เจอแบบนี้ยิ้มไม่ออก! รวม 10 สถานการณ์ ที่เด็กมหา’ลัย ใจตกไปอยู่ตาตุ่ม


 
         สวัสดีน้องๆ Dek-D ที่น่ารักทุกคนค่ะ เชื่อว่าวัยมัธยมฯ ต้องเคยผ่านสถานการณ์ลุ้นๆ ชวนให้ใจหยุดนิ่งกันมาบ้าง อย่างน้อยก็ตอนลุ้นผลแอดมิชชั่น วินาทีประกาศผล น้องๆ คิดว่าอาการตัวเองจะเป็นยังไงคะ เหมือนโลกหยุดหมุน ขนหัวลุกตั้งชันไหม?  


       
         เรื่องลุ้นๆ ตอนมัธยมฯ คงพอทำให้น้องๆ แกร่งขึ้นมาบ้าง เพราะเมื่อเข้าสู่โลกมหาวิทยาลัย ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่รอเราอยู่ วันนี้เฟรชชี่ซี้ปึ้กเลยขอชวนตามติด วินาทีหยุดโลก! 10 สถานการณ์เด็ด ที่ทำเด็กมหา’ลัยใจตกไปอยู่ตาตุ่ม หนียังไง ก็ไม่พ้น!      

1. นาทีทดสอบความรู้
         การเรียนมหาวิทยาลัยจะมีช่วงที่อาจารย์ถามคำถามทดสอบความรู้นิสิตนักศึกษาค่ะ อาจจะใช้วิธีสุ่มรหัสนักศึกษา หรือเรียกจากใบรายชื่อเลย มันระทึกตั้งแต่ขั้นตอนนี้นี่แหละ ใครจะอยากเป็นผู้โชคร้าย การป้อนคำถามของอาจารย์ก็ง่ายซะเหลือเกิน ง่ายจนเหงื่อไหลซิกๆ เลยทีเดียว -..- เกิดตอบคำถามไม่ตรงใจอาจารย์ แล้วเพื่อนทั้งห้องยังช่วยกันตอบไม่ได้อีก คลาสนั้นแทบจะกลายเป็นคลาสเรียนนรกไปจนจบชั่วโมงเลยล่ะค่ะ เพราะอาจารย์จะส่งสายตาเชือดเฉือนตลอดเวลา คล้ายจะตอกย้ำเราว่า "แค่นี้พวกคุณยังตอบไม่ได้ ลงเรียนใหม่พร้อมรุ่นน้องเลยดีไหม?" ทั้งที่การตอบคำถามนี้ ไม่ได้มีการหักคะแนนนะคะ แต่ทำไมปวดใจก็ไม่รู้ TOT
 
2. เวทีพรีเซนต์งาน
         ต่อให้ผ่านการพรีเซนต์งานเดี่ยวบ้าง กลุ่มบ้างมาเป็นสิบๆ ครั้ง ก็อดที่จะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า "ทำใจให้ชินได้ยาก" สายตานับร้อยคู่จ้องมาที่เราคนเดียว ยังเทียบกับสายตาคู่เดียวจากอาจารย์ไม่ได้เลยค่ะ = ='' งานนี้ตื่นเต้นจนลิ้นเปลี้ย มือที่ถือไมค์ยังสั่นกึกๆๆ ประหม่ามากกก ขนาดหลายคนซ้อมแล้วซ้อมอีก ลิสต์ประเด็นว่าจะนำเสนอไว้แบบนี้ พอออกไปรายงานหน้าห้อง ก็ยังเกร็ง ยังติดอ่างอยู่เลย TOT แถมพรีเซนต์เสร็จ หายใจโล่งได้แป๊บเดียว ยังต้องมาระทึกกับคำถามอาจารย์ต่อ ถามจี้จนมุมติดข้างฝาทุกที (' ') "ทำไมทำหัวข้อนี้ ทำไปเพื่ออะไร ไม่ทำได้ไหม เรื่องอื่นน่าจะมีประโยชน์มากกว่านี้นะ" อู้ย! เจ็บยิ่งกว่าถูกทิ้ง ขอให้เชื่อมั่นในข้อมูลที่ทำมา รับรองรอดตาย

3. ปั่นงานไม่ทันคือตาย
         งานแต่ละชิ้นของเด็กมหาวิทยาลัยเรียกว่า "งานสูบวิญญาณ" ค่ะ ทำกันจนตายไปข้างเพราะเป็นงานละเอียด ต้องใช้ความตั้งใจ และรอบคอบมาก ย้ำว่ามาก! ถ้าทำลวกๆ งานหยาบ 
ไม่ทันส่ง คะแนนปลิวหายไปต่อหน้าต่อตาได้เลย - -'' ที่พีคกว่านั้น เดวิลมักจะมาขัดขวางตอนโค้งสุดท้าย ที่เรารีบๆ ลนๆ นี่แหละ อย่างเพื่อนพี่เมก้าปั่นงานมาค่อนคืน กำลังจะเซฟ ไฟดับจ้า ไฟล์หายหมดเลย มันยิ่งกว่าใจหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่มอีกนะคะ ถ้ากู้ไฟล์กลับมาไม่ได้นี่ พัง! ได้สัมผัสชีวิตแบบนี้เมื่อไหร่ น้องๆ จะรู้เองว่า การสาวเท้าวิ่งสุดแรงเกิดเพื่อไปส่งงานให้ทัน กับการรอลุ้นว่าจะโดนแก้งานอีกรึเปล่า มันทำให้ใจเราเต้นแรงมากแค่ไหน -..-


4. สมรภูมิข้อสอบมหาโหด
         ว่ากันว่าเรียนมหา'ลัยเหมือนเจอข้อสอบใหม่ในทุกๆ วัน เปลี่ยนวิชาเท่ากับเปลี่ยนเรื่องสอบใหม่ ยิ่งขึ้นชั้นปีสูง ยิ่งมีความพีค เปิดข้อสอบมาถึงขั้นใจสั่น เหงื่อแตกพลั่ก มือไม้อ่อนแรง "อะไรคะเนี่ย! มีความงงในงง เราเคยเรียนเรื่องนี้ด้วยเหรอ?" จำลองสถานการณ์วันสอบนะคะ ทุกคนจะเหมือนเป็นไบโพลาร์ ตอนแรกจะซึมๆ ก่อน ผ่านไปครึ่งชั่วโมง กระดาษยังว่างอยู่ ครึ่งชั่วโมงถัดมาสติเริ่มกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว พอจะขุดทุกอย่างมาเขียนได้ แต่ทำไปนานๆ เวลาชีวิตใกล้จะหมด ช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายนี่เหมือนผีบ้าอะค่ะ เริ่มคลั่ง ก้นไม่ติดเก้าอี้แล้ว ขอเวลาเพิ่มก็ไม่ได้ พอเวลาหมดเท่านั้นแหละ คุณพระ! เงยหน้ามองฟ้า เห็นกลางกระดาษมีตัว F ระทึกไปไหน TOT

5. เกรดในทรานสคริปต์
         เจอข้อสอบกันมาแล้ว จะไม่ลุ้นเกรดก็คงผิดธรรมชาติเกินไป เกรดออกทุกเทอม ลุ้นทุกเทอม โดยเฉพาะเทอมแรกในชีวิตเฟรชชี่ ลุ้นที่สุด! เพราะหลายๆ คนก็ใช้เกรดเป็นตัวตัดสินใจว่า "จะอยู่หรือไปจากคณะที่เรียนอยู่" แน่นอนว่าเกรดที่หลายๆ คนเรียกว่าสวรรค์คือ A ส่วน F คือนรก เราก็มาระทึกกับเจ้า F นี่แหละค่ะ ระบบก็ดีเหลือเกิน บอกว่าเกรดออกวันนี้ แต่ไม่บอกว่ากี่โมง เรากับมายเฟรนด์ก็กดรีเฟรชรัวๆ นั่งท้องไส้ปั่นป่วนไปสิคะ แถมเวลาเกรดออก ไม่ได้มาพร้อมกันทีเดียวด้วย เรียน 7 ตัว ออกมาทีละ 1 ตัว พอประกาศครบทุกตัว ทุกอย่างว่างเปล่าเลยค่ะ หมายถึงสีหน้านะคะที่ว่างเปล่า - -''      

6. ล้อมวงเล่าเรื่องผี
         หลายคนพยายามที่จะไม่ไปร่วมวงกับกลุ่มแก๊งชมรมขนหัวลุกแล้วนะคะ แต่หนีไม่รอด 
เพราะกิจกรรมไหนๆ ก็มักจะขุดเรื่องผีๆ มาเล่ากันเสมอ รุ่นพี่มักจะคิดว่าเราอยากฟัง ทั้งที่ไม่เคยถามไถ่กันมาก่อนเลย - -'' อยากฟังที่ไหนล่ะ มาถึงก็กวักมือเรียก "เอ้า! เด็กๆ จับมือเป็นวงกลม" เพิ่มบรรยากาศความสยองขวัญด้วยการปิดไฟ จุดธูปให้มีควันเบาๆ จุดเทียนปักส่องหน้าด้วยนะคะ พอถึงฉากไคลแม็กซ์ ก็มีทำให้ตกใจเรียกเสียงกรี๊ดอีกแน่ะ บอกเลยว่าแข้งขาอ่อนแรง หัวใจแทบวาย แล้วเรื่องที่รุ่นพี่เล่า "ตึก K ลิฟต์ตัวที่ 2 เฮี้ยนมาก! เคยมีคนงานตกลงมาตาย" มันก็ลิฟต์ตัวเดียว ตึกเดียวกับที่เราไปเรียนอยู่ทุกวันนั่นล่ะ จะเล่าทำไมให้นึกภาพตามแล้วกลัว > <'   


7. ห้องเชียร์อันหนาวเหน็บ
         สำหรับน้องๆ ที่ยังทันสถานการณ์รับน้องประชุมเชียร์อยู่ คงจะได้ใจสั่นกับ "ห้องเชียร์อันหนาวเหน็บ" กันบ้างล่ะค่ะ วงเล็บว่า (เฉพาะบางคน) นะคะ เพราะตอนนี้ห้องเชียร์หลายสถาบัน ได้ลดดีกรีความร้อนแรงลงมามากแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นการนำภาพลักษณ์ของรุ่นพี่ที่มีเหตุผล มีความน่ายำเกรง มาอบรมน้องๆ ให้มีระเบียบวินัย ด้วยความรักความหวังดีมากกว่า แต่ถึงใครจะบอกว่าไม่กลัว พอไปเจอของจริงต้องยอมรับว่า ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร -..- โหดจนต้องนั่งภาวนาเลยค่ะ เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นงี้ เสียงตะคอก "ก้มหน้าลงไป!!!" งี้ หลายๆ คนนี่เสียวสันหลัง ขนลุกวาบ ไม่กล้าก้มเลย กลัวโดนกินหัว TOT

8. รางวัลแห่งชัยชนะ
          ชีวิตนักศึกษาก็จะได้พบกับการประกวดแข่งขันบ้าง เราลงแข่งเองบ้าง เป็นกองเชียร์บ้าง อย่างมหาวิทยาลัยพี่เมก้ามีกีฬาเฟรชชี่ แข่งขันกีฬา แข่งสแตนด์เชียร์ มีประกวดดาวเดือน 
ประกวดร้องเพลง ประกวดนางนพมาศ เรียกว่าจบงานนี้ มีงานนู้นรับไม้ต่อทันที โอ้โห! แล้วแต่ละงาน ไม่อยากจะเม้าท์ว่า เล่นใหญ่อะไรเบอร์นั้นน่ะ! นักกีฬานี่เป็นศึกศักดิ์ศรีมาก มีพลังเท่าไหร่ ใส่สุดแรงเกิด! ขนาดนี้ก็ว่าเต็มที่แล้วใช่ไหมคะ มาเจอกองเชียร์พ่ายแพ้ราบคาบ เพราะมาเหนือกว่าแบบจ้างร้อยเล่นล้าน ตะโกนเชียร์กัน เอิ้ว! เอิ้ว! ตอนใกล้ทำคะแนนได้นี่โลกหยุดหมุน พอได้คะแนนปุ๊บกระโดดตัวลอยเหมือนชนะแล้วอะค่ะ ใจทำงานหนักสุดๆ      


9. จุดเสี่ยงในหอพัก
          ผู้โชคดีที่ได้มาอยู่หอคือน้องๆ ที่มาเรียนไกลบ้าน กับน้องเฟรชชี่ปี 1 ที่กิจกรรมแทบจะเยอะตลอดทั้งปี มหา'ลัยเลยบังคับให้อยู่หอก่อน แล้วการอยู่หอนี้ก็มักจะมีจุดเสี่ยงที่ชวนให้เกิดเรื่องระทึกได้ตลอด แต่ย้ำว่าแค่บางที่นะคะ เช่น ห้องพักมีผ้ายันต์แปะอยู่หน้าประตู เอิ่ม! คงเป็นห้องที่ทุกคนในห้องนอนหลับฝันดีกันน่าดู หรือ ช่วงสอบกับเสียงกรีดร้องมหันตภัย หรือ ห้องน้ำรวมกับประวัติไม่ดี บรื๋อออ ถ้าเลิกกิจกรรมดึก อยากอาบน้ำ ไม่ต้องลากเมทไปด้วย อาบไประแวงไปเหรอคะ แต่ถ้าเป็นพี่เมก้า กลัวไฟดับ ฝักบัวน้ำไม่ไหล ตอนกำลังสระผมมากกว่า ขนลุกวาบเลยนะ! จะออกมายังไงล่ะนั่น TOT     

10. ช่วงเวลาตกหลุมรัก
          ข้อสุดท้าย ไม่เชิงเป็นสถานการณ์ร้ายแรง แต่เป็นวินาทีหวานๆ ที่กระชากใจน้องๆ ให้ตกไปอยู่ตาตุ่มมากกว่า เราเรียกว่า "ช่วงเวลาตกหลุมรัก" เหมือนเดินผ่านใครคนหนึ่ง แล้วมีมือลึกลับมากดปุ่มหยุดโลกไว้ ให้เหลือแค่โลกของเราสองคนอะค่ะ อินโทรมา! "ใช่เลย~ โดนใจฉันเลยยย~ โอ๊ยๆๆ อยากกระซิบบอกเธอที่น่ารักคนนั้น ให้รู้ว่ากระชากใจเราติดไปด้วย ขอใจเธอแลกคืนมาได้ไหม" อ้วก! ก็ประมาณนี้นะคะน้องๆ พี่เมก้ายกตัวอย่างความรู้สึกให้ดู น้องๆ เชื่อไหม รุ่นพี่หลายคนวันหนึ่งตกหลุมรักเป็นสิบยี่สิบหน ใจเต้นกับคนอีกสิบยี่สิบคน เพราะมหา'ลัยเป็นศูนย์รวมของคนหน้าตาดี (ยกเว้นเรา - -'') เดี๋ยวก็ลมหายใจสะดุดกับเดือนวิศวะ เดี๋ยวก็เขินอายกับรอยยิ้มโลกละลายของเดือนแพทย์ เฮ้อ! เหนื่อยใจ 

          เรียกว่าเป็น 10 สถานการณ์ระทึก ที่เจอได้บ่อยๆ แทบจะตลอดชีวิตการเป็นนิสิตนักศึกษาเลยล่ะจ้ะ สังเกตไหมว่าบางเรื่องอาจทำให้น้องๆ รู้สึกแย่ถึงขั้นที่ว่า "เหมือนโลกทั้งใบหายไปเลย" TOT แต่บางเรื่องก็สร้างสีสันให้กับชีวิตเด็กมหา'ลัยของเราได้เป็นอย่างดี รู้แบบนี้แล้ว ก็เตรียมตัวรับมือให้ดีนะจ๊ะ เชื่อว่าเด็กๆ ผ่านพ้นไปได้แน่นอน!
พี่เมก้า
พี่เมก้า - Columnist นักข่าวสายการศึกษา ที่มีความสุขกับการแต่งฟิค อ่านฟิค เพ้อถึงยัมมี่ฟู้ดไปวันๆ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

11 ความคิดเห็น

นางฟ้า'ตกสวรรค์ Member 19 ม.ค. 60 20:26 น. 1

  ตอนนี้เราเพิ่งอยู่แค่ม.1 คิดว่าแค่เรียนไปเรื่อยๆมีอะไรก็ใส่เต็มที่ไม่ต้องกังวล พอมาเจอบทความนี้เข้าไป...รู้สึกอยากผูกคอตายใต้ต้นพริกมาก แต่ติดตรงที่ต้นพริกดันชิงตายไปก่อน 5555 เสียใจ

1
พี่เมก้า Member 20 ม.ค. 60 09:17 น. 1-1
อย่าเพิ่งเลย สงสารต้นพริก TOT ล้อเล่นค่าาา ^O^ ความจริงชีวิตมหา'ลัย มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราเคยนึกกลัวนะคะ งงไหมอะ มันแค่เจอเรื่องระทึก แต่เราก็ผ่านไปได้ทุกครั้ง แล้วพอผ่านไปนะ โล่งงงงงง มันทำให้น้องๆ เก่งขึ้นและรู้วิธีที่จะชนะอุปสรรคต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตมากขึ้น ต้องลองค่ะ บอกเลยว่าสนุก!
0
กำลังโหลด
ยุบเชียร์ 21 ม.ค. 60 17:26 น. 2
ทำไมถึงมองห้องเชียร์เปนเรื่องตลกครับ ห้องเชียร์เปนสิ่งที่จำกัดสิทธิและเสรีภาพของนิสิต นักศึกษา
1
ไม่ได้ต่อต้านแต่ก็ไม่เห็นด้วย 23 ม.ค. 60 00:22 น. 2-1
ที่อื่นไม่รู้แต่ที่ม.เลือกได้จะเข้าไม่เข้า ไม่มีผลไรทั้งนั้น ใครที่เลือกเข้าไปก็แปลว่าเขาเลือกที่จะไปจำกัดสิทธิเสรีภาพของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้หมายความเขาไม่ฉลาดเพียงแต่เขาอาจจะมองเห็นประโยชน์อะไรจากกิจกรรมก็ได้ครับ ส่วนตัวผมเองก็เลือกที่จะไม่เข้าเหมือนกันเคยเข้าไปครั้งแรกแล้วก็พบว่าเราไม่ได้อะไรก็ไม่เข้าไปอีกเลยมันก็แค่นั้นแหละครับ ทุกคนเลือกได้หมดอ่ะ ถ้ามันไม่ดีทุกคนก็เลือกที่จะไม่ไปเองแหละครับ ไม่ต้องออกมาพยายามทำให้มันยุบหรอกครับอะไรที่มันไม่ดีก็ไม่มีใครเก็บไว้หรอก
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
น.ส.น.(PBW) Member 21 ม.ค. 60 18:08 น. 4

ห้องเชียร์อันหนาวเหน็บสำหรับผมเป็นอีกความหมายครับ
คือหนาวเหน็บจริงๆ  คนขี้ร้อนไม่เข้าใจ แต่เปิดแอร์ซะเฉียบ แล้วระเบียบเชียร์คือต้องสวมเครื่องแบบนักศึกษาล้วนๆ เท่านั้น เสื้อกันหนาวไม่ได้ เวลาเจอห้องเชียร์ที่มีแอร์ทีไรไม่ได้สนใจกลัวรุ่นพี่เลย กลัวจะเป็นหวัดอย่างเดียว(อยู่หอ ไม่ได้อยู่บ้าน ป่วยทีลำบาก)

0
กำลังโหลด
Arm_II2 Member 21 ม.ค. 60 18:26 น. 5

คือบางอันก็เว่อไปหน่อย พวกควิซ พรีเซนงานอะไรพวกนี้ ม.ปลายก็เจอมาแล้วน่าจะผ่านไปได้ เผลอๆ ม.ปลายต่างหากที่จะทำให้ชอคมากกว่า อยู่มหาลัยคงไม่ชอคหรอกเพราะมีภูมิคุ้มกันมาแล้วตอน ม. ปลาย

1
cinn 24 ม.ค. 60 16:32 น. 5-1
งานนี่แหละตัวทำให้ช็อคเลยค่ะ อยู่ๆงานจะเข้ามันก็เข้ามาตู้มเดียวเลย ปั่นงานกันจนไฟลุก ถ้าแบ่งเวลาไม่ดีมีพังเลยนะคะ ร้องไห้
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Ns'Blackstone Member 21 ม.ค. 60 20:29 น. 8

ช่วงปั้นงานคือนรกของจริง -ไฟล์พังอ่ะ มันจะมาช่วง 24 ชม.ก่อนเดดไลน์ ถ้าแก้ทันก็ทัน ถ้าไม่ทันก็ต้องเททิ้งไม่ก็ไปขออ.ว่าเกิดปัญหา แต่ ที่นรกกว่าไฟล์พังคือ เน็ตจ้าาาาา อ.ชอบให้ส่งก่อนเที่ยงคืนไง ละเน็ตก็ชอบอืดตอนเที่ยงคืนไง ยิ่งถ้าหอในใช้เน็ตรวมกันนะ แม่เจ้า ต้องแยกกันเข้า เอ้าเครื่องตัวเองเข้าไม่ได้ ต้องเอาไฟล์ไปลงเครื่องเพื่อนที่เข้าได้ เคยส่งงานทัน 23.58 นี่แบบ ไม่เอาแล้ว ร่างกายยังไม่ต้องการความตื่นเต้นตอนนี้

หวาา หวาา หวาา หวาา หวาา มืดมน มืดมน มืดมน มืดมน มืดมน

0
กำลังโหลด
ซีซอร์ เดอะ กรีน [COS] Member 23 ม.ค. 60 19:45 น. 9

ดีใจที่ชีวิตนี้ไม่เจอห้องเชียร์แฮะ 

อ่านแล้วหงุดหงิดแปลกๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมการไม่เคารพสิทธิของผู้อื่นจึงนิยมทำกันนัก แถมบอกว่าเป็นเพราะรักและหวังดี ในส่วนของความหวังดีพูดดีๆ ก็เข้าใจนี่นะ

0
กำลังโหลด
รัชชันยา ชัยปราการ Member 22 ก.ย. 60 20:30 น. 10

ของมอเราเจอห้องเชียร์ มีพี่วินัยมาคอยดุเรื่องกฎต่างๆ ถ้าใครทำผิดระเบียบพี่วินัยก็จะลงมา ลักษณะไม่ใช่การด่า แต่เป็นการดุเหมือนพี่ดุน้อง อันนี้ถ้าไม่สนใจน้ำเสียงนะ แต่น้ำเสียงพี่ก็จะเป็นการตะโกน ตะคอก สำหรับคณะเรา มีเยอะประมาณหกร้อยคน น่าจะอันดับหนึ่งในมอ การใช้คำพูดธรรมดามันอาจไม่ได้ผลกับคนทุกคน คนบางคนจะยอมอยู่ในระเบียบวินัยได้ก็เพราะความกลัวเกรงนะ อีกอย่างเราดีใจมากที่ได้เข้าประชุมเชียร์ ได้รู้จักเพื่อนๆในคณะ ซึ่งบรรยากาศแตกต่างกับรับน้องนะ เพราะรับน้องเหมือนกับเเค่รู้จักกันทำกิจกรรมกันผิวเผิน แต่ห้องเชียร์คือต้องลำบากไปด้วยกัน สบายก็สบายด้วยกัน จบห้องเชียร์แล้วยิ่งรักเพื่อนๆ แล้วก็ภูมิใจที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในคณะมากๆ และจริงๆพี่เค้าก็ไม่ได้ทำอะไรไร้เหตุผลเลย พี่เค้ามาพูดเรื่องป้ายห้อยคอ ซึ่งปีหนึ่งทุกคนต้องห้อย เพราะมันมีข้อมูลโรคประจำตัว แพ้ยา แพ้อาหาร ปีหนึ่งบางคนเข้ามาไม่มีใครรู้จัก อย่างน้อยถ้าเจ็บป่วยยังช่วยเหลือได้ทัน แล้วก็เรื่องเครื่องแบบ ซึ่งบางคนบอกว่าอยู่มหาลัยใส่อะไรก็ได้ ไม่พอใจที่พี่มาว้ากให้แต่งตัวถูกระเบียบ เราว่าเป็นนิสิตนักศึกษาก็ควรภูมิใจในเครื่องแบบสถาบันนะ แล้วก็เรื่องตรงเวลาที่โดนว้าก จริงๆทุกคนก็ควรมีจิตสำนึกมาตรงเวลานัดอยู่แล้ว เราคิดว่าห้องเชียร์เป็นการสอนน้องมากกว่า

0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
กำลังโหลด