ทุกคณะที่นี่เรียนเป็น Eng! "ตอง" แนะประสบการณ์เรียน ม.แม่ฟ้าหลวง


          สวัสดีค่ะ กลับมาอีกแล้วกับ Admision Idol ช่วงเวลานี้มาพร้อมกับฤดูของโครงการรับตรงจากมหาวิทยาลัยต่างๆ เฉพาะในเดือนพฤศจิกายนนี้ที่เข้าสู่วันที่ 3 มีรับตรงเปิดไปแล้วถึง 16 โครงการ! ใครที่รู้ตัวเองแล้ว ก็รีบคว้าฝันให้ได้ตั้งแต่รอบรับตรงนะคะ

          จากสัปดาห์ที่ผ่านมา พี่อีฟ เคยนำเสนอรุ่นพี่ที่คว้าฝันในรอบแอดมิชชั่นกันมาแล้ว วันนี้เลยขอพาน้องๆ ไปรู้จักกับ 'พี่ตอง' ศุภณัฐ  สุดจินดา ที่รู้ตัวเอง และเลือกเข้าคณะได้ตั้งแต่รอบรับตรง ใครที่ฟัง พี่ตอง พูดบน
เวที Dek-D's Admission On Stage รอบเชียงใหม่ยังไม่จุใจ มารู้จัก พี่ตอง พร้อมกับประสบการณ์การสอบเข้ามหาวิทยาลัยในครั้งนี้กันเลยค่ะ
 

แนะนำตัวให้น้องๆ รู้จักกันหน่อย
          สวัสดีครับ พี่ชื่อตอง ศุภณัฐ  สุดจินดา เรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 สำนักวิชาการจัดการ สาขาวิชาการจัดการการท่องเที่ยว จบชั้น ม.ปลาย จากโรงเรียนศรีวิกรม์ แผนศิลป์-คำนวณครับ

ค้นหาตัวเองเจอกับคณะที่ใช่
          แรงบันดาลใจที่ทำให้อยากเรียนคณะนี้สำหรับตอง คือตอนแรกก็จะคิดแบบเด็กๆ ทั่วไปเลยครับว่าเราชอบเที่ยว เลยอยากมาเรียนการท่องเที่ยว เพราะตอนเด็กๆ ตองได้ไปท่องเที่ยวที่ต่างๆ บ่อยครับ คุณแม่ชอบพาไป ไปทุกจังหวัดเลยครับในประเทศไทย เหมือนการท่องเที่ยวทำให้เรากลายเป็นคนที่ชอบ เวลาได้เห็นสถานที่ต่างๆ เห็นโลกมุมใหม่ๆ เป็นการเพิ่มประสบการณ์ของเราไปเรื่อยๆ ครับ เราก็เลยสนใจสาขานี้ว่า การท่องเที่ยว มันมีอะไรบ้าง ได้ทำอะไรบ้าง

           แต่พอเข้ามาเรียนจริงๆ ตองรู้สึกว่ามันยิ่งกว่าตอบโจทย์เราอีกครับ ดีกว่าที่คิดไว้มาก เพราะตอนแรกตองคิดว่าจะมีแค่ทฤษฎีเยอะๆ เรียนในหนังสือ แล้วก็แนะนำเราเฉยๆ แต่ความจริงแล้ว พอได้มาเรียน คือเราได้ลงมือปฏิบัติจริง ได้ลองเป็นไกด์ ได้ลองจัดทริปเอง ได้ลองทำทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง ซึ่งตองชอบมากครับ


3 วิธีกับการแบ่งเวลาระหว่างการเรียนกับกีฬา
          โควตาที่ ตอง เข้าเป็นโควตานักกีฬา ดังนั้นช่วงมัธยมปลายก็จะต้องเรียนแล้วก็ซ้อมกีฬาไปด้วย ที่หนักก็คือ เราจะไม่มีเวลาตอนเย็นปกติธรรมดาเหมือนคนอื่นแน่นอน เพราะต้องซ้อมหลังเลิกเรียนจนดึกทุกวัน หรือบางวันก็มีซ้อมตั้งแต่ช้า บางทีตั้งแต่ตีห้า หกโมง ซึ่งตอนนั้นต้องแบ่งเวลาครับ ไม่อย่างนั้นการเรียนจะพังได้ ตองเลยจัดการตัวเองโดยเน้น 3 ข้อนี้ คือ

          1. ตั้งใจเรียนในห้องเรียน ข้อนี้สำคัญมากครับ เพราะถ้าเราไม่มีเวลาตอนเย็น แสดงว่าเวลาที่เราจะอ่านหนังสือหรือทบทวนบทเรียนก็จะน้อยลงไปด้วย ถ้าเราตั้งใจเรียนในห้องเรียน ก็จะถือว่าเรามีความรู้จากในห้องเรียนอยู่แล้ว ทำให้เราไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือทั้งหมด แค่ต้องกลับมาเพิ่มเติมและอ่านตรงที่ไม่เข้าใจอีกครั้งครับ

          2. มีเวลาว่างต้องทบทวน ถึงจะเลิกดึกเกือบทุกวัน แต่การกลับมาทบทวนก็มีความจำเป็นครับ เพราะจะทำให้เราสามารถจดจำเนื้อหาได้แม่นยำ เวลาว่างบางทีก่อนนอน ตองก็จะทบทวนบ้างครับ

          3. ถามอาจารย์หรือให้เพื่อนช่วยอธิบาย เวลาเลิกเรียนในแต่ละคาบ ถ้าไม่เข้าใจ ตองจะเข้าไปถามเพื่อนที่รู้หรืออาจารย์ที่สอนทันที เพื่อให้เราเข้าใจตอนนั้นเลย วิธีนี้มันจะทำให้เราไม่ต้องมาทำความเข้าใจเองทีหลัง ซึ่งช่วยลดเวลาในการทำงานด้วยครับ

 

บอกข้อดีของการติดตั้งแต่รอบรับตรงสำหรับตองมา 1 ข้อ
          สำหรับตองก็น่าจะคล้ายทุกคนนะครับ ในแง่ของความสบายใจ ไม่ต้องมารอเครียดกับแอดมิชชั่นอีก เพราะว่าเรามีที่เรียนแล้ว มันดีนะถ้าเรามีเป้าหมายหรือรู้ตัวเองเร็ว ถ้าติดโควตา เราก็จะได้มีเวลาเตรียมตัวสำหรับการเข้าไปเรียน หรือแม้กระทั่งน้องๆ ที่จะรอแอดมิชชั่น ถ้ามีเป้าหมายเร็วเท่าไหร่ มันก็ดีในแง่ของการมุ่งมั่นและเตรียมตัวในรอบแอดมิชชั่นครับ

บอกข้อเสียของการติดตั้งแต่รับตรงสำหรับตองมา 1 ข้อ
          เหมือนกับว่าถ้ามีข้อดีก็จะมีข้อเสียด้วยเสมอ ในกรณีแบบนี้ข้อเสียก็คือ ถ้าโครงการที่เราได้ ตัดสิทธิ์รับตรงอื่นหรือตัดสิทธิ์ในรอบแอดมิชชั่น เวลาที่มีโควตาอย่างอื่น ที่เราสนใจแล้วมีคุณสมบัติที่สามารถสมัครได้ หรือรอบแอดมิชชั่นมีคณะที่เราสนใจ ก็จะทำให้เราเสียสิทธิ์ตรงนี้ไปเลย 

เสียดายไหมที่เลือกตั้งแต่รอบรับตรง ไม่รอแอดมิชชั่น
          ไม่เสียดายนะครับ เพราะเหมือนตอนนั้นเราเลือกแล้ว เราก็ต้องเคารพการตัดสินใจของตัวเอง ถึงจะมีคณะอื่นที่เราอาจจะสนใจบ้าง แต่คือตอนนั้นก็เชื่อในการตัดสินใจของตัวเอง ใจเรามาตรงนี้แล้ว ก็ต้องมุ่งมั่นและเดินหน้าต่อไป เดินหน้าแล้วห้ามถอยหลังกลับ เพราะที่เราเลือกก็เพราะชอบ ไม่ได้รู้สึกว่าเลือกพลาดหรือเลือกผิดอะไร
 

ประสบการณ์การสอบสัมภาษณ์รอบโควตา
          หลังจากที่สมัครในรอบเอกสารผ่านแล้ว ก็จะมีการประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านการสมัคร หลังจากนั้นเราก็เตรียมเจอกับด่านต่อไปเลยครับ อย่างแรก คือ เราต้องมาทดสอบความสามารถด้านกีฬา และสิ่งที่สำคัญอีกอย่าง คือที่มหาวิทยาลัยจะสอนเป็นภาษาอังกฤษทุกรายวิชา ดังนั้นก็จะต้องมีการทดสอบภาษาอังกฤษก่อนเข้าไปเรียน ซึ่งถ้าไม่ผ่านก็หมดสิทธิ์เรียนนะครับ

           หลังจากนั้นก็เป็นการสอบสัมภาษณ์ อาจารย์สอบสัมภาษณ์ก็จะมีหลายแบบครับ อาจจะเป็นคำถามยากๆ วิชาการ หรืออาจจะเป็นคำถามทั่วไป อยู่ที่ว่าแต่ละคนจะเจอแบบไหน ซึ่งคำถามในการสอบสัมภาษณ์ของตอง เกี่ยวข้องกับโควตาที่เข้ามาทั้งนั้นเลยครับ ซึ่งตองเข้ามาด้วยโควตานักกีฬาบาสเกตบอล คำถามที่ตองเจอก็เกี่ยวกับกีฬาไปเลยครับ เช่น

          - เล่นบาสเกตบอลมานานแค่ไหนแล้ว
          - เล่นที่นี่ก็ต้องเล่นให้จริงจังนะ
          - เล่นที่นี่รู้ไหมว่าต้องเป็นนักกีฬาด้วยนะ ฯลฯ

          แต่ที่ยากคือการสอบสัมภาษณ์ทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษ ถึงแม้ว่าเราจะเข้ามาด้วยโควตานักกีฬา เรียนภาคปกติ แต่การเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยที่เป็นภาษาอังกฤษ ก็ทำให้เราได้สอบสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษด้วยครับ โดยจะมีการสุ่มว่าเราจะได้สัมภาษณ์กับอาจารย์ชาวไทยหรืออาจารย์ชาวต่างชาติ 
ซึ่งตอนนั้นก็ตื่นเต้นนะครับ แต่เราก็เตรียมตัวมาครับ พยายามไม่เครียด ตั้งสติ พูดให้รู้เรื่องที่สุด โชคดีที่ตองเจออาจารย์ถามเรื่องกีฬาด้วย ก็เลยผ่านมาได้ และนอกจากภาษาอังกฤษที่เราต้องสื่อสารกับอาจารย์ตอนสอบสัมภาษณ์ ในห้องเรียนอาจารย์ก็จะไม่พูดภาษาไทยกับเราอยู่แล้วครับ เพราะในห้องเรียนบางคลาสก็มีเพื่อนๆ ชาวต่างชาติด้วย จะกลายเป็นว่าไม่ยุติธรรมกับเพื่อนชาวต่างชาติได้ครับ

เล่าเรื่องการเรียนกับการจัดการท่องเที่ยว
          ปี 1 จะเป็นการเรียนพื้นฐานทั้งหมดก่อน คือจะปูพื้นฐานเพื่อให้เรามีทักษะที่ดี เช่น วิชาที่ช่วยพัฒนาบุคลิกของเรา ตั้งแต่การยืน เดิน กิน ให้เรามีพื้นฐานเกี่ยวกับการให้บริการที่ดี หรือการเรียนคณิตศาสตร์ ก็เรียนคณิตศาสตร์พื้นฐานตั้งแต่ม.6 มาก่อน เพื่อให้เราสามารถเข้าใจในขั้นต่อไปได้ เป็นต้น

          ปี 2 หลังจากที่มีพื้นฐานมาแล้ว ก็จะมีการให้เราได้เริ่มฝึกปฏิบัติ เช่น ให้เราลองทำทริปทัวร์ขายเอง เริ่มตั้งแต่จัดกลุ่มกันเอง จัดทริปเอง ประสานงานเอง ประชาสัมพันธ์ให้คนมาทริปทัวร์ของเรา คือทำทุกขั้นตอนกันเองครับ

          ปี 3 ก็จะเริ่มกว้างขึ้นกว่าปี 2 ครับ จากตอนแรกอาจจะมีกิจกรรมอยู่แค่ในเชียงราย ก็จะเริ่มจัดกิจกรรมหรือทริปในจังหวัดต่างๆ ได้ไปดูงานใหญ่ๆ ในแต่ละจังหวัด ว่ามีการจัดและการประสานงานยังไง ก็จะใหญ่ขึ้น กว้างขึ้น แล้วก็เรียนรู้การประสานงานร่วมกันกับเพื่อนมากขึ้นครับ

          ปี 4 ฝึกงาน ซึ่งรุ่นพี่ส่วนมากก็มีตั้งแต่ฝึกในโรงแรม กรุ๊ปทัวร์หรือบริษัททัวร์ต่างๆ รวมไปถึงฝึกที่สนามบินก็ได้ครับ


เรื่องที่ยากตอนเข้ามาในชีวิตมหาวิทยาลัย
          ตอนช่วงแรกๆ ยากนะครับ ตอนช่วงปี 1 ที่เพิ่งย้ายมา เป็นช่วงที่ตองต้องปรับตัวใหม่เลย เพราะตองขึ้นมาเชียงรายแบบไม่รู้จักใคร ขึ้นมาแบบตัวคนเดียว ไม่มีเพื่อนอยู่ที่นี่เลยครับ เพื่อนส่วนใหญ่อยู่ที่เชียงใหม่กัน ซึ่งจริงๆ ถึงแม้ตองจะมีประสบการณ์การอยู่หอมาบ้าง แต่ก็ไม่เหมือนกันครับ เพราะเชียงรายก็ไกลจากบ้านมาก ช่วงแรกอย่างตอนเวลาเดินทางหรือเวลาไปเรียน ก็ลำบากบ้างครับ เพราะถ้ารถรับส่งในมหาวิทยาลัยไม่พอ ก็ต้องเดิน เพราะที่นี่ปี 1 ห้ามใช้รถ ยอมรับว่าตอนนั้นอยากซิ่วเลย จากตอนที่เราอยู่กรุงเทพฯ ไปไหนก็ไปได้ ไปไหนก็มีเพื่อน กลายเป็นว่าพอมาอยู่ที่นี่ต้องเริ่มนับ 1 ใหม่หมดเลย ต้องมาอยู่คนเดียว

           ตองเลยต้องปรับตัว ปรับวิธีคิด ว่าถ้าเราไปอยู่ต่างประเทศก็จะเป็นแบบนี้นะ ไม่รู้จักใคร ต้องอยู่คนเดียว ต้องใช้ชีวิตเอง ซึ่งที่นี่ก็คล้ายนะครับ เพราะเราต้องเรียนเป็นภาษาอังกฤษอยู่แล้ว
เลยเปลี่ยนมาโฟกัสเรื่องการเรียนแทน แล้วเราต้องรู้เป้าหมายตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าเรามาเพื่ออะไร เป้าหมายเราต้องชัดเจน ถ้าต้องมาอยู่ที่ไกลๆ ไม่รู้ค่อยรู้จักใครแบบนี้ มีเหงา เหนื่อยท้อ แน่นอนครับ แต่เราต้องไม่ลืมว่ามีคนที่เหนื่อยกว่าเรา ที่เป็นคนส่งเสริมสนับสนุนเรา คอยดูความสำเร็จของเราอยู่ เลยเอาตรงนี้มาเป็นแรงผลักดัน เป็นกำลังใจ ก็เลยทำให้เราค่อยๆ ปรับตัว
 จนตอนนี้ทุกอย่างโอเคมากครับ ตองคิดว่าคนที่ต้องไปเรียนไกลจากที่บ้านน่าจะเคยเป็นกัน ก็ลองใช้วิธีเหมือนตองได้นะครับ

ฝากกำลังใจถึงน้องๆ
         อยากฝากว่าให้น้องๆ ทุกคน รีบเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะว่าเราจะได้รู้ตัวเองก่อนว่าเราควรจะเดินไปทางไหน เราควรจะเลือกอะไร พอถึงจุดที่เราจะต้องเลือกจริงๆ เราก็จะได้เลือกอย่างมั่นใจและมีความสุข ที่สำคัญคือต้องลองค้นหาตัวเองให้แน่ใจ ไปลองทำทุกอย่างที่ตัวเองชอบ ลองทำทุกอย่างที่ตัวเองสนใจ เรียนรู้หลายๆ อย่าง และเอาประสบการณ์กลับมาตัดสินใจว่า สุดท้ายแล้วเราชอบอะไรมากที่สุด และอย่างสุดท้ายที่อยากจะฝากกับน้องๆ ทุกคนเลยคือ เวลาน้องเจอปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะหนักหรือเบาแค่ไหน ครอบครัวคือทางเลือกที่ดีสุดในการเข้าหาและปรึกษา อย่ากลัวหรือไม่กล้า เพราะไม่มีใครเป็นห่วงน้องๆ ได้มากกว่าพ่อแม่แล้วครับ
 

          เป็นยังไงกันบ้างคะ นอกจากการสอบสัมภาษณ์ที่พี่ตองมาเล่าประสบการณ์ให้เราฟังแล้ว สิ่งที่สำคัญที่พี่ตองทำให้เห็นและย้ำกับน้องๆ ก็คือการค้นหาตัวเองให้เจอนะคะ เพราะถ้ายิ่งหาเจอเร็วเท่าไหร่ ก็จะทำให้น้องๆ เสียเวลาน้อยลงเท่านั้น

          ถึงแม้ว่าการติดโควตา/รับตรง อาจดูสบายไม่ต้องมาเครียดกับแอดมิชชั่น แต่อย่าลืมว่าทุกโควตา/รับตรง มีทั้งคุณสมบัติเฉพาะและการสอบ ดังนั้นก่อนที่จะสบาย ทุกคนก็ต้องเคยผ่านความเครียดและการทุ่มเทมาก่อนคนอื่น ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ โดยที่ไม่ต้องพยายามค่ะ

           สุดท้ายนี้ พี่อีฟ ขอขอบคุณ พี่
ตอง ที่มาแบ่งปันประสบการณ์ด้วยนะคะ ขอแอบกระซิบบอกว่า พี่ตอง กำลังจะมีผลงานในวงการบันเทิงด้วย ใครอยากติดตามพี่ตอง ตามไปได้เลยที่ ig ส่วนตัว : @tong_mbo เลยจ้า


เปิดให้สมัครแล้ว! บริการข่าวแอดมิชชั่น-รับตรง 59 ผ่านทาง SMS คลิกที่นี่
พี่อีฟ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

5 ความคิดเห็น

สุนีย์ 4 พ.ย. 58 05:42 น. 1
สุดยอดประสบการณ์ตรงจากพี่ตอง เป็นประโยชน์.ได้แรงบันดาลใจ.เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ.มีทั้งทึ่ง ซึ้ง ตรึงใจจริงๆเลยคร้าบ
0
กำลังโหลด
bukabuka 5 พ.ย. 58 13:08 น. 2
ม.แม่ฟ้าหลวง วิชากฎหมายของสำนักนิติศาสตร์ เรียนเป็นภาษาไทยนะค่ะ (English for Lawyer และ Basic Law) ปัจจุบันไม่แน่ใจว่ายังเป็นภาาาไทยไหม จบมา 2 กว่าแล้ว
2
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด