สวัสดีน้องๆ เด็กซิ่วที่น่ารักทุกคนนะคะ ถ้าพูดถึงเหตุผลในการซิ่ว แต่ละคนก็คงมีคำตอบในใจ ซิ่วเพราะสังคมบ้าง เรียนไม่ไหวบ้าง คณะไม่ใช่บ้าง เหตุผลสุดท้ายนี่แหละค่ะ ที่ทำให้พี่เมก้าคิดขึ้นมาได้ว่า น้องๆ เด็กซิ่วทุกคนมีคณะที่ฝันไว้


 
         เพียงแต่โอกาสในการเข้าคณะในฝัน ไม่ได้เดินทางมาถึงเราแบบง่ายๆ เสมอไป ยิ่งน้องบางคนตัดสินใจที่จะซิ่วข้ามสายย้ายคณะมาคนละแนวด้วยแล้ว ต้องแลกมาด้วยความพยายามและอดทนมากๆ เลย ดังนั้น มาเตรียมตัวไปพร้อมกันดีกว่าค่ะ
 

1. ถามตัวเอง "ตั้งใจซิ่วข้ามสายจริงหรือ?"
         ก่อนที่จะคุยกันถึงเรื่องซิ่วข้ามสาย พี่เมก้าอยากให้น้องๆ เข้าใจก่อนว่าเรามีเพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวกันหลายคนนะคะ แต่ละคนก็มีเหตุผลในการซิ่วแตกต่างกันไป บางคนอาจจะไม่ได้ตั้งใจมาเรียนคณะนี้ตั้งแต่แรก บางคนเรียนไปแล้วไม่ชอบ บางคนเรียนไปแล้วไม่ไหว ฯลฯ อยากซิ่วไปตามฝันในคณะที่ใช่กว่า ก็เป็นธรรมดาที่ทุกคนต้องการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง การซิ่วข้ามสายนี้ก็เหมือนกัน สามารถจัดเด็กซิ่วได้ออกเป็น 4 กลุ่ม ย้อนไปตั้งแต่ตอนสอบเข้ามหา'ลัยนะคะ

        
กลุ่มที่ 1 เด็กศิลป์ ---> สอบผ่านเข้าคณะสายวิทย์ ---> เรียนไม่ไหว ---> ซิ่วข้ามสายกลับมาคณะสายศิลป์   
        
กลุ่มที่ 2 เด็กวิทย์ ---> สอบผ่านเข้าคณะสายศิลป์ ---> ไม่ใช่ทาง ---> ซิ่วข้ามสายกลับมาคณะสายวิทย์  
        
กลุ่มที่ 3 เด็กศิลป์ ---> สอบผ่านเข้าคณะสายศิลป์ ---> อยากเปลี่ยนแนว ---> ซิ่วข้ามสายไปคณะสายวิทย์
        
กลุ่มที่ 4 เด็กวิทย์ ---> สอบผ่านเข้าคณะสายวิทย์ ---> ไม่ตอบโจทย์ ---> ซิ่วข้ามสายไปคณะสายศิลป์    
   
         ที่แบ่งกลุ่มแบบนี้ เพราะอยากให้มองภาพออกว่าสำหรับ "เด็กซิ่วกลุ่มที่ 1+2" น้องๆ คงคุ้นเคยกับสนามการเรียน+การสอบมาบ้าง เพราะได้กลับไปหาของเก่า ศิลป์ซิ่วกลับไปเข้าคณะสายศิลป์ วิทย์ซิ่วกลับไปเข้าคณะสายวิทย์ แต่สำหรับ "เด็กซิ่วกลุ่มที่ 3+4" น้องๆ อาจจะไม่เคยมีความรู้ด้านนี้มาก่อนเลยก็ได้ เพราะวิทย์ศิลป์เรียนคนละสไตล์ ซิ่วข้ามสายโดยตรง คงต้องปรับตัวและเตรียมรับมือกับศึกหนักครั้งใหญ่เลยล่ะค่ะ ดังนั้น ถามตัวเองให้แน่ว่า
"ตั้งใจจะซิ่วข้ามสายจริงๆ ใช่ไหม?"  

2. เช็กแผนการเรียนให้ดี
         ขั้นตอนนี้พี่เมก้าขอให้ความสำคัญกับน้องๆ กลุ่มที่ 3 มากที่สุด เพราะตอน ม.ปลาย น้องจบมาด้วยแผนการเรียนสายศิลป์ สอบเข้าคณะสายศิลป์ แต่ต้องการซิ่วข้ามสายย้ายไปเรียนคณะสายวิทย์ ซึ่งเป็นคณะที่เปิดรับน้องๆ จากสายศิลป์น้อยมากกก ที่เห็นชัดๆ ว่าสอบได้ รับชัวร์! คือ "แพทยศาสตร์+สัตวแพทย์ ใน กสพท" เพราะไม่กำหนดสายการเรียน ขอแค่น้องๆ สอบผ่าน ได้เข้าไปเรียนแน่นอน แต่คณะทางสายวิทย์กายภาพ-สุขภาพอื่นๆ เช่น วิศวะฯ วิทยาฯ เภสัชฯ ทันตะฯ พยาบาล ฯลฯ ต้องไปเช็กคุณสมบัติดูอีกทีค่ะว่า กำหนดแผนการเรียนไว้ไหม ส่วนใหญ่มักจะระบุว่า "ต้องสำเร็จการศึกษาในสายวิทย์-คณิตเท่านั้น" ทำให้น้องๆ กลุ่มที่ 3 หมดสิทธิ์สอบไปโดยปริยาย   

3. ค้นหาความรู้พื้นฐาน
         เช็กแผนการเรียนว่าผ่านเรียบร้อย ก็มาสำรวจความรู้พื้นฐานของตัวเองกันค่ะ สำหรับ "เด็กซิ่วกลุ่มที่ 1+2" พี่เมก้าคิดว่าการซิ่วข้ามสายของน้องๆ ยังเป็นการซิ่วกลับมาเรียนสายเดิมของตัวเองที่ยังพอคุ้นเคยกันอยู่ ใช้เวลาฟื้นความรู้อีกประมาณหนึ่ง ก็น่าจะสู้ไหวนะคะ แต่สำหรับ "เด็กซิ่วกลุ่มที่ 3+4" ถ้าน้องๆ ไม่เคยมีพื้นความรู้มาก่อนเลย เกรงว่าเปลี่ยนแนวไปเรียนแล้ว จะค่อนข้างโหดเอาเรื่อง พื้นไม่ดีก็หลุดกลุ่มทันทีอะค่ะ เพราะเป็นการเรียนแบบเจาะลึกความรู้จากฐานที่มี
         ดังนั้น ฝากน้องๆ ไว้ตั้งแต่เตรียมตัวซิ่วเลย ตอนอ่านหนังสือสำรวจตัวเองไปด้วยว่าความรู้ตอนนี้แม่นไหม? จับแนวคิดหลักของคณะแน่นพอรึยังว่าต้องเรียนอะไร? ถ้าต้องอยู่กับการเรียนแบบนี้ไปอีกหลายปี เราสู้ไหวไหม? ยิ่งถ้าน้องๆ ซิ่วมาจากคนละสายการเรียน ยิ่งต้องพยายามมากกว่าคนอื่น การสอบผ่านเป็นการวัดความรู้เบื้องต้น แต่ไม่ได้วัดว่าเราจะเรียนรอดนะคะ ตอนเข้าไปเรียนต่างหากที่เป็นตัวตัดสินอนาคตว่า "เรียนแล้วรุ่งหรือต้องกลับมาซิ่วใหม่อีกครั้ง" ดังนั้น ปูพื้นความรู้ตัวเองให้ดีค่ะ

4. สำรวจคะแนนในมือ
         เมื่อน้องๆ พบว่าตัวเองพอมีความรู้พื้นฐานอยู่บ้าง เราจะมั่นใจมากขึ้นว่าความฝันใกล้เป็นความจริงแล้วนะ เห็นโอกาสซิ่วสอบติดอยู่ไม่ไกล ^^ ก็ได้เวลามาสำรวจคะแนนในมือกันต่อค่ะ ลองดูสิว่าคณะที่อยากเข้าต้องใช้คะแนนอะไรบ้าง ส่วนใหญ่การซิ่วข้ามสายจะไม่ค่อยได้ใช้คะแนนสอบเดิมๆ สักเท่าไหร่ ต้องสมัครสอบใหม่ล้วนๆ นอกซะจากว่าน้องๆ เคยไปสอบทิ้งไว้แล้วทำคะแนนได้ดี กรณีนี้จะนำมาใช้ก็ได้ แต่อย่าลืมเช็กด้วยนะคะว่าคะแนนหมดอายุรึยัง GAT PAT เก็บไว้ได้ 2 ปี ส่วน 9 วิชาสามัญ ต้องสอบใหม่ปีต่อปีเท่านั้น! อย่าให้พลาดหรือลืมไปสอบเด็ดขาดนะคะ 

5. เล็งระยะเวลาเตรียมตัวสอบ
         หลังจากเช็กว่าต้องใช้คะแนนสอบอะไรบ้าง น้องๆ จะเห็นเลยค่ะว่าเราต้องใช้เวลาเตรียมสอบมากน้อยเท่าไหร่ บางคนสอบไม่กี่ตัว แต่ยากมาก ไม่ใช่ทางที่ถนัด ก็ต้องเตรียมตัวหนักหน่อย บางคนสอบหลายตัว แต่พอมีความรู้มาบ้าง ก็อาจจะเบาหน่อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหลักๆ ขึ้นอยู่กับการบริหารเวลาเลยค่ะ จะทำยังไงให้เตรียมตัวทันสำหรับระยะเวลาเท่านี้ และศักยภาพประมาณนี้ น้องๆ ต้องรีบประเมินตัวเองค่ะ ยิ่งรู้เร็วก็ยิ่งมีเวลาเตรียมตัวมากขึ้นเท่านั้นนะ

         สำหรับการอ่านหนังสือสอบนั้น พี่เมก้าแนะนำให้น้องๆ จัดตารางขึ้นมาเลยค่ะ เราจะได้อ่านหนังสืออย่างมีแผนและเป็นระบบ วิธีการสร้างตารางนี้ ขอให้น้องๆ เลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเองที่สุด อาจจะฟังคำแนะนำจากรุ่นพี่แล้วลองนำมาปรับใช้ หรือใช้วิธีตัวเองที่เคยทำแล้วเห็นผลดีก็ได้ แต่ถ้าน้องๆ คนไหนยังไม่รู้ว่าจะออกแบบตารางตัวเองยังไงดี ลองเข้าไปอ่านบทความของพี่อีฟดูก็ได้ค่ะ รับรองว่าได้ไอเดียแน่นอน
รวมตารางอ่านหนังสือ 8 แบบ พิชิตคะแนนแบบติดท็อป! คลิก

6. รีบหาโอกาสทำคะแนน
         กำหนดช่วงเวลาเตรียมสอบเรียบร้อย ก็มาเล็งช่องทางทำคะแนนกันต่อเลยดีกว่าค่ะ เพราะการสอบต้องใช้คะแนนเป็นหลักสำคัญเนอะ ส่วนใหญ่น้องๆ ที่ซิ่วข้ามสายมักจะกังวลว่าจะทำได้ไหม อย่างบางคนพอมีความรู้ก็จริง แต่ถ้าห่างหายมานาน ไม่ได้ใช้ ไม่ได้ทบทวน ก็แทบจะต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด บางคนไม่เคยมีความรู้ ไม่เคยลองแตะข้อสอบมาก่อนเลย ความท้อก็ตามมาเป็นธรรมดาค่ะ (ท้อได้แต่อย่าถอยนะ) ถ้าคิดที่จะเริ่มต้นใหม่เพื่ออนาคตของตัวเองแล้ว ก็ต้องทำให้ดีที่สุดค่ะ ^^
         สมัยนี้ความรู้อยู่รอบตัวเรา พยายามหาตัวช่วยดีๆ ค่ะ รุ่นพี่เด็กซิ่วหลายคนที่สอบติด ไม่ได้เรียนพิเศษเลยนะ อาศัยอ่านเองล้วนๆ กับหาเทคนิคทำข้อสอบต่างๆ บอร์ดแอดมิชชั่น ของเรามีเพียบเลย ถ้าคิดว่าเรายังขาดความรู้ในเรื่องที่จำเป็น ก็พยายามเติมเต็มเข้าไปให้มากที่สุดนะคะ อ้อ! ฝึกทำข้อสอบเก่าเยอะๆ ยังไงก็ได้ผลแน่นอนล้าน % คะแนนเริ่ดๆ ไม่หายไปไหนหรอกค่ะ

7. เตรียมตัวเก็บ-โอนหน่วยกิต
         ข้อสุดท้ายนี้พี่เมก้าเผื่อไว้สำหรับน้องๆ ที่อยากซิ่วข้ามสายในมหาวิทยาลัยเดิมค่ะ ส่วนใหญ่น้องๆ เด็กซิ่วจะมีข้อสงสัยว่า "ถ้าย้ายคณะ แต่ยังอยู่ในมหาวิทยาลัยเดิม สามารถโอนหน่วยกิตได้ไหม?" บางคนไม่อยากลงเรียนใหม่ซ้ำวิชาเดิม เลยตั้งใจว่าจะเก็บ A ไว้ ซิ่วผ่านจะได้โอนหน่วยกิตไปเลย แต่เรื่องนี้พี่เมก้าบอกเลยนะคะว่า "ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัย" บางที่น้องๆ ทำได้ แต่บางที่การทำแบบนี้เท่ากับเสียเวลา (ทำเรื่อง) + เสียดาย (เกรด A) ไปเปล่าๆ เลย เพราะไม่สามารถทำได้ค่ะ

         ยิ่งกับน้องๆ ที่ซิ่วข้ามสายด้วยแล้ว ถ้ามหาวิทยาลัยให้โอนหน่วยกิตได้ ก็คงทำได้แค่โอนรายวิชาพื้นฐานที่รหัสวิชาตรงกันเท่านั้น ดังนั้น ก่อนทำเรื่องลองติดต่อสอบถามไปที่ฝ่ายทะเบียนดูก่อนเพื่อดูเงื่อนไขต่างๆ ตามระเบียบของคณะ เพื่อความถูกต้องและสบายใจนะคะ

         นี่ก็เป็น "How To วางแผนเตรียมตัวซิ่วข้ามสาย" สำหรับเด็กซิ่วทุกคนนะคะ อยากให้กำลังใจน้องๆ ว่าทุกเส้นทางมีอุปสรรค มีความยากลำบาก แต่ไม่ได้แปลว่าเราจะผ่านมันไปไม่ได้นะ สู้เพื่อฝัน ก็ต้องลองดูกันสักตั้งเนอะ ขอให้น้องๆ ทุกคนพิชิตเป้าหมายสำเร็จสมกับที่ตั้งใจค่ะ พี่เมก้าเชียร์อยู่!
พี่เมก้า
พี่เมก้า - Columnist นักข่าวสายการศึกษา ที่มีความสุขกับการแต่งฟิค อ่านฟิค เพ้อถึงยัมมี่ฟู้ดไปวันๆ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น