สวัสดีน้องๆ Dek-D ที่น่ารักทุกคนค่ะ กลับมาทักทายกันครั้งนี้ น้องเฟรชชี่หลายคนก็คงอพยพตัวเองไปเป็นเด็กหอเรียบร้อยแล้ว เป็นยังไงกันบ้าง เปิดเทอมแรกกับชีวิตนิสิตนักศึกษา ตื่นเต้นกันรึเปล่าเอ่ย? ในฐานะที่พี่เมก้าเคยผ่านช่วงเวลาปี 1 มาแล้ว ต้องขอการันตีเลยค่ะว่า ทั้งเรียนทั้งกิจกรรมครบรสแบบแซ่บนัวสุดๆ แน่นอน!


 
          ช่วงแรกอาจจะมีโหด ฮา เศร้า ซึ้งกันบ้าง เพราะยังปรับตัวไม่ทัน แต่พอตั้งหลักได้เมื่อไหร่ที่เหลือคือความมันส์ล้วนๆ วันนี้น้องๆ คนไหนที่กำลังเจองานยากงานหิน ทั้งเรียนและกิจกรรมโดยเฉพาะรับน้องของบางมหา'ลัย ที่ขึ้นชื่อว่าโหดยิ่งกว่าฝึกทหาร! ตามพี่เมก้ามา รับมือ "เรียน+รับน้อง" ยังไงให้ไม่เครียด กันเลย

1. เลือกมองแต่สิ่งดีๆ
          ก่อนอื่นพี่เมก้าอยากให้น้องๆ ทำความเข้าใจก่อนว่ารับน้องมีหลายรูปแบบเนอะ สำหรับน้องๆ ที่ได้พบกับบรรยากาศรับน้องดีๆ สนุกสนานตรงกับไลฟ์สไตล์เรา ก็อาจจะได้ฮาอุจจาระแตกอุจจาระแตนทุกวัน ไม่มีอะไรให้เครียดมาก แถมเวลายังดูผ่านไปไวอีกต่างหาก แต่กับน้องๆ ที่ต้องเจอระบบรับน้องในตำนาน มีความโหดเป็นพิเศษ ณ จุดๆ นี้ ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ก็เริ่มจากปรับทัศนคติที่ตัวเองก่อนเลย มาเลือกมองหาสิ่งที่ดีและสิ่งที่จะได้รับจากการเข้าร่วมทั้งกิจกรรมรับน้องและการเรียนกันดีกว่า


 
          อย่างพี่เมก้าก็เคยเข้ารับน้องประชุมเชียร์นะคะ ตอนแรกก็ชีวิตดีมีความสุขกับเพื่อนกับรุ่นพี่ปี 2 แต่พอพี่อบรมเข้าปุ๊บ ห้องเชียร์ที่เคยอบอุ่นก็กลายเป็นห้องเย็นเลยค่ะ (แอบปาดเหงื่อเล็กน้อย) มันเครียดก็จริง แต่พอลองคิดดู สิ่งที่ดีมีเยอะกว่าสิ่งที่เราไม่ชอบใจค่ะ เราได้ทั้งมิตรภาพระหว่างเพื่อนและรุ่นพี่ ได้รู้จักมหาวิทยาลัย ได้ประสบการณ์การใช้ชีวิตใหม่ๆ ที่ต้องลงไปสัมผัสด้วยตัวเอง มันคุ้มที่จะเสี่ยงกับความกลัวค่ะ ส่วนเรื่องเรียนถึงจะยากในช่วงแรก แต่ก็เป็นธรรมดาของการเรียนรู้ ค่อยๆ ใช้เวลาทำความเข้าใจ เก็บเกี่ยวความรู้ไป เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง ถ้าทุกอย่างง่ายหมด เราก็ไม่ต้องมาเรียนแล้วเนอะ   

2. "เรียน+รับน้อง" ต้องแยกกัน
          ส่วนใหญ่เวลาเครียด เรามักจะเก็บเรื่องเครียดมาสุมรวมกัน จนรู้สึกว่าทุกอย่างแย่ไปหมด ทั้งที่ความจริงก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น การเรียนกับกิจกรรมก็เหมือนกันค่ะ สามารถทำพร้อมกันให้ดีได้ แต่ก็ต้องรู้จักที่จะแบ่งเวลา คือเวลาของการเรียนและเวลาของกิจกรรม น้องบางคนนั่งเรียนอยู่ก็คิดมากไปถึงรับน้อง วันนี้จะเจออะไรบ้างนะ? ถ้านั่งหลังไม่ตรงจะโดนรุ่นพี่ดัดหลังมั้ย? ถ้าร้องเพลงเสียงไม่ดังจะโดนตะคอกใส่รึเปล่า? แล้วถ้าเกิดทำภารกิจไม่สำเร็จ โดนรุ่นพี่ตัดรุ่นขึ้นมาจะทำยังไง? คิดมากไปเรื่อยจนแทบไม่ได้เรียนหนังสือเลย


 
          ดังนั้นเรียนก็ส่วนเรียน รับน้องก็ส่วนรับน้อง อย่านำมาปนกันเด็ดขาดค่ะ เวลาเรียนน้องๆ ควรโฟกัสไปที่เรื่องเรียนก่อน อย่าเพิ่งคิดเกี่ยวกับรับน้องเข้ามาใส่หัวเด็ดขาด การทำแบบนั้นทำให้เราเครียดหนักกว่าเดิม! เราจะรู้สึกว่ารับน้องเข้ามามีอิทธิพลมากเกินไปจนแทบไม่ได้เรียนเลย อย่างตอนพี่เมก้าอยู่ปี 1 เพื่อนจะเครียดกับการตามล่าลายเซ็นรุ่นพี่มาก จนเสียสมาธิกับการเรียนไปเลยค่ะ ผลออกมาก็คือเรียนไม่รู้เรื่อง กลับมาเครียดอีก ดังนั้นคิดให้ดีค่ะว่า หน้าที่ของเราเวลานี้คืออะไร จะได้ไม่ปวดหัวเนอะ

3. เวลา "ว่าง" ทุกวินาทีมีค่า
          ความจริงแล้วเวลาของการเรียนกับรับน้องไม่มีทางตรงกันเลยค่ะ กิจกรรมรับน้องมักจะเริ่มในช่วงเย็นหลังเลิกเรียนของทุกวัน แล้วการเรียนปี 1 แบบเราๆ ไม่ได้เรียนหนักตั้งแต่เช้าจรดเย็น บางวันเรียนแค่ครึ่งวันเช้า บางวันเรียนแค่ครึ่งวันบ่าย เวลาว่างทุกนาทีจึงเป็นของเรา นำมาใช้ได้แบบคุ้มค่าเลย น้องบางคนแอบเครียดกับรับน้อง ไม่ใช่แค่รูปแบบกิจกรรมที่จัดว่าโหดมากขนาดห้ามกลอกตา แต่ยังแอบเครียดไปถึงเรื่องเรียนด้วยว่า ทุ่มให้รับน้องมากเกินไปจะทำให้เรียนแย่จนเกรดตกรึเปล่า


 
          พี่เมก้าขอเอาหัวเป็นประกันเลยว่า การเข้ารับน้องแทบจะไม่มีผลต่อการเรียนเลย อย่างที่บอกว่าน้องๆ มีเวลาว่างก่อนเข้ากิจกรรมมากมาย ก็นำเวลาตรงนี้มาเคลียร์งาน อ่านหนังสือหรือเข้าห้องสมุดไป E-Lectures ย้อนหลัง ตอนใกล้สอบจะได้ไม่เครียด ถ้าเราจัดสรรเวลาดีๆ ก็เอาอยู่ค่ะ น้องสามารถคุมทั้งเรื่องเรียนและรับน้องได้โดยไม่ต้องกดดันตัวเอง หรือทุ่มไปที่อย่างใดอย่างหนึ่งเพราะคิดว่าสำคัญมากกว่ากันเลย

4. สนุกกับทุกสิ่งที่ทำ
          อยากให้น้องๆ มองทุกอย่างเป็นเรื่องสนุกค่ะ คิดซะว่ารับน้องกับการเรียนเป็นอะไรที่สบายๆ ชิลล์ๆ ทุกอย่างคือเรื่องบันเทิง ถือเป็นสีสันใหม่ๆ ของชีวิต อย่างตอนที่พี่เมก้ากับเพื่อนๆ รับน้องประชุมเชียร์ เราก็คิดแค่ว่าเราจะสนุกกับทุกกิจกรรมที่รุ่นพี่ให้ทำ เราอยากชนะใจพี่อบรม ก็แค่ร่วมใจกันแสดงศักยภาพในรุ่นออกมา ร้องเพลงให้เต็มเสียง ปรบรหัสมือและแปรอักษรให้พร้อมเพรียง การมาซ้อมเชียร์กับเพื่อนก็คือความสุข เราเลยไม่เครียดมากค่ะ "มีหน้าถอดสี กำมือแน่นนิดหน่อย ตอนโดนอบรม (แค้นๆ) ล้อเล่นค่ะ ^O^"


 
          ส่วนเรื่องเรียน ยอมรับเลยนะคะว่าตอนแรกพี่เมก้าก็แอบกลัวการเรียนแบบเด็กมหา'ลัยอยู่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะเรียนยากรึเปล่า? แต่พอได้มาเรียนด้วยตัวเอง ทุกวิชาน่าลุ้น น่าลอง แล้วก็น่าเรียนรู้หมดเลยค่ะ น้อยมากที่พี่จะนั่งหลับ (ปกติงีบบ่อย) ถ้าใจน้องสนุกกับทุกวิชาที่เรียน ความเครียดไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ เราเก็บไว้เครียดช่วงสอบก็พอ (-_-') แต่ถ้าอาการนี้ยังแก้ไม่หาย แนะนำให้หาอะไรสนุกๆ ทำค่ะ ฟังเพลง เล่นกีฬา ดูซีรีส์ อ่านนิยาย ฯลฯ ได้ทำในสิ่งที่ชอบคงจะช่วยได้

5. เกาะติดเพื่อนไว้...มีเราก็ต้องมีนาย
          ข้อสุดท้ายนี้แอบซึ้งค่ะ เวลาเข้ากิจกรรม เวลาเรียน เราไม่ได้ไปคนเดียวเนอะ คนที่อยู่ข้างๆ เราตลอดเวลาก็คือเพื่อน เวลาน้องๆ เครียด อยากให้รู้ไว้ว่า เพื่อนก็เครียดเหมือนกับเรา เจอรุ่นพี่ขู่ตอนรับน้องว่าจะตัดรุ่น เราก็โดนตัดพร้อมเพื่อนนี่แหละ เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรต้องกลัวเลย อยู่ใกล้ๆ กับเพื่อนไว้ แล้วหาอะไรสนุกๆ มาคลายเครียดกันดีกว่า อย่างกลุ่มพี่เมก้าจะเน้นสายฮา ขนเรื่องนู้นเรื่องนี้มาจับเข่าเม้าท์มอยกันให้มันส์จนลืมเรื่องเครียดไปเลยค่ะ  


 
          นอกจากจะมีเพื่อนไว้แบ่งปันทุกข์สุขแล้ว เรื่องเรียนเพื่อนก็เป็นผู้ช่วยมือหนึ่งของเราได้เยี่ยมเหมือนกัน อย่างช่วงสอบเราก็ไม่ต้องเครียดอ่านหนังสือคนเดียว เรื่องไหนที่ไม่ถนัดเดินไปหาเพื่อน เดี๋ยวเพื่อนก็ช่วยติวให้แล้ว ส่วนเรื่องไหนเราเป็นเซียน ก็ติวให้เพื่อนกลับไป รับรองว่าความเครียดอยู่กับเราได้ไม่นาน เหลือแต่ความฮาจนแทบไม่ได้อ่านหนังสือ (-_-'') ล้อเล่นค่ะ ยังไงพี่เมก้าก็ยืนยันนะคะว่า การเกาะกลุ่มกับเพื่อนเป็นอะไรที่ดีต่อใจสุดๆ แล้ว ^w^   

          ทั้งหมดนี้ก็เป็น 5 วิธีรับมือการเรียน+รับน้องไม่ให้เครียด นะคะน้องๆ เอาจริง เราอาจจะแค่นอยด์ไปตามเรื่องตามราวตามอารมณ์วัยรุ่นก็ได้นะ การเรียนและกิจกรรมระหว่างมัธยมฯกับมหา'ลัยค่อนข้างแตกต่างกันเลย ลองใช้เวลาปรับตัวดูก่อน แล้วน้องจะรู้ว่าความจริงเรื่องที่เราเคยเครียดมันไม่มีอะไรเลย แถมยังฮาอีกต่างหาก ^^''

 
พี่เมก้า
พี่เมก้า - Columnist นักข่าวสายการศึกษา ที่มีความสุขกับการแต่งฟิค อ่านฟิค เพ้อถึงยัมมี่ฟู้ดไปวันๆ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น