เราก็บอกไปว่าพักดื่มน้ำเข้าห้องน้ำหน่อย ส่วนผู้ปกครองของน้องๆ ก็ให้ความร่วมมือดีมากๆ ค่ะ คอยประสานงานกันตลอด และแวะมาหาลูกเป็นประจำ”


พี่แบงค์กับพี่แน็ปก็เคยมาอุดหนุนที่ร้านด้วยนะ!


Sweetmullet
 
ไม่เคยเอารายได้เป็นที่ตั้ง
 
          “เราโชคดีที่เจอแต่คนพร้อมให้โอกาส เขาอาจจะทำช้าหน่อย แต่เขาตั้งใจและพยายามากๆ ไม่เคยเห็นเงินเป็นที่ตั้ง พวกเขาจะดีใจเวลามีคนมาหาเขาเยอะและชอบสิ่งที่เขาตั้งใจทำให้ เชื่อมั้ยว่าเด็กเอาเงินที่หาได้ให้พ่อแม่ทั้งหมดเลย”
 
          “ลำพังเราคงออกมาเปิดแบบนี้ไม่ได้ เพราะไม่มีงบสนับสนุน เราเลยอยากขอบคุณ ‘บริษัทบุญรอดเทรดดิ้ง’ ผู้ใหญ่ใจดีที่คอยสนับสนุนเรื่องอุปกรณ์ เครื่องมือ ครุภัณฑ์ต่างๆ มาตั้งแต่ปี 52 รวมถึงสนับสนุนเงินในการจัดจ้างครูพี่เลี้ยงให้ดูแลเด็กๆ ด้วยค่ะ”


 
          น่ารักมากกกกก ต้องบอกว่าน่ารักทั้งคุณครู น้องๆ และทางผู้ใหญ่ของโรงเรียนที่คิดค้นโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อให้โอกาสพวกเขาเลยค่ะ ถ้าเกิดใครอยู่แถวนั้นอย่าลืมแวะไปน้าา ร้านจะตั้งอยู่แถวๆ หลังวัดร่องขุ่น เปิดขายทุกวันตั้งแต่ 8.00 - 17.00 น. มีคนรีวิวด้วยนะว่าอร่อยจริงๆ สามารถรีเควสต์หวานมากหวานน้อยได้ด้วยนะคะ น้องๆ จัดให้!
 
อย่าลืมย้อนอ่านเด็กพลังบวกตอนที่แล้วนะคะ :)
คุยกับ 'พิท' หนุ่มนักตัดต่อคลิปมายากลสุดล้ำ
แรงบันดาลใจจากแชนเนลดังต่างประเทศ!
พี่กุ๊กไก่
พี่กุ๊กไก่ - Columnist มนุษย์เบ้าหน้าจีน หวีดนักร้องไทย คลั่งไคล้ซีรี่ส์เกาหลี คลุกคลีกับอาหารญี่ปุ่น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น