คุยกับ 'พลอย-บัณฑิตา' อดีตดาราเด็ก & เส้นทางนักกีฬาฟันดาบที่คว้าเหรียญทอง #ซีเกมส์ ปีล่าสุด!


         สวัสดีค่ะชาว  Dek-D พบกับคอลัมน์ "เด็กพลังบวก" ที่จะพาน้องๆ ไปค้นหาแรงบันดาลใจจากวัยรุ่นเจ๋งๆ ที่ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และทำกิจกรรมเพื่อตัวเองและสังคมกันค่ะ
 
         ถ้าใครเป็นแฟนละคร อาจพอจดจำ 'พลอย' บัณฑิตา ศรีนวลนัด เด็กหญิงสดใสที่มีผลงานแสดงในละครหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น ตกกระไดหัวใจพลอยโจน (2545), ทับตะวัน (2546), ใยเสน่หา (2546), เรือนไม้สีเบจ (2547), นางฟ้าไร้ปีก (2547), ระเบียงรัก (2547), สามหนุ่มเนื้อทอง (2554), รอยรักหักเลี่ยมตะวัน (2557), รอยฝันตะวันเดือด (2557) และอีกหลายเรื่อง ถ้าล่าสุดเลยคือ ‘เสื้อสีฝุ่น’ (2557) ที่เธอเล่นตอนเรียนปี 1


 
        แล้วเราก็โชคดีมากที่มีโอกาสพูดคุยกับอดีตดาราเอเนอร์จี้ล้นและพลังบวกเต็มเปี่ยมคนนี้ค่ะ ปัจจุบันเธออายุ 23 ปี และเป็นบัณฑิตสาวจากคณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ (สอบเข้าด้วยโควตานักกีฬา) ซึ่งหลังจากที่เธอหายหน้าหายตาไปนาน ก็ได้ปรากฏตัวอีกครั้งในฐานะนักกีฬาดาบเซเบอร์เหรียญทองจากการแข่งขันซีเกมส์ปีล่าสุดที่ฟิลิปปินส์ บอกเลยว่าทั้งโหมดนักแสดงและโหมดนักกีฬา เธอใส่ความพยายามลงไปเยอะมาก จนเราเชื่อว่าน้องๆ ที่อ่านบทสัมภาษณ์นี้ ต้องได้รับพลังดีๆ กลับไปแน่นอนค่ะ ^^ 


ตอน 3-4 ขวบเคยตัดหน้าม้าเองจนเบี้ยว

เพราะเลียนแบบพี่ทราย-เจริญปุระ
 

         ก่อนจะเข้าเรื่องฟันดาบ ขอชวนคุยเรื่องงานแสดงกันก่อนว่าเราเริ่มเข้าวงการนี้ได้ยังไง? “พลอยอยากเป็นนักแสดงมาตั้งแต่เด็กเลยค่ะ ถึงขนาดว่าเมื่อก่อนตอน ‘พี่ทราย-เจริญปุระ’ เดินแบบ ไว้ผมสั้น ตัดหน้าม้า พลอยเห็นแล้วก็หยิบกรรไกรมาตัดผมเลียนแบบพี่เขาตั้งแต่ 3-4 ขวบ หน้าม้าเบี้ยวเลยจ้าาา 555 แล้วยังเดินไปถามแม่อีกนะว่า ‘แม่คะ หนูสวยมั้ย?’ ดังนั้นครอบครัวพลอยจะรู้ความฝันของพลอยตลอด จนมาวันนึงมีเพื่อนคุณแม่เป็นโมเดลลิง ก็ให้เราไปถ่ายรูปทิ้งไว้”


Photo Credit: @blingploy
 
         “แล้วในที่สุดโอกาสก็มาถึงค่ะ พลอยมีผลงานเรื่องแรกคือ ‘ตกกระไดหัวใจพลอยโจน’ หลังจากนั้นก็เล่นมาเรื่อยๆ เกือบ 40 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นช่อง 3 งานที่คิดว่าทำให้คนรู้จักเราเยอะ และจำเราได้ในฐานะดาราเด็กเจ้าน้ำตา ก็คือเรื่อง ‘ทับตะวัน’ เล่นเป็นเด็กใบ้ ความยากคือเราต้องสื่อสารด้วยสายตาเท่านั้น และแอคติ้งต้องได้ ส่วนเรื่องอื่นๆ พลอยก็เคยเล่นเป็นแฝดพี่แฝดน้อง ออทิสติกส์ เด็กพิการ ฯลฯ แต่ละบทบาทก็จะมีความยากความท้าทายต่างกัน”
 
         แล้วพลอยเองยังอยากกลับมารับงานแสดงอีกมั้ย? “พลอยคิดถึงงานแสดงมากกก ถ้ามีโอกาสก็อยากกลับมาเล่นมากๆ เลย เพราะตอนอยู่มหา’ลัยก็เคยลองเล่นละครเวทีแล้ว feedback ดี คิดว่ามันอยู่ในสายเลือดเราแล้ว เพราะปกติเป็นคนกล้าแสดงออก ชอบงานหน้ากล้อง อย่างงานพิธีกรก็สนใจเหมือนกัน”


Photo Credit: @blingploy


Photo Credit: @blingploy

 

อัปเดตชีวิตหลังแสดงเรื่องล่าสุด

โฟกัสกีฬา จนได้โควตาเข้า มธ.
 

         “พลอยหันมาลงแรงกับกีฬาซะเยอะ ลองเล่นมาทั้งเทควันโด ขี่ม้า ไอซ์สเกต แบดมินตัน แล้วจบที่ฟันดาบค่ะ ซึ่งคุณแม่บอกเทคนิคตอนหลังว่าอยากให้เราลองเล่นกีฬา เพื่อไม่ให้เครียดที่ไม่ได้ทำงานด้านการแสดง

         โดยโพรไฟล์สายกีฬาของเธอไม่ธรรมดา ทั้งเคยได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทน 1 ใน 2 ของประเทศที่ได้เข้าร่วมการประชุมนานาชาติ 55th Olympic international session for young participants ที่ประเทศกรีซ จัดโดย International Olympic Acadamy เป็นโครงการเพื่อเรียนรู้ เเละส่งเสริม อุดมการณ์ และคุณค่าของโอลิมปิก เพื่อต่อยอดพัฒนาประเทศตนเอง
 
        ส่วนผลงานเด่นๆ คือเธอเป็นนักกีฬาฟันดาบ(สากล)ทีมชาติไทย สังกัดชมรมกองทัพอากาศ ประเภทดาบเซเบอร์ที่เคยกวาดรางวัลมาทั้งรายการการแข่งขันซีเกมส์ 2019 เหรียญทองประเภทซีเบอร์ทีมหญิง, รายการ Thailand Open 2019 เหรียญทองแดง ประเภทเซเบอร์บุคคลหญิง และเหรียญเงินจากประเภทเซเบอร์ทีมหญิง, รายการ AirforceOpen 2018 เหรียญเงิน ประเภทเซเบอร์บุคคลหญิง
 
         เธอเล่าจุดเริ่มต้นของการเล่นฟันดาบให้ฟังว่า “พลอยเริ่มเล่นให้ชมรมกองทัพอากาศตั้งแต่อายุ 14 ตอนเรียน รร.สตรีวิทย์2 ค่ะ มีโค้ชเป็นคู่พี่น้อง วีระเดช โค๊ธนี (นักกีฬาเหรียญทองแดงโอลิมปิก 2000) และสมคิด พงษ์อยู่  บรรยากาศการฝึกซ้อมไม่เหมือนกีฬาชนิดอื่นๆ เลย ทั้งเข้มข้น สังคมเพื่อนจริงใจ ซึ่งตอนแรกเราไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องติดทีมชาติหรือไปแข่งโอลิมปิก แต่จังหวะมันพอดีที่เรามาตอนรุ่นพี่ใกล้เลิก เลยรับช่วงต่อพอดี พอช่วงสอบเข้ามหา'ลัย ก็ได้เข้า มธ. ด้วยโควตานักกีฬาฟันดาบ เอาผลงานและคะแนนสอบ test ที่ มธ. แล้วเลือกคณะเข้ามา เป็นอีกหนทางสำหรับน้องๆ ที่สนใจและกำลังเล่นกีฬาอยู่นะคะ


Photo Credit: @blingploy


Photo Credit: @blingploy

 

ฝึกซ้อมฟันดาบ 2 ปีก็ติดทีมชาติ
 

         ถ้าใครได้ศึกษาฟันดาบสากล จะพบว่ามีดาบ 3 ประเภทที่คาแแรกเตอร์ต่างกันมากๆ พลอยเล่าให้ฟังว่า “ถ้าเป็น ‘ดาบเอเป้’ ผู้เล่นสวมชุดขาวทั้งชุด ถือดาบจิ้มได้ทั้งตัว และเป็นดาบที่หนักและเคลื่อนไหวช้าที่สุด ต้องอาศัยสมาธิระยะยาวและความอึด (ใครแขนขายาวมาเล่นจะได้เปรียบมาก) ส่วน ‘ดายฟอยล์’ จะเหนื่อยหน่อย จุดที่แทงแล้วได้แต้มคือจุดสีเทาๆ กลางลำตัว (ใครผอมๆ ตัวเล็ก จะเหมาะมาก เพราะเป้าจะเล็กตามไปด้วย)”
 
         “ส่วน 'ดาบเซเบอร์' ที่พลอยเล่น จะเป็นดาบที่เร็วมากๆ ทำได้ทุกอย่างทั้งฟัน แทง สะกิด ไม่เกิน เฉลี่ยไม่เกิน 15-30 วิต่อแต้ม ต้องอาศัยไหวพริบและการวางแผน ส่วนเรื่องบาดเจ็บ ไม่ต้องกังวลเลย เพราะมันเซฟมากๆ เวลาเล่นชุดของฟันดาบจะหนา 3 ชั้น หน้ากากคือกระสุนยิงไม่เข้า ดาบก็ต้องเช็กละเอียดเลยว่าได้มาตรฐานมั้ย ดังนั้นระหว่างเล่น ถึงจะเกิดอุบัติเหตุ อย่างมากคือรอยเขียว ไม่บาดเจ็บแบบเลือดออก”


Photo Credit: @blingploy


Photo Credit: @blingploy
 
         “แล้วความน่าสนใจนึงคือถ้าเราเล่นฟันดาบ จะไม่ได้ฝึกแค่ฟันดาบ แต่ได้ทั้งวิ่ง เดิน ซิทอัป ซิกแซ็กขา เล่นบาส เล่นบอล ฯลฯ ฝึกทุกอย่าง ซึ่งเทคนิคของชมรมก็คือเน้นให้ร่างกายแข็งแรงและมีสปีดขาที่ดีก่อน เพราะเราต้องเคลื่อนไหวหน้าไปหลัง พอฝึกจนชินมันจะไปแบบอัตโนมัติ ทำให้เราไม่มาพะวงกับขาอีก จากนั้นค่อยฝึกสเต็ปการฟันดาบ ควบคู่กับอาศัยประสบการณ์จากการดูรุ่นพี่เล่น โดยโค้ชจะคอยอธิบายเรื่องกติกาก่ารนับแต้มให้ฟังค่ะ แล้วเวลาไปแข่งแมทช์ต่างประเทศ เราก็ได้สังเกตเทคนิคของชาติอื่นๆ ด้วย”
 
         ซ้อมหนักแค่ไหนกว่าจะติดทีมชาติ? “พลอยเล่น 2 ปีได้ไปทีมชาติ แข่งได้รางวัลชิงแชมป์เยาวชนตั้งแต่ 2017-2020 ประเภทเซเบอร์ทีม พลอยโชคดีที่มีเพื่อน คู่ซ้อม และโค้ชที่ดี โดยเราต้องมีวินัยด้วย ซ้อมทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์ ตั้งแต่ 17.00-20.00 น. เราไม่มีโมเมนต์ที่ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนเลย แต่เราก็มีทำกิจกรรมมหา'ลัยนะ อย่างช่วงเชียร์ลีดเดอร์ก็จะแอบจัดการเวลายากเหมือนกัน แล้วช่วงเก็บตัวฝึกซ้อมบางช่วงก็จะมีลาเรียนบ้าง"


Photo Credit: @blingploy

 

จังหวะเวลาที่ลงตัว
ทุ่มเทได้เต็มที่ในการแข่งซีเกมส์

 

        "พลอยเคยไปร่วมโครงการแลกเปลี่ยน Erasmus ที่เยอรมัน 1 เทอม ทำให้ไม่ได้ลงแข่งในประเทศ อันดับร่วงจาก 4 เป็น 6 แต่พอกลับมาก็เรียนจบปี 4 พอดี เริ่มกลับมาลงแข่งจนขึ้นมาที่ 3 เรารู้สึกว่าตัวเอง comeback แล้วนะ พอเขาประกาศว่าจะมีคัดตัวนักกีฬาไปลงแข่งซีเกมส์ปีล่าสุด เราก็ทุ่มเทเต็มที่ จังหวะมันเพอร์เฟ็กต์มากๆ เลยเพราะเรียนจบพอดี"
 
         “หลังจากรู้ตัวว่าจะได้แข่ง ก็ต้องเก็บตัว 6 เดือน ซ้อมหนักและเดินทางบ่อยมากๆ (แยกซ้อมกันกับเพื่อนในทีม แล้วค่อยมารวมกันตอนหลัง) เราต้องเดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างกองทัพอากาศ และ กกท. แถมรามคำแหง (การกีฬาแห่งประเทศไทย) วิ่งเช้าเอง จำเทคนิคเวทจากคนอื่นมาใช้ ดูแลเรื่องอาหารการกินด้วย ใครแนะนำว่าวิธีไหนเวิร์กก็ลองทำให้หมด”


Photo Credit: @blingploy
 
         “พอถึงช่วงที่บินไปฟิลิปปินส์ พลอยเองแข่งวันที่ 8 แล้ววันที่ 1-7 เราก็ไปนั่งเชียร์คนอื่น เป็นต้นเสียงนำเชียร์จนคนจำได้เลย อารมณ์เหมือนกีฬาสีที่สแตนด์เราต้องเด่น 555 แล้ววันที่ 6 จากที่สดใสเวอร์ก็เริ่มเปลี่ยนมากังวลว่าจะทำได้มั้ย เราจะทำให้ทีมแพ้รึเปล่า นอกจากทำกายภาพ เราก็ต้องไปพึ่งนักจิตวิทยาด้วย เขาก็พูดสิ่งที่ทำให้ฉุกคิดเลยว่า ‘เรื่องมันเกิดขึ้นรึยัง? มันยังไม่เกิด แล้วเรารู้ได้ไงว่ามันจะดีหรือไม่ดี ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ อย่าคิดล่วงหน้า’ พลอยเลยดึงสติได้ กลับมาโฟกัสที่ปัจจุบัน"
 
         เบาท์แรกเจอ 'อินโดนีเซีย' ตอนแรกกังวลมากเพราะเขามีตัวท็อป แต่ในทีม cheer up มาตลอด ในที่สุดก็ชนะมาได้ จากนั้นระหว่างพักรอแข่งต่อ พลอยนั่งสมาธิเลยจ้า~ เพราะมันช่วยให้ปล่อยวางและนิ่งขึ้นได้จริงๆ แล้วบอกเลยจุดนั้นเราพึ่งทุกอย่างแม้กระทั่งสีเสื้อมงคล หลังจากนั้นทีมพลอยก็เอาชนะ 'ฟิลิปปินส์' ที่เสียงเชียร์ดังมากกกจนเราแอบใจเสียไปแว่บนึง แล้วก็มาเจอ 'เวียดนาม' รอบชิง ในที่สุดเราก็ทำได้ ตอนรับเหรียญมีเพลงชาติไทยขึ้น คุ้มค่ากับที่เราอดทนเหนื่อยและมีมีวินัยกับตัวเอง


Photo Credit: @blingploy


Photo Credit: @blingploy


Photo Credit: @blingploy
 
         “แต่หลังจากนั้นก็มีเคว้งที่ทุกคนต้องแยกย้ายกันหลังจากโฟกัสฟันดาบมา 6 เดือนเต็มๆ แผนต่อไปคือช่วง ธ.ค. - ม.ค. จะเดินสายตามโรงเรียนต่างๆ เพื่อโปรโมตกีฬาฟันดาบ เพราะเราไม่อยากให้คนลืมกีฬาชนิดนี้ แล้วเราก็ซ้อมปกติวันจันทร์ พุธ ศุกร์ไปเรื่อยๆ เหมือนเดิม มีแมทช์ไหนก็จะคว้าไว้ ไปทีละเป้าหมายค่ะ”

 

สิ่งที่ได้จากฟันดาบ
คือสุขภาพกายและไหวพริบ

 

         "ตลอดเวลาที่เล่นฟันดาบมา สิ่งที่พัฒนาชัดเจนมีทั้งเรื่องสุขภาพ สมาธิ ความคล่องตัว เมื่อก่อนพลอยจะเป็นคนเชื่องช้ามาก ขาดไหวพริบ ตาไม่ไว ไม่ระวังรถเลย แต่พอฝึกฟันดาบนานเข้า มันเหมือนแทรกซึมสู่สายเลือดเลยค่ะ 555 ทุกวันนี้วิ่งสับรัวๆ ของร่วงจากโต๊ะก็คว้าไว้ได้รวดเร็วมาก คล่องตัวทั้งตาทั้งแขนขา”
 
         “ส่วนพัฒนาการจากการแข่งครั้งแรกจนถึงตอนนี้ก็ชัดเจนมากๆ ช่วงแรกๆ เวลาโดนตีกลับมาก็ตกใจ แล้วไงต่อ? รับดาบไม่พ้น ไม่ทันวางแผนว่าจะสเต็ปต่อไปจะยังไง ต้องมีโค้ชคอยคุมตลอดค่ะ แต่ทุกวันนี้เราวางแผนดีขึ้น รับดาบแม่นขึ้น อ่านเกมได้ มีชั้นเชิงว่าจะหลอกคู่ต่อสู้ยังไง มาไกลจากตอนแรกมากๆ”


Photo Credit: @blingploy
 
         เห็นข้อดีแบบนี้แล้ว เราก็เลยอยากเชิญชวนให้น้องๆ วัยรุ่นที่กำลังอ่านบทความนี้ หันมาลองศึกษากีฬาชนิดนี้ดูบ้าง อยากรู้ว่าการจะเข้าไปฝึกซ้อมที่ชมรมฟันดาบกองทัพอากาศได้ เขามีกำหนดเงื่อนไขอะไรรึเปล่า? ถ้าอยากเล่นก็เข้ามาได้ตลอดเลย อายุก็ไม่จำกัด (ตอนนี้เด็กสุดคือ 6 ขวบ น้องๆ น่ารักมากกก) ที่นี่จะให้ทดลองเล่นฟรีก่อนเดือนนึง ถ้าติดใจก็ค่อยจ่าย เดือนละ 2,000 บาท ไม่แพงเลย สถานที่ซ้อมจะอยู่ในกองทัพอากาศ ปลอดภัยแน่นอนค่ะ ส่วนระดับความเข้มข้น เราก็ซ้อมกันตามโปรแกรม แต่มาคุยกันก่อนได้นะว่าเป้าหมายคืออะไร ระหว่างเล่นหวังโควตามหา’ลัย อยากพัฒนาตัวเอง หรืออยากไปแข่ง ถ้าผู้ปกครองพาน้องๆ มา สามารถบอกได้เลยนะ ^^”


>> ชมรมฟันดาบกองทัพอากาศ <<

         สุดยอดมากกก ต้องขอชื่นชมทั้งทัศนคติ ความสามารถ และวินัยของเธอจริงๆ ค่ะ น้องๆ เองก็เช่นกันนะคะ ในการฝึกฝนทุกอย่าง พี่อยากให้ใช้ใจนำ ทำให้เต็มที่ ไม่ว่าผลจะออกมายังไงเราก็จะไม่เสียใจภายหลังแน่นอน ซึ่งนี่คือสิ่งที่สาวพลอยยึดถือมาตลอดเช่นกันค่ะ ถ้าใครอยากติดตามสาวพลอยคนนี้ อย่าลืมเข้าไปติดตามที่อินสตาแกรม blingploy นะคะ น่ารักสดใสมากๆ ^^

         และสำหรับน้องๆ ม.ปลายหรือเด็กมหา'ลัยที่สนใจโครงการแลกเปลี่ยน Erasmus ที่สาวพลอยเคยได้ไปเปิดโลกที่เยอรมัน เราจะหยิบมาแชร์ลงประสบการณ์เรียนต่อนอกเร็วๆ นี้ รอติดตามกันนะคะ
พี่กุ๊กไก่
พี่กุ๊กไก่ - Columnist มนุษย์เบ้าหน้าจีน หวีดนักร้องไทย คลั่งไคล้ซีรี่ส์เกาหลี คลุกคลีกับอาหารญี่ปุ่น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น