ปัจจุบันเด็กรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับสุขภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องโภชนาการ เรียนรู้ที่จะป้องกันก่อนเจ็บป่วย โดยเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งอาหารที่นำมาแนะนำต่อไปนี้ เป็นสมุนไพรชั้นดีของแพทย์แผนจีน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับน้อง ๆ ที่อยากดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ
“ลูกเดือย ธัญพืชที่ควรมีติดบ้าน”
ช่วงฝนตก อากาศชื้นแบบนี้ เหมาะกับการรับประทานลูกเดือยเป็นอย่างมาก ธัญพืชเม็ดเล็ก ๆ ตัวนี้ในทางการแพทย์แผนจีนมีสรรพคุณและประโยชน์มากมาย
• ช่วยขับความชื้นและปัสสาวะตกค้างออกจากร่างกาย
• เสริมสร้างการทำงานของม้ามให้แข็งแรง
• ลดอาการปวดตามข้อต่าง ๆ ของร่างกาย
• ขจัดพิษร้อน และรักษาฝีหนอง
อีกทั้งยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินต่าง ๆ จึงช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง และช่วยบำรุงสายตา
นอกจากนี้ลูกเดือยยังมีกรดอะมิโนจำเป็นที่สามารถกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารเมลาโทนิน ช่วยทำให้นอนหลับได้ดีขึ้น
**ข้อควรระวังสตรีมีครรภ์ที่มีความเสี่ยงไม่ควรรับประทานปริมาณมากเกินไป
ข้อมูลจาก อ.พจ.ธนภัทร สิทธิอัฐกร อาจารย์ประจำคณะการแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
“มิ้นท์ป่า สมุนไพรใบจิ๋วแต่แจ๋ว”
ใบมิ้นท์ป่า ฤทธิ์เย็น รสชาติเผ็ด สามารถนำมาดื่มเป็นชาสมุนไพร ช่วยขับระบายลมร้อน บรรเทาอาการหวัดที่เกิดจากลมร้อน ที่มีอาการมีไข้ ปวดศีรษะ เจ็บคอ ไอ มีน้ำมูกเหลืองข้น ตาแดง เป็นต้น
• บรรเทาอาการไอ เจ็บคอ
• ช่วยขับเหงื่อ กระทุ้งผื่น ในผู้ป่วยที่เป็นไข้ออกผื่น
• ปรับการไหลเวียน ระบายชี่ของตับ ช่วยผ่อนคลายความเครียด
โดยปริมาณที่แนะนำสำหรับการบริโภคคือ 3-6 กรัม/วัน และไม่ควรแช่น้ำร้อนหรือต้มนานเกินไป เพราะจะทำให้น้ำมันหอมระเหยถูกทำลาย
นอกจากนี้ยังสามารถนำใบมิ้นท์มาสกัดน้ำมันหอมระเหย ที่เรียกว่า เมนทอล (Menthol) นำมาทาบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อบรรเทาอาการปวดได้อีกด้วย
ข้อมูลจาก อ.พจ.ณัฐณิชา บริสุทธิ์ อาจารย์ประจำคณะการแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
“เก๊กฮวย ดอกไม้แสนสวย สมุนไพรคลายร้อน”
ดอกเก๊กฮวย เป็นหนึ่งในยาจีนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นยามีฤทธิ์ดี นอกจากนำดอกเก๊กฮวยมาชงเป็นชาดื่มแล้ว ในทางการแพทย์แผนจีนยังนำมาเข้าตำรับยาจีนอีกด้วย ดอกเก๊กฮวยเป็นยาที่มีรสหวานขม มีฤทธิ์เย็นเล็กน้อย มีสรรพคุณได้แก่ ลดร้อนขับพิษ ปรับสมดุลตับ ช่วยบำรุงปกป้องตับ บำรุงสายตา
วิธีการทำชาเก๊กฮวย นำดอกเก๊กฮวย 5-10 ดอก ล้างให้สะอาด ชงน้ำร้อน 500 มิลลิลิตร ปิดฝาทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วตักดอกเก๊กฮวยออก จะช่วยให้ชาไม่ขม สามารถเติมสมุนไพรอื่นได้ เช่น เก๋ากี้ประมาณ 10-20 เม็ด ลงในชาเพื่อเพิ่มสรรพคุณด้านการบำรุงสายตา ลดอาการเหนื่อยล้า เป็นต้น
**ข้อควรระวัง ไม่ควรใช้ในผู้ที่แพ้หรือผู้ที่มีร่างกายขี้หนาว เนื่องจากเก๊กฮวยมีฤทธิ์เย็น หากใช้ควรใช้ควบคู่กับสมุนไพรที่มีฤทธิ์อุ่น
ข้อมูลจาก อ.ดร.พจ.จารุพรรณ โพธิ์สัตย์ อาจารย์ประจำคณะการแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
“ห่วยซัว อาหารบำรุงร่างกายชั้นยอด”
ห่วยซัว มีรสหวาน ฤทธิ์ปานกลาง (ไม่ร้อน ไม่เย็น)
สรรพคุณสมุนไพรจีน
• บำรุงม้ามและกระเพาะอาหาร ช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร ช่วยการดูดซึมสารอาหาร เหมาะสำหรับผู้ที่ร่างกายอ่อนเพลียพักผ่อนน้อย หรือผู้ที่ทำงานหนัก เหนื่อยง่าย ง่วงนอนบ่อย ระบบย่อยอาหารไม่ดี เบื่ออาหาร ท้องอืด ท้องเสียถ่ายเหลวเป็นประจำ หรือบุคคลทั่วไปที่อยากบำรุงร่างกาย
• บำรุงพลัง(ชี่)และหยินของปอด เหมาะสำหรับคนที่ปอดอ่อนแอ ไอแห้ง ไอเรื้อรัง หอบเหนื่อยง่าย ปากแห้งคอแห้ง ร้อนใน หอบหืดหรือภูมิแพ้
• บำรุงไต บำรุงอินและสารจำเป็น(จิง)ของไต เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดเอว ปวดเข่าเรื้อรัง หูอื้อ ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะเยอะ ปัสสาวะสีจาง ๆ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ หลั่งเร็ว ตกขาวเป็นสีขาวเยอะ ๆ
• บำรุงสายตา
*ดูสูตรอาหารเพิ่มเติม https://www.facebook.com/photo/?fbid=865592462280538&set=a.851934183646366
ข้อมูลโดย อ.พจ.สุวิมล ผลชารี อาจารย์ประจำคณะการแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
“เก๋ากี้ เบอร์รี่สุดเก๋า”
เก๋ากี้หรือโกจิเบอร์รี่ มีรสหวาน ฤทธิ์ปานกลาง (ไม่ร้อน ไม่เย็น)
สรรพคุณทางการแพทย์แผนจีน : บำรุงตับ บำรุงไต และบำรุงสายตา
หากต้องการบำรุงร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกัน ควรรับประทานเก๋ากี้สีแดง และหากต้องการบำรุงผิวพรรณ ต้านอนุมูลอิสระ ควรรับประทานเก๋ากี้สีดำ
การรับประทาน : เก๋ากี้สีแดงจะนำมาต้มซุปรับประทานหรือนำมาชงเป็นชาดื่มระหว่างวันก็ได้ ส่วนเก๋ากี้สีดำ ไม่ควรนำมาต้มซุป นำมาชงเป็นชาดื่มก็เพียงพอ เพราะการต้มจะทำให้สารสำคัญในเก๋ากี้สีดำสูญเสียไป
**ปริมาณแนะนำในการบริโภค 10-15 กรัมต่อวัน ไม่ควรกินปริมาณเยอะจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้ร้อนในได้
ข้อมูลโดย อ.ดร.พจ.ศรันยกรณ์ แถมวัฒนะ อาจารย์ประจำคณะการแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
“เห็ดหูหนูดำ ยาสลายเลือดคั่งจากธรรมชาติ”
เห็ดหูหนูดำ มีฤทธิ์กลาง(ออกเย็นเล็กน้อย) เข้าสู่เส้นลมปราณกระเพาะอาหาร ลำไส้ใหญ่ ตับ และไต
สรรพคุณทางการแพทย์แผนจีน: บำรุงเลือด บำรุงชี่ สลายเลือดคั่ง และห้ามเลือด
ใครที่ควรรับประทานเป็นประจำ: ผู้หญิงที่ประจำเดือนมามากกว่าปกติ ผู้ที่เป็นริดสีดวง และผู้ป่วย stroke ระยะฟื้นฟู
การรับประทาน: นำเห็ดหูหนูสดมาประกอบอาหารรับประทาน หรือนำเห็ดหูหนูแห้งบดผงรับประทานวันละ 3 กรัมก็ได้
**ข้อควรระวัง: สตรีมีครรภ์ คนที่มีภาวะหยางพร่อง(ขี้หนาว มือเท้าเย็น) และผู้ที่มีภาวะท้องเสียเรื้อรัง ถ่ายเหลวเป็นประจำ ไม่ควรรับประทานบ่อยและไม่ควรรับประทานปริมาณมาก ๆ
ข้อมูลโดย อ.ดร.พจ.เสาวลักษณ์ มีศิลป์ อาจารย์ประจำคณะการแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
“ขมิ้นชัน เครื่องเทศมากประโยชน์”
ขมิ้นชัน มีรสเผ็ด ขม ฤทธิ์กลางอุ่น ออกฤทธิ์เข้าสู่เส้นลมปราณม้ามและตับ
สรรพคุณทางการแพทย์แผนจีน: กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและชี่ (ลมปราณ) แก้ปวดบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย
นอกจากนี้งานวิจัยยังพบว่าสาร curcumin ในขมิ้นยังมีคุณประโยชน์อีกมากมาย ได้แก่ ลดไขมันในเลือด
ลดน้ำตาลในเลือด ป้องกันหลอดเลือดหัวใจอุดตัน กระตุ้นการหลั่งน้ำดี เพิ่มความอยากอาหาร
รักษาโรคทางระบบทางเดินอาหาร เช่น แผลในกระเพาะอาหาร กรดไหลย้อน เป็นต้น
ต้านอนุมูลอิสระ ต้านมะเร็ง
หากต้องการรับประมานขมิ้นชันเป็นประจำทุกวัน ปริมาณที่เหมาะสมคือ 2 กรัมต่อวัน
**ข้อควรระวัง:
• ผู้มีภาวะโลหิตจาง ที่มักมีอาการเวียนศีรษะ ใบหน้าซีด ลิ้นซีด เล็บซีด ผู้หญิงก่อนมีประจำเดือนมักมีอาการปวดศีรษะ ไม่ควรรับประทาน เพราะจะทำให้มีอาการหนักขึ้นได้
• สตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน เพราะขมิ้นชันสามารถกระตุ้นการบีบตัวของมดลูก ทำให้แท้งบุตรได้
ข้อมูลโดย อ.พจ.วีรชัย สุทธิธารธวัช อาจารย์ประจำคณะการแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
“หม่อน สมุนไพรมากคุณค่า”
ต้นหม่อนสามารถนำมาเป็นยาได้เกือบทุกส่วน ได้แก่
• ลูกหม่อน สรรพคุณ บำรุงเลือด เสริมสารน้ำ แก้ท้องผูก
วิธีการใช้: รับประทานผลแห้งประมาณ 10 กรัมต่อวัน หรือรับประทานผลสดต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน
**ข้อควรระวัง: ไม่ควรรับประทานมากจนเกินไป เพราะลูกหม่อนมีน้ำตาลสูง อาจทำให้มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงได้
• ใบหม่อน สรรพคุณ ขับความร้อนออกจากร่างกาย รักษาอาการหวัดและอาการไอที่เกิดจากลมร้อน แก้เจ็บคอ นอกจากนี้ยังสามารถลดน้ำตาลและไขมันในเลือดได้อีกด้วย
วิธีการใช้: นำมาทำเป็นชา รับประทานวันละ 10 ใบ
• กิ่งหม่อน สรรพคุณ ต้านการอักเสบ แก้ปวดข้อ
วิธีการใช้: นำกิ่งแห้งประมาณ 15-30 กรัม หั่นเป็นท่อนแล้วต้มน้ำดื่ม
• รากหม่อน (ส่วนเนื้อในสีขาว)
สรรพคุณ ขับร้อน ลดบวมน้ำ ขับปัสสาวะ ลดความดัน นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคในทางเดินหายใจและทางเดินอาหาร
ข้อมูลโดย อ.พจ.ธรรมธัช เชี่ยวพรหมคุณ รองคณบดีคณะการแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
“ขิง เรื่องของขิงที่ควรรู้”
ขิง มีรสเผ็ด และฤทธิ์อุ่น สรรพคุณในทางการแพทย์แผนจีน
1. ขับเหงื่อ ช่วยลดไข้ บรรเทาอาการหวัด
2. ขจัดความเย็นออกจากร่างกาย เหมาะกับผู้ที่ได้รับปัจจัยก่อโรคประเภทความเย็น เช่น โดนลมเย็นหรืออยู่ในห้องแอร์เย็นๆเป็นเวลานาน ใช้ป้องกันและบรรเทาอาการหวัด
3. อบอุ่นทางเดินอาหาร ช่วยแก้อาการขี้หนาว ลดอาการท้องอืด ถ่ายเหลว
4. อบอุ่นปอด ช่วยบรรเทาอาการไอเรื้อรัง
**ข้อควรระวัง: ผู้ที่ร่างกายมีความร้อนสูง ซึ่งมีอาการดังนี้ ขี้ร้อน ท้องผูก นอนไม่หลับ ไม่ควรรับประทานขิงบ่อยๆ เพราะจะทำให้ร้อนในได้
ข้อมูลโดย อ.พจ.อรภา ศิลมัฐ คณบดีคณะการแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
สำหรับใครที่สนใจเกี่ยวกับศาสตร์การแพทย์แผนจีน สามารถเข้ามารับคำปรึกษาเรื่องสุขภาพได้ที่คลินิกแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ สามารถโทรนัดหมายเพื่อใช้บริการได้ที่ 02-713-8100 ต่อ 1633, 1490 ,1491
0 ความคิดเห็น