ใกล้สิ้นสุดการเรียนเทอม 1 แล้ว เผลอแวบเดียวเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกเลยนะคะ บางคนยังมึนๆ ตั้งหลักไม่ถูกอยู่เลย ลุยทั้งกิจกรรม เรียน สอบ เอาชีวิตรอดมาได้แบบสมบุกสมบัน
.jpg)
วันนี้พี่เมก้าเลยขอชวนน้องๆ มาเตรียมตัวกันตั้งแต่เนิ่นๆ รู้ไหมว่า ก่อนขึ้นปี 2 เฟรชชี่ก็มีสิ่งที่ควรทำอยู่เหมือนกันนะ รู้แล้วจะได้ใช้ชีวิตในเทอม 2 นี้ อย่างมีความสุข และไม่พลาดด้วยค่ะ
1. รู้จัก "มหาวิทยาลัย" ทุกซอกมุม
เคยถามตัวเองไหมว่า 1 เทอมที่ผ่านมา น้องๆ รู้จักมหาวิทยาลัยดีพอหรือยัง? รู้ไหมว่าคณะต่างๆ ตั้งอยู่ตรงไหน? ร้านข้าวอะไรเด็ดดังปังที่สุด? บางคนอยู่จนจะครบเทอมแล้ว เดินเข้าเดินออกแค่หอ ตึกคณะ ห้องสมุด โรงอาหาร ไม่ได้รู้จักสถานที่อื่นๆ นอกจากนี้เลย TOT จำได้ว่าตอนปี 1 พี่เมก้ากับเพื่อนนี่รวมแก๊งปั่นจักรยานรอบมหาวิทยาลัยเลยค่ะ ตั้งใจไว้ว่า ใครถามทางต้องตอบได้ ตึกนี้อยู่ตรงไหน เดินไปยังไง เกิดขึ้นปี 2 มีรุ่นน้องมาถามทาง แล้วยังหลงทิศ ตอบผิดๆ ถูกๆ อายเค้าแย่เลย
2. รู้ระบบ "การเรียน+การสอบ"
เอาแค่วันนี้ ตอนนี้ ได้เรียนได้สอบกันมาแล้ว พอจะรู้รึยังว่าคณะเรานั้นเรียนกันยังไง สอบเป็นยังไง โหดจนต้องร้องขอชีวิตไหม หลายคนจากมัธยมฯ ขึ้นมหา'ลัยมา ยังปรับตัวไม่ได้เลยค่ะ ก่อนขึ้นปี 2 พี่เมก้าเลยอยากให้น้องๆ ทำความคุ้นชินกับระบบการเรียน การสอบของคณะให้ดี เรายังต้องรับศึกหนักกว่านี้อีก ในปีต่อๆ ไป ที่สำคัญจบปี 1 อย่าเพิ่งปาหนังสือ ทำลายกองชีททิ้งนะคะ วิชาเรียน ปี 1 เป็นฐานความรู้ให้ ปี 2 ได้ อ่านเก็บไว้แน่นๆ จะได้สบายค่ะ
3. สะสม "เกรด" ให้รุ่งพุ่งปรี๊ด
1. รู้จัก "มหาวิทยาลัย" ทุกซอกมุม
เคยถามตัวเองไหมว่า 1 เทอมที่ผ่านมา น้องๆ รู้จักมหาวิทยาลัยดีพอหรือยัง? รู้ไหมว่าคณะต่างๆ ตั้งอยู่ตรงไหน? ร้านข้าวอะไรเด็ดดังปังที่สุด? บางคนอยู่จนจะครบเทอมแล้ว เดินเข้าเดินออกแค่หอ ตึกคณะ ห้องสมุด โรงอาหาร ไม่ได้รู้จักสถานที่อื่นๆ นอกจากนี้เลย TOT จำได้ว่าตอนปี 1 พี่เมก้ากับเพื่อนนี่รวมแก๊งปั่นจักรยานรอบมหาวิทยาลัยเลยค่ะ ตั้งใจไว้ว่า ใครถามทางต้องตอบได้ ตึกนี้อยู่ตรงไหน เดินไปยังไง เกิดขึ้นปี 2 มีรุ่นน้องมาถามทาง แล้วยังหลงทิศ ตอบผิดๆ ถูกๆ อายเค้าแย่เลย
2. รู้ระบบ "การเรียน+การสอบ"
เอาแค่วันนี้ ตอนนี้ ได้เรียนได้สอบกันมาแล้ว พอจะรู้รึยังว่าคณะเรานั้นเรียนกันยังไง สอบเป็นยังไง โหดจนต้องร้องขอชีวิตไหม หลายคนจากมัธยมฯ ขึ้นมหา'ลัยมา ยังปรับตัวไม่ได้เลยค่ะ ก่อนขึ้นปี 2 พี่เมก้าเลยอยากให้น้องๆ ทำความคุ้นชินกับระบบการเรียน การสอบของคณะให้ดี เรายังต้องรับศึกหนักกว่านี้อีก ในปีต่อๆ ไป ที่สำคัญจบปี 1 อย่าเพิ่งปาหนังสือ ทำลายกองชีททิ้งนะคะ วิชาเรียน ปี 1 เป็นฐานความรู้ให้ ปี 2 ได้ อ่านเก็บไว้แน่นๆ จะได้สบายค่ะ
3. สะสม "เกรด" ให้รุ่งพุ่งปรี๊ด
คะแนนกลางภาคของน้องๆ น่าจะเริ่มทยอยออกมาให้พอเห็นอนาคตลางๆ แล้วว่า เกรดเทอมนี้จะรุ่งพุ่งแรงหรือร่วงดับอนาถ! ถ้าเป็นกรณีแรก ทำดีแล้ว รักษาระดับต่อไปค่ะ แต่ถ้าเป็นอย่างหลัง ไม่ต้องถอดใจไป เรามาอัพคะแนนให้ดีในการสอบครั้งต่อไปก็ได้ ขอบอกว่าเกรดปี 1 สำคัญและเก็บง่ายกว่าปีอื่นๆ เยอะ เหตุผลก็เพราะปี 1 วิชาเรียนยังน้อย การบ้านไม่หนักมาก มีเวลาอ่านหนังสือสอบเต็มที่ ก่อนขึ้นปี 2 ถ้าเริ่มสะสมเกรดไว้ได้ดี ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง! เพราะยิ่งเรียนยิ่งยากค่ะ
4. ทบทวน "ทางที่ใช่" ของตัวเอง
อยากให้น้องๆ หาเวลามาทบทวนตัวเองดูอีกทีว่า ชีวิตเฟรชชี่ที่ผ่านมาของเราเป็นยังไง? เรียนไหวไหม? รักคณะที่เรียนไหม? บางคนเกรดออกมาเลิศมาก ถือว่าน้องมาถูกทางแล้วค่ะ แต่บางคนเกรดออกมาติดโปรต่ำเลย สาเหตุก็มีตั้งแต่ "ติดเล่น ไม่เข้าเรียน ไม่อ่านหนังสือ มุ่งแต่กิจกรรม บางคนก็ว่าคณะไม่ใช่ทาง ต่อให้ตั้งใจเรียน ตั้งใจอ่านหนังสือมากแค่ไหน ก็ไปไม่รอด" ถ้ามีปัญหาเหล่านี้ รีบหาทางออกเลยนะคะ อาจจะพยายามให้มากขึ้น หรือมุ่งไปทางที่เราไหวก็ได้ค่ะ
5. "เช็กวิชาลงทะเบียน" ให้แน่
ถ้ามั่นใจแล้วว่าคณะนี้ตอบโจทย์เราจริงๆ ก่อนขึ้นปี 2 น้องๆ ก็ต้องเช็กวิชาที่ต้องลงทะเบียนเรียนให้เรียบร้อยค่ะว่า ตั้งใจจะเก็บวิชาอะไรบ้าง ลงทะเบียนเรียนถูกต้องครบถ้วนไหม อย่าให้พลาดเลยนะคะ เคยมีรุ่นพี่ลงทะเบียนผิดมาแล้ว ปี 2 เรียนชิลล์มาก กลายเป็นว่าลืมเก็บหน่วยกิตวิชาหนึ่งไป แถมยังเพิ่มไม่ทัน ต้องไปลงเรียนหนักๆ ในปีสูงนู่นเลย ยิ่งถ้าไปแจ็กพอตแตก เทอมนั้นลงเรียนไม่ได้ เพราะหน่วยกิตเกินกำหนดอีก อาจส่งผลเสียระยะยาวคือจบช้ากว่าเพื่อนไปเลยก็ได้
6. "เปลี่ยนตัวเอง" เป็นคนใหม่
4. ทบทวน "ทางที่ใช่" ของตัวเอง
อยากให้น้องๆ หาเวลามาทบทวนตัวเองดูอีกทีว่า ชีวิตเฟรชชี่ที่ผ่านมาของเราเป็นยังไง? เรียนไหวไหม? รักคณะที่เรียนไหม? บางคนเกรดออกมาเลิศมาก ถือว่าน้องมาถูกทางแล้วค่ะ แต่บางคนเกรดออกมาติดโปรต่ำเลย สาเหตุก็มีตั้งแต่ "ติดเล่น ไม่เข้าเรียน ไม่อ่านหนังสือ มุ่งแต่กิจกรรม บางคนก็ว่าคณะไม่ใช่ทาง ต่อให้ตั้งใจเรียน ตั้งใจอ่านหนังสือมากแค่ไหน ก็ไปไม่รอด" ถ้ามีปัญหาเหล่านี้ รีบหาทางออกเลยนะคะ อาจจะพยายามให้มากขึ้น หรือมุ่งไปทางที่เราไหวก็ได้ค่ะ
5. "เช็กวิชาลงทะเบียน" ให้แน่
ถ้ามั่นใจแล้วว่าคณะนี้ตอบโจทย์เราจริงๆ ก่อนขึ้นปี 2 น้องๆ ก็ต้องเช็กวิชาที่ต้องลงทะเบียนเรียนให้เรียบร้อยค่ะว่า ตั้งใจจะเก็บวิชาอะไรบ้าง ลงทะเบียนเรียนถูกต้องครบถ้วนไหม อย่าให้พลาดเลยนะคะ เคยมีรุ่นพี่ลงทะเบียนผิดมาแล้ว ปี 2 เรียนชิลล์มาก กลายเป็นว่าลืมเก็บหน่วยกิตวิชาหนึ่งไป แถมยังเพิ่มไม่ทัน ต้องไปลงเรียนหนักๆ ในปีสูงนู่นเลย ยิ่งถ้าไปแจ็กพอตแตก เทอมนั้นลงเรียนไม่ได้ เพราะหน่วยกิตเกินกำหนดอีก อาจส่งผลเสียระยะยาวคือจบช้ากว่าเพื่อนไปเลยก็ได้
6. "เปลี่ยนตัวเอง" เป็นคนใหม่
น้องๆ เคยไม่ชอบอะไรในตัวเองบ้างไหมคะ ลองถามตัวเองดูสิ ก่อนขึ้นปี 2 มีอะไรในตัวที่เราอยากโละทิ้งมากที่สุด อย่างพี่เมก้าเองมีตัวขี้เกียจค่ะ ไหนๆ ก็จะขึ้นไปเป็นรุ่นพี่แล้ว เลยตัดใจว่าจะหันมาขยันกับเค้าบ้าง ส่วนเพื่อนพี่คนอื่นๆ เลือกที่จะเปลี่ยนลุคตัวเอง จากสาวเนิร์ดอวบอ้วนเมื่อตอนปิดเทอม เปิดเทอมมากลายเป็นสายแซ่บกันเฉยเลยค่ะ นางบอกต้อง "สวย เริ่ด เชิด" ไว้รอรุ่นน้องหล่อๆ -_-; เอิ่ม เอาที่สบายใจ
7. "ลงเรียน" ตามที่ใจอยาก
ปิดเทอมก่อนขึ้นปี 2 เป็นช่วงเวลาที่ว่างพอควรเลยค่ะ หากมีโอกาสลงวิชาเรียนอะไรที่ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น ก็เป็นสิ่งที่สมควรทำนะคะ เช่น ถ้าสนใจภาษาญี่ปุ่นมาก ลงเรียนซัมเมอร์เลยค่ะ ข้อดีก็คือได้พัฒนาทักษะทางภาษา เก็บหน่วยกิตวิชาเลือกได้ก่อน ไม่ต้องไปเรียนหนักตอนปีสูงๆ ที่สำคัญเรียนตัวเดียว มีเวลาอ่านทวนเนื้อหาได้เต็มที่ ทำให้เก็บ A ได้ง่ายขึ้นด้วย ส่วนน้องที่ติด F ตอนปี 1 ถ้าอาจารย์เปิดให้แก้ F ควรที่จะลงซัมเมอร์อย่างยิ่งนะคะ จะได้เรียนทันเพื่อน
8. "ลุยกิจกรรม" ให้คุ้ม
ใครๆ ก็บอกว่าทำกิจกรรมในฐานะน้องปี 1 เป็นอะไรที่มันส์และคุ้มค่าสุดๆ แล้ว ยกตัวอย่างเวลาไปออกค่ายอาสา เฟรชชี่นี่เหมือนทำงานหนักน้อยที่สุด ไปเที่ยวแบบสบายที่สุด แถมรุ่นพี่ยังดูแลดีที่สุดด้วย! เพราะเรายังเป็นน้องเล็ก มีความเฟรช มีความใสอยู่ ยิ่งถ้ามหาวิทยาลัยของน้องๆ ให้ความสำคัญกับกิจกรรมมาก มีการเก็บหน่วยกิตกิจกรรมด้วยแล้ว ต้องรีบลุยตั้งแต่ปี 1 เลยนะคะ ขืนเก็บไว้ตอนปีสูงๆ คงเป็นอะไรที่เฟลน่าดู เพราะต้องวุ่นทั้งกิจกรรม ทั้งโปรเจคท์ที่หนักมาก - -''
9. แสวงหา "ผู้ช่วยคนสำคัญ"
7. "ลงเรียน" ตามที่ใจอยาก
ปิดเทอมก่อนขึ้นปี 2 เป็นช่วงเวลาที่ว่างพอควรเลยค่ะ หากมีโอกาสลงวิชาเรียนอะไรที่ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น ก็เป็นสิ่งที่สมควรทำนะคะ เช่น ถ้าสนใจภาษาญี่ปุ่นมาก ลงเรียนซัมเมอร์เลยค่ะ ข้อดีก็คือได้พัฒนาทักษะทางภาษา เก็บหน่วยกิตวิชาเลือกได้ก่อน ไม่ต้องไปเรียนหนักตอนปีสูงๆ ที่สำคัญเรียนตัวเดียว มีเวลาอ่านทวนเนื้อหาได้เต็มที่ ทำให้เก็บ A ได้ง่ายขึ้นด้วย ส่วนน้องที่ติด F ตอนปี 1 ถ้าอาจารย์เปิดให้แก้ F ควรที่จะลงซัมเมอร์อย่างยิ่งนะคะ จะได้เรียนทันเพื่อน
8. "ลุยกิจกรรม" ให้คุ้ม
ใครๆ ก็บอกว่าทำกิจกรรมในฐานะน้องปี 1 เป็นอะไรที่มันส์และคุ้มค่าสุดๆ แล้ว ยกตัวอย่างเวลาไปออกค่ายอาสา เฟรชชี่นี่เหมือนทำงานหนักน้อยที่สุด ไปเที่ยวแบบสบายที่สุด แถมรุ่นพี่ยังดูแลดีที่สุดด้วย! เพราะเรายังเป็นน้องเล็ก มีความเฟรช มีความใสอยู่ ยิ่งถ้ามหาวิทยาลัยของน้องๆ ให้ความสำคัญกับกิจกรรมมาก มีการเก็บหน่วยกิตกิจกรรมด้วยแล้ว ต้องรีบลุยตั้งแต่ปี 1 เลยนะคะ ขืนเก็บไว้ตอนปีสูงๆ คงเป็นอะไรที่เฟลน่าดู เพราะต้องวุ่นทั้งกิจกรรม ทั้งโปรเจคท์ที่หนักมาก - -''
9. แสวงหา "ผู้ช่วยคนสำคัญ"
สุดท้ายนี้ ก่อนขึ้นปี 2 น้องๆ ควรมีผู้ช่วยคนสำคัญอยู่ข้างกายนะคะ เพราะเขาจะคอยช่วยเหลือเราเวลามีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน เรื่องสอบ เรื่องการใช้ชีวิตต่างๆ ที่ใกล้ตัวน้องๆ ที่สุด อย่างน้อยก่อนขึ้นปี 2 ควรจะต้องมีเพื่อนรู้ใจสักคนไว้เป็นที่ปรึกษา คอยช่วยกันเรียน คอยดูแลกัน หรือถัดจากเพื่อนก็คือรุ่นพี่ ผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนเรานี่แหละค่ะ ข่าวกรองเด็ดๆ ไว้ใจได้เลย วิชาไหนยากจนหืดขึ้นคอ อาจารย์โหดปล่อย F ระนาว เราเอาอยู่! เพราะรุ่นพี่เทรนมากับมือ
ทั้งหมดนี้ก็เป็น 9 สิ่งที่เฟรชชี่ควรทำก่อนขึ้นปี 2 นะคะ อย่าให้พลาดไปแม้แต่ข้อเดียว ถ้าทำได้ตามนี้ รับรองว่าอนาคตน้องๆ จะรุ่งโรจน์สดใสไปถึงปีสุดท้ายของการเรียนแน่นอนค่ะ
ทั้งหมดนี้ก็เป็น 9 สิ่งที่เฟรชชี่ควรทำก่อนขึ้นปี 2 นะคะ อย่าให้พลาดไปแม้แต่ข้อเดียว ถ้าทำได้ตามนี้ รับรองว่าอนาคตน้องๆ จะรุ่งโรจน์สดใสไปถึงปีสุดท้ายของการเรียนแน่นอนค่ะ
2 ความคิดเห็น