สวัสดีน้องๆ ชาว Dek-D ทุกคนค่ะ ช่วงโค้งสุดท้ายก่อน “การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566” จะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ ที่ 14 พฤษภาคม 2566 นี้ ซึ่งทางเว็บไซต์ Dek-D และทีมงานเพจ One More Course ก็มีโอกาสเข้าร่วมฟังงาน ‘ดีเบต 5 โจทย์นวัตกรรมครั้งแรกของเมืองไทย พร้อมจุดยืนสร้างไทยสู่ชาตินวัตกรรม’ ด้วยค่ะ
สำหรับงานนี้ ทางสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ได้ร่วมกับสถาบันเอเชียศึกษา และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดพื้นที่ให้ 6 พรรคการเมืองได้แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับ 3 ประเด็นเร่งด่วนสำหรับนโยบายนวัตกรรมในการพัฒนาประเทศในอีก 4 ปีข้างหน้า
ใครเป็นตัวแทนแต่ละพรรค ประเด็นไหนน่าสนใจบ้าง ตามไปดูกันเลยค่ะ!
เริ่มต้นที่ “พรรคชาติพัฒนากล้า” ตัวแทนคือคุณวรนัยน์ วาริชกะ ได้กล่าวถึงการพัฒนานวัตกรรมของประเทศไทยว่าควรมี Good Governance (=การสร้างระบบราชการที่ดี) และด้วยความที่ราชการไทยอาจยังไม่ตอบโจทย์มากนัก ทางพรรคจึงเสนอแนวทาง “การสร้าง GOVTECH” (=ระบบเทคโนโลยีภาครัฐ) ให้สามารถตรวจสอบได้ ประชาชนเข้าถึงได้รวดเร็ว เชื่อมต่อกันเป็น One Stop Service ซึ่งจะช่วยให้วิถีชีวิตของประชาชนดีขึ้น
มาต่อกันที่ รศ. (พิเศษ) ดร. ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง ตัวแทนจาก “พรรครวมไทยสร้างชาติ” มองว่านโยบายนวัตกรรมที่จำเป็นและเร่งด่วนของประเทศไทย แบ่งเป็น 3 ส่วน
- ต้องกำหนดทิศทางด้านการศึกษาร่วมกันเพื่อให้ทันสมัยและสอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงในบริบทโลก
- ภาครัฐควรจัดซื้อจัดจ้างกลุ่ม Startup และ SME เพื่อสร้างพื้นที่ให้ธุรกิจเหล่านี้มีโอกาสเติบโตและร่วมกันสร้างรายได้ ซึ่งเป็นประโยชน์กับทั้งหน่วยงานรัฐและธุรกิจ
- การสร้างและเสริมทักษะ เพื่อให้คนในพื้นที่มีความชำนาญสอดรับกับบริบทจังหวัดและภูมิภาค
ทางด้าน คุณแทนคุณ จิตต์อิสระ ซึ่งเป็นตัวแทนจากฝั่ง “พรรคประชาธิปัตย์” นำเสนอนโยบายเร่งด่วนที่ให้ความสำคัญคือ 3E โดยมีใจความหลัก ดังนี้
- Economic : ส่งเสริม Soft Power ซึ่งเป็นคีย์หลักทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์
- Environment : กล่าวถึงประเด็น BCG ที่เน้นพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และ เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) อีกทั้งยังกล่าวถึง “เศรษฐกิจพอเพียง” ในแง่ความสัมพันธ์ที่สมดุลระหว่างมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
- Energy : ผลักดันร่าง “พ.ร.บ. อากาศสะอาด” รวมถึงสร้างเมต้าเวิร์สและเทคโนโลยีคู่ขนาน เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและหาวิธีแก้ปัญหาด้านพลังงาน
ส่วนตัวแทนจากทาง “พรรคเพื่อไทย” อย่างคุณศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ ได้กล่าวว่าปัจจุบันรายได้จากการวิจัยและพัฒนามีเพียง 1.33% ต่อ GDP เท่านั้น จึงเสนอนโยบาย 3 ข้อคือ
- เตรียมพร้อมด้านโครงสร้างทางการเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับทุกภาคส่วน
- ศึกษาผ่านแพลตฟอร์มด้วยแนวคิด ‘Learn to Earn’ และสร้างระบบการจับคู่งานให้ตรงกับความชอบและทักษะความสามารถของประชาชน
- ปลดล็อกศักยภาพรัฐบาลดิจิทัลให้เป็นรูปแบบ One Stop Service เพื่อเวลาที่ต้องใช้ทำงานกับหน่วยงานราชการ
นอกจากนี้ยังเสนอว่า โครงการหรือระบบเกี่ยวกับกระเป๋าเงินดิจิทัลและบล็อกเชนต่างๆ ต้องสามารถตรวจสอบการทำงานของภาครัฐได้อีกด้วย
ทางด้าน คุณณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ตัวแทนจาก “พรรคก้าวไกล” ได้เสนอ 3 นโยบายเร่งด่วนในการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้าไปแก้ไขปัญหา
- ประเด็นความเหลื่อมล้ำ : ความสำคัญของการสร้างดิจิทัลไอดี เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงสวัสดิการรัฐได้ง่ายและรวดเร็ว รวมถึงลดความเหลื่อมล้ำด้านการแพทย์ทางไกล การศึกษา และการเรียนรู้ออนไลน์
- ประเด็นการทุจริตคอร์รัปชัน : ส่งเสริมให้มีประชาชนมีสิทธิ vote เรื่องการใช้งบ การนำนวัตกรรมมาช่วยเพิ่มความโปร่งใส และประชาชนสามารถผู้บริหารท้องถิ่นได้ในแอปพลิเคชันเดียว
- ประเด็นการสร้างเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมแห่งอนาคต : เพิ่มสัดส่วนงบอุดหนุนการวิจัยจากภาครัฐ เพื่อให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ
ปิดท้ายกันที่คุณเทพฤทธิ์ สีน้ำเงิน ตัวแทนจาก “พรรคไทยสร้างไทย” มองว่าพื้นฐานของนวัตกรรมคือ “คน” จึงได้เสนอนโยบายหลักๆ 2 ประเด็นคือ
- การศึกษาต้องเปลี่ยนผลลัพธ์และจับต้องได้ รวมถึงสร้างวัฒนธรรมนวัตกรรมเพื่อเปลี่ยนกรอบความคิด (Mindset) ของคน
- การส่งเสริมให้ลงมือทำ : ปัจจุบันอุปกรณ์ของเรามีน้อย เอกชนต้องทำเอง ดังนั้นภาครัฐจึงควรสร้างหรือสนับสนุนเครื่องมือเหล่านี้ให้ประชาชน ต้องสร้างเครือข่ายกับต่างประเทศ และต้องสนับสนุนเงินทุนให้กับผู้ประกอบการด้วย
บอกเลยว่างานนี้ได้ทั้งความรู้และมุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับนวัตกรรมเยอะมากกก อีกทั้งยังได้เห็นว่าแต่ละพรรคมุ่งที่จะผลักดันนโยบายนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งเรื่องที่น่าจับตามองไม่แพ้หัวข้ออื่นๆ เลยค่ะ และสำหรับน้องๆ คนไหนที่กำลังจะไปเลือกตั้งทั้งรอบเลือกตั้งล่วงหน้าและเลือกตั้งจริงในวันที่ 14 พ.ค. 66 นี้ แนะนำว่าให้ลองศึกษานโยบายเพิ่มเติมของแต่ละพรรค เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกไปใช้สิทธิกัน!
3 ความคิดเห็น