สวัสดีค่ะชาว Dek-D ช่วงนี้กระแสเชียร์นางงาม #MissUniverseThailand2020 กำลังมาแรง แต่ละคนก็ไม่ได้พกมาแค่ความสวยกับโพรไฟล์ที่ไม่ธรรมดา แต่ยังมากับปณิธานที่อยากผลักดันสังคมไปในทางที่ดีขึ้นด้วยค่ะ อย่างเช่น 'มิ้นท์' พรปรียา จำนงค์บุตร ผู้เข้าประกวดปีนี้ที่ อยากผลักดันเรื่องโอกาสหางานของผู้ต้องหาที่พ้นโทษ
ก่อนหน้านี้เราได้ชวนมิ้นท์มารีวิวชีวิตเด็กแลกเปลี่ยนที่อเมริกา กันแล้ว ซึ่งเป็นเหมือนจุดเปลี่ยนใหญ่ในชีวิตทั้งเรื่องภาษา ความมั่นใจ ทัศนคติการมองโลก และแพสชันการเรียนต่อสายสังคมศาสตร์เลยค่ะ เพราะต่อมาเธอได้เรียนต่อภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาฯ (เกียรตินิยมอันดับ 1) จบมาทำงานแอร์โฮสเตสที่ Emirates และตัดสินใจขอทุนรัฐบาลไทยไปต่อ ป.โท ที่คณะอาชญาวิทยาของ University of Cambridge ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 2 ของอังกฤษ และติด 1 ใน 10 ของโลกจากการจัดอันดับของ QS Ranking ด้วย!
Spoil:
- กว่าจะมาเป็นแอร์โฮสเตสสายการบินในฝันอย่าง Emirates (เจอเรื่องอะไรพีคๆ ตอนทำงานบ้าง?)
- เมื่อต้องเป็นแอร์ฯ พร้อมกับเตรียมขอทุนรัฐบาลไทยที่ขึ้นชื่อเรื่องความหิน!
- รีวิวฝึกงานในเรือนจำ น่ากลัวและอันตรายรึเปล่า?
Photo Credit: fb mintppreeya / IG mintppreeya
‘มิ้นท์ #MUT2020’ กับชีวิตแลกเปลี่ยนใน USA:
บทเรียนเล่มใหญ่ที่สอนการมองโลกอย่างลุ่มลึก
เล่าชีวิตติดปีก
ของนางฟ้าเอมิเรตส์
ก่อนอื่นขอเริ่มจากพาร์ตชีวิตการทำงานอาชีพที่หลายคนใฝ่ฝัน อย่างการเป็น "แอร์โฮสเตส" ตอนนั้นมิ้นท์เตรียมตัวยังไงบ้าง? แล้วต้องผ่านกี่ด่านกว่าจะได้ติดปีก? “เราเริ่มเตรียมตัวตอนอยู่ปี 4 ค่ะ เราไม่มีชุด ไม่มีอะไรเลย ข้อมูลในโซเชียลก็ยังมีให้ศึกษาน้อย แต่ไม่กล้ารบกวนเงินพ่อแม่เพื่อไปลงคอร์ส ความโชคดีมากกกคือไปเจอสถาบันชื่อ ATDI (Achieve Training & Development Institute) เขาเปิดชิงทุนนักเรียนที่มีความสามารถและอยากเป็นแอร์โฮสเตส แล้วรับไปเทรนโดยรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์ ทั้งเรื่องภาษา บุคลิกภาพ การแต่งตัวแต่งหน้า ฯลฯ"
เล่ากระบวนการสมัครแอร์ฯ ของ Emirates คร่าวๆ มี 5 ด่านดังนี้ค่ะ
- Pre-screen (ใส่สูทกับส้นสูงทั้งวัน!!)
- Small Group Discussion คุยตามหัวข้อที่เสนอมาแล้วพรีเซนต์หน้าห้องค่ะ เราได้อานิสงส์จากการดูรายการ The Face เลยมีจำทริคและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามาใช้ด้วย ><
- Big Group Discussion ทดสอบความมืออาชีพของเรา โดยกำหนดสถานการณ์มาให้ช่วยกันแก้ปัญหา แล้วออกมาแสดงเป็น role-play เช่น ถ้าเกิดเราเป็นพนักงานต้อนรับของโรงแรม แล้ววันนีึงห้องเกิดมีไม่พอรองรับลูกค้า เราจะเลือกให้ใครเข้าพัก โดยเขาจะมีข้อมูลลูกค้ามาให้เราตัดสินใจ
- สอบภาษาอังกฤษ Reading ระดับความยากคล้ายๆ TOEIC
- Final Interview คุยตัวต่อตัว ถามลึกๆ เชิงจิตวิทยา โดยสมมติเหตุการณ์จริงมาทดสอบเรา
งานบริการที่ต้องดีลกับคน
ไม่มีคำว่า "เหมือนเดิม"
"ชีวิตการทำงานแอร์ฯ ทำให้เจออะไรใหม่ๆ ทุกวันและตลอดเวลาเลยค่ะ ผู้โดยสารลำนึงทั้งเยอะและหลากหลายเชื้อชาติ แม้กระทั่งเพื่อนร่วมงานยังเปลี่ยนทุกวัน มันคืองานที่ท้าทายและทำให้ได้ฝึกทำงานเป็นทีม ไปพร้อมกับตกลงกับตัวเองด้วยนะว่าถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้ เราจะรับมือด้วยวิธีไหน เพราะบอกเลยว่าพวกงานบริการที่ต้องดีลกับคน ไม่มีคำว่าเหมือนเดิมจริงๆ"
“ยกตัวอย่างเหตุการณ์แปลกๆ ที่เคยเจอ เช่น ผู้โดยสารมาเปนกรุ๊ปใหญ่ ผู้หญิงจะอยากนั่งติดกับผู้หญิง เราก็พยายามจัดแบบนั้นแต่บางทีจำนวนไม่พอดีเลยแบ่งไม่ลงตัว อีกอย่างคือพนักงานภาคพื้นดินเป็นคนแบ่งด้วย พอเขาไม่ยอมก็ทำให้ไฟลต์บินดีเลย์ไป 2 ชั่วโมง เพราะมีปัญหาเรื่องภาษาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย”
“แล้วมีเคสนึง ผู้โดยสารกรุ๊ปใหญ่มาเพื่อเดินทางไปทำพิธีกรรมทางศาสนา และพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ปรากฏว่าก่อนขึ้นพวกเขาสวดมนต์กันทั้งลำเลยค่ะ เรานี่รีบโทรหาหัวหน้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น? แต่ถึงจะตกใจแค่ไหนก็ต้องมองเรื่องความปลอดภัย ต้องมีสติที่สุดโดยเฉพาะช่วง landing ตอนนั้นเราเข้าใจว่าเขาคงต้องการหาที่ยึดเหนี่ยว”
“ แน่นอนว่าด้วยเนื้องาน เราเลี่ยงปัญหาเรื่องเวลาพักผ่อนไม่ได้ ร่างกายต้องปรับตัวตลอด ยกตัวอย่างเช่น วันนี้ไปเลบานอน กลับมา 6pm พรุ่งนี้ 8pm ต้องไปลอนดอน พอถึงแล้วพัก 24 ชั่วโมง พอ 2am ต้องตื่นมาทำรายงาน ถึงดูไบตอน 7am ถัดไปอีก 11 ชั่วโมงต้องไปกรุงเทพฯ อยู่อีก 24 ชั่วโมงแล้วต้องตื่นเที่ยงคืนเพื่อทำไฟลต์ที่ดูไบ แล้วไปถึงดูไบตอน 5am แต่บางคนชอบการไม่เป็นเวลาแบบนี้นะ 555 มันก็มีข้อดีที่ทดแทนกันได้ เช่น งานจบในเวลา ไม่มีการเอามาทำต่อที่บ้าน”
เตรียมขอทุนที่ขึ้นชื่อเรื่องความหิน
ไปพร้อมกับทำงานแอร์!
“การทำงานที่สาย International Airline ทำให้ได้ไปเจอสถานที่ที่หลากหลาย และค้นพบว่าตัวเองอยากไปเรียนที่อังกฤษ (เพราะแฟนเรียนอังกฤษด้วย ><) เราเลยตัดสินใจว่าจะขอทุนรัฐบาลไทย ก่อนสอบต้องเลือกสาขาให้สอดคล้องกับวุฒิที่เรามี + เลือกสังกัดที่จะทำงาน ซึ่งเราก็เลือกอาชญาวิทยา และกลับมาทำงานสังกัดกรมราชทัณฑ์
สำหรับทุน ก.พ. จะมี 3 ด่านค่ะ
- เรียงความภาษาอังกฤษ เขียนประเด็นปัญหามลพิษ PM2.5
- เรียงความภาษาไทย เขียนทัศนคติหลังจากไปดูงานกับต้นสังกัด สำหรับมิ้นท์คือไปดูที่เรือนจำ
- สัมภาษณ์รอบตัดสิน มีทั้งเดี่ยวและกลุ่ม เช่น อยากเรียนอะไรที่ไหน เจาะเนื้อหาสาขานิดนึง และประสบการณ์ที่เคยทำมา”
“ส่วน Cambridge จะได้เลือกหลังจากที่ได้ทุนค่ะ เขาจะกำหนดว่าตอน ป.ตรีต้องได้เกียรตินิยมอันดับ 1 + IELTS overall 7.5 (โดยแต่ละสกิลต้องได้ขั้นต่ำ 7) + SoP + Recommendation Letter + เรียงความเรื่องที่อยากไปเรียน (เราเขียนไป 1800+ คำ รีเสิร์ชจริงจังเหมือน Thesis เลย แน่นอนว่าการแบ่งเวลาเป็นเรื่องที่ยาก เพราะเราต้องเตรียมตัวไปพร้อมกับทำงานแอร์ฯ ต้องบังคับตัวเองให้มีวินัย พยายามหาเวลาอ่านหนังสือกับฝึกฟังพอดแคสต์นอกเวลางาน และแม้แต่เรื่องทางอาชญาวิทยา เราก็หาฟังจากพอดแคสต์ด้วยเหมือนกัน"
"ก่อนหน้านี้เราวางแผนเก็บเงินมาระดับนึง เพราะเป้าหมายหลักของการเรียนต่อครั้งนี้ = ใบปริญญา ส่วนเงินเดือน = กำไร เพราะเรามองว่าโอกาสในการศึกษาแบบนี้ไม่ได้หาง่ายๆ และยังเป็นทุนที่ให้แบบเต็มจำนวนด้วย"
ลาออกจากการเป็นแอร์ฯ
มาฝึกงานที่เรือนจำ
“หลังจากที่ได้ทุนและมหาวิทยาลัยแล้ว เราคิดว่าถ้าตัวเองอยากทำงานสายนี้ในอนาคต ก็ควรจะต้องเห็นภาพบรรยากาศและกระบวนการของงานตรงนี้ก่อน เลยตัดสินใจลาออกจากงานแอร์ฯ ไปฝึกงานที่เรือนจำค่ะ เนื้องานเราจะไม่เกี่ยวกับการตัดสินคนว่าคนนี้มีความผิดต้องถูกจำคุกมั้ย แต่เป็นการรับตัวมาคุมขัง และทำแผนว่าจะพัฒนาเขาได้ยังไงบ้าง โดยวิเคราะห์ SWOT Analysis ดูภาพรวมงานที่มีในเรือนจำแล้วไปปรึกษากับอาจารย์เพื่อหาวิธีที่ปรับใช้ได้จริงกับกรมราชทัณฑ์ อย่างเช่นที่คุณสรยุทธ์อ่านข่าวในเรือนจำก็เป็นหนึ่งในเคสที่เราดูต้นแบบจากต่างประเทศ (ที่อเมริกาเองเขาจริงจังมาก ถึงกับมีรายการเรียลลิตี้ขึ้นมา)"
“พอได้ไปทำงานแล้วรู้สึกเปิดโลกเลยค่ะ เราได้เห็นชีวิตผู้ต้องขังในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน คนอาจจะมองว่าเรือนจำต้องสกปรก แต่ไม่เลย เรื่องสุขอนามัยเขาดีในระดับนึง ยิ่งช่วงโควิดก็มีมาตรการที่ดีมาก ที่สำคัญคือเราไม่รู้สึกว่าผู้ต้องขังน่ากลัว เขามีระบบรักษาความปลอดภัย แถมผู้ต้องขังกับผู้คุมอยู่กันเหมือนพี่น้อง เวลาทำผิดก็มีวิธีลงโทษที่สร้างสรรค์ ไม่ใช่การเฆี่ยนตี แล้วยังมีให้เรียนให้มีวิชาชีพติดตัวไปสอบใบประกอบอาชีพหลังพ้นโทษด้วย"
Photo Credit: fb mintppreeya / IG mintppreeya
Photo Credit: fb mintppreeya / IG mintppreeya
Photo Credit: fb mintppreeya / IG mintppreeya
"มีคนเคยถามเราเหมือนกันว่าฝึกงานกรมราชทัณฑ์แบบนี้ไม่กลัวหรอ เพราะเขารู้สึกต่อผู้ต้องขังในแง่ลบ ไม่ไว้ใจ แต่เรารู้สึกว่าสถานการณ์อาจคล้ายๆ ตอนเด็กที่ทำผิดแล้วถูกครูทำโทษ เพียงแต่สเกลใหญ่กว่า ซึ่งบางคนอาจแค่ก้าวพลาดหรือมีเหตุจำเป็นให้ทำ ณ ตอนนั้น และเรายังรับรู้หนึ่งในปัญหาใหญ่ว่าโอกาสหางานของพวกเขาจะไม่เท่ากับคนอื่น สังคมไม่ค่อยเปิดรับ ซึ่งเมื่อเขาถูกปิดกั้นโอกาสนี้ อาจไปเพิ่มโอกาสให้เขาก่อเหตุซ้ำเพราะไม่มีทางเลือกด้วย"
“ทุกเส้นทางที่ผ่านมา บางคนอาจมองว่ามันง่าย แต่จริงๆ เจออุปสรรคที่ชาเลนจ์เราทุกก้าว และมองว่ามันคือเรื่องที่ทำให้โตขึ้น จนเส้นทางพาเรามาถึงเวทีประกวด #MissThailandUnivese2020 เราอยากใช้โอกาสนี้ผลักดันปัญหาท่ี่เราไปเห็น เพื่อให้สังคมรับรู้ ได้ยินเสียงที่เราอยากสื่อสารออกไป แม้ ตอนมาประกวดเราอาจไม่ได้มีพี่เลี้ยง แต่เราจะทำให้ดีที่สุดค่ะ ยังไงฝากเป็นกำลังใจให้มิ้นท์ด้วยนะคะ ^^”
ช่องทางติดตามมิ้นท์-พรปรียา
#MissUniverse2020
#MissUniverse2020
1 ความคิดเห็น
เก่งและสวยมากเลยค่ะ อ่านแล้วมีแรงบันดาลใจ เป็นกำลังใจให้คุณมิ้นท์นะคะ ><